Thai VI

เห็นหุ้นหลายตัวมี pbv สูงมากๆ เลยทำใจให้ซื้อไม่ได้
แล้วเพื่อนๆ สนใจมั้ย

สนใจครับ
แต่ดู p/e กับการจ่ายปันผลประกอบด้วย
เพราะผมถือว่าปันผลเป็นสิ่งเดียวที่จะเอาคืนจากการลงทุนในหุ้นได้แน่ๆ
แม้ว่าตลาด(ห)ลักทรัพย์จะปิดทำการไปเลย... :lol:

ดูบ้าง แต่ไม่ซีเรียส

ก็ดูประกอบด้วยครับ แต่ถ้า PBV (เช่นว่าประมาณ 0.5)ต่ำมากๆ แต่ความสามารถในการทำกำไรต่ำ ก็ไม่น่าสนใจครับ

ไม่เคยดูเลยครับ

ดูเหมือนกันครับ แต่ผมสนใจ ROE เฉลี่ยย้อนหลังมากที่สุด

ดูก่อนสหาย

P/B ต่ำ แล ความสามารถการทำกำไรต่ำ

เป็นสัญลักษณ์แห่งก้นบึ้งของราคาหุ้นบางจำพวกฤามิใช่?

//

ไม่ค่อยสนใจครับ
ให้น้ำหนักน้อยมาก ถึงน้อยที่สุด

ค้นมาให้ เคยถามมาแย้ววว ...

http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... hp?p=56597

ดู p/e กะปันผลเป็นหลักครับ

สนใจซิครับ ยังไงขออุ่นใจไว้ก่อน...
เป็นตัวประกอบการตัดสินใจที่ดีของผมเลยล่ะ
ยิ่งประกอบกับ factor ตัวอื่นแล้วจะทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นทีเดียว

//

ดูครับ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยหลัก ถ้าต่ำกว่า 1.2 ได้ยิ่งมากยิ่งดี

ไม่รู้สิ ผมลองสังเกตดู
1.ถ้า pbvสูง ส่วนมากคนหวังว่า กำไรจะต้องดี และดีอย่างต่อเนื่อง
แต่ถ้าเมื่อไหร่กำไรไม่ดีดังคาด จะทำให้ราคาวิ่งลงมาหา bv หรือไม่

2.ถ้าpbvต่ำ ส่วนมากกำไรไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมากนัก ถ้าวันไหนมีกำไรเพิ่มขึ้นมาก ราคาจะปรับตัวสูงกว่า pbv มั้ย

ผมว่าถ้าpbvสูง คนต้องมองในแง่ดีมากๆ
แต่ถ้าpbvต่ำ คนคงมองในแง่ร้ายมากๆ

bvคือของจริง(ปัจจุปัน) แต่กำไร คือ การคาดการณ์(อนาคต)

ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมยังมีหุ้นที่ pbvสูงมากๆอยู่ เลยซักเสียว
ถ้ากำไรไม่ได้อย่างที่คิด ตัวนั้นคือ ช่อง3

PBV ที่มากกว่า 1 คือค่าความนิยมในกิจการนะครับ
PBV ก็ใช้วัดได้นะครับว่ามูลค่าของกิจการนั้นเป็นยังไงในสายตาของตลาด
หากเราซื้อหุ้นที่ PE ต่ำๆ ที่ราคา PBV ต่ำกว่า 1 ด้วยก็เท่ากับว่าเราได้กำไรเทียบเป็น เปอร์เซ็นต์สูงกว่ากิจการได้อีกนาครับ
เพราะสมมุติว่า BV เป็นเิงินที่กิจการลงทุนในกิจการนั้นๆ ได้กำไรมาเท่ากับ E
กำไรก็คือ E/BV
ส่วนกำไรที่เราซื้อมาคือ E/P
หาก P < BV กำไรของเราก็ต้องมากกว่า

แล้วก็ ปู่บัฟเฟตเองก็ประยุกต์ใช้ การดู BV ในการพิจารณาการลงุทนด้วยนี่ครับ แต่ในแง่ของ การเพิ่มของ BV ใช่ไหมครับ แฟนพันธ์แท้ ทั้งหลาย

ดูครับ เพราะนิสัยชอบซื้อของถูก ของเลหลัง ของมือสอง

ก้อมีทั้งของที่ใช้งานได้ ใช้งานได้แป๊บเดียวพัง แล้วก้อใช้ไม่ได้เสียตังค์ฟรี

ปล. แต่ของแพง ของใหม่ ของที่เป็นที่นิยม ก้อใช่ว่าจะใช้งานได้ยืนยาวทุกชิ้น

:lol: :lol: :lol: :lol:

ผมชอบคำพูดของคุณ sirivajj ครับ เขาพูดว่า

ถ้าในการวิเคราะห์ของเพื่อนๆ ที่ปัจจัยอื่นคงที่ มีแต่ PE กับ PBV ที่ให้ผลตรงกันข้าม ทีนี้ เพื่อนๆ จะเชื่อหรือให้น้ำหนักการตัดสินใจไว้กับตัวไหนระหว่าง PE กับ PBV ครับ

ถ้าผมเป็นเจ้าสาวแล้วมีหนุ่มมาจีบ แล้วต้องจ่ายสินสอดหมั้นหนุ่มแบบชาวอินเดีย

PE ต่ำ แต่มี PBV สูง น่าจะเหมือนหนุ่มมีความรู้ที่จะทำมาหาได้เก่ง แต่มีทรัพย์สินมรดกติดตัวมาน้อย (เรียกว่า คนเก่งแต่มีทุนติดตัวนิดหน่อย)

PE สูง แต่มี PBV ต่ำ น่าจะเหมือนหนุ่มที่ทำมาหากินไม่เอาไหน แต่มีทรัพย์สินมรดกติดตัวมามาก (เรียกว่า โง่แต่รวย)

ผมเลือกคนเก่งแต่มีทุนติดตัวนิดหน่อย ครับ

ชอบครับ เป็นผมๆก็เลือกคนเก่งครับ

แต่ผมห่วงนิดหน่อยว่าหนุ่มคนเก่งจะเก่งได้นานไหม ถ้าเก่งไปอีกไม่นานก็ขอเลือกคนรวยก่อน แน่นอนกว่า

แต่ถ้าเก่งไปอีกนานแสนนาน ต่อให้มาตัวเปล่าๆ ก็เอาครับ

สำคัญตรงที่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเก่งอีกนานหรือไม่นานนี่สิครับ.....

:lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นด้วยเลยครับในประเด็น นี้ แต่หาก PBV ต่ำมากๆ ในอุตสาหกรรมที่พอไปได้ อีกซักหน่อยล่ะครับ ประมาณว่า กำไรอยู่แต่ไม่โตแล้ว จะยอมซื้อเอาปันผลไหมครับ ไม่ก็ซื้อเผื่อ เค้าแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น

แม่ไก่แก่ แม้ออกไข่ไม่ได้ ... เนื้อยังมีราคา

แต่ว่าแม่ไก่ต้องถูกเชือดก่อนครับ ถึงจะเปลี่ยนมาเป็นเงินได้
ผมเชื่อว่ากิจการที่ดำเนินธุรกิจไม่เลิกง่ายๆ หรอกครับ ดังนั้น การดู PBV ที่ต่ำๆ เพื่อความปลอดภัยในกรณีที่กิจการเลิก แล้วขายสินทรัพย์ ก็ยังมีเงินเหลือคืนแก่ผู้ถือหุ้นนั้น ผมมองว่าค่อนยากครับ นี่เลยเป็นเหตุผลของผมที่ให้น้ำหนักแก่ PBV น้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยครับว่าใครจะให้น้ำหนักหรือความสำคัญมาก-น้อย

อีกทั้ง กิจการที่มีสินทรัพย์มากแต่ใช้สินทรัพย์นั้นทำให้เกิดรายได้ได้น้อย (ROA ต่ำ) ทำให้ดูไม่น่าสนใจ จากที่เคยเห็นมาส่วนใหญ่กิจการที่มีสินทรัพย์มากจะมีหนี้สินน้อยด้วยครับ ก็ยิ่งทำให้ค่า ROE (ค่อนข้างต่ำ) สูงกว่า ROA นิดหน่อยเท่านั้น ก็ดูได้จากสมการ ROE = ROA * Equity multiplier (มาจาก สินทรัพย์ทั้งหมด หาร ส่วนของเจ้าของ หากไม่มีหนี้เลย จะได้ค่าเท่ากับหนึ่ง ดังนั้น ROE = ROA)

ปล.Jaychou คือคุณนักดูดาวเหรอครับ ชื่อใหม่เท่ดีนะครับ

ใช่ครับ p/bv ใช้ดูความสนใจ แรงเชื่อมั่นในหุ้นนั้นได้ครับ

p/bv สูง ไม่ว่ากำไรมากหรือน้อยก็แล้วแต่ คนศรัทธาให้ความเชื่อมั่นมาก เช่น ptt advanc shin psl

p/bv ต่ำ ไม่ว่ากำไรมากหรือน้อยก็แล้วแต่ คนศรัทธาให้ความเชื่อมั่นน้อย เช่น tr เทียบกำไรกับขนาดธุรกิจแล้วสูงกว่าตัวข้างบนทุกตัว แต่ไร้ความศรัทธา เชื่อมั่นครับ

เป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาครับ
ผมสนใจต่ำ ไว้ก่อนดีกว่า สูงมากไม่ไหว กลัวเจ็บตัว

วัวแดง เขียน: bvคือของจริง(ปัจจุปัน)

จริงหรือครับที่ BV คือของจริง ผมเห็นหลายบริษัทก็ลงบันทึกมูลค่าที่ดินในงบดุลเป็นราคาเมื่อสมัยสิบหรือยี่สิบปีก่อนอยู่เลยครับ และหลายบริษัทก็ยังลงมูลค่าสินทรัพย์บางรายการในงบดุลอยู่ทั้งๆที่มูลค่าตลาดในปัจจุบันไม่เหลือแล้ว

อยู่ที่การลงบัญชีด้วย

ถ้าบริษัทดีๆ มี goodwill น่าสนใจ แต่ไม่ลงค่า goodwill ก็เรื่องนึง

ถ้าบริษัทไม่ค่อยดี หนี้เยอะ ไม่รู้จะทำไง ใส่ goodwill โลด ก็ อีกเรื่องครับ

สนใจครับ
ผมมองไปถึงตอนถอนหุ้นออกจากตลาดฯด้วยครับ ฮาๆๆ

สนใจครับ
ผมมองไปถึงตอนถอนหุ้นออกจากตลาดฯด้วยครับ ฮาๆๆ

แล้วโอกาสที่เค้าจะเอาออกนอกตลาดตอนpbvสูงๆ มีมั้ยครับ(ในอดีตเคยมีมั้ย)
เช่นเสนอซื้อ 4-5 เท่าของbv

chatchai เขียน: จริงหรือครับที่ BV คือของจริง ผมเห็นหลายบริษัทก็ลงบันทึกมูลค่าที่ดินในงบดุลเป็นราคาเมื่อสมัยสิบหรือยี่สิบปีก่อนอยู่เลยครับ และหลายบริษัทก็ยังลงมูลค่าสินทรัพย์บางรายการในงบดุลอยู่ทั้งๆที่มูลค่าตลาดในปัจจุบันไม่เหลือแล้ว

ครับ ผมว่าบางบริษัท ก็ไม่ใช่ของจริง ผมเห็นด้วย

มีโอกาสมั้ยครับ ว่าอนาคตต้องบังคับให้ ประเมินราคาสินทรัพย์ทุก5ปี
เพื่อความถูกต้องของข้อมูล และเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน

ไม่แน่ใจครับ
แต่เป็นผม ผมไม่เอาออกหรอกครับ
คนในตลาดฯให้ค่าหุ้นสูงกว่า
สินทรัพย์สุทธิที่มันมีอยู่จริงๆในบริษัท
ตั้ง 4 - 5 เท่า

แต่ถ้าซื้อหุ้น ไว้ที่พีบีวีสุทธิต่ำกว่าหนึ่ง
เมื่อมีการถอนหุ้นออกจากตลาด
ไม่มีทางขาดทุนหุ้นตัวนั้นครับ