Thai VI

ปีนี้ตั้งแต่ต้นปี port รวมเงินสด และ กองทุน ติดลบไป 6.8%
ควรจะปรับอะไรอย่างไรบ้างครับ

STOCK Cost portion
Energy BAFS 12.7 3.77%
EGCOMP 60.49 11.15%
PTT 102.27 0.00%
Total 14.92%
Enter MCOT 23.76 5.66%
GRAMMY 17.9 3.53%
total 9.19%
Bank KBANK 47.56 0.00%
SCB 48.6 11.53%
total 11.53%
Jewelry PRANDA 6.2 6.92%
PRANDA-W 3.71 1.98%
Total 8.90%
Commu SHIN 24.44 25.63%
Total 25.63%
Vehicles STANLY 104.96 13.33%
Total 13.33%
Food TF 290.58 6.87%
S&P 26.42 3.06%
Total 9.93%
Text WACOAL 23.19 6.56%
Total 6.56%

มันติดลบได้ไง กินเก่งรึเปล่าครับ

ติดลบเพราะมีบางตัวที่ซื้อสูงตอนช่วงต้นปี แล้วตัดขาดทุนขายไปเช่น tuf gmmm gold (แต่ละตัวเป็นบทเรียนที่ไปเชื่อบทวิเคราะห์มากเกินไป และเชื่อนายกด้วย) และพยายาม keep เงินสดไว้ใน port ประมาณ 20 ในปีนี้ครับ

ในความคิดผม เลือกศึกษาตัวที่สนใจ และขายตัวที่มองว่าไม่ดี หรือเจอว่าไม่ดีออกไปครับ

แล้วจากนั้น ค่อยดูว่าจะซื้อตัวเดิมเพิ่ม หรือซื้อตัวใหม่ ก็วิเคราะห์เอง ศึกษาให้มากครับ

GOLD นี่แสบอ่ะค่ะ เชื่อนักวิเคราะห์เหมือนกัน สมีกอลว่า 26
ทิสโก้--->โบรกที่ว่ากันว่าบทวิเคราะห์ดีที่สุด ว่า 17 เฮ้อๆ

ผิดเองที่เชื่อเค้า

bigbuck เขียน: EGCOMP 60.49
PTT 102.27

ซื้อไว้ตอนไหนเนี่ย ตอนนี้คงบวกไม่รู้เท่าไรแล้ว

เอ ขาดทุนแค่ 6 % น้อยมากเลยครับ สงสัยผมคงต้องคุณมากกว่ามั้ง

ก่อนปรับ ถ้าคุณเขียนเหตุผลประกอบการซื้อหุ้นแต่ละตัวจะดีกว่ามังครับ
ถ้าบอกมาลอยๆ แบบนี้ ผมก็แนะนำลอยๆ ว่าให้ขายทิ้งทั้งหมดก่อนปิด
ตลาดวันนี้ กลับไปทำการบ้านว่าอยากซื้อหุ้นตัวไหน เพราะอะไร ดีอย่างไร
เสร็จแล้วก็ค่อยเข้าซื้อในปีหน้า เมื่อราคาถูกใจ

CK เขียน:ก่อนปรับ ถ้าคุณเขียนเหตุผลประกอบการซื้อหุ้นแต่ละตัวจะดีกว่ามังครับ
ถ้าบอกมาลอยๆ แบบนี้ ผมก็แนะนำลอยๆ ว่าให้ขายทิ้งทั้งหมดก่อนปิด
ตลาดวันนี้ กลับไปทำการบ้านว่าอยากซื้อหุ้นตัวไหน เพราะอะไร ดีอย่างไร
เสร็จแล้วก็ค่อยเข้าซื้อในปีหน้า เมื่อราคาถูกใจ

มาดุแฮะวันนี้

Ptt ขายไปเมื่อปลายปี 03 ตอน 180 เผอิญไม่ได้เอาออก
ส่วน Egcomp ยังอยู่ดีครับ

เหตุผลในการซื้อแต่ละตัวคือ
Bafs ค่อนข้างจะผูกขาดในอนาคต ประวัติการบริหารดี
Egcomp ไฟฟ้า ยังไงๆก็ต้องใช้ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะดีจะร้าย
mcot แห่ตามซื้อ ไม่ได้ศึกษาอย่างลึก แต่ไม่เป็นไรกะถือยาว(ข้อแก้ตัว)
Grammy เชื่อบทวิเคราะห์ ช่วงปีที่แล้ว แต่ยังก็มีทรัพย์สินที่ไม่สามารถประเมินราคาได้มากในบริษัท
kbank เพิ่งขายไปตอน 50 ต้นๆ เพราะอึดอัดมาตั้งแต่ต้นปี เสียดาย ชอบการบริหารของธนาคารนี้
SCB ชอบที่เขาเน้นด้าน IT มากกว่าธนาคารอื่น และมี Service ที่ครอบคลุมมากกว่าใคร น่าจะมีความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาวได้
Pranda มีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ อยู่ในบริษัทที่มีขนาดพอๆกับ pranda แต่ไม่ได้เข้าตลาด เห็นเจ้าของรวยเอารวยเอา พอมาดูการทำกำไรของ pranda แล้วถามเพื่อนจึงได้รู้ว่าธุรกิจนี้หอมหวลไม่ไช่เล่น
pranda-w มีไว้เล่นสั้น เพราะ ราคาติดกับตัวแม่ชนิดแม่ขึ้นเท่าไรลูกขึ้นเท่านั้น(X ได้ทุกเดือน) แต่ W มี gearing
shin ชอบที่เป็นรายใหญ่ในอุตฯ แล้ว เที่ยบบุคคลากรขององค์กรแล้วเหนือกว่าบริษัทอื่นๆในอุตฯ (เคยพยายามไปยกเลิกบริการครั้งหนึ่งแล้วทำไม่ได้ เพราะพนักงานใส่ใจและพยายามอย่างมากในการกล่อมให้เราไม่ยกเลิก เก่งมาก)
Stanly ทำงานอยู่ในวงการรถยนต์อยู่แล้ว ค่อนข้างผูกขาด และมี Technology แต่การที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นรู้สึกว่าไม่รู้มีการ โอนกำไรไปบริษัทแม่บ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่ดูประวัติแล้วค่อนข้างพอใจ (เคยซื้อมาขายไปตั้งแต่ตอน 40 กว่าบาท เสียดายที่ซื้อไปขายมาเลยอดได้เป็นเท่าตัว)
TF ขนาดคนไทยเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จฯว่า มาม่า แล้วล่ะก้อ ไม่ซื้อไม่ได้ และ FTA ในอนาคตที่จะเปิดเสรีเรื่องแป้งสาลี น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ TF มากๆ (UFM น่าจะแย่)
S&P ดูงบแล้วดี แถมสินค้าที่ขายมีราคาแพง แต่ยังขายได้ดีด้วย
Wacoal ถ้าผู้หญิงเลิกใส่ยกทรงเมื่อไหร่จะขายให้หมด

เหตุผลแต่ละตัวเป็นอย่างนี้ครับ ตอนนี้ถือเงินสดประมาณ 20% ของทั้ง port ไม่ทราบว่ามากเกินไปหรือไม่

ส่วนใหญ่เป็นหุ้นคุณภาพดีครับ
แต่ผมมีข้อสังเกตุดังนี้ครับ..

1.หุ้นดีแต่ซื้อที่ราคาแพงคือ stanly s&p หากดูที่ข้อมูลย้อนหลังแล้วดูดีครับ แต่พีอีค่อนข้างสูงนะครับ คิดแบบรวมวอร์แรนต์สำหรับ s&p

2.ผมไม่ชอบหุ้นธนาคารครับ ผมเคยอ่านบทความที่กล่าวไว้ว่า หากธนาคารมีหนี้สูญแค่รายเดียว ต้องชดใช้ด้วยดีลดีๆ ถึง 20 รายครับ ผมคิดดูแล้วดูจะเป็นจริงครับ ดูจากวิกฤติเศรษกิจที่ผ่านมา และทำให้ธนาคารมักจะต้องเพิ่มทุนเสมอ จนผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีเงินเติมเพิ่ม ต้องโดนลดสัดส่วนจนมีหุ้นอยู่ไม่กี่% (ผมเคยคิดว่า scb มี it ที่ดีเช่นเริ่มใช้ atm รายแรก แต่ดูตอนนี้ซิครับ ผมเปิดบัญชีที่ scb กว่าจะได้บัญชี บัตรเอทีเอ็มต้องใช้เวลาประมาณ 7 วัน แต่ผมทำที่ Kbank ใช้เวลาแค่วันเดียวครับ)

3.หุ้นที่ธุรกิจอิ่มตัว คือ mcot tf wacoal คือโอกาสที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดเป็นไปได้น้อย แต่โอกาสที่จะเสียส่วนแบ่งการตลาดมีมาก บางครั้งการซื้อหุ้นเพียงเพราะใช้ความรู้สึก(กรณี tf wacoal) คงยังไม่พอครับ ควรดูที่งบการเงิน และปัจจัยด้านอื่นๆด้วย

ส่วยตัวอื่นๆ ผมคิดว่าดีครับ อย่าง pranda ผมดูกำไรแล้วน่าประทับใจครับ ดูบริษัทจะมีกรยุทธ์ในการแข่งขันที่ดีครับ

ทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปครับ..

คุณ bigbuck ไม่ทราบว่าคุณได้คำนวณราคาตามปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทด้วยหรือเปล่า ทุกบริษัทที่คุณลงทุนเป็นบริษัทที่ดี มีชื่อเสียง ผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทที่ดีแล้วเราจะซื้อได้ทุกราคา ซึ่งผมว่าคุณก็คงจะเหมือนกับนักลงทุนทั่วไปที่ไม่ใช่นักเก็งกำไรรายวัน ที่มักจะคิดว่าการลงทุนนั้น ถ้าเราเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงที่ดี สินค้าเป็นผู้นำตลาด ผู้บริหารมีชื่อเสียง อีกทั้งเงินลงทุนก็เป็นเงินเย็น และตั้งใจลงทุนระยะยาวก็เพียงพอที่จะทำให้ได้กำไร

แน่นอนว่าถ้าคุณเริ่มลงทุนในช่วงดัชนีต่ำๆ 200-300 จุด ถ้าคุณซื้อหุ้นเหล่านี้ แน่นอนว่าคุณย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีมาก แต่ถ้าคุณซื้อในดัชนีช่วง 700-800 จุด คุณย่อมมีโอกาสขาดทุน

แล้วถ้าคุณไม่ได้คำนวณราคาเป้าหมาย แล้วคุณจะตัดสินใจด้วยอะไรว่าจะขายเมื่อไร ใช้ความรู้สึกหรือเปล่า

ขอขอบคุณทุกท่านครับที่ให้คำแนะนำ
สงสัยว่าปี 03 ผลตอบแทนดีไปหน่อย ซื้ออะไรก็ถูก เลยไม่ค่อยได้ศึกษาให้ลึก
เป็นบทเรียนที่ดีครับ
โชคดีที่ปีนี้งานค่อนข้างยุ่งเลยไม่ค่อยได้ trade เท่าไร
มิฉะนั้นคงติดลบเยอะกว่านี้มาก