Thai VI

• ข่าวจากผู้จัดการ
  
  "ประกันอาคาร"ปฏิเสธจ่ายเหยื่อคลื่น อ้างเหตุแผ่นดินไหวไม่ใช่น้ำท่วม
  
  โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 มกราคม 2548 13:04 น.
  
  
  เอกชนภูเก็ตเฉ่งบริษัทประกันวินาศภัยปฏิเสธความรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้อาคารห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านค้าต่างๆ อ้างเพียงเกิดจากแผ่นดินไหวไม่ใช่น้ำท่วม ขู่ปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องถึงกระทรวงพาณิชย์และศาลแน่นอน
  
  ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก ประธานชมรมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์ชัดถล่มบริเวณชายหาด เช่น ห้างสรรพสินค้าและอาคารร้านค้าต่างๆ รวมทั้งโรงแรม กำลังได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากบริษัทประกันวินาศภัยปฏิเสธที่การจ่ายค่าสินไหมทดแทนใหกับอาคารที่ได้รับความเสียหาย ไม่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหายหรือถ่ายรูปอาคารแต่อย่างใด โดยอ้างว่าความเสียหายทิ่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ไม่ใช่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม
  
  แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ภูเก็ตไม่ได้รับผลกระทบอะไร อาคารยังไม่ร้าวเลย บ้านเรือนไม่เสียหาย แม้แต่ต้นไม้สักต้นยังไม่ล้ม แต่ที่ภูเก็ตได้รับผลกระทบนั้นเกิดน้ำท่วมจากคลื่นยักษ์ชัดถล่มไม่ใช่แผ่นดินไหว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทางสมาคมประกันวินาศภัยจึงปฏิเสธความรับผิดชอบ ในขณะที่รถยนต์นั้นทางบริษัทประกันยินดีที่จะจ่ายเงินสินไหมทดแทนให้ทั้งหมด
  
  ร.ท.ภูมิศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้จะต้องให้รัฐบาลเข้ามาไกล่เกลี่ย เพราะหากทางบริษัทประกันวินาศภัยไม่รับผิดชอบ ผู้ประกอบการจะต้องมีการฟ้องร้องกันถึงศาลอย่างแน่นอน และร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังกระทรวงพาณิชย์ในการให้การช่วยเหลือ
  
  ร.ท.ภูมิศักดิ์ยังกล่าวถึงผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโครงการบ้านหรูในจังหวัดภูเก็ต ว่า การซื้อขายน่าที่จะชลอตัวไปประมาณ1 ปี เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับบ้านหรูเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องการบ้านเพื่อพักผ่อนในระยะยาว และกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในภูเก็ต

ถึงศาล,กรมประกันภัย เมื่อใด ถ้าผิดจริงและไม่ยอมจ่าย ขอให้บริษัทมันเจ๊ง ๆๆๆๆๆๆ

ตอนนี้มีปัญหาอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องประกัน

แสดงว่า ก่อนหน้านี้ที่มีบริษัทประกัน ออกมาแสดงค่าความเสียหายน้อยนิด เพราะยังไม่ได้รวมค่าเสียหายส่วนนี้เข้าไป ผมเชื่อว่าบริษัทประกันต้องแพ้คดีแน่นอน และจะต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินมหาศาล

ตอนนี้ทิศทางบริษัทประกัน อาจจะไม่สดใสอย่างที่คิด ใครยังไม่มีหุ้นลองศึกษาเรื่องนี้ดูให้แน่ชัดก่อนดีกว่าครับ

ผมเพิ่งอ่านเจอว่า กรมการประกันภัยออกข่าวมาค่อนข้างชัดเจนในประเด็นนี้ครับ
ถ้าท่านไม่แน่ใจว่าหุ้นประกันที่ถืออยู่จะโดนไปด้วยหรือเปล่า ให้ดูในงบกำไรขาดทุน
จะบอกประเภทของการรับประกันไว้ครับ ถ้าไม่แน่ใจก็หลีกๆหุ้นที่เน้นประกันอัคคีภัยก็ดีครับ ส่วนจะเจ๊งหรือไม่ คงต้องดูเรื่องสินทรัพย์สภาพคล่องและการเงิน ตามลิงค์

http://www.doi.go.th/stat_data/balance- ... ompany.htm


ข่าวของกรมครับ

http://www.doi.go.th/script/asp/news/ne ... asp?no=491

คลื่นยักษ์ถล่มภาคใต้ มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหายเป็นจำนวนมาก 27 ธันวาคม 2547

นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดอุบัติภัยร้ายแรงจากแผ่นดินไหวทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำส่งผลทำให้เกิดความเสียหายขึ้นใน อาณาบริเวณหลายจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และระนอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหาย รวมทั้งทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากนั้น ได้สั่งการให้สำนักงานประกันภัยจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ประสบภัยและจังหวัดใกล้เคียงระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยและให้ความร่วมมือกับหน่วยงาน ภาครัฐที่กำลังให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งสำรวจความเสียหายหากมีการทำ ประกันภัยไว้และรายงานให้ทราบโดยด่วน และให้ประสานงานกับบริษัทประกันภัยที่อยู่ในท้องที่ให้ จ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว ในขณะเดียวกันกรมการประกันภัยได้ประสานกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัย เร่งให้บริษัทสมาชิกที่รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วเช่นกัน


นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นอุบัติภัย ร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียและเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ประสบภัยรายใดได้มีการทำประกันภัยไว้ก็จะได้รับความคุ้มครอง ตามประเภทการประกันภัย ดังนี้

1. การประกันชีวิต ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิต และทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรจาก การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยเนื่องจากภัยธรรมชาติดังกล่าว และหากมีการซื้อ

2. การประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร คุ้มครองการเสียชีวิต และ ทุพพลภาพถาวร ในวงเงิน 300,000 บาท

3. การประกันภัยอุบัติเหตุ คุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร และค่ารักษาพยาบาล

4. การประกันภัยอุบัติเหตุเดินทาง ปัจจุบันมีกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจ นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ต้องจัดทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองนักท่องเที่ยวคุ้มครองสำหรับการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ในจำนวนเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท ต่อคนและค่ารักษาพยาบาล ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ต่อคน นอกจากนี้ในกรณีที่นักท่องเที่ยวได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุเหตุการเดินทางของ ตนเองไว้ จะได้รับค่าทดแทนด้วยอีกเช่นกัน ตามความคุ้มครองที่ได้ซื้อไว้ เช่น การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพ ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงความ สูญเสียของทรัพย์สินส่วนตัวด้วย

5. การประกันภัยผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้าง ซึ่งเป็นการประกันภัยที่ผู้ประกอบการเดินเรือเป็นผู้จัดทำให้แก่ผู้โดยสาร โดยคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และสายตา ทุพพลภาพถาวร ในวงเงิน 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลต่อ อุบัติเหตุแต่ละครั้งไม่เกิน 10,000 บาท

6. การประกันภัยรถ หากเป็นการประกันภัยประเภท 1 จะให้ความคุ้มครอง การเสียชีวิต ความบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งความเสียหายต่อตัวรถ จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ส่วนการประกันภัยประเภท 2 และประเภท 3 จะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ความบาดเจ็บ และค่ารักษาพยาบาลเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประสบภัยทุกคนที่อยู่ในรถยนต์จะได้รับความคุ้มครองสำหรับความบาดเจ็บ เสียชีวิต และค่าอนามัยตามความเหมะสม จากการประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เป็นค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีเสียชีวิต จำนวน 35,000 บาทต่อราย กรณีบาดเจ็บจ่ายตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อราย

7. การประกันภัยอัคคีภัย โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองถึงไฟไหม้ ฟ้าผ่า และ การระเบิดของแก๊สเพื่อการอยู่อาศัย แต่หากผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครอง เพิ่มเติมถึงภัยแผ่นดินไหว ก็จะได้รับความคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหายจากภัย ดังกล่าว สำหรับบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหาย หากซื้อกรมธรรม์ประกัน อัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยไว้โดยทั่วไปให้ความคุ้มครองเฉพาะ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิดทุกชนิด ภัยทางอากาศ ภัยยวดยานพาหนะ และภัยเนื่องจากน้ำ แต่หาก ผู้เอาประกันภัยได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมถึงภัยแผ่นดินไหวไว้ด้วยจึงจะได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัยดังกล่าว

8. การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risks : IAR) ให้ความ คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยจาก ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ลมพายุ น้ำท่วม และแผ่นดินไหว เป็นต้น ซึ่งทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เช่น รีสอร์ท โรงแรม ที่ได้มีการทำประกันภัยดังกล่าวไว้ก็จะได้รับความคุ้มครองจาก เหตุการณ์ดังกล่าว


นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการประกันภัยขอแสดงความเสียใจ อย่างสุดซึ้งต่อญาติพี่น้องของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต และขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ประสบภัยที่บาดเจ็บ กรมการประกันภัยยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในส่วนที่ผู้ประสบภัยได้มีการทำประกันภัยไว้ โดยจะ เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทหรือผู้ประสบภัยอย่างเหมาะสมยุติธรรม ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยโดยเร็วต่อไป ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ใน ระดับหนึ่ง หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ โทร. 0-2547-4548 หรือ สายด่วนกรมการประกันภัย 1186

ขอบคุณ คุณนักดูดาว ที่ให้ข้อมูลครับ

ผมว่ายังไม่ค่อยชัดเจนเนื่องจากกรณีนี้ต้องตีความกันอีกครับ

เกิดจากภัยแผ่นดินไหว หรือ ภัยจากทางน้ำ ??????

แต่ผมมองว่า ความเสียหายเกิดจากภัยทางน้ำไม่ใช่แผ่นดินไหว เพราะความเสียหายไม่ได้บ่งบอกว่าเกิดจากแผ่นดินไหว (เช่นความสั่นสะเทือน แผ่นดินแยกจนทำให้อาคารผัง ชำรุด)

ตรงนี้ผมไม่รู้ว่าการตีความ ดูที่ต้นตอของภัยพิบัติ หรือ ดูลักษณะของภัยพิบัติ (ต้นตอคือแผ่นดินไหว แต่ภัยพิบัติคือทางน้ำ)

ลองมาดูครับ ว่าเขาโยนกันยังไง ผมไม่รู้ว่าต่างชาติเขามีเงือนไขประกัน กันแบบไหน แต่ถ้าเกิดภัยพิบัติในประเทศที่เจริญแล้วเขาจ่ายหมด

ไม่เห็นกรมธรรม์ ไม่เห็นความเสียหายก็ยากที่จะไปตัดสินครับ กรมธรรม์ของตัวเอง เอามาอ่านแล้วยังงงๆเลยครับว่ามีเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร ฮ่าๆๆ

เรื่องประกันภัย หากจะเอาเนื้อหามาโพสต์ตรงนี้คงจะใช้เวลาคัดลอก ถ้าสนใจศึกษาลองอ่าน....

"การประกันภัยและการจัดการธุรกิจการประกันภัย" โดย ผศ.ศิริวรรณ วัลลิโภดม สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.

ซึ่งตำราเล่มนี้เรียบเรียงจาก กฏหมาย และเอกสารอ้างอิงของกรมการประกันภัย รวมทั้งมีกรณีตัวอย่างการเรียกร้องสินไหม และการตีความในหลายๆกรณี ถ้าไม่ทันใจ สงสัยจริงๆ โทร. 1186 ก็ได้ครับ ไม่งั้นก็มีเวบบอร์ดของกรมการประกันภัยให้ถามคำถาม หรือร้องเรียนเรื่องเกี่ยวกับการประกันภัยครับ

ที่คุณโป้งสงสัยว่าต่างชาติเค้ามีเงื่อนไขประกันอย่างไร ถึงจ่ายหมด ..นั่นคือ ข้อ 8. ในข่าวข้างต้นไงครับ แต่ต้องยอมรับด้วยว่าเบี้ยประกันต้องแพงขึ้น ซึ่งหลายครั้งผู้เอาประกันคิดว่าแพงไป และโอกาสเกิดน้อย ไม่ยอมจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม.... หากต้องการจริงๆ ผมว่าบริษัทไหนก็รับประกันได้นะ

ยอดเอาประกันภัยผลจากคลื่นยักษ์กว่า 38,000 ล้านบาท

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มกราคม 2548 04:16 น.


กรมการประกันภัยได้รายงานตัวเลขเงินเอาประกันภัยจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ ในส่วนการประกันชีวิต มีบริษัทประกันชีวิตที่ต้องรับผิดชอบรวม 11 บริษัท มีผู้เอาประกันภัยที่เรียกร้องเงินสินไหมรวม 75 ราย วงเงินรวม 35 ล้านบาท ส่วนการประกันวินาศภัย มีบริษัทประกันภัยที่รับผิดชอบ 38 บริษัท ในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ทั้งประกันภัยรถยนต์และทรัพย์สินต่าง ๆ รวม 9,970 ราย เงินสินไหมทดแทน 38,518 ล้านบาท

ลองตรวจกันดูนะครับ หรือใครมีข้อมูลบอกกันหน่อย บริษัทไหนจ่ายค่าสินไหมกันเท่าไหร่บ้าง

ไทยรับประกันภัยต่อคาด เสียหายจากสึนามิไม่เกิน100ลบ.
กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2548

นายสุรชัย ศิริวัลลภ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไทยรับประกันภัยต่อ บอกว่า ผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก อาจทำให้เบี้ยประกันกรณีแผ่นดินไหวพุ่งกว่าพันเท่า จากปัจจุบัน 0.001% ของมูลค่าทรัพย์สินที่เอาประกันทั้งหมด เพิ่มเป็น 0.1% ทั้งนี้บริษัทประเมินเบื้องต้นว่าต้องจ่ายความเสียหายประมาณ 2 พันล้านบาท แต่บริษัทก็ทำประกันภัยต่อกับบริษัทในต่างประเทศ ความเสียหายที่ได้รับคาดว่าไม่เกิน 100 ล้านบาท

ขณะที่ นายกสมาคมวินาศภัย ประเมินความเสียหายต่อทรัพย์สินเบื้องต้นที่ 2 หมื่นล้านบาท และความเสียหายต่อรถยนต์ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

พาณิชย์ เผยบริษัทประกันภัยจ่ายค่าเสียหายให้กับผู้ประกอบการที่ประสบภัยแล้ว 75 ราย (Efinancethai)

นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยถึงการชดเชยผู้ประกอบการในกรณี
คลื่นยักษ์ถล่ม ใน 6 จังหวัดภาคใต้ ว่าการประกันวินาศภัยได้มีบริษัทที่รับประกันในส่วนของ
ทรัพย์สินจำนวน 61 บริษัทด้วยกัน และได้ทำสัญญาชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่ประสบภัยไป
แล้ว 75 รายด้วยกัน
ทั้งนี้มีบริษัทที่รับประกันทรัพย์สินและบุคคลที่สูญหาย มีทั้งสิ้น 38 บริษัท ชดเชยไป
แล้ว 9,970 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 38,518 ล้านบาท โดยทางกรมการประกันภัย กระทรวง
พาณิชย์ ได้แจ้งว่า ทางบริษัทประกันภัยมีขีดความสามารถในการชดเชยค่าเสียหายกับผู้ประสบภัย
ทุกราย เพราะแต่ละบริษัทประกันภัยก็ได้มีการประกันหลักทรัพย์ไว้กับทางบริษัทประกันภัยต่าง
ประเทศ จึงมีขีดความสามารถในการชดเชยผู้ประสบภัยที่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทเหล่านี้

SWISS RE ยักษ์รับช่วงประกันภัยอันดับ 2 ของโลก ระบุพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิไม่
กระเทือนธุรกิจประกัน(Efinancethai)

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สวิสลี บริษัทรับช่วงประกันภัยรายใหญ่อันดับสองของโลก
ประเมินว่า ความสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่ง 12 ประเทศ จะมีมูลค่าไม่ถึง 100
ล้าน ฟรังส์สวิส (88.2 ล้านดอลลาร์)
โดยในหนังสือชี้แจงของบริษัทระบุว่า ค่าความเสียหายที่บริษัทประกันภัยต้องจ่ายชด
เชยให้กับผู้ทำประกันที่ประสบเหตุคลื่นยักษ์สึนามิ นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียของ
ชีวิตมนุษย์และความเสียหายทางเศรษฐกิจ ส่วนเงินประกันส่วนใหญ่ที่เป็นภาระของบริษัทประกัน
ส่วนใหญ่เกิดจากความเสียหายของทรัพย์สินและการหยุดชะงักของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการรับช่วงประกันภัยทำหน้าที่ค้ำประกันบริษัทประกันภัยอีกทอดหนึ่ง เพื่อ
กระจายความเสี่ยงในกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติครั้งใหญ่

SMG เผยขณะนี้กำลังตรวจสอบความเสียหายจากผู้เอาประกัน-อย่าห่วงทำประกันภัยต่อในปท.ตปท.ไว้แล้ว (Efinancethai)

กรณีที่ได้เกิดความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นใต้น้ำ (Tsunami) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม
2547ทำให้เกิดความเสียหายกับจังหวัดชายทะเลแถบฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต,
พังงา, ระนอง, กระบี่,ตรัง และ สตูล ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดคลื่นใต้น้ำที่มีความสูง
ผิดปกติ โดยเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน
นายจิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
(SMG)เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับประกันภัยทรัพย์สินของลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวไว้จำนวนหนึ่ง
ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว เพื่อทำการตรวจสอบ
และประเมินความเสียหายในเบื้องต้น ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยังอยู่
ในระหว่างการประเมินและตรวจสอบกับผู้เอาประกันภัย
ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการทำประกันภัยต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการกระจาย
ความเสี่ยงภัยของบริษัทฯ

คุณโป้งเจอข่าวอื่นมั้ยครับ ผมเห็นข่าวหน้าสองของกรุงเทพธุรกิจวันนี้ลงไว้ค่อนข้างละเอียด แต่ยังไม่เห็น online เลยยังไม่ได้โพสต์ครับ

ครับมีอีกข่าว โดยนายกสมาคมประกันวินาศภัย ข่าวอยู่ในเดลินิวส์ ไทยรัฐ ครับ

ด้านนายสุจินต์ หวั่งหลี นายกสมาคมประกัน วินาศภัย กล่าวว่า คลื่นยักษ์สึนามิเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหว ดังนั้น ผู้เอาประกันใน 6 จังหวัด ที่ทำประกันภัยแผ่นดินไหวทุกรายไว้ก็จะได้รับความคุ้มครอง และเงินค่าสินไหม ไม่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินจะมาจากสึนามิหรือน้ำท่วม หรือทั้งสึนามิและน้ำท่วมก็ตาม สำหรับผู้ที่ซื้อประกันเฉพาะภัยน้ำท่วม และได้รับความเสียหายจากสึนามิ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่หากซื้อเฉพาะภัยจากน้ำท่วม และได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ไม่ใช่ความเสียหายจากสึนามิก็จะได้รับความคุ้มครอง

อย่างกรณีของเกาะพีพี หรือเขาหลัก ความเสียหายที่เกิดขึ้นชัดเจนว่ามาจากสึนามิ ที่คลื่นมาแล้วกวาดทุกอย่างหายไปหมด ผู้ที่ซื้อภัยจากแผ่นดินไหวก็จะได้รับความคุ้มครอง แต่หากซื้อเฉพาะภัยน้ำท่วมจะไม่ได้รับความคุ้มครอง เพราะความเสียหายเกิดจากคลื่นสึนามิ ไม่ใช่น้ำท่วม แต่กรณีของหาดป่าตอง และชายหาดอื่นๆ ที่น้ำเอ่อเข้าไปท่วมจนทรัพย์สินได้รับความเสีย แต่ไม่ได้ถูกคลื่นกวาดหายไปหมด เช่น กรณีห้างสรรพสินค้าบางแห่งที่ถูกน้ำท่วม หากซื้อประกันภัยน้ำท่วมจะได้รับความคุ้มครองแต่ถ้าซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวก็จะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมหมด อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันที่ซื้อประกันแผ่นดินไหวจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ทันที แต่ผู้ที่ซื้อเฉพาะภัยจากน้ำท่วม หรืออัคคีภัยและภัยอื่นๆ จะพิจารณาตามกรมธรรม์ว่า ภัยอื่นๆ รวมถึงภัยจากน้ำท่วมด้วยหรือไม่ ไม่ใช่ว่าผู้ทำประกันจะได้รับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเหมือนกันหมด

ทั้งนี้ สมาคมฯพบว่าผู้เอาประกันภัย 6 จังหวัด แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ 1. ธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น โรงแรม รีสอร์ต ส่วนใหญ่จะซื้อประกันภัยแบบ all risk ซึ่งครอบคลุมถึงภัยจากแผ่นดินไหวก็จะได้รับความคุ้มครองหากเกิดความเสียหาย 2. ผู้เอาประกันที่ซื้อเฉพาะอัคคีภัย แต่ไม่ได้ซื้อภัยอื่นเพิ่ม จะไม่ได้รับความคุ้มครองใดๆ และ 3. ผู้เอาประกันที่ซื้อภัยจากอัคคีภัยและซื้อภัยอื่นๆรวมถึงน้ำท่วม ก็จะได้รับความคุ้มครอง

สรุปตามที่อ่านนะครับ ผู้ที่ทำประกันภัยแผ่นดินไหวบวกเข้าไปด้วย ได้รับความคุ้มครอง 100% ส่วนผู้ที่ทำประกันประเภท อัคคีภัย น้ำท่วม จะต้องไปดูความเสียหายว่าเกิดจากน้ำกักขังหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ได้ ถ้าเกิดจากคลื่นซัดแล้วหายไปกับทะเลก็ไม่ได้ แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ โรงแรม รีสอร์ท ส่วนใหญ่จะทำประกันแบบรวมแผ่นดินไหวบวกเข้าไปด้วยแล้วครับ

................................................................................................................

ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.รับทราบว่ามีบริษัทประกันชีวิต 11 บริษัท ที่รับประกันชีวิตผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตซึ่งสามารถระบุรายชื่อขณะนี้ได้ 75 ราย คิดเป็นความเสียหาย 35 ล้านบาท และมีบริษัทประกันวินาศภัย 38 บริษัท ที่รับประกันทรัพย์สินและบุคคลที่คาดว่าจะสูญเสียและเสียหาย 9,970 ราย โดยมีเงินเอาประกันภัยเบื้องต้น 38,518 ล้านบาท แต่บริษัทประกันภัยทำประกันภัยต่อในต่างประเทศ จึงรับเสี่ยงภัยไม่เกิน 1,900 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังทำสัญญาจำกัดความรับผิดในวงเงินหรืออัตราค่าเสียหายขั้นสูงสุด ส่วนเกินนั้นบริษัทประกันภัยต่อเป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้บริษัทประกันภัยในไทยจะรับผิดชอบจริงไม่เกิน 800 ล้านบาท.

ดูตามที่โฆษกรัฐบาลพูดมา บริษัทประกันในไทยจะจ่ายอีกเพียง 800 ล้านบาทครับ คือรวมทุกบริษัทแล้ว แสดงให้เห็นว่าบริษัทประกันในบ้านเรามีการกระจายความเสี่ยงไปยังบริษัทต่างชาติไว้ได้ดีมากครับ