Thai VI

ถามความเห็นสมาชิก TVI คิดว่าตลาดบ้านเรามี Growth Stock รึป่าวครับ ผมหมายถึง ตามความคิดของ Peter Lynch, Growth stock คือ บริษัทขนาดกลางและเล็ก ที่มีผลประกอบการเติบโตน่าประทับใจ 20% ต่อปีขึ้นไป และมีแนวโน้มจะรักษาอัตราการเติบโตได้ในอนาคตอย่างน้อย 3-5 ปีข้างหน้า เท่าที่ผมสังเกตุ ดูบริษัทที่มีการเติบโตมากๆ ส่วนมาก มาจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้น หรือไม่ก็ เติบโตดีเพียงช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่ง ยังไม่เห็นบริษัทที่เข้าข่ายเกณฑ์ของ Lynch เลย สมาชิกท่านอื่นๆ คิดว่าไงครับ

momo29 เขียน:ถามความเห็นสมาชิก TVI คิดว่าตลาดบ้านเรามี Growth Stock รึป่าวครับ ผมหมายถึง ตามความคิดของ Peter Lynch, Growth stock คือ บริษัทขนาดกลางและเล็ก ที่มีผลประกอบการเติบโตน่าประทับใจ 20% ต่อปีขึ้นไป และมีแนวโน้มจะรักษาอัตราการเติบโตได้ในอนาคตอย่างน้อย 3-5 ปีข้างหน้า เท่าที่ผมสังเกตุ ดูบริษัทที่มีการเติบโตมากๆ ส่วนมาก มาจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้น หรือไม่ก็ เติบโตดีเพียงช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่ง ยังไม่เห็นบริษัทที่เข้าข่ายเกณฑ์ของ Lynch เลย สมาชิกท่านอื่นๆ คิดว่าไงครับ

ถ้าตามเงื่อนไขนี้ผมกำลังจับตามองโพลีเพล็กซ์อยู่ครับ

บริษัทที่โตขึ้นเรื่อยๆทุกปี ไม่มีวันหยุด

เช่น

ADVANC นี้ส่วนผู้ถือหุ้น เมื่อปี 1994 มี 6,212.66 ปัจจุบัน 2004 เป็น 62,384.04
10 ปีโต 10 เท่า ปีละ 100%

PTT นี้ส่วนผู้ถือหุ้น เมื่อปี 1991 มี 21,390.79 ปัจจุบัน 2004 เป็น 144,114.61
5 ปีโต 6.7 เท่า ปีละ 135%

ค้นหา Growth Stock น่าจะอ่านบทความของฟิชเชอร์ครับ ฟิชเชอร์ต่างกับเกรแฮมตรงที่เค้ามองเหตุแห่งความเติบโต นั่นคือความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่มีเหนือคู่แข่ง

การที่มองงบการเงินล้วนๆ ผมว่ายากครับที่จะทำนายความเติบโตได้ เห็นอดีตสวยๆ แต่อนาคตล่ะครับ ตลาดมันอิ่มตัวหรือยัง? ความสามารถในการแข่งขันยังมีอยู่หรือเปล่า? เราอาจจะเผลอไปซื้อหุ้น cyclic หรือ stop growing มาได้ง่ายๆนะครับ

ขอฝากเรื่องการเติบโตนิดนึง บริษัทที่ดีควรจะเติบโตโดยไม่รบกวนผู้ถือหุ้น นั่นคือไม่มีการเพิ่มทุน และไม่ต้องใช้เงินกู้มากเกินไป ไม่งั้นการเร่งโตอย่างที่ว่าไปจะเป็นการโตแบบลูกโป่งครับ

นักดูดาว เขียน:ค้นหา Growth Stock น่าจะอ่านบทความของฟิชเชอร์ครับ ฟิชเชอร์ต่างกับเกรแฮมตรงที่เค้ามองเหตุแห่งความเติบโต นั่นคือความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่มีเหนือคู่แข่ง

การที่มองงบการเงินล้วนๆ ผมว่ายากครับที่จะทำนายความเติบโตได้ เห็นอดีตสวยๆ แต่อนาคตล่ะครับ ตลาดมันอิ่มตัวหรือยัง? ความสามารถในการแข่งขันยังมีอยู่หรือเปล่า? เราอาจจะเผลอไปซื้อหุ้น cyclic หรือ stop growing มาได้ง่ายๆนะครับ

ขอฝากเรื่องการเติบโตนิดนึง บริษัทที่ดีควรจะเติบโตโดยไม่รบกวนผู้ถือหุ้น นั่นคือไม่มีการเพิ่มทุน และไม่ต้องใช้เงินกู้มากเกินไป ไม่งั้นการเร่งโตอย่างที่ว่าไปจะเป็นการโตแบบลูกโป่งครับ

เห็นด้วยครับ ... สำหรับเรื่องนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ถ้าเราดูงบการเงินย้อนไปนี่มันบ่งบอกได้หรือว่าต่อไปจะดี? สำหรับผม ผมว่าไม่พอครับ

ปล. โตแบบกู้นี้ผมก็ยังเล่นนะ ถึงกู้ก็เหอะ แต่ว่าของร้อนก็ต้องรู้ว่าร้อนนะครับ ผมว่าแล้วแต่ว่าเรารู้ตัวหรือเปล่าว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ อูยย นี่ VI หรือเปล่าหว่าเรา

ภาษิตจีน: Growth Stock พบได้ หวังไม่ได้

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับกับการมองหาเหตุและปัจจัยของการเติบโต สำคัญกว่าตัวเลขสถิติครับเพราะมันช่วยได้เฉพาะให้เรารู้วัฏจักรของธุรกิจ ฝีมือผู้บริหาร แล้วก็ความมั่นคงของกำไรที่สะท้อนจากปัจจัยที่นอกเหนือจากปัจจัยการเติบโต แต่ปัจจัยการเติบโตสามารถสร้างความมั่นใจในการซื้อ หาว่าทำไมหุ้นตัวนี้ควรเข้าซื้อในขณะที่ราคาลงมามากๆ(แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน) และมั่นใจตอนถือ และมีเหตุผลในการขายที่มากกว่าหากำไรหรือตัดขาดทุนครับ

1. คนไทยนี่ถือว่าโลว์เอ็ดดูเคตนะครับ แล้วผมลองดูเด็กรุ่นหลังผมนี่เรียนหนังสือเยอะขึ้น ตลาดของซีเอ็ดโตขึ้นได้ครับ
2. ซีเอ็ดนี่ได้เปรียบคู่แข่งเยอะนะครับ ถ้าคุณคิดว่าB2Sจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวก็ใช้เวลาอีกนานครับ เพราะการบริหารร้านหนังสือนี่ไม่ง่ายนะครับ เพราะปีนึงมีหนังสือออกใหม่เป็นหมื่นปก คุณจะต้องมีวิธีจัดการกับหนังสือเก่าๆ ด้วย ไม่ง่ายเหมือนพวก discount store เพราะสินค้ามีจำกัด ผมลองดูร้านบีทูเอส ใหม่ๆก็จัดวางหนังสือได้น่าอ่าน หาง่าย เดี๋ยวนี้ชักจะเละครับ
3. ร้านหนังสือลงทุนน้อยทำให้สามารถขยายงานจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้
4. ซีเอ็ดเค้ามีการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาอยู่เสมอ รู้ว่าเล่มไหนขายดี ของขาดตลาด ทำเลไหนเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นผู้จัดจำหน่ายด้วย และเป็น knowledge organization (ผมคิดเองนะครับ)
5. ประหยัดจากขนาด อันนี้ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ
6. เป็นผู้นำอยู่แล้ว
7. ราคาขายเป็นแบบ cost plus คือมีกำไรแน่ๆ
8. ผมมีซื้อไว้บ้าง เลยมองแบบเข้าข้างซีเอ็ดนะครับ
9. ยังมีอีกแต่ขี้เกียจพิมพ์แล้วครับ

Growth ในที่นี้คงหมายถึงกำไรเติบโตอย่างสูงแลต่อเนื่องยาวนานซึ่งอันนี้ถือว่า SE-ED เมิดกฏข้อนี้ไปแล้วมั้งครับแต่ในแง่กิจการผมว่าคงไปได้เรื่อยๆแหละ แต่ระวังสินค้าทดแทนจำพวกสื่ออิเลคทรอนิคด้วยนะครับ ผมว่าทาง SE-ED เองก็มองไว้นะความเสี่ยงตัวนี้น่ะแต่เค้าว่ามันไม่หนักหนาเท่าไร ทีนี้แหละต้องดูว่าหากมันเกิดเป็นศัตรูกับหนังสือขึ้นมาจริงๆ ผู้บริหารจะปรับตัวยังไง