Thai VI

วันนี้ไป AH มารู้สึกไงกันบ้างครับ
ได้เจอเพื่อนๆที่เป้นนักลงทุนก็ดีครับได้จำหน้าค่าตากันไว้ แต่ผมเองไม่ค่อยได้คุยกับใครเลยแฮะ ส่วนพี่ที่คุยด้วย ผมต้องขอโทษครับ ลืมถามชื่ออ่ะ แต่แสดงตัวในนี้ก็ดีนะครับ(ที่ออกแบบรถไฟฟ้าอ่ะ)

ส่วนคุณแฮรรี่คุยไม่เก่งเท่าที่โพสต์ในเวปแฮะ ฮิๆ แต่ผมก็ไม่รู้คุยไรดีเหมือนกันแฮะ

เข้าเรื่องดีกว่า
ไปแล้วก็เข้าใจดีขึ้นครับในส่วนของสินค้า/บริการ แบ่งออกเป็น

1. chassis(ถูกป่าวหว่า) รถเน้นพวกรถกระบะ ปิคอัพ
2. Auto parts อื่นๆ
3. JIG & DIE
4. Dealer ของ FORD ขายได้มากที่สุดเลยได้รางวัลด้วยนะครับ

ส่วนของ chassis มีรายได้ถึง 60 % ของทั้งหมดทีเดียวรองลงมาน่าจะเป็น Autoparts แล้วก็ dealer นะครับ
3 อันรวมกันน่าจะประมาณ 85-90 % ของรายได้รวมทีเดียว

โอ ที่เหลือให้คนอื่นโพสต่อดีกว่า

เอ ไม่มีใครมาโพสต่อเลยแฮะสงสัยยังไม่ได้เข้ามาแน่เลย

ต่อแล้วกันครับเรื่องโอกาสเติบโต
1. เนื่องจากตลาดของเค้ามีทั่วโลกความเสี่ยงในเรื่องการถดถอยของวัฏจักรจะน้อยลงเพราะการถดถอยไม่น่าจะเกิดพร้อมกันทั่วทั้งโลกโดย อัตราส่วนคือผลิต ขายในประเทศประมาณ 60 % ที่เหลือส่งต่างประเทศ
2. บริษัททำการขยายกำลังการผลิตอยู่โดยการสร้างโรงงานใหม่อาจแล้วเสร็จในช่วงปีนี้ถึงปีหน้าทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เน้นเร่อง pressed parts กับงาน spot (Assembly line)
3. เงินที่นำมาสร้างรู้สึกจะมาจากการกู้ยืมซึ่งในเรื่องโครงสร้างเงินทุนมี DE ประมาณ 1.8 นะครับ(ไม่แม่นนะลองดูงบอีกทีจะดีกว่า)
4. โครงการ ดีทรอยแห่งเอเชียจะทำให้บริษัทรถยนต์มาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางมากขึ้นพร้อมทั้งทำให้ parts maker อย่าง AH โอกาสเติบโตมากขึ้นและการที่เพิ่มกำลังการผลิตก็เพื่อรองรับคำสั่งใหม่ๆเหล่านี้ เพื่อเป็นที่น่าสนใจด้วยในแง่ความสามารถในการผลิต
5. การขยายตัวไปในจีนมีแน่ๆตอนนี้ก็เริ่มๆแล้ว
6.มีโครงการที่จะผลิต part ยากขึ้น ซึ่งจะได้ ค่าผลิตมากขึ้นด้วย

ขอเสริมนะครับว่า Chassis ผลิตที่ AAPICO AMATA ชลบุรี เป็นโรงงานที่ Take Over มาจาก Dana Corp โดยมีลูกค้ารายใหญ่คือ Isuzu

อ่ฮา มาแล้วๆ
chassis เนี่ยเเป็นชิ้นส่วนใหญ่ในรถยนต์ เข้าใจว่าในการผลิตต้องทั้งขั้นตอนการปั๊มขึ้นรูปและการเชื่อม ซึ่งต้องใช้แม่พิมพ์ขนาดใหญ่และ JIG เพื่อช่วยในการผลิต
ซึ่งทาง AH เค้าออกแบบและผลิตเองได้ทำให้น่าจะเป็นเหมือน vertical intregation แบบหนึ่ง ทำให้ต้นทุนและ lead time ในการดำเนินงานลดลงได้พอสมควร ในฐานนะที่เค้ามีความสามารถโดยเฉพาะในงานเหล่านี้ด้วย

ส่วนโรงงานที่ขยายออกไปนี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าจะทำ pressed parts ส่วนไหน
แต่รู้สึกว่าจะใช้เครื่องปั๊มขนาด 2500 ตันซึ่งคงได้ part ชิ้นที่ใหญ่พอควแต่ผมก็ไม่รู้นะว่าชิ้นไหน

อ๋อ แล้วอีกอย่างนะครับเรื่อง pressed part เค้าทำกันชนรถด้วย อย่างงั้นเวลาเห็นรถชนกัน ผู้ถือหุ้น AH อาจแอบดีใจเล็กๆก็ได้ ฮิฮิ (แต่อันนี้อย่าลืมดีใจเพลินจนไม่ไปช่วยเหลือเค้าบ้างนะครับ)

DE ของบรษัทคือประมาณ 0.8-0.9 นะครับ

ประเด็นที่จะต้อง Concern(และอาจจะเป็นจังหวะซื้อ)
- Sime Darby บริษัทที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน AH กำลังขายหุ้นAH ทิ้งอยู่ เพราะว่า Sime Darby ต้องการจะตั้งบริษํทร่วมทุนร่วมกับ AH แต่ไม่สามารถทำได้เพราะ กลต เบรครไว้ เพราะว่า Sime Darby มี หุ้น อยุ่ใน AH มากเกินไป แล้วยังจะไปตั้งบริษํทย่อยด้วยกันอีก มันเป็น Conflict of interest ครับ ซึ่ง Sime Darby อาจจะขาย AH ออกมาจนเหลือน้อยกว่า 5% หรืออาจจะขายหมดเลยก็ได้ แต่ทาง AH recommend Sime Darby ว่าให้ขายให้เหลือน้อยๆครับ เพื่ออนาคตไปตั้งบริษัทร่วมกันจะไม่มีบปัญหา

- ราคาเหล็กที่กำลังขึ้น ตรงนี้ไม่มีปัญหา เพราะว่า ทาง Ah เป็นผู้ผลิต OEM ทำให้ สามารถ Pass-on ราคาเหล็กไปให้ผู้สั่งซื้อได้ อย่างเช่นเวลา Toyota สั่งซื้อของที่ต้องใช้เหล็ก ก็จะให้ AH สั่งซื้อของจาก Toyota toho

ประเด็นเรื่องการขยายกิจการ

- ด้วยกำลังเงินและ Cash Flow ในปัจจุบัน เค้าสามารถ ขยายกิจการไปได้ด้วย Internal Source โดนไม่ต้องเพิ่มทุน เร็วๆนี้ และการขยายกิจการเค้าก็จะดูว่า การสร้าง Factory ขึ้นมาเลย หรือ Take Over จะดีกว่ากัน อย่างเช่น คุณโจ โก บอกว่าตอนนี้ที่มาเลเซียมี Supply ของ Part มากกว่า Demand แต่ในไทย มี Demand มากกว่าSupply ดังนั้นการเข้าไปซื้อโรงงานที่ มาเลย์เซียก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และ FTA จะทำให้การ ขยายกิจการไปต่างประเทศ ยิ่งได้เปรียบขึ้น เพราะอาจจะขยายแล้ว import ของเข้าไทย ก็ได้

- เปิด FTA กับ ออสเตรเลีย จะทำให้ AH เริ่มส่งของไปขายที่ ออสเตรเลีย ประมาณ ท้ายๆ ปีหน้า (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)
- ปีหน้า Nissan จะย้ายฐานผลิตมาที่ไทย จะยิ่งทำให้ตลาด OEM ชิ้นส่วนรถยนต์ขยายมากขึ้น ซึ่ง AH ก็เตรียมขยายกำลังการผลิตที่ Abico Hi-tech เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวไว้แล้ว

เรื่อง DE เนี่ยผมว่าคงไม่ใช่ 0.8นะครับ(สงสัยผู้บริหารพูดไทยไม่ชัด) ผมดูจากงบแล้วครับ
รวมหนี้สิน 2,334,831
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 1,982,383
ประมาณ 1.18 เท่าครับผม

เรื่องการขยายโรงงานโดยไม่เพิ่มหนี้ ผมไม่เชื่อครับเพราะว่ากระแสเงินสดที่เข้ามาจากการดำเนินงานแค่ 500 ล้านซึ่งคงไม่พอขยายมั้งครับ แค่เอาไปจ่ายเจ้าหนี้การค้าก็ 200 กว่าล้านแล้วครับ

เหนือสิ่งอื่นใดผมว่าการบริหารแบบครอบครัวคงทำให้เกิดอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยทีเดียว
ซึ่งอันนี้ก็น่าคิดนะครับ ผู้บริหารอาจไม่พูดแต่คนที่พาดูโรงงานก็เปรยๆมาบ้างครับ
หากให้ผมวิจารณ์นะครับ โรงงานนี้การที่เค้าใช้วิศวกรถึง 100 คน(ซึ่งผมว่าโรงงานเค้าก็ค่อนข้างเล็กนะ ไม่น่าใช้คนขนาดนั้น) อาจเป็นได้ 2 แบบ
1. หากมีการทำ R&D การมีวิศวเยอะก็ OK
2. แสดงว่าความสามารถในการทำงานของเขายังไม่ดีพอจึงต้องการพนักกงานที่ทำงานด้านนี้มากเพื่อชดเชยกับความสามารถ

และเท่าที่ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์การดึงตัวแรงงานในอุตสาหกรรมนี้ผมว่าก็อาจเป็นอุปสรรคครับ หากการขยายโรงงานเกิดขึ้นก็ต้องมีการจ้างงานมากขึ้นแต่กว่าที่คนเหล่านั้น(ในระดับวิศว หรือ supervisor ) จะทำงานได้ดีต้องใช้เวลา

ซึ่งผมว่าคงไม่ง่ายขนาดที่เค้าเล่าให้เราฟังหรอกมั้งครับ
ยังไงเรามองแง่ลบไว้ก่อนแล้วหาเหตุผลมาหักล้างให้เห็นว่ามันดีจริงๆดีกว่าครับ

ไหนเราลองมามองในแง่ลบกันหน่อยว่า กิจการจะเป็นอย่างไร ถ้า
1. ศก. โลกชะลอตัว
2. การขยายโรงงาน ค่าเสื่อมราคา และเงินสดก้อนใหญ่ที่เอาไปสร้างย่อมมีแน่ แล้วหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่ผู้บริหารคิดไว้ มันจะเป็นยังไง

ลองดูนะครับว่าจะมองทางแก้ยังไง

อีกเรื่องที่คิดว่าเค้าพูดดีเกินจริงก็คือ
เรื่อง ต้นทุนราคาเหล็ก ที่สามารถผลักภาระให้ผู้ซื้อไปได้เต็มที่นะครับ ซึ่งจริงๆแล้ว ก็อาจมีผุ้ซื้อไม่กี่เจ้าที่ยอม อย่าง Toyota ที่ยอมเพราะเ้ค้ามี Toyota soho ที่ขายเหล็กอยู่แล้ว แต่หลายๆลูกค้ารายใหญ่ ของเค้าอาจจะไม่ยอม

ผมเคยดูโรงงานตอน IPO ก็รู้สึกดีกับผู้บริหารพอสมควรครับเพราะตอน IPO เค้ากระจายหุ้นให้พนักงานทุกคน แม้กระทั่งแม่บ้านของบริษัทก็ยังได้หุ้น แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่เท่าที่คุย พนักงานส่วนใหญ่จะขายออกไปก่อนมี deal กับ Dana ช่วงนั้นราคาหุ้นอยู่แค่ 6-7 บาท พาร์ 1

ที่อาจจะ concern อยู่บ้างก็เห็นจุดเดียวกันครับคือโครงสร้างบริหารที่พึ่งสามี ภรรยา 2 ท่านนี้เป็นหลัก และ deal ทางธุรกิจมีอาศัยคุณ Yeap ค่อนข้างเยอะ

คุณ Yeap เองเป็น Speaker ให้กับคณะวิศวะฯ ธรรมศาสตร์ และให้ทุนการศึกษากับนักศึกษา ดังนั้นมักจะได้บุคลากรที่ดีมาเสมอๆ

เป็นบริษัทที่ดี่ครับ แต่ valuation และ growh model ในอนาคต คงจะเป็นประเด็นหลักสำหรับการลงทุน

กระนั้นก็อย่าลืมว่าธุรกิจรถยนต์มี cycle ของมันนะครับต้องเฝ้าระวังพอสมควร

เออันนี้เราพอจะเอาข้อมูลของ FORD GM หรือ TOYOTA ที่ญี่ปุ่นมาเป้นข้อมูลเรื่อง cycle ได้ไหมครับมีใครรู้วิธีไปเอาข้อมูลมามั้งหว่า

เพราะเค้าอ้างว่าการส่งออกทำให้เป็นการพยุงธุรกิจไม่ให้กระทบกับ cycle มากนักแต่บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นล่ะเค้าคิดแบบนี้ด้วยหรือเปล่า และความจริงมันเป็นยังไงกันแน่?

- ผมเห็นด้วยนะครับว่าผู้บริหารมีฝีมือ, visionดี และก็เชื่อถือได้ในแง่ของ transparency ความโปร่งใส

- ผู้บริหารชุดนี้น่าจะทำงานได้อีกสัก 10 ปีนะ แต่หลังจากนั้นสิ น่าสนใจว่าจะเป็นอย่างไร ใครจะบริหารต่อ

- คุณภาพของฝ่ายผลิต ผมให้คุณภาพระดับ world class นะครับ (defect 10 ใน 1,000,000) เทียบเท่ากับ Six Sigma นะ แล้วส่งสินค้าให้ Toyota และได้รางวัลด้วยเนี่ย ผมว่าดีมากๆ

- ส่วนตัวจริงๆ ผมให้ Grade A เลยนะ ผมว่าราก็น่าจะ double ได้ ภายใน ปีสองปีนี้

- ผมมี concern 2 เรื่องแค่นั้นเอง หนึ่งคือที่ Sime Derby ผู้ถือหุ้นหลักขายออกมานี่สิ ฟังเหตุผลผมก็ไม่ค่อย get เท่าไหร่ พยายามคิดอยู่

- อย่างที่สองคือผมหมดกระสุนแล้ว ไม่รู้จะขายตัวไหนไปซื้อดี แย่จัง

เรื่องคุณภาพของที่ส่งออกไปก็โอเคครับคือการตรวจสอบของเค้าดีเลยเสียแค่ 10 ppm

แต่ทำไมผมถึงว่าการตรวจสอบดีไม่ใช่การผลิตดี

เพราะว่าเผอิญผมแอบไปถามพนักงานที่พาเดินชมเค้าบอกว่าคุณภาพในระดับสายงานเนี่ยมีของเสียสูงนะครับบางสายการผลิตสูงถึง 5000 ppm เลยนะครับอันนี้มันเป็นต้นทุนนะครับผม

มีใครซื้อหลังจากไปเยี่ยมบ้างครับ น่าจะกำไรสัก 10% ที่ราคาตอนนี้ (33)
ยอดขายรถปี 05 น่าจะโตอีก โดยเฉพาะจากเหตุการณ์มหันตภัยครั้งใหญ่
ผมก็พึ่งเก็บเพราะว่าพึ่งได้ bonus

ผมก็สนใจนะ แต่ไม่ได้ซื้อเพราะมีหลายประเด็นครับ...

1.ปันผลน้อยมาก จ่ายน้อยกว่า TR ซะอีก
2.มีความเสี่ยงจากสัญญาป้อนชิ้นส่วนให้ IZUSU (ทำเงินมากที่สุด) จะหมดอายุอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
3.ยอดขายรถอาจจะลดลงในอนาคตอันใกล้
4.มีผู้บริหารที่เก่งมากคนเดียว
5.เป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซีย+ไทย ไม่ใช่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ๋

ส่วนข้อดีมีเพียบครับ อย่างที่รู้ๆกันอยู่..

เคยจำได้ว่าผมเคยได้ IPO ที่ 3.3 บาทครับ ขายไปวันแรกไม่ได้กำไร เพราะไม่รู้ว่าจะเป็น growth ไปได้

- ผมว่าเป็น growth company นะครับ เอาเงินไปลงทุน เลยจ่ายปันผลน้อย
- โรงงานใหม่จะเสร็จปีนี้ แต่จะเต็ม capacity ก็คงเป็นปีหน้า รายได้คงเพิ่มขึ้นด้วย
- ยอดขาย หมายถึงตลาดรถที่ผลิตที่เมืองไทย เขาบอกไว้แล้วครับว่า จะ growth ปีละ 20 % เป็นเวลา 5-6 ปีอย่างน้อย หลังจากนั้นว่ากันใหม่
- ส่วนผู้บริหารเก่งคนเดียว ยอมรับจริงๆ ว่าเป็นจุดอ่อน แต่อย่างน้อยคุณ Yep ก็ดูยังไม่แก่ น่าจะมีไฟอยู่
- ส่วนเรื่อง contract ผมหายห่วงนะ ได้รางวัลจาก toyota (เคี่ยวมากๆ) แสดงว่ามีคุณภาพที่บริษัทอื่นๆ ยอมรับได้ หายห่วง หา supplier ดีๆ ก็ยากนะครับ ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นได้

ปกติผมไม่เคยดูพื้นฐานหุ้นเลยนะครับ ผมว่ามันช้าและเหมาะกับตลาดที่ไม่แน่นอนและถือยาวเป็นเจ้าของไปเลยถ้าเรามานั่งวิเคราะห์งบกันขนาดนี้(VI web)ไม่หนื่อยกันแย่เหรอครับ ผมดูgraph อย่างเดียวเลยน่ะครับไม่ต้องเอาเงินไปจม กำไรก็มากกว่าปันผล ผมแสดงความเห็นน่ะครับ แต่พอมาเข้าเวบนี้แล้วถึงรู้ว่าที่ผมทำลงไปทั้งหมดน่ะมันเสี่ยงเหลือเกินเสี่ยงมากๆเลยครับ ผมขอชมเชยทุกท่านที่ลงทุนแบบดูพื้นฐานมากๆครับ ด้วยใจจริงๆ

ไม่ทรายว่า่ทราบกันมาจากไหนเหรอครับที่บอกว่าผู้บริหารเก่งอยู่คนเดียว ช่วยบอกหน่อยนะครับ??