นัยแฝงสหรัฐฯ!? ช่วยเหยื่อคลื่นยักษ์ในเอเชีย
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 12, 2005 8:02 pm
โดย เซี่ยงเส้าหลง (คุณสนธิ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ)
12 มกราคม 2548 00:41 น.
คราใดที่ เซี่ยงเส้าหลง พูดถึง สหรัฐอเมริกา และบรรดา Conspiracy Theory รวมทั้งบรรดา สัญญาณบอกเหตุที่มาจากธรรมชาติ จากมุมมองปรัชญาตะวันออก ก็มักจะถูกตอบโต้ถูกวิพากษ์ว่า อคติ, ตัดตีนใส่เกือก หรือ นำเสนอเรื่องไร้สาระ ครั้งนี้ก็คง เหมือนเดิม แต่จะไม่เสนอก็ไม่ได้เพราะคนระดับ สมิทธิ ธรรมสโรช ยังออกมาพูดจา ต่อว่าต่อขาน ทั้ง สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น ตกเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับวานนี้ ...ผมเสียความรู้สึกกับระบบเตือนภัยของต่างชาติ 2 แห่ง คือ ทั้งของอเมริกาและญี่ปุ่น ที่ทราบข้อมูลแผ่นดินไหวใต้ทะเล และมีประสบการณ์ในเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ไม่ยอมเตือนภัยมาให้ประเทศไทย รวมทั้งอีกประเทศอื่นอีก 9 ประเทศที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ได้ทราบก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์จากแผ่นดินไหวครั้งนี้. ท่านบอกเล่ารูปธรรมอีกว่า ...หลังเกิดเหตุผมติดต่อถามไปยังศูนย์เตือนภัยสึนามิที่ญี่ปุ่นว่าทำไมไม่บอกเราเรื่องนี้ เขาบอกว่าเป็นเพราะเราไม่ได้เป็นสมาชิก และที่น่าแค้นที่สุดคือสถานีเออร์ลี่ สึนามิ วอร์นนิ่ง ที่ฮาวาย บอกว่าเขาเตือนเราแล้ว แต่เตือนทางอินเตอร์เน็ต พอไปตรวจสอบดูเขาแค่บอกว่าน่าจะเกิดสึนามิ ไม่ได้บอกแบบฟันธง ซึ่งอาการแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์นั้นต้องฟันธงได้แล้วว่าเกิดแน่ และแค่เตือนทางอินเตอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนไทย เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่จะเปิดอินเตอร์เน็ต และรับรู้เรื่องนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง. รวมทั้งให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ เลยว่า รู้แล้วไม่เตือน, เลือกปฏิบัติ เตือนแต่คนของตนเอง อาจจะพอ ให้อภัยได้ ในกรณีที่ ไม่เตือนประเทศไทย เพราะเกิดขึ้นเพียง 1:30 ชั่วโมงหลังแผ่นดินไหว แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วน่าจะ เตือนภัย ไปยัง ศรีลังกา, อินเดีย และ ประเทศต่าง ๆ ในอาฟริกา ที่กว่าคลื่นยักษ์จะเข้าปะทะชายฝั่งก็ใช้เวลาอีก 2 3 ชั่วโมง เหมือนกับที่กระทำต่อ ฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่หมู่เกาะดิเอโก้ การ์เซีย จน ไร้รอยขีดข่วน วันนี้ก็เลยขอโดยสารประมวลบทบาทของ สหรัฐอเมริกา ช่วง หลังเกิดเหตุสึนามิ มาให้พิจารณากันโดยวิจารณญาณ
เริ่มจาก เงินบริจาค ที่ในชั้นต้นเสนอให้มาเพียง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครั้นพอ ถูกวิพากษ์จากทั่วโลก ก็เพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ยัง น้อยกว่าหลายชาติ นี่ก็เป็นที่ประจักษ์กันดี
ทีนี้มาดู ปฏิบัติการ ในนามของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต่าง ๆ ของ สหรัฐอเมริกา บ้างว่ามี นัยแฝง อย่างไรบ้างหรือไม่
ประการที่ 1 ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หนักขึ้นบกที่ อาเจะห์ อินโดนีเซีย การเคลื่อนกำลังดังกล่าวแม้จะกระทำไปในนาม การบรรเทาสาธารณภัย แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็เป็นไปว่าเสมือนเป็น การยกพลขึ้นบกโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์แฝงเร้น ยึดครองอาเจะห์ อันจะทำให้พื้นที่นี้ในอนาคตกลายเป็นแบบ มินดาเนา ฟิลิปปินส์ ในทางปฏิบัติ (de facto) เป็นการเข้ามา คุมช่องแคบมะละกา กำลังทหารที่เคลื่อนย้ายมานี้มาจาก ฐานทัพโอกินาวา ถึง 15,000 คน แต่เข้าไปใน ทั้งหมด หรือ แบ่งแยกมาไว้ที่ประเทศไทยด้วย สาธุชนพึงไตร่ตรอง
ประการที่ 2 เข้ามาใช้ สนามบินอู่ตะเภา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยเป็น ฐานทัพในสงครามเวียดนาม ในนามของ ศูนย์กลางการบรรเทาสาธารณภัย ต้องไม่ลืมว่าฐานทัพแห่งนี้มีรัศมีปฏิบัติการทางตะวันตกไปถึง ตะวันออกกลาง ทางตะวันออกไปถึง เวียดนาม ทางเหนือไปถึง ใกล้กรุงปักกิ่ง (ถ้าเป็น B 52 ก็ต้องกล่าวว่า ถึงกรุงปักกิ่ง) ส่วนทางใต้ลงไปถึง อินโดนีเซีย ประเทศไทยจะไม่ถูกมองและถูกจัดเข้าพวกว่าเป็น สมุนจักรพรรดินิยมอเมริกา เหมือนในอดีตหรอกหรือ คุ้มค่า กันแล้วหรือ บอกกล่าวผลดี-ผลเสียแก่ประชาชน แล้วหรือ
ข้อมูลประกอบการพิจารณาในย่อหน้าก่อนนั้นจำเป็นต้องทบทวนความจริงว่าขณะนี้มี ต่างชาติ คือ สิงคโปร์ เข้ามา ใช้ประโยชน์บนดินแดนประเทศไทย แล้ว 3 จุด คือ จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดขอนแก่น ถ้านำไปต่อภาพกับ อู่ตะเภา ที่อภิมหาอำนาจหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน เฝ้ามอง, พยายามขอเข้าใช้ประโยชน์ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 6 ปี ก็เป็นไปได้ที่ นานาอารยประเทศ เขาจะมองว่าประเทศไทย เลือกข้าง แล้ว
เรื่องที่ จังหวัดอุดรธานี นั้นนอกจากพื้นที่ สนามบินอุดรธานี ที่มาในนาม สิงคโปร์ แล้วยังมีที่ อำเภอบ้านดุง ที่มาในนาม สถานีวิทยุเสียงแห่งอเมริกา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีการรวบรวมที่ดินประมาณ 8,000 ไร่ ซึ่ง มากเกินมาตรฐานสถานีวิทยุหลายร้อยเท่า แต่เพียงพอที่จะทำ สนามบิน 3 รันเวย์ พร้อมคลังยุทโธปกรณ์ใต้ดินขนาดย่อม ๆ ได้เลย
เอาละ การประกาศไม่รับบริจาคเงินจากต่างชาติ เป็นเรื่องสุดแสนจะ เท่ สุดแสนจะเต็มไปด้วย ศักดิ์ศรี แต่ถ้าจะให้ดี เซี่ยงเส้าหลง วอน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่าได้ ละเลย ประเด็น อธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน ด้วย
หากไม่มองปัญหาอย่าง แยกส่วน ประเด็นต่าง ๆ ที่จาระไนมานี้ย่อมเชื่อมโยงกับ นโยบายจัดตั้งกองกำลังทหารอยู่ถาวรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างแน่นอน
ไม่ได้บอกให้ ปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นสหรัฐอเมริกา หามิได้ คบได้, รับได้ และไม่ได้บอกให้ รับทุกอย่างที่เป็นจีน หามิได้ ปฏิเสธได้, ระวังได้ แต่ควรคำนึงถึง สถานภาพของประเทศไทยในท่ามกลางสงครามเย็นยุคใหม่ ให้ รอบคอบ บ้านนี้เมืองนี้แผ่นดินนี้ อยู่รอดปลอดภัย มาได้อย่าง เฉียดฉิว ไม่ว่าจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือจาก สงครามเย็นยุคเก่า ไม่เพราะ การเลือกข้างอย่างเด็ดขาด หากแต่เพราะ การดุลอำนาจระหว่างมหาอำนาจอย่างชาญฉลาด อันเป็นการวางยุทธศาสตร์ที่ต้องอาศัยพื้นฐาน การข่าว, การวิเคราะห์ และ เครือข่ายสายสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ที่มีบทบาทอยู่ในการเมืองโลก ก็ได้แต่ฝากไว้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พิจารณาเยี่ยง รัฐบุรุษ (ไม่ใช่ นักการเมือง) ไม่มีอะไร ท้าทายความสามารถ มากไปกว่าการนำพาแผ่นดินนี้ เดินไต่เส้นลวด ไปอย่าง รอดปลอดภัย อีกแล้ว เซี่ยงเส้าหลง เชื่อว่าท่านเองก็ รู้ดี, ตระหนักชัด เพราะตั้งแต่ก่อตั้งพรรคการเมืองที่ประกาศแนวทางเชิง ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ, ประชานิยม ออกมาตั้งแต่ ปี 2542 ก็ถูก รับน้อง โดย สื่อตะวันตก จนแทบจะ เสียศูนย์ และเมื่อเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เครื่องบินการบินไทยเที่ยวบินที่จะพานายกรัฐมนตรีไทยไปเชียงใหม่ระเบิด และ ฯลฯ ขออย่าได้ ยอมจำนน ขอให้ ยืนหยัดในแนวทางเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง ที่จะทำให้ทั้งตัวท่านและวงศ์ตระกูลท่าน เท่ ไป ชั่วลูกชั่วหลาน วันนี้ท่านเดินหน้ามาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเป็นเพียง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งคนหนึ่ง, นักการเมืองที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งอีกคนหนึ่ง เท่านั้นแล้ว หน้าต่างแห่งโอกาสทางประวัติศาสตร์เปิดกว้าง อยู่แล้วไฉนไม่ เดินหน้าอย่างทระนง เข้าไปเล่า
12 มกราคม 2548 00:41 น.
คราใดที่ เซี่ยงเส้าหลง พูดถึง สหรัฐอเมริกา และบรรดา Conspiracy Theory รวมทั้งบรรดา สัญญาณบอกเหตุที่มาจากธรรมชาติ จากมุมมองปรัชญาตะวันออก ก็มักจะถูกตอบโต้ถูกวิพากษ์ว่า อคติ, ตัดตีนใส่เกือก หรือ นำเสนอเรื่องไร้สาระ ครั้งนี้ก็คง เหมือนเดิม แต่จะไม่เสนอก็ไม่ได้เพราะคนระดับ สมิทธิ ธรรมสโรช ยังออกมาพูดจา ต่อว่าต่อขาน ทั้ง สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น ตกเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับวานนี้ ...ผมเสียความรู้สึกกับระบบเตือนภัยของต่างชาติ 2 แห่ง คือ ทั้งของอเมริกาและญี่ปุ่น ที่ทราบข้อมูลแผ่นดินไหวใต้ทะเล และมีประสบการณ์ในเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ไม่ยอมเตือนภัยมาให้ประเทศไทย รวมทั้งอีกประเทศอื่นอีก 9 ประเทศที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ได้ทราบก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์จากแผ่นดินไหวครั้งนี้. ท่านบอกเล่ารูปธรรมอีกว่า ...หลังเกิดเหตุผมติดต่อถามไปยังศูนย์เตือนภัยสึนามิที่ญี่ปุ่นว่าทำไมไม่บอกเราเรื่องนี้ เขาบอกว่าเป็นเพราะเราไม่ได้เป็นสมาชิก และที่น่าแค้นที่สุดคือสถานีเออร์ลี่ สึนามิ วอร์นนิ่ง ที่ฮาวาย บอกว่าเขาเตือนเราแล้ว แต่เตือนทางอินเตอร์เน็ต พอไปตรวจสอบดูเขาแค่บอกว่าน่าจะเกิดสึนามิ ไม่ได้บอกแบบฟันธง ซึ่งอาการแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์นั้นต้องฟันธงได้แล้วว่าเกิดแน่ และแค่เตือนทางอินเตอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนไทย เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่จะเปิดอินเตอร์เน็ต และรับรู้เรื่องนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง. รวมทั้งให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ เลยว่า รู้แล้วไม่เตือน, เลือกปฏิบัติ เตือนแต่คนของตนเอง อาจจะพอ ให้อภัยได้ ในกรณีที่ ไม่เตือนประเทศไทย เพราะเกิดขึ้นเพียง 1:30 ชั่วโมงหลังแผ่นดินไหว แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วน่าจะ เตือนภัย ไปยัง ศรีลังกา, อินเดีย และ ประเทศต่าง ๆ ในอาฟริกา ที่กว่าคลื่นยักษ์จะเข้าปะทะชายฝั่งก็ใช้เวลาอีก 2 3 ชั่วโมง เหมือนกับที่กระทำต่อ ฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่หมู่เกาะดิเอโก้ การ์เซีย จน ไร้รอยขีดข่วน วันนี้ก็เลยขอโดยสารประมวลบทบาทของ สหรัฐอเมริกา ช่วง หลังเกิดเหตุสึนามิ มาให้พิจารณากันโดยวิจารณญาณ
เริ่มจาก เงินบริจาค ที่ในชั้นต้นเสนอให้มาเพียง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครั้นพอ ถูกวิพากษ์จากทั่วโลก ก็เพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ยัง น้อยกว่าหลายชาติ นี่ก็เป็นที่ประจักษ์กันดี
ทีนี้มาดู ปฏิบัติการ ในนามของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต่าง ๆ ของ สหรัฐอเมริกา บ้างว่ามี นัยแฝง อย่างไรบ้างหรือไม่
ประการที่ 1 ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หนักขึ้นบกที่ อาเจะห์ อินโดนีเซีย การเคลื่อนกำลังดังกล่าวแม้จะกระทำไปในนาม การบรรเทาสาธารณภัย แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็เป็นไปว่าเสมือนเป็น การยกพลขึ้นบกโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์แฝงเร้น ยึดครองอาเจะห์ อันจะทำให้พื้นที่นี้ในอนาคตกลายเป็นแบบ มินดาเนา ฟิลิปปินส์ ในทางปฏิบัติ (de facto) เป็นการเข้ามา คุมช่องแคบมะละกา กำลังทหารที่เคลื่อนย้ายมานี้มาจาก ฐานทัพโอกินาวา ถึง 15,000 คน แต่เข้าไปใน ทั้งหมด หรือ แบ่งแยกมาไว้ที่ประเทศไทยด้วย สาธุชนพึงไตร่ตรอง
ประการที่ 2 เข้ามาใช้ สนามบินอู่ตะเภา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยเป็น ฐานทัพในสงครามเวียดนาม ในนามของ ศูนย์กลางการบรรเทาสาธารณภัย ต้องไม่ลืมว่าฐานทัพแห่งนี้มีรัศมีปฏิบัติการทางตะวันตกไปถึง ตะวันออกกลาง ทางตะวันออกไปถึง เวียดนาม ทางเหนือไปถึง ใกล้กรุงปักกิ่ง (ถ้าเป็น B 52 ก็ต้องกล่าวว่า ถึงกรุงปักกิ่ง) ส่วนทางใต้ลงไปถึง อินโดนีเซีย ประเทศไทยจะไม่ถูกมองและถูกจัดเข้าพวกว่าเป็น สมุนจักรพรรดินิยมอเมริกา เหมือนในอดีตหรอกหรือ คุ้มค่า กันแล้วหรือ บอกกล่าวผลดี-ผลเสียแก่ประชาชน แล้วหรือ
ข้อมูลประกอบการพิจารณาในย่อหน้าก่อนนั้นจำเป็นต้องทบทวนความจริงว่าขณะนี้มี ต่างชาติ คือ สิงคโปร์ เข้ามา ใช้ประโยชน์บนดินแดนประเทศไทย แล้ว 3 จุด คือ จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดขอนแก่น ถ้านำไปต่อภาพกับ อู่ตะเภา ที่อภิมหาอำนาจหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน เฝ้ามอง, พยายามขอเข้าใช้ประโยชน์ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 6 ปี ก็เป็นไปได้ที่ นานาอารยประเทศ เขาจะมองว่าประเทศไทย เลือกข้าง แล้ว
เรื่องที่ จังหวัดอุดรธานี นั้นนอกจากพื้นที่ สนามบินอุดรธานี ที่มาในนาม สิงคโปร์ แล้วยังมีที่ อำเภอบ้านดุง ที่มาในนาม สถานีวิทยุเสียงแห่งอเมริกา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีการรวบรวมที่ดินประมาณ 8,000 ไร่ ซึ่ง มากเกินมาตรฐานสถานีวิทยุหลายร้อยเท่า แต่เพียงพอที่จะทำ สนามบิน 3 รันเวย์ พร้อมคลังยุทโธปกรณ์ใต้ดินขนาดย่อม ๆ ได้เลย
เอาละ การประกาศไม่รับบริจาคเงินจากต่างชาติ เป็นเรื่องสุดแสนจะ เท่ สุดแสนจะเต็มไปด้วย ศักดิ์ศรี แต่ถ้าจะให้ดี เซี่ยงเส้าหลง วอน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่าได้ ละเลย ประเด็น อธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน ด้วย
หากไม่มองปัญหาอย่าง แยกส่วน ประเด็นต่าง ๆ ที่จาระไนมานี้ย่อมเชื่อมโยงกับ นโยบายจัดตั้งกองกำลังทหารอยู่ถาวรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างแน่นอน
ไม่ได้บอกให้ ปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นสหรัฐอเมริกา หามิได้ คบได้, รับได้ และไม่ได้บอกให้ รับทุกอย่างที่เป็นจีน หามิได้ ปฏิเสธได้, ระวังได้ แต่ควรคำนึงถึง สถานภาพของประเทศไทยในท่ามกลางสงครามเย็นยุคใหม่ ให้ รอบคอบ บ้านนี้เมืองนี้แผ่นดินนี้ อยู่รอดปลอดภัย มาได้อย่าง เฉียดฉิว ไม่ว่าจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือจาก สงครามเย็นยุคเก่า ไม่เพราะ การเลือกข้างอย่างเด็ดขาด หากแต่เพราะ การดุลอำนาจระหว่างมหาอำนาจอย่างชาญฉลาด อันเป็นการวางยุทธศาสตร์ที่ต้องอาศัยพื้นฐาน การข่าว, การวิเคราะห์ และ เครือข่ายสายสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ที่มีบทบาทอยู่ในการเมืองโลก ก็ได้แต่ฝากไว้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พิจารณาเยี่ยง รัฐบุรุษ (ไม่ใช่ นักการเมือง) ไม่มีอะไร ท้าทายความสามารถ มากไปกว่าการนำพาแผ่นดินนี้ เดินไต่เส้นลวด ไปอย่าง รอดปลอดภัย อีกแล้ว เซี่ยงเส้าหลง เชื่อว่าท่านเองก็ รู้ดี, ตระหนักชัด เพราะตั้งแต่ก่อตั้งพรรคการเมืองที่ประกาศแนวทางเชิง ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ, ประชานิยม ออกมาตั้งแต่ ปี 2542 ก็ถูก รับน้อง โดย สื่อตะวันตก จนแทบจะ เสียศูนย์ และเมื่อเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เครื่องบินการบินไทยเที่ยวบินที่จะพานายกรัฐมนตรีไทยไปเชียงใหม่ระเบิด และ ฯลฯ ขออย่าได้ ยอมจำนน ขอให้ ยืนหยัดในแนวทางเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง ที่จะทำให้ทั้งตัวท่านและวงศ์ตระกูลท่าน เท่ ไป ชั่วลูกชั่วหลาน วันนี้ท่านเดินหน้ามาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเป็นเพียง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งคนหนึ่ง, นักการเมืองที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งอีกคนหนึ่ง เท่านั้นแล้ว หน้าต่างแห่งโอกาสทางประวัติศาสตร์เปิดกว้าง อยู่แล้วไฉนไม่ เดินหน้าอย่างทระนง เข้าไปเล่า