Thai VI

Symbol: LRH
Headline: ผลกระทบจากสึนามิต่อ ลากูน่า ภูเก็ต
Time: 28 ธ.ค. 2004 08:34:53


ที่ ทห. D064/2547


วันที่ 27 ธันวาคม 2547


เรื่อง ผลกระทบจากสึนามิต่อ ลากูน่า ภูเก็ต

เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


จากเหตุการณ์สึนามิพัดโถมเข้าสู่เกาะภูเก็ตเมื่อวานนี้ ระหว่างช่วง
เวลา 8.00 น. และ 13.00 น. ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้คนและทรัพย์สิน
เป็นจำนวนมาก บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) (บริษัท)
ขอแจ้งสถานการณ์ล่าสุด ในเรื่องของการดำเนินงานของโรงแรมของบริษัท ที่ตั้งอยู่ที่
ลากูน่า ภูเก็ต เกาะภูเก็ต ให้แก่ท่านผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับทราบ


นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ ลากูน่า ภูเก็ต ตั้งอยู่ในทำเลที่ได้รับผลกระทบ
จากแรงคลื่นเบาบาง จึงส่งผลให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรายงานความ
เสียหายในพื้นที่อื่นของภูเก็ต


บริษัทมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ห้องพักของโรงแรมได้รับความเสียหาย
เพียง 50 ห้อง จากจำนวนห้องพักทั้งหมด 900 ห้อง สำหรับความเสียหายอื่นได้แก่ ร้าน
จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 8 แห่งทั่วทั้งรีสอร์ท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำ
เนินการได้ใหม่ภายใน 3 - 4 วัน ฝ่ายจัดการคาดว่าจะสามารถเก็บกวาดเศษซากต่าง ๆ
ตามชายหาดและทะเลสาบ ได้เรียบร้อยในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จากความเสียหายที่มี
จำกัดนั้น ส่งผลให้โรงแรมทั้ง 4 แห่ง ของ ลากูน่า ภูเก็ต ยังสามารถดำเนินการและทำ
ธุรกิจได้ต่อไปตามปกติ


บริษัทได้รายงานเหตุการณ์ให้กับบริษัทประกันภัยของบริษัทได้รับทราบและอยู่
ระหว่างดำเนินการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น


บริษัทจึงถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผู้ที่
สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


ขอแสดงความนับถือ




(นายควน เชท)
กรรมการ

ดำเนินการได้ตามปกติ
แล้วจะมีใครไปพักหรือเปล่า
ข่าวออกไปทั่วโลกแบบนี้

น่าจะรายงานด้วยว่าเขายกเลิกการเข้าพักแล้วกี่%

วิกฤติครั้งนี้ ผลกระทยเป็น 10 ปี น่ากลัวจริงๆ

ในระยะยาว ธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามันคงกระทบหนัก เพราะรายได้หลักของธุรกิจมาจากนักท่องเที่ยว รวมถึงเงินที่ไหลเวียนอยู่

สิ่งที่ต้องทำหลังจากให้ความช่วยเหลือ และคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้าเสร็จแล้วก็คงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม โดยต้องร่วมมือกันทั้ง คน และ ธรรมชาติ
และเท่าที่พิจารณาดู คงใช้เวลาในหลักของปี อาจจะ 2-5 ปี นี้ผมก็คิดว่าเร็วแล้วครับ โดยเฉพาะเรื่องของปะการัง เพราะจะมีเรื่องของระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน จะในทางที่ดีหรือร้ายก็คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญบอกนั่นล่ะ

สำหรับ LRH ทรัพย์สินอาจจะกระทบไม่มาก แต่เรื่องของรายได้ คิดว่ามีผลในอนาคตแน่นอน
ใครพอมีข้อมูลในอดีตเกี่ยวกับการมาเที่ยวของนักท่องเที่ยวในช่วงของ SARS บ้างครับ น่าจะเป็นข้อมูลที่พอเปรียบเทียบกันได้

ก็ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ อย่างสุดซึ้งกับบุคคลที่สูญเสียบุคคลที่รู้จัก ญาติพี่น้องในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยครับ

ผมว่าเปลี่ยนแน่นอนครับ สภาพแวดล้อมที่สวยงามคงอีกนานที่จะกลับไปดังเดิม คงสงสารบริษัทหลายแห่งที่เร่งไปสร้างกิจการเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมต่างๆทั้งที่กระบี่และภูเก็ต ศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่ภูเก็ต โครงการจังซีลอนที่คุณอนันต์เพิ่งใช้เงินส่วนตัวร่วมลงทุนได้ไม่นาน

แบบนี้ในงบการเงิน ผลการดำเนินงานย่อมลดลงครับ แต่มูลค่าสินทรัพย์จะด้อยค่าลงด้วยหรือเปล่า เพราะตามหลักการลงบัญชี มูลค่าสินทรัพย์ถาวรขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต

ผมค่อยๆคิดน่ะครับว่า การท่องเที่ยวขายอะไรบ้าง

1. ดำน้ำดูประการัง (ประการังต้องการเวลาประมาณ 10-20 ปีถึงจะคืนสภาพ)
2. ทะล หาดทราย ( ตอนนี้หาดทรายขาวโดนคลุมด้วย ทรายจากทะเล ไม่รุ้ว่าอีกนานขนาดไหนถึงจะคืนสภาพ)
3. อาหารไทย (ยังดีอยู่ครับ)
4. บรรยากาศ ( สภาพรีสอร์ทน่าจะยังดีอยุ่แต่ น่าจะมีความกลัวเหลืออยุ่อีกอย่างน้อย2-3 เดือน ซึ่งเป็น ช่วงพีกซีซัน)
5. ทัวร์รูปแบบไม่ค่อยสวยอื่นๆ (ยังดีอยู่เพราะว่า ก็น่าจะมีคนขายอยู่)

อืมม คิดไม่ออกแล้ว
ตอนนี้พื้นฐานเปลียนหรือยัง ผมว่าค่อยๆ ถามตัวเองก็ดีครับ
เวลาไปเที่ยวหวังว่าจะเจออะไร แล้วตอนนี้ โรงแรม ให้สิ่งที่พี่ๆ หวังได้หรือเปล่า

ปรัชญา เขียน:ดำเนินการได้ตามปกติ
แล้วจะมีใครไปพักหรือเปล่า
ข่าวออกไปทั่วโลกแบบนี้

น่าจะรายงานด้วยว่าเขายกเลิกการเข้าพักแล้วกี่%

มัสลิน สุขพัฒนานรากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ยอดการจอง(บุ๊คกิ้ง)ใหม่ที่เตรียมจะเข้าไปยังจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์
ได้ยกเลิกแทบ 100% แล้ว การฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่ารัฐจะเร่งดำเนินการภายในเวลา 6 เดือน
และเชื่อว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 ปี

1. จริงๆแล้วดำน้ำดูประการัง ก็เป็นจุดขาย แต่บางเกาะเช่นตาฮิติ ก็ไม่มีที่ให้ดำน้ำนะครับ
เขาใช้วัฒนธรรมมาดึงดูดนักท่องเที่ยว คือการเต้นระบำแบบพื้นเมือง
2. ทะเลทรายของเราสวยจริงๆ ต่างประเทศ ไม่น่าจะสวยเท่า
3. อาหารไทย ฝรั่งบางคนก็กินได้ บางคนก็กินไม่ได้
4. บรรยากาศ รีสอร์ท ของเราน่าจะสู้ต่างประเทศได้นะครับ

ขอเสริมว่า ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ ลองคิดถึงประเทศยุโรป ตอนอากาศหนาวมากๆ คืออยู่แล้วหนาวเกือบตาย ทรมานมากๆ เช่นที่นอรเวย์ มีเพื่อนคนหนึ่ง ขอบเดินทางมาเมืองไทย และก็แวะดำน้ำแถวภาคใต้ ครั้งหนึ่ง ใช้เวลา 15 วัน จริงๆแล้ว เขาหนีหนาวมาพึ่งร้อนนะครับ

ขอให้เอาความร้อนของเมืองไทยเป็นจุดขาย นะครับ

เหมือนอย่างคนไทยกันเอง เราก็อยากไปเจอหิมะ สักครั้งในชีวิต

งั้นโรงแรมชั้นดี ที่ไม่ได้มีแค่ในภูเก็ตที่เดียว ถ้าราคาตกมาก แล้วโรงแรมสาขาจังหวัดอื่นยังดีอยู่

ก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะเก็บ แต่ถ้าใช้เวลานานจริงถึงจะฟื้นฟู รอประกาศผลไตรมาส 1 ปีหน้า น่าจะได้เห็นราคาฮวบลงไปอีก

อาจได้เห็น rgr 1.x ohtl 2xx centel 9.x อิอิ เดาเอานะ

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

1. ดำน้ำดูประการัง (ประการังต้องการเวลาประมาณ 10-20 ปีถึงจะคืนสภาพ) 
2. ทะล หาดทราย ( ตอนนี้หาดทรายขาวโดนคลุมด้วย ทรายจากทะเล ไม่รุ้ว่าอีกนานขนาดไหนถึงจะคืนสภาพ) 
3. อาหารไทย (ยังดีอยู่ครับ) 
4. บรรยากาศ ( สภาพรีสอร์ทน่าจะยังดีอยุ่แต่ น่าจะมีความกลัวเหลืออยุ่อีกอย่างน้อย2-3 เดือน ซึ่งเป็น ช่วงพีกซีซัน) 
5. ทัวร์รูปแบบไม่ค่อยสวยอื่นๆ (ยังดีอยู่เพราะว่า ก็น่าจะมีคนขายอยู่

1. จริงๆแล้วดำน้ำดูประการัง ก็เป็นจุดขาย แต่บางเกาะเช่นตาฮิติ ก็ไม่มีที่ให้ดำน้ำนะครับ
เขาใช้วัฒนธรรมมาดึงดูดนักท่องเที่ยว คือการเต้นระบำแบบพื้นเมือง
2. ทะเลทรายของเราสวยจริงๆ ต่างประเทศ ไม่น่าจะสวยเท่า
3. อาหารไทย ฝรั่งบางคนก็กินได้ บางคนก็กินไม่ได้
4. บรรยากาศ รีสอร์ท ของเราน่าจะสู้ต่างประเทศได้นะครับ

ขอเสริมว่า ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ ลองคิดถึงประเทศยุโรป ตอนอากาศหนาวมากๆ คืออยู่แล้วหนาวเกือบตาย ทรมานมากๆ เช่นที่นอรเวย์ มีเพื่อนคนหนึ่ง ขอบเดินทางมาเมืองไทย และก็แวะดำน้ำแถวภาคใต้ ครั้งหนึ่ง ใช้เวลา 15 วัน จริงๆแล้ว เขาหนีหนาวมาพึ่งร้อนนะครับ

ขอให้เอาความร้อนของเมืองไทยเป็นจุดขาย นะครับ

เหมือนอย่างคนไทยกันเอง เราก็อยากไปเจอหิมะ สักครั้งในชีวิต

คงต้องเทียวว่า ผู้บริโภค(นักท่องเที่ยวและบริษัททัวต่างชาติ) มีสินค้าทดแทนที่ดีกว่าเป็นตัวเลือกหรือไม่ ถ้ามีเท่าไหร่ และดีด้อยกว่าแค่ไหน ผมว่าอันนี้สำคัญในการประเมินผลกระทบนะครับ

สำหรับคนไม่มีหุ้นอยู่ในมือ

ลองไปมองกลุ่มอื่นน่าสนใจกว่า อัตราเสี่ยงน้อยกว่าเยอะครับ

สิงค์โปร์ ใหญ่เท่าภูเก็ต ต่างก็แค่คนบริหาร

ผมว่า..สาธารณูปโภคหลักๆยังดีอยู่ จังหวะนี้น่าจะเปิดศูนย์บันเทิงที่ไม่ต้องพึ่งธรรมชาติ เช่นศูนย์การค้าปลอดภาษี สปา นวด สนามม้า สนามแข่งรถ แข่งเรือ คาสิโน ย้ายกิจกรรมพวกนี้ลงไปภูเก็ตให้เยอะๆ

ตอนนี้ภูเก็ตเป็นที่รู้จักทั่วโลกแล้ว ผมว่าเปิดจริงล่ะมาแรงแน่ๆ เผลอๆจะบูมกว่าที่เคยเป็นอยู่อีกครับ

แต่กระทรวงวัฒนธรรมจะยอมหรือครับพี่ เจย์ โช