Thai VI

สงสัย

ดีกับผู้นำเข้า

ไม่ดีกับผู้ส่งออก

เงินบาทแข็งขึ้น เศรษฐกิจภายในประเทศก็ชะลอตัวลงครับ การจับจ่ายใช้สอยก็น่าจะน้อยลงด้วย

ในขณะที่นำเข้าดีเราก็อาจเกิดขาดดุลขึ้นได้อันนี้ต้องระวังให้มากครับ ยิ่งค่าเงินแพงเราต้องพยายามลดต้นทุนของการผลิตในประเทศเพื่อคงสภาพของราคาของสินค้าไว้ หรืออาจต้องลดราคาด้วยเพื่อจะได้ส่งออกได้คล่อง
:lol: ส่วนธุรกิจที่ผลิตและขายในประเทศก็มีปัญหาในการแข่งขันกับสินค้านำเข้าอีก
แต่โอกาสทองเป็นของผู้ผลิตที่ต้องการขยายกำลังการผลิตโดยสามารถซื้อสินค้าทุนได้ในราคาถูกลงครับ

การที่เรามองแต่เพียงว่าค่าเงินบาทอ่อนจะดี เพราะส่งออกได้มาก นำเข้าน้อย ประเทศได้ดุลการค้ามากๆ

ผมว่าถูกต้องหรือไม่ที่เรามองแต่เพียงว่าจะทำให้ประเทศได้ดุลการค้า โดยเฉพาะค่าเงินบาทอ่อนเกินความเป็นจริง

ถ้าการได้ดุลการค้านั้น เกิดจากการที่ประเทศเราต้องใช้ทรรัพยากรจำนวนมากเพื่อผลิตและขายสินค้าให้แก่ชาวโลกด้วยราคาต่ำกว่าความเป็นจริง และต้องซื้อสินค้าจากชาวโลกที่แพงกว่าความเป็นจริง

นั่นหมายความว่าประชาชนไทยต้องทำงานหนักกว่าชาวโลกเพื่อหารายได้ และต้องซื้อสินค้าในราคาแพงกว่าชาวโลก

ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ... หรือเปล่า? :lol:

เห็นด้วยกับพี่ chatchai ครับ

ในเมี่อเราไม่มีหนี้แล้ว (ตามที่รัฐบอก) ทำไมเราไม่อยู่นิ่งๆ บ้าง เอาแค่อยู่กันสบายๆ ที่เกินก็ค่อยขาย รักษาทรัพยากรกันไว้ ผมว่าประเทศเราพื้นฐานดีจะตาย อาหารก็เพียบ
ธรรมชาติก็สวย วิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ก็ดีจะตาย มีเอกลักษณ์ด้วย

ไม่เห็นต้องง้อใครเลย จะขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก็ใช้ เงินออม ออมกันเอง ลงทุนกันเอง แบบ TVI นี่แหละ ตัว I ใน GDP ก็มั่นคง แน่นนอนขึ้น

พี่ๆเพื่อนๆ ว่าไงครับ หรือว่า conservative เกินไป เดี๋ยวนี้ต้องบุกแหลก ลุยโลดดด

บุกแหลกก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่บุกแหลกโดยการลดราคา เอะอะก็โวยวายว่าค่าเงินบาทแข็งเดี๋ยวส่งออกไม่ได้

เราควรพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต สร้าง Brand ให้ติดตลาดโลก ต่อไปเราจะได้ขายสินค้าได้ราคา ไม่ใช่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อไปแลกเงินดอลล่าร์ที่ไม่ค่อยมีมูลค่าเท่าไร

โอ้โหพี่ เห็นด้วยเลย
ขอคารวะ 1 จอก พร้อมเปิดเพลง ช่ายยย เลย

วันนี้เมาจัง

chatchai เขียน:บุกแหลกก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่บุกแหลกโดยการลดราคา เอะอะก็โวยวายว่าค่าเงินบาทแข็งเดี๋ยวส่งออกไม่ได้

เราควรพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต สร้าง Brand ให้ติดตลาดโลก ต่อไปเราจะได้ขายสินค้าได้ราคา ไม่ใช่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อไปแลกเงินดอลล่าร์ที่ไม่ค่อยมีมูลค่าเท่าไร

ใช่แล้วครับ องค์ประกอบของสินค้า/บริการ ว่าจะ work ไหมอย่างที่รู้กัน
1. cost
2. quality
3. delivery
ซึ่งเป็นองค์ประกอบภายในเราตต้องทำให้ได้ทั้ง 3 ประการครับ
ลำพังใช้กฏของตลาดทำให้ได้เปรียบต้นทุนมันไม่ยั่งยืนแน่นอน

ต้องเริ่มครับแบบไทยๆเราเนี่ยแหละผมว่าเราทำได้
ผมได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นมาในเรื่อง Machine that change the world ผมคิดว่าพี่ไทยไม่แพ้ใครเราต้องทำได้แน่ครับ เราอาจเป็น Machine that change the world part 2 ก็ได้ครับให้โลกนี้รู้ว่าเราคือไทยครับ
ปัญญาของไทยไม่แพ้ใครในโลก ขึ้นกับว่าเรารวมตัวกันแค่ไหน
อย่าลืมว่าเราเองไม่เคยเสียกรุงนะครับ
ตอนอยุธยาก็เพราะเราอ่อนแอภายในมายาวนาน แต่ยุคนี้เรารวมพลังกันชาติเจริญแน่ครับ

ส่วนงานบริการของไทยเราบุกพิชิตตลาดโลกได้แน่ครับ
งานผลิตเราได้ demming prize ตั้งหลายบริษัทแล้วประกันอะไรได้หลายอย่างนะครับ สักวันไทยจะผงาดในเวทีโลกแน่นอนครับ ผมเชื่อ และผงาดอย่างสันติไม่กร้าวร้าวด้วย อยู่อย่างค่อยเป็นค่อยไปนี่แหละ + กับการวิจัยและพัฒนาไม่ก็อะไรกได้ในแบบที่เราถนัด
เราคนไทยทำอะไรได้ก็ช่วยกันนะครับ

อ่านแล้วรู้สึกถึง ความยิ่งใหญ่อย่างอ่อนน้อม ครับคุณ Ch army นี่แหละ ไทยแท้ ดีดี

อย่างนี้เรื่อง OTOP เราก็มาถูกทางแล้วใช่ไหมครับ พอดีวันก่อนไปงานเขามา
ดีครับ รู้สึกคนเยอะดี คนคงให้ความสนใจเยอะขึ้น

ครับหากพูดเรื่องกลยุทธ์ของรัฐบาล ที่ออกมาแม้หลายคนจะบอกว่า รัฐบาลนี้ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้รวมถึงทางบ้านผมด้วยเพราะ มีย่า อาๆเป็นหัวคะแนนของ ปชป.

แต่ผมว่า OTOP กับ SMEs ที่รัฐบาลส่งเสริมผมเห็นด้วยมากครับแม้ตอนนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างแต่ในวันหน้าพวกนี้แหละครับจะมาอยู่ในตลาด mai ให้พวกเราเลือกลงทุนแน่นอน ซึ่งพวกนี้ผมขอชื่นชมคุณทักษิณครับ
แต่เรื่องอื่นๆที่เค้าว่ากันผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องมหภาคครับ บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจเรื่องการฮั้วประมูล คอรัปชั่นเรื่องผมไม่มีข้อมูลเลยจึงตอบลำบากครับ ของอย่างนี้

คนเรามีสอด้านเสมอขึ้นกับว่าข้างไหนจะชนะและแสดงบทเด่นในตัวเรา ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้ดีเลิศ แต่ก็ไม่ใช่แย่ซะแบบที่ขาประจำออกมาพูดครับ
เพราะนักการเมืองที่เข้ามาโดยไม่หวังผลเลยผมว่า ยังไม่เกิดหรือไม่ก็ไม่เหลือแล้วครับ

คนไทยเรามีศิลปวัฒนธรรมที่ดีมากงดงามครับเอามาใส่ใน product หรือ package ของเราได้สบายเลย หากใครมีฝีมือลองคิดดูนะครับ ผมเองหัวไม่ศิลปเท่าไรเสียดายโอกาสอย่างนี้จัง
ที่สำคัญงานบริการของเรา คนไทยยิ้มเก่งอัธยาศัยดีมากครับ ติดที่ภาษาไม่ถึงขั้น หากเราพัฒนาคนไทยเก่งอังกฤษเอาแบบพูดรู้เรื่องฟังออกผมว่า อาชีพใหม่ของประเทศคือส่งออก ไกด์ หรือ สปานี่ทำได้แน่ครับ ผมเชื่อในนิสัยที่ดีมากขอคนไทย ใครไปใครมารับต้องต้อนรับขับสู้สุดฤทธิ์อยู่แล้ว ซึ่งอันนี้เป็นผลพวงจากสังคมศักดินา นะครับผมว่าซึ่งเห็นข้อดีก็ตรงนี้แหละ เราคนไทยเลยรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ น้อมนอบต่อผู้ใหญ่ครับ เค้าว่าพวกนี้ฝรั่งเค้าไม่มีเท่าไรนะครับ เห็นได้จากที่ญี่ปุ่นเค้ามีจักรพรรดิ์เนี่ยคนเค้าก็น้อบน้อมครับ(เท่าที่ฟังๆมา)

เราเป็นต่อคนทั้งโลกเรื่องนี้สักวันพวกที่จบสูง ดร. เอย MBA เอยคงต้องมาร่วมมือกับชาวบ้านตาดำๆที่เค้าไม่ถือยศถือตัว ประสานพลังกันรับรองธุรกิจสายบริการของไทยสบายแน่ครับ อย่างน้อยดูทีวีสปาไทย go inter แล้วนะครับ

หากใครสนใจสู้เลยครับ แล้วอย่าลืมแนะนำช่องทางผมด้วยก็ดีครับอยากทำแต่ไม่เห้นช่องเลย(ไม่มีเงินด้วย)

จริงๆแล้วเงินบาทแข็งดีหรืออ่อนดีไม่ใช่ประเด็นครับ ที่สำคัญควรจะเป็นไปในลักษณะที่มีเสถียรภาพมากกว่า เพราะกรณีเงินบาทอ่อน แม้จะส่งผลดีต่อการส่งออกแต่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะภาคreal sector(อย่าลืมนะครับ GDP=C+I+G+(Ex-Im)) หรือในกรณีค่าเงินอ่อนตัวต่อเนื่องก็เกิดวิกฤติได้เช่นกัน เช่นที่เคยเกิดในแม็กซิโกที่คนแห่ไปแลกเงินดอลล่าห์จนค่าเงินของตัวเองไร้เสถียรภาพไปเลย

งาน meeting เรมีนักเศรษฐศาสตร์ด้วยสงสัยคงอธิบายพวกนี้คล่องแน่ๆเลย

รออยู่ครับ

เผยไต๋ให้นิดนึง วิทยากรที่ผมทาบทามมาด้วยคือ อ.ดร.ธนวรรธน์ อาจารย์ผมเองครับ ตอนนี้อ.เขาขอแค่confirmเรื่องเวลาครับ ถ้าเวลาok แกมาร่วมแน่นอนครับ

ผมไม่ได้จบ เศรษฐศาส น่ะ ผมเดา เอา ว่า เงินบาทเรา อ่อนมานาน ตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศษกิจ เราได้ดุลการค้าตลอด ตอนนี้ เศษกิจดี ขายของได้ส่งออกเจริญรุ่งเรือง เงินสำรองระหว่างประเทศ มหาสาร ฉะนั้น สินทรัพ ในสกุลเงินของ ไทย ก็น่าจะมีค่ามากขึ้น บาทมันก็เลยต้องแข็งถึงไม่อยากให้แข็งมันก็ต้องแข็ง เพราะ demand มันเพิ่ม บวกกับ ดอลล่าอ่อนด้วย เหมือนกับเงินมันไหลไปไหลมา ทั่วโลก มันดูเหมือนเปน ไซเคิ้ล น่ะ ผมเดา ไม่ทราบว่า ผม เดา ถูกรึเป่า อ่า พี่ๆ

ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวนี่เป็นระบบที่คอยปรับสภาพเศรษฐกิจมหภาคให้แต่ละประเทศในโลกให้อยู่ในสมดุลครับ

ถ้าประเทศไหนมีการเกินดุลการค้า และบัญชีเดินสะพัดมากเกินไปและต่อเนื่องก็คงไม่ดี

และถ้าประเทศไหนมีการขาดดุลการค้า และบัญชีเดินสะพัดมากเกินไปและต่อเนื่องก็ไม่ดีครับ

การค้าและการลงทุนของโลกจะดี ถ้าแต่ละประเทศมีการปรับตัวอยู่โดยตลอด ไม่เกินดุลหรือขาดดุลมากเกินไป

เกินดุลการ ค้ามากๆ นี่ ไม่ดีตรงไหน หรอครับ ขยายความนิดนึง ขอบคุณครับ

ก็ลองคิดว่าง่ายๆว่า คุณทำงานได้เงินมา แต่เก็บๆๆๆ ไม่ใช้ แล้วคนอื่น เค้าจะมีรายได้ มีเงินให้ใช้จ่ายได้ยังงัยล่ะครับ

ผมชอบให้อ่อนครับ มีหุ้นส่งออกเพียบเลย เห็นแก่ตัวครับ

ผมไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ แต่พูดแบบชาวบ้าน

ผมว่าอัตราแลกเปลียนขณะนี้ เป็นเครื่องมือทางการเงินของกลุ่มประเทศใดประเทศนึ่งโดยเฉพาะอเมริกา เป็นเครื่องมือ ที่ทำให้ประเทศต่างๆ ไม่สมดุลหรือเสียเปรียบ รวมทั้งไทยเราด้วย

ผมก็ยังรู้สึกว่า ทำไมหนอ เมืองไทยเราถึงเสียเปรียบชาวบ้านเขานัก ทั้งๆที่เราอยู่เมืองไทย เราก็ว่าเมืองเราบ้านเรา ไม่ได้แย่เท่าไหร่

แต่ลองดูซินัก ตอนนี้คนจบปริญญาตรี เมืองไทยเฉลี่ยแล้วสตารท์กันที่ 8000 บาท

ที่ไต้หวัน สตาร์ทกันที่ 25000 บาท

ที่อเมริกา สตาร์ทกันที่ประมาณ 60000-80000 บาท

เรียนหนังสือเท่ากันในมหาวิทยาลัย 4 ปี มีความรู้เท่ากัน ไม่ต่างกันมาก ทำงาน 8 ชมเท่ากัน แต่เงินต่างกันลิบลับ แล้วคุณภาพชีวิตจะเท่ากันได้ยังไง


แล้วรู้สึกยังไง เวลาที่เห็นชาวต่างชาติมาเมืองไทย แล้วซื้อของไปเป็นกระบุง แต่เราไปเมืองนอก ได้แต่มองครับ บางคนยังต้องเก็บเงินแทบตายกว่าจะซื้อตั๋วไปเที่ยวกับเขาได้

เราต้องทำงานแบบเดียวกัน ชนิดเดียวกัน แต่ต้องทำงานกว่าคนอเมริกัน 7-8 เท่า จึงจะมีเงินเท่าเขา

ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรม

ก็จริงๆแล้ว ถ้าประเทศไหนมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ ค้าขายขาดทุน ค่าเงินของประเทศนั้นก็ควรที่จะอ่อน เพื่อให้ประเทศนั้นสามารถขายสินค้าได้มาก ซื้อสินค้าจากต่างประเทศน้อยลง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาก และประชาชนออกไปเที่ยวต่างประเทศน้อยลง

แต่เนื่องจากแต่ละประเทศไม่ยอมรับสภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง ไม่ยอมรับที่สินค้าส่งออกจะลดลงหรือเติบโตน้อย จึงไม่ยอมที่จะให้ค่าเงินของประเทศตนแข็งค่าขึ้น

แต่สุดท้ายก็คงต้องคืนสู่สามัญครับ อะไรที่ไม่สมดุล สุดท้ายก็จะต้องกลับสู่สภาวะสมดุล เพียงแต่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เกิดขึ้นอย่างไร และมีผลกระทบร้ายแรงและกว้างขวางขนาดไหนครับ

พี่kotaroครับ จริงๆแล้วถ้าดูที่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้ความคิดคลาดเคลื่อนได้นะครับ ซึ่งเราควรที่จะพิจารณาค่าครองชีพต่อหัวเป็นองค์ประกอบด้วย อย่างเช่นถ้าเรามีเงินซัก3ล้านก็ยังพอที่จะซื้อบ้านเดี่ยวแถบชานเมืองได้บ้าง แต่ถ้าลองเป็นไต้หวันหรือฮ่องกงคงได้แค่รูหนูนะครับ ซึ่งอำนาจซื้อแท้จริงคงต้องคิดจาก รายได้รับ-ค่าใช้จ่ายจำเป็น จะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นนะครับ แต่ในเรื่องความสมดุลของค่าเงินผมว่าคุณchatchaiอธิบายค่อนข้างชัดเจนนะครับ

pawiga เขียน:เกินดุลการ ค้ามากๆ นี่ ไม่ดีตรงไหน หรอครับ ขยายความนิดนึง ขอบคุณครับ

การเกินดุลมากๆ โดยการบิดเบือนตลาดเงินเพื่อให้ค่าเงินอ่อนก็ที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าคงเป็นจากการที่ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆนำเงินสกุลตัวเองออกมาขายเพื่อซื้อเงินดอลล่าร์ ดังเช่นธนาคารกลางของเอเชียทำอยู่

ผลจากการซื้อ ประเทศนั้นก็ดูเหมือนมีเงินทุนสำรองสกุลดอลล่าร์เยอะมาก ฐานะทางการเงินมั่นคง แต่ปริมาณเงินดอลล่าร์ที่มาก ก็อาจจะเปรียบได้เหมือนกับคุณมีหุ้นปั่นที่มีราคาเกินจริงจำนวนมากๆ

สุดท้ายราคาหุ้นปั่นนั่นก็คงต้องกลับมาสู่ราคาพื้นฐานของบริษัท ก็คงเหมือนกับค่าเงินดอลล่าร์ที่ซักวันก็คงต้องไหลลงสู่ระดับมูลค่าที่ควรจะเป็น ตอนนั่นธนาคารกลางที่มีเงินดอลล่าร์เป็นทุนสำรองมากมายก็จะต้องขาดทุนอย่างมาก

แล้วทำไมค่าเงินดอลล่าร์ต้องอ่อนค่าลง ก็เพราะทุกวันนี้สหรัฐทำการค้าขายขาดทุนเป็นเวลานาน ที่มีเงินซื้อสินค้าได้เพราะมีประเทศอื่นให้กู้ยืมเงิน

ก็เปรียบเหมือนกับว่า บริษัทเรามีลูกค้าใหญ่อยู่ 1 ราย ฐานะทางการเงินไม่มั่นคงมากนัก แต่เราไม่อยากให้ยอดขายตก ไม่อยากให้กำไรลด เราจึงให้ลูกค้ารายนั้นกู้ยืมเงิน เพื่อนำมาซื้อสินค้าของเรา ซึ่งก็มีอีกหลายบริษัทที่คิดและทำแบบบริษัทเรา แต่การให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั่นคงเป็นไปไม่ได้ ซักวันก็คงต้องมีบริษัทที่หยุดการให้กู้เพราะกลัวบริษัทลูกค้าเจ๊ง

กลับมาที่สหรัฐ ถ้ามีการกลัวว่าฐานะของสหรัฐจะเจ๊งขึ้นมา หรือมีการตื่นขายเงินดอลล่าร์มากๆจากะนาคารกลาง หายนะก็คงจะเกิดขึ้นนะครับ