Thai VI

ถ้าเราดูทีวีบนมือถือได้ ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปมั้ย ? แล้วชีวิตเจ้าของสถานีจะเปลี่ยนไปมั้ย? มีใครที่ชีวิตจะเปลี่ยนไปมั่งครับ ขอความเห็นครับ ...

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewN ... 0000004471

เกาหลีใต้ล้ำ ทดลองบริการ Satellite DMB ในมือถือรายแรกของโลก

เกาหลีใต้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการเปิดทดลองส่งสัญญาณโทรทัศน์ทั้งภาพและเสียงผ่านดาวเทียมไปยังโทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็นบริการแซทเทิลไลท์ทีวีในโทรศัพท์มือถือบริการแรกในโลกที่ผู้ใช้จะสามารถรับชมภาพและเสียงจากโทรศัพท์ได้ไม่ต่างจากโทรทัศน์ เปิดคอนเซ็ปต์ใหม่ "multimedia mobile broadcasting service" เชื่อมระบบโทรคมนาคมเข้ากับระบบกระจายสัญญาณภาพและเสียง ก่อนเริ่มให้บริการจริงในเดือนพฤษภาคมนี้

บริการแซทเทิลไลท์สัญญาณดิจิตอลมัลติมีเดีย (satellite digital multimedia broadcasting : Satellite DMB) บริการแรกในโลกของ SK Telecom สัญชาติเกาหลีใต้ มีศูนย์กระจายสัญญาณแซทเทิลไลท์อยู่ที่กรุงโซล โดยเริ่มทดลองกระจายสัญญาณไปเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา

การทดลองให้บริการแซทเทิลไลท์ทีวีในโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นไปตามกำหนดการที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ว่าจะมีการเปิดทดลองในช่วงเดือนมกราคม แล้วจึงเปิดให้บริการและเก็บค่าบริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมปี 2005 โดยทางรัฐบาลเกาหลีใต้จะเริ่มมีมาตรการควบคุมเรื่องลิขสิทธิ์ต่อไป

ผู้ให้บริการแซทเทิลไลท์ทีวีบนโทรศัพท์มือถือรายหลักของเกาหลีใต้คือ TU Media Corp. ซึ่งมีการร่วมทุนกับ SK Telecom และบริษัท Mobile Broadcasting Corp. ในเครือโตชิบา ด้าน SK Telecom นั้นไม่ได้วางแผนให้บริการแซทเทิลไลท์ทีวีในเครื่องโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว แต่จะรวมถึงอุปกรณ์อัจฉริยะขนาดพกพาต่างๆ และอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ด้วย

SK Telecom วาดแผนไว้สวยหรูว่าจะสามารถสร้างยอดสมาชิกจำนวน 1.5 ล้านรายได้ในปี 2006 ซึ่งจะสามารถคุ้มทุนได้ในปี 2008 โดยคาดว่ายอดสมาชิกจะเพิ่มเป็น 8 ล้านรายในปี 2010 โกยรายได้กว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเข้ากระเป๋าได้อย่างสบายๆ ตามการรายงานของ Satellite.co.uk

เว็บไซต์ของ SK Telecom ระบุว่าผู้ใช้ทั่วไปที่อยู่บนพื้นดินจะสามารถรับสัญญาณแซทเทิลไลท์ได้โดยตรง แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่อับสัญญาณอย่างเช่นบริเวณใต้ทางด่วน ภายในอาคาร หรือในอุโมงค์ จะต้องรับสัญญาณจาก Gap Fillers ที่ SK Telecom จะทยอยดำเนินการติดตั้งในพื้นที่อับสัญญาณเหล่านั้น โดยจะให้บริการทั้งหมด 39 ช่อง(ชาแนล) แบ่งเป็นวีดีโอชาแนลสำหรับแพร่ภาพข่าวสาร ละคร ภาพยนตร์ หรือถ่ายทอดสดเกมกีฬา 11 ช่อง ออดิโอชาแนลที่ไม่เพียงกระจายเสียงเพลงทั่วไป แต่ยังใช้กระจายเสียงบรรยายข่าวสาร หรือบทความเพื่อการศึกษาอื่นๆ 25 ช่อง และดาต้าชาแนลสำหรับให้บริการข้อมูลที่หลากหลายอีก 3 ช่อง

ในช่วงระยะทดลอง ผู้ผลิตสัญชาติเกาหลีอย่างซัมซุง (Samsung Electronics) รับลูกบริการ Satellite DMB ด้วยการส่ง "SCH-B100" โทรศัพท์ระบบ DMB ที่จะเป็นเครื่องสาธิตการรับสัญญาณแซทเทิลไลท์ ซึ่งเป็นโทรศัพท์ไฮเอนด์ที่มาพร้อมจอขนาด 2.2 นิ้ว กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ที่สามารถชมภาพวีดีโอต่อเนื่องนาน 2 ชั่วโมงครึ่ง โดย SK Telecom จะเริ่มทดลองแซทเทิลไลท์ 9 ชาแนลก่อน ได้แก่วีดีโอชาแนล 3 ช่อง และออดิโอชาแนลอีก 6 ช่อง ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานเรื่องรายละเอียดของบริการ Satellite DMB แต่อย่างใด คาดว่าจะเริ่มมีการเปิดเผยในช่วงเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมนี้ ตามการรายงานของเอเอฟพี


"SCH-B100" โทรศัพท์ระบบ DMB จากซัมซุงที่มาพร้อมจอขนาด 2.2 นิ้ว กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ที่สามารถชมภาพวีดีโอต่อเนื่องนาน 2 ชั่วโมงครึ่ง


ทีวีจิ๋วในโทรศัพท์


โฉมหน้าชัดๆของ "SCH-B100"

บริษัท อะไรจะได้อานิสง บริษัทอะไร จะโดนลูกหลง ... คิดว่าไงครับ วันนึงมันมาแน่ๆ

โฆษณา จะเป็นยังไง ...
บริษัทอย่าง Grammy RS ละ ..
MCOT, ITV, BEC ละ ...
SATTEL ละ ...
หรือ ว่า ... มีอะไรที่ผมลืม ..

MACO จะเกี่ยวมั้ย ?
เอ .. CVD จะเกี่ยวมั้ย
... แมงป่องละ ... เกี่ยวมั้ย

... WorkPoint ละ ..

.. มีอะไรบ้างครับ ? อยากทราบความเห็นครับ

MLINK BLISS SIM ......ขาย เพราะขาดทุนจากของเก่าขายไม่ออกในสต๊อก

ITV MCOT BEC ผมว่าเฉยๆ ตอนนี้ฟังวิทยุจากมือถือได้ พวก GMMM RK TRAF ไม่เห็นจะได้ประโยชน์เท่าไหร่เลยนะ

ผมยังใช้มือถือ จอขาวดำอยู่เลยอ่ะ

สั้นๆ

เกือบทุกคนจะใส่แว่นสายตาหนาเตอะครับ

มันไม่มี revolution แค่ evolution นิดๆในแง่อื่นๆ

ผมว่าพวกทำโปรแกรมเกี่ยวข้องแบบแบ่งจอได้ ทำนู้นนี่ได้จะได้ประโยชน์ครับ แต่ไม่มีในตลาดเนอะ แต่พวกสื่อสารเค้าคงพัฒนาสายธุรกิจตรงนี้ขึ้นมาได้แหละ

สำหรับผม ผมเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงบ้างครับ แต่คงเปลี่ยนครับ

โดยส่วนตัวผมชอบนะ ถ้ามือถือแบบนี้ออกมา ผมคงซื้อ เหตุผลที่ผมชอบคือ ผมสามารถดูทีวีที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งปกติทุกวันนี้ผมทำไม่ได้ หรือ ทำได้ก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร ผมคิดว่าถ้าทำได้แบบในข่าวนี้จริง ผมคงซื้อครับ

ผมมานั่งคิดว่า ถ้าคนนิยมการใช้มือถือแบบนี้จริง มันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรกับธุรกิจและผู้คนมั่งมั้ย

ผมคิดว่ามีบ้างครับ

1. ช่วงเวลาดูทีวีของคนจะเพิ่มขึ้น เช่น
เวลาพักเที่ยง ของพนักงาน Office หรือ นิสิตนักศึกษา ก็จะดูทีวีกันมากขึ้นกว่าเดิม นั่นแปลว่า ทีวีในตอนกลางวันที่เคยรับกลุ่มแม่บ้านกับคนทำงานอยู่บ้าน ก็จะขยายฐานตลาดเป็นคนกลุ่มที่ทำงานนอกบ้านได้ด้วย
เวลารถติด คนที่อยู่บนท้องถนน และ ไม่ใช่คนขับรถ (หรืออาจเป็นคนขับซึ่งอาจจะแย่พอๆกับเมาแล้วขับ) ดู TV บนท้องถนนได้ ผมมองว่าจะทำให้เวลาในการชมโทรทัศน์ของคนเพิ่มมากขึ้น

2. นักโฆษณา และ นักการตลาด อาจต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง

เช่น การลงโฆษณาในช่วงต่างๆในสื่อโทรทัศน์ เพราะกลุ่มที่รับชมรายการในช่วงเวลาหลายๆช่วง เปลี่ยนไป
หรือ
เช่น ถ้าคนดูมือถือนอกบ้าน รายการแนะนำซื้อสินค้าเพื่อกระตุ้นให้คนทำงาน Office ไป Shopping ตอนเย็นอาจเพิ่มมากขึ้น รายการกระตุ้นต่อมแฟชั่นของนักเรียนนักศึกษาเพื่อให้เกิดความอยากในระหว่างวัน อาจเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ผมเห็นเดี๋ยวนี้เด็กนักเรียนมีมือถือกันทั้งนั้นเลยครับ รุ่นดีๆทั้งนั้นด้วย

3. ในการภาพแพร่สัญญาณแบบนี้ ผมยังไม่ทราบว่าเค้าใช้การจัดการแบบไหน แบ่งผลประโยชน์และความรับผิดชอบกันแบบไหน มันเป็นในลักษณะเดียวกับพวก UBC หรือเปล่า ถ้าใช้บริษัทไหนจะรับประโยชน์ ? บริษัทมือถือ ? หรือ บริษัท ดาวเทียม ?

จากเนื้อข่าวเค้าบอกว่า

โดยจะให้บริการทั้งหมด 39 ช่อง(ชาแนล) แบ่งเป็นวีดีโอชาแนลสำหรับแพร่ภาพข่าวสาร ละคร ภาพยนตร์ หรือถ่ายทอดสดเกมกีฬา 11 ช่อง ออดิโอชาแนลที่ไม่เพียงกระจายเสียงเพลงทั่วไป แต่ยังใช้กระจายเสียงบรรยายข่าวสาร หรือบทความเพื่อการศึกษาอื่นๆ 25 ช่อง และดาต้าชาแนลสำหรับให้บริการข้อมูลที่หลากหลายอีก 3 ช่อง

4. เอ ... แล้วปกติ มีละคร หลังข่าว ต่อไปจะมีละครพักเที่ยงมั้ยครับ ?

5. การเปลี่ยนแปลงของมือถือดูโทรทัศน์ได้ อาจทำให้บางคนที่ใช้มือถือขาวดำอยู่ แบบท่าน Buglife ตัดสินใจเปลี่ยนมือถือได้หรือเปล่านะครับ


ปล. ผมได้ยินมาว่า ปีนี้ค่ายมือถือต่างๆ เน้นไปที่มือถือติดกล้อง .. และปีต่อไป สิ่งที่เค้าจะเน้นคือ มือถือที่ใช้ฟังเพลง เล่น MP3 ..
ผมก็คิดต่อไปครับ ว่าหลังจากนั้นเค้าจะเน้นอะไร หลังจาก มือถือ MP3 ? มือถือดู TV ?

แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับปัจจัยที่สำคัญคือ ทีวีระบบนี้จะทำได้ดีแค่ไหน ทั้งเรื่อง คุณภาพ และ ราคาครับ

เอามาให้อ่านกันเล่นๆ คิดกันเล่นๆครับ อย่าไปซีเรียส ...

TV สี เมื่อก่อนแบบพกพา 2" คล้ายๆเกม boy ไม่มีใครให้ความสนใจกันเลยครับ

เรื่องค่าบริการอีก ไม่น่าจะถูก (บริษัททำการลงทุนต้องมองฐานลูกล่ะ ใช้กันเยอะหรือเปล่า)

อย่าง GPRS(มองๆกันว่ารุ่ง) ยังไม่ประสบความสำเร็จนะครับ bandwidth ไม่ได้มีการขยายเพิ่ม

และที่สำคัญ TV บนมือถือ อย่ามาตายน้ำตื้นเรื่อง แบตเตอรี่ นะครับ

1. แบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้น เสื่อมเร็วขึ้น หรือไม่ก็ต้องการซื้อหลายๆ ก้อนเอาไว้ใช้งานดูมันทั้งวี่วัน หรือไม่ก็อุปกรณ์เสริมพิเศษที่ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆ จะขายดี

2. ส่วนพวก บ.โฆษณาหรือค่ายเพลง ก็ต้องดูว่าตลาดเป็นของใคร ใครมีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน คนนั้นก็ได้ประโยชน์ไป

3. อาจจะมีการดูทีวีในรถ หรือขณะขับรถมากขึ้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้น บ.ประกันภัยจะได้รับผลกระทบ จ่ายค่าสินไหมทดแทน ทำให้ต้องเพิ่มค่า premium ในการประกันภัยรถยนต์ ทีนี้จะจะได้กำไรมากขึ้นหรือน้อยลงก็ไม่ทราบได้ เพราะไม่ถนัดเรื่องกิจการนี้ แต่ว่าชิ้นส่วนรถยนต์ หรืออู่ซ่อมน่าจะทำกำไรได้ดี แต่ในที่สุดรัฐก็ต้องออกกฏมาห้ามดูทีวีขณะขับรถอีก

สำหรับผม ก็ยังใช้โทรศัพท์มือถือจอขาวดำเหมือนกับคุณ Buglife ครับ

ก่อนอื่น ขอแซว คุณ Jaychou ก่อนครับ เปลี่ยนรูปได้โดนมากครับ
ระวังสาวๆหลงนะครับ

ผมว่าเปลี่ยนแน่ครับ คนคงบริโภคข่าวสารมากขึ้น

อาจกระทบกลุ่ม ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิค ด้วยมั้ยครับ

เคยได้ยินข่าวว่า อนาคตอาจเปิดเสรี ทีวี กับวิทยุ ด้วยนี่ครับ
จะมีช่อง เพิ่มอีกเยอะอุปกรณคงต้องเปลี่ยนตามด้วย

คัดท้าย เขียน: การเปลี่ยนแปลงของมือถือดูโทรทัศน์ได้ อาจทำให้บางคนที่ใช้มือถือขาวดำอยู่ แบบท่าน Buglife ตัดสินใจเปลี่ยนมือถือได้หรือเปล่านะครับ

ถ้าส่วนตัวคงไม่มีผลนะครับ
เพราะผมใช้มือถือแค่โทรลาสับเอง

แต่ผมชอบแบบคอมพิวเตอร์พกติดตัวมากกว่า
ที่เอาจอมอนิเตอร์ไปติดไว้กับแว่นตาเลยอ่ะครับ
คอม + มือถือ + ทีวี + ฯลฯ
ในชุดเดียวกัน

อันนี้สิ น่าสนใจที่จะเปลี่ยน
คงอีกไม่นานอ่ะครับ

ผมคงไม่เปลื่ยนชีวิต เพราะมีมือถือที่ดูทีวีได้หรอกครับ

ผมยังใช้มือถือขาวดำเหมือนกัน ใช้มา2ปีแล้วยังใช้ได้อยู่ เลยไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรให้เปลื่ยน

ส่วนทีวีดูน้อยกว่า เล่นnet อีกครับ

จากที่เคยพยายามเอา PocketPC มาดูหนังพบว่ายังไม่ค่อยเวิร์คครับ
เพราะว่าจอมีขนาดเล็กขนาดจอ 3.5" น่าจะใหญ่กว่าจอมือถือพอสมควรแล้วนะ
ดูบนรถนานๆแล้วจะปวดตาเมื่อยคอครับ

ทุกวันนี้เครื่อง PDA และมือถือบางรุ่นที่เชื่อมต่อ Internet ไร้สายได้ก็น่าจะชมรายการทีวีได้อยู่แล้ว
แต่อุปสรรคสำคัญก็คงยังเป็นค่าบริการที่ยังค่อนข้างแพงและพลังงานแบตเตอรี่นี่ล่ะครับ

ขาดแต่ตู้เย็น กับ เตาไมโครเวฟ เท่านั้นที่ไม่มีในโทรศัพท์มือถือ

ผมว่า ไม่น่าสนใจคับ จอเล็กนี่หมดเสน่ห์ไปเยอะ ดูการพัฒนาของ ทีวีสิคับ มีแต่ทำให้ใหญ่ขึ้น ในราคาถูกลง จาก 8 เป็น 14 20 21 25 29

แต่นี่จอมือถือ อะไรๆๆก็ดูเล็กไปหมด ดูนางแบบฝรั่งที่ใหญ่ๆๆ ก็คงเล็กตามลงไปหมด

โอ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ

:lol: :lol: :lol:

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดูนางแบบฝรั่งที่ใหญ่ๆๆ ก็คงเล็กตามลงไปหมด

โอ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ

:lol: :lol: :lol: 5555

ชีวิตเราจะเปลี่ยนมั้ย ...

ผมว่ามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แหละครับ ไม่ว่าจะ มีทีวีบนมือถือ คอมพิวเตอร์ในตู้เย็น อินเตอร์เนตบนทีวี และอะไรอื่นๆ ที่จะสรรหาจะมาประกอบกันได้

สิ่งผมที่เห็นคือเทคโนโลยีหลายๆ อย่างทุกวันนี้กำลัง converge เข้าหากันครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงจะต้องผลิตอะไรบางอย่างที่สามารถทำได้หลายๆ อย่าง แทนที่จะทำอะไรให้มันดีไปเลยซักอย่าง

ความเห็นผม ผมชอบสิ่งที่มีหน้าที่ของมันเองชัดเจนมากกว่าครับ และเราผู้ใช้เป็นคนเลือกที่จะเอามาประกอบกันเอง กล้องดิจิตอลก็ควรทำหน้าที่เป็นกล้องที่ดี มีฟังก์ชันต่างๆ เยอะ PDA ก็ควรมีหน่วยประมวลผลดีๆ มีหน่วยความจำเยอะๆ

และมือถือ สำหรับผม หน้าที่หลักของมือถือคือเป็น wireless terminal สามารถส่งข้อมูลได้ดี มี bandwith สูงๆ ข้อมูลที่ส่งไม่ว่าเป็นเสียง ข้อความ รูปภาพ วีดีโอ ล้วนเป็นเรื่องรองครับ ถ้ามีเครือข่ายดีๆ จะส่งอะไรก็ส่งได้ทั้งนั้นแหละครับ

ลองมองกันใกล้ตัวหน่อย ถ้าเครือข่ายของมือถือดีขึ้นขนาดที่มี bandwidth ส่งสัญญาณ TV ได้ดีแล้วล่ะก็ ผมว่า พวก cable นี่แย่แน่ๆ ครับ อาจต้องขาย TT&T TRUE UCOM CSL JAS ไปซื้อ SATTEL SHIN ADVANC แทน ส่วน พวกทำ content อย่าง GMMM WORK MCOT (MCOT มีส่วนที่เป็นสื่อด้วยนิ) หรือ นำเข้าลิขสิทธ์ content อย่าง CVD PONG คงได้รับผลพอสมควรในการปรับเปลี่ยนตัวเองครับ คือต้องเปลี่ยนสื่อที่ใช้ จากเดิมขายผ่าน แผงหนังสือ แผงเทป แผง CD คลื่นวิทยุ คลื่นทีวี ฯลฯ ก็ต้องเปลี่ยนไปครับ แต่ยังไงคนก็ยังต้องบริโภค content วันยังค่ำครับ ไม่งั้นจะมีสื่อไว้ทำไมล่ะ

จริงๆ แล้วสุดท้าย คนเราก็ยังชอบอะไรเดิมๆ อยู่ครับ ปัจจุบันนี้ หนังสือพิมพ์ก็ยังขายได้ ทั้งๆ ที่มีทั้ง ทีวี วิทยุ อินเตอร์เนต ฯลฯ มันเพราะอะไรกัน

555 จริงเลย

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ชีวิตเราจะเปลี่ยนมั้ย ... 

ผมว่ามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แหละครับ 

555 จริงเลย

อย่าเปลี่ยนใจนะ
คนยิ้มนั่งข้างๆเขาจะค้อน

ขอบคุณทุกๆท่านที่ออกความเห็นครับ เอามาให้อ่านให้ลองคิดกันเล่นๆครับ

มีเรื่องจะแชร์ครับ คือ เมื่อก่อนตอนโทรศัพท์จอสีเริ่มออกมาใหม่ๆ ตอนนั้น MMS เริ่มจะมีการพูดถึง ผมเองเคยคิดแบบหลายๆท่านในที่นี้ครับ คือ คิดแบบเอาตัวเองเป็นมาตรวัด ทำให้ผมตกรถจากการลงทุนธุรกิจ SMS MMS LOGO RINGTONE ไป ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมรู้จักโอกาสในการทำธุรกิจด้านนี้ตั้งแต่สมัยแรกๆที่คนยังไม่รู้เลย เพราะงานประจำที่ทำสมัยนั้น แต่ผมไม่ได้ทำ ..

เหตุผลก็คือ ผมคิดว่า ใครมันจะไปใช้ ใครมันจะบ้าส่ง SMS MMS ใครมันจะบ้าซื้อ LOGO RINGTONE ... ผมใช้บรรทัดฐานจากความรู้สึกของผมเอง

แต่พอมายุคนี้ เห็นได้ชัดว่า ผมคิดผิด SMS MMS การเป็นรายได้หลักของเว็บไซต์หลายๆเว็บ SMS กลายเป็นรายได้ของรายการวิทยุยิ่งกว่าโฆษณา รายการทีวี เต็มไปด้วย SMS ..

วัยรุ่นบางคนส่ง SMS กันแหลก วันนึงๆ เป็นร้อยๆรายการเพื่อเล่นเกมส์

สรุปคือ ผมพลาดจากการทำธุรกิจที่ทำกำไรได้เดือนนึงหลายแสนครับ

ทุกวันนี้ผมเลยพยายามคิดในหลายๆมุม คิดในแง่ของคนที่แตกต่างจากเราด้วย เพราะอาจทำให้ผมไม่ตกรถเหมือนรอบที่แล้วครับ ก็เอามาให้ดูกัน ถ้าเจออะไรใหม่ๆ จะเอามาให้ดูกันอีก ถ้าไม่เบื่อครับ

คัดท้าย เขียน:วัยรุ่นบางคนส่ง SMS กันแหลก วันนึงๆ เป็นร้อยๆ รายการเพื่อเล่นเกมส์

เศร้าใจไทยแลนด์

คุยเรื่องเครือข่ายมือถือนี่ผมว่ามันก็แปลกเหมือนกันครับ

ลองเทียบดูกับอินเตอร์เนต บนอินเตอร์เนตฟรีเกือบทุกอย่าง คุณเสียแค่ค่า access เท่านั้น ส่วนที่เป็น content อาจมีเสียบ้าง แต่ส่วนใหญ่ฟรี รายได้ของผู้ผลิด content มาจากโฆษณาเป็นหลัก

เครือข่ายมือถือ ทุกอย่างเสียตังค์ access ก็เสียตังค์แล้ว ยังต้องเสียตังค์กับ content อีก เข้า WAP SETTRADE ก็เสีย โหลด logo ringtone ก็เสีย ดูหมอก็เสียพิเศษอีก

ถ้าบนอินเตอร์เนตมีคนเปิดเวปให้ โหลดไฟล์ รูปโลโก้เล็กๆ แล้วเก็บตังค์ คงมีคนหาว่าบ้าแล้ว หรือถ้า microsoft เก็บตังค์เราทุกครั้ง ที่ส่ง msn ล่ะ

อินเตอร์เนตเลยกลายเป็นสวรรค์ของของฟรี ในขณะที่เครือข่ายมือถือกับเก็บตังค์กับ content ได้มากมาย มันเพราะอะไรกัน

ทำไมคนใช้มือถือไม่มาหา content แบบเดียวกัน (และฟรีด้วย) บนอินเตอร์เนต

เลยนอกประเด็นไปเลย ขออนุญาตใช้กระทู้ของคุณคัดท้ายแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ

ทุกวันนี้ผมเลยพยายามคิดในหลายๆมุม คิดในแง่ของคนที่แตกต่างจากเราด้วย เพราะอาจทำให้ผมไม่ตกรถเหมือนรอบที่แล้วครับ

ใช่เลยครับพี่คัดท้าย
หลายๆ ครั้งที่เราใช้มาตรฐานของเรา ของนักลงทุน แล้วเห็นการที่คน "จ่ายเงินเพื่อของไร้สาระ (สำหรับเรา)" เป็นสิ่งโง่เขลา แต่ลืมไปว่านั่นคืนสิ่งที่คนส่วนใหญ่ 80% ทำกัน เพราะเขาไม่ใช่นักลงทุน อาจจะมีเงินเยอะพอที่จะจ่ายเพื่อความสุข (ที่เราว่าไร้สาระได้ แต่เขาว่าไม่ไร้สาระและมีความสุขที่จะทำ) และถือว่าเป็นการลงทุนทางด้านจิตใจของเขาครับ

เงิน พ่อ-แม่ ทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้หาเงินก็ไม่รู้หรอกว่าหามาด้วยความยากลำบาก

เอ้.......แล้วแบบนี้ธุรกิจอะไรที่มอมเมาวัยรุ่น นอกจากมือถือ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ครับ :lol:

คัดท้าย เขียน:SMS กลายเป็นรายได้ของรายการวิทยุยิ่งกว่าโฆษณา รายการทีวี เต็มไปด้วย SMS ..

ผมสงสัยมานานแล้วครับ ส่วนแบ่ง SMS ระหว่าง บ.มือถือ กับ รายการนี่เป็นอย่างไร
ส่ง SMS ครั้งละ 6-9 บาท แบ่งเงินกันยังไงครับ

ถ้ารายการรวย บ.มือถือไม่ยิ่งรวยแย่เลยเหรอครับ มีอยู่ไม่กี่เจ้า

บ.มือถือ 50%
ที่เหลือแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างเจ้าของรายการกับผู้วางระบบ SMS

ผู้วางระบบ SMS นี่หมายถึงใครครับ

โป้ง เขียน: เอ้.......แล้วแบบนี้ธุรกิจอะไรที่มอมเมาวัยรุ่น นอกจากมือถือ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ครับ :lol:

ธุรกิจที่ได้เงินสมัยผมเป็นวัยรุ่นยังหาเงินเองไม่ได้ (10-15ปี่ที่แล้ว)

ก็ เพลง กับ หนังครับ เทป grammy นี่ซื้อเกือบจะทุกชุด (70-80%) ได้
หนังนี่เข้าโรงหนัง เกือบทุกอาทิตย์ สมัยนั้นเข้าบ่อยๆ ก็พวก แมคเคนน่า สยาม
ถัดมาหน่อยก็ มินิเธียรเตอร์ เซนทรัล ซีคอนอะไรพวกนี้แหละครับ

สมัยนี้ ไม่ได้กินตังค์ผมหรอกครับ เพลงยังฟังอยู่ แต่เปลี่ยนเป็นซื้อ MP3
หลังๆเ้ค้่้ารณรงค์ ก็เลยเลิกซื้อ MP3 ครับหันไปดาว์นโหลด(ฟรี)แทน

โรงหนังก็เข้าน้อยลงๆ เพราะไม่มีเวลา แต่ยังต้องไปซื้อหา DVD มาดูอยู่

Windy เขียน:บ.มือถือ 50%
ที่เหลือแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างเจ้าของรายการกับผู้วางระบบ SMS

ครับ ประมาณนั้นครับ เหอๆ คิดดูเอาเอง ใครรวยสุด 555