Thai VI

อยากทราบมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนของแต่ละคนครับ

ส่วนของผม

หุ้นในตลาด 67% (ปกติจะ 50% แต่เห็นว่าเข้าช่วงปลายปีและก่อนเลือกตั้งเลยซื้อเล่นสั้นไปอีก 17%)
หุ้นนอกตลาด 25%
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กะว่า 5% แต่คงเล่นแค่ 1% ไปก่อนสักพัก
ที่เหลือ 3% เงินสด

เคยคิดว่าจะเพิ่มอสังหาเข้าไปแต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า มันนานไป

หุ้นนอกตลาดเนี่ยหมายถึงธรุกิจส่วนตัวเหรอครับ
แล้วทำอะไรเหรอ

rpc_lover เขียน:หุ้นนอกตลาดเนี่ยหมายถึงธรุกิจส่วนตัวเหรอครับ
แล้วทำอะไรเหรอ

ไปหุ้นกับเค้าครับ ประมาณว่าเป็นเพื่อนของพ่อ เค้าออกจากบริษัทเก่าและมาเปิดโรงงานครับ เป็นธุรกิจผลิตเลนส์แว่นตาครับ ตอนแรกผมไม่สนใจเลยเพราะคิดว่าคนหันมาใส่คอนแทค และเริ่มทำเลสิคกันหมดแล้ว แต่ไม่เลยครับ พอได้สอบถามดูเลยได้มุมมองใหม่ๆครับ ตลาดโลกยังคงต้องการเลนส์อยู่มาก และเป็นธุรกิจที่มี margin สูงมาก ที่บ้านเลยร่วมลงทุนไปกับเค้าด้วย ตอนแรกผมก็ไม่สนใจเพราะยังไม่เห็นอนาคตชัดเจนนัก แต่ตอนหลังเค้ามีโปรเจ็คน่าสนใจเลยร่วมลงทุนด้วยตอนเพิ่มทุนครั้งที่สองครับ ก็หวังลึกๆว่าจะเข้าตลาดใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ ถ้าตลาดไม่แย่จนเกินไปนัก หรือไม่อีกทีก็ตัดเป็นศูนย์ไปเลย

long term 48.57%
short term เก็งกำไรผลประกอบการ 23.09%
short term for capital gain 8.79%
หุ้นเน่า ๆ รอขายทิ้ง 19.54%

:lol: :lol: :lol:

เก็บสะสมไปเรื่อย ๆครับ
สัปดาห์ว่าจะเข้า scib - หลังจากตัวลูกหมดคงวิ่งดี

วันนี้ 22 บาท
P/E 6.95
EPS 2.42
P/B 1.43
Divided yield 3.41
par 10
book value 15.34

ทยอยสะสม AOT , SATTEL , TOC, BCP-dr1 ครับ

Blueblood เขียน:อยากทราบมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนของแต่ละคนครับ

ส่วนของผม

หุ้นในตลาด 67% (ปกติจะ 50% แต่เห็นว่าเข้าช่วงปลายปีและก่อนเลือกตั้งเลยซื้อเล่นสั้นไปอีก 17%)
หุ้นนอกตลาด 25%
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กะว่า 5% แต่คงเล่นแค่ 1% ไปก่อนสักพัก
ที่เหลือ 3% เงินสด

เคยคิดว่าจะเพิ่มอสังหาเข้าไปแต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า มันนานไป

น่าอิจฉาจังครับคุณเลือดฟ้า ได้มีประสบการณ์หุ้นนอกตลาดด้วย ผมยังไม่เคยเลย ที่บ้านผมมีลงทุนนอกตลาดเหมือนกัน แต่ประสบการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีครับ

คุณเลือดฟ้าจะเล่นตลาดเกษตรล่วงหน้าเหรอครับ? เท่าที่ผมทราบมา Commodity Trading นี่ต้องใช้เทคนิคแทบจะล้วนๆเลยนะครับ ทำไมถึงสนใจเล่นครับ ?

ตลาดทุน(หุ้น) 39%
ที่ดิน(ซื้อมาขายไป) 48%
ทอง 3%
วัว(เริ่มศึกษาก่อนทำฟาร์มครับ) 7%
เงินสด 3%

แต่ผมไม่เคยปิดกั้นนะครับ ถ้าอะไรที่ผมดูแล้วว่าน่าลงทุน ผมเอาครับ 8)

เคยคิดจะไปเป็นเกษตรกรด้วยซ้ำ คือเดินสวนคนอื่นนะครับ เดี๋ยวนี้คนต่างจังหวัดมีความรู้มากขึ้น ไม่ค่อยทำเกษตรกันแล้ว เรียนกันเพื่อมากินเงินเดือนครับ ใครได้เงินเดือนเท่จริงๆครับ(ในความคิดของเค้า) :lol:

ส่วนผมจบวิศวะ แต่จะไปเลี้ยงวัว 5555 8)

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กะว่า 5% แต่คงเล่นแค่ 1% ไปก่อนสักพัก

จะดีหรือครับ ผมว่าลงทุนยากนะครับ เก็งกำไรล้วนๆๆ คาดการณ์ยาก ในความคิดของผม หรือคุณ Blueblood ว่าไงครับ

เห็นว่าเป็นคุณ Blueblood ถามเลยตอบให้ครับ

ผมแบ่งการลงทุน ได้ดังนี้

อสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 80%
ไม่ได้เน้นซื้อขาย ส่วนใหญ่ซื้อเป็นอาคารพาณิชย์ และที่ดิน เอาไว้ให้คนอื่น
เช่า

หุ้น ประมาณ 13%
ยังไงผมก็ไม่ค่อยจะวางใจเจ้าของกับผู้บริหารมากถึงขนาดทุ่มเงินลงไปมาก
นัก

กองทุนรวม ประมาณ 1%
ซื้อไว้เมื่อก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ มูลค่า ณ ปัจจุบันเหลือไม่ถึงครึ่ง

เงินสด ประมาณ 6%

รวมมูลค่าทั้งหมด ณ ปัจจุบันก็อยู่ประมาณตัวเลข 9 หลัก (ไม่รวมกิจการที่
ทำอยู่ เมื่อต้นปีขายไปแล้ว 1 ตอนนี้เหลืออยู่ 2 ทำให้มีเวลามากขึ้น)
ทั้งหมดที่ทำได้มาก็ต่อยอดจากพ่อแม่อีกที ผมไม่เริ่มต้นจากศูนย์ อย่างบาง
ท่านในนี้ ซึ่งยอมรับว่าเก่งครับ

40 % longterm stock
40 % short term stock for capital gain

20 % for personal use krab

หาธุรกิจที่ดีที่สุด แล้วถือตัวเดียวพอครับ แล้วก็ซื้อจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นก็เข้าไปบริหารจัดการลงทุนแบบปู่บัฟเฟตต์ครับ

หุ้น 95
เงินสดอีก 5 ครับ
จริงๆอยากจะลงอสังหาด้วย กำลังศึกษาอยู่
ประสบการณ์ยังไม่ถึงครับ ...
พ่อผมลงอสังหาเกือบหมด แต่ไม่ยอมสอนวิชา
บอกว่าอยากรู้ก็ลองเอาเอง แต่ผมว่าไม่หมูเลยนะ

จริงๆอยากจะลงอสังหาด้วย กำลังศึกษาอยู่
ประสบการณ์ยังไม่ถึงครับ ...
พ่อผมลงอสังหาเกือบหมด แต่ไม่ยอมสอนวิชา
บอกว่าอยากรู้ก็ลองเอาเอง แต่ผมว่าไม่หมูเลยนะ

ไม่หมูครับ ถ้าไม่มีความรู้ แต่ไม่ยากที่จะเรียนรู้

ผมคิดว่าการซื้ออสังหา ให้เช่านี่ดีครับ แต่ผมว่าต้องรอนานเหมือนกันนะครับ กว่าจะได้ทุนคืน แต่ถ้าใครมึความอดทนสูงก็ดีนะครับ

ส่วนผม เคยเป็นนักประเมิน เลยพอรู้ว่า ที่ไหนราคาเท่าไหร่และหาราคาประเมินได้เท่าไร(ราคาตลาด) ซึงโดยทั่วไปที่ผมซื้อ จะซื้อที่ราคา 50-70 % ของราคาตลาด แล้วไปขายที่ 90% ของราคาตลาด

ผมมันก็คนทุนน้อย ไม่กล้าที่จะเอาเงินไปฝังกับอะไรบางอย่างได้นาน เลยต้องทำอย่างนี้ละครับ แต่ในหุ้นผมจะรักษาระดับ 40% ไว้ตลอดครับ 8)

เชื่อไม่ครับ ที่ดิน ที่เมืองกาญ ห่างจากกรุงเทพ 125 กิโล ติดถนนสาธารณะ(ลูกรัง)ห่างจากถนนทางหลวง 2 กิโล ห่างจากตัวอำเภอ 8 กิโล ห่างจากจังหวัด 40 กิโล ปลูกพืชได้ มีน้ำ ให้เช่าได้ปีละ 500 ราคาตลาด 30,000 บาท/ไร่ แต่ผมซื้อได้ในราคาไม่ถึง 10,000 /ไร่ 8)
กำลังติดต่อซื้ออยู่ครับ

เงินสดที่เหลือกะว่าจะเอาไปลงทุนหอพัก แต่ตอนนี้ชักไม่ค่อยแน่ใจอีก 20%ครับ

เคยคิดจะทำเหมือนกันครับ แต่ไม่อยากเป็นหนี้ครับ
เมื่อประเมินโดยวิธีรายได้แล้ว ผลตอบแทนต่อปีประมาณ 5-15 % ต่อปี
ซึ่งไม่แตกต่างกับการลงทุนในหุ้น และเหนื่อยน้อยกว่ามากครับ 8)

คุณเลือดฟ้าจะเล่นตลาดเกษตรล่วงหน้าเหรอครับ? เท่าที่ผมทราบมา Commodity Trading นี่ต้องใช้เทคนิคแทบจะล้วนๆเลยนะครับ ทำไมถึงสนใจเล่นครับ ?

จะดีหรือครับ ผมว่าลงทุนยากนะครับ เก็งกำไรล้วนๆๆ คาดการณ์ยาก ในความคิดของผม หรือคุณ Blueblood ว่าไงครับ

ลองดูครับ ผมแค่ต้องการรู้จักทุกส่วนของทุนนิยมเท่านั้นครับ อะไรพอจะศึกษาได้ก็เอาหมดครับ แต่จะรุ่งหรือร่วงอันนี้อีกเรื่อง ก็ว่าจะลองศึกษาพวกพื้นฐานไปก่อน ถือซะว่าศึกษาเรื่องการเกษตรซึ่งเป็นพื้นฐานของประเทศไปในตัวครับ

ตลาดสินค้าเกษตรถึงจะเก็งกำไรกันมากใช้เทคนิคล้วนๆหรือยังไงก็แล้วแต่ แต่ราคาจะเล่นกันแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้ครับ เพราะตลาด spot กับ futures จะต้องมีความสมดุลกัน ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดการ arbitrage ได้ และตลาด spot ก็เป็นตัวสะท้อน demand/supply ของ underlying asset ตัวนั้นๆอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่กลัวว่าจะเก็งกำไรกันอย่างเดียวผมคงไม่ห่วงครับ แต่ห่วงอย่างเดียวเรื่องรัฐแทรกแซงนี่ล่ะครับ เห็นบอกจะรับจำนำข้าวที่ 10 บาทต่อก.ก. ราคาก็พุ่งไปเลย ...

ท่านวัวแดงเริ่มศึกษาพวกอสังหายังไงบ้างครับ เล่นแบบซื้อเก็งกำไรนี่ไม่กลัวติดนานๆหรือครับ ผมว่าสภาพคล่องมันน้อยและใช้เงินลงทุนสูง เลยยังรอๆดูอยู่ครับ

ท่านวัวแดงเริ่มศึกษาพวกอสังหายังไงบ้างครับ เล่นแบบซื้อเก็งกำไรนี่ไม่กลัวติดนานๆหรือครับ ผมว่าสภาพคล่องมันน้อยและใช้เงินลงทุนสูง เลยยังรอๆดูอยู่ครับ

1.เราต้องรู้ว่าราคาอสังหา(ประเมิน)เท่าไร ศึกษาวิธีประเมิน
2.สามารถหาผลตอบแทนอะไรได้บ้าง เช่นค่าเช่าหรือ......(คล้ายปันผล)
3.ราคาที่เราซื้อต้องมี margin of safety อย่างน้อย 30%(ถ้าสภาพคล่องน้อยเท่าไรต้องมี margin.... มากๆไว้)
4.ผมว่าไม่ใช่เก็งกำไรนะครับ คล้ายๆกับการลงทุนแบบVI เลยครับ ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นแล้วขายเมื่อราคาสูงเกินจริง ที่สำคัญต้องมีกระแสเงินสดไหลเข้าด้วยนะครับ
5.ส่วนเงินลงทุนตอนแรกอาจจะมีปัญหา แต่ถ้าทำไปสักพักจะรู้วิธีแปลงสินทรัพย์เป็นทุน หรือใช้เงินต่อเงิน
6.สุดท้ายถ้าอสังหา ใหญ่ๆ คงต้องหาผู้ร่วมทุนละครับ

หวังคงเป็นจุดเริ่มต้นของใครบางคนนะครับ

ด้วยรักและหวังดี
วัวแดง

วัวแดง เขียน: 1.เราต้องรู้ว่าราคาอสังหา(ประเมิน)เท่าไร ศึกษาวิธีประเมิน
2.สามารถหาผลตอบแทนอะไรได้บ้าง เช่นค่าเช่าหรือ......(คล้ายปันผล)
3.ราคาที่เราซื้อต้องมี margin of safety อย่างน้อย 30%(ถ้าสภาพคล่องน้อยเท่าไรต้องมี margin.... มากๆไว้)
4.ผมว่าไม่ใช่เก็งกำไรนะครับ คล้ายๆกับการลงทุนแบบVI เลยครับ ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นแล้วขายเมื่อราคาสูงเกินจริง ที่สำคัญต้องมีกระแสเงินสดไหลเข้าด้วยนะครับ
5.ส่วนเงินลงทุนตอนแรกอาจจะมีปัญหา แต่ถ้าทำไปสักพักจะรู้วิธีแปลงสินทรัพย์เป็นทุน หรือใช้เงินต่อเงิน
6.สุดท้ายถ้าอสังหา ใหญ่ๆ คงต้องหาผู้ร่วมทุนละครับ

หวังคงเป็นจุดเริ่มต้นของใครบางคนนะครับ

ด้วยรักและหวังดี
วัวแดง

ขอบคุณมากครับ

อ่านดูรู้สึกการลงทุนในอสังหาเนี่ยใช้เงินเยอะจังแฮะ อย่างนี้ผมคงหมดสิทธ์เพราะเงินไม่ถึง

ch_army เขียน:อ่านดูรู้สึกการลงทุนในอสังหาเนี่ยใช้เงินเยอะจังแฮะ อย่างนี้ผมคงหมดสิทธ์เพราะเงินไม่ถึง

ไม่ได้เยอะมากครับ แต่ต้องเครดิตดี ซื้ออสังหาเพื่อปล่อยเช่าบางแห่ง
สามารถขอกู้ได้สูงถึง 90% ของราคาซื้อขาย

ก็หมายความว่า มีเงิน 1 ล้านสามารถซื้ออสังหาราคา 10 ล้านได้ครับ
ถ้ารายได้จากค่าเช่าหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดบวกค่าเสียโอกาสต่างๆ แล้ว
มากกว่าดอกเบี้ยส่วนที่เหลือคือกำไรเทียบกับเงินต้น (ที่ไม่ได้กู้)

แต่ในความเป็นจริง การกู้ต้องมีการตัดต้น ซึ่งถ้ากำไรมากพอที่จะเอา
มาตัดต้นได้และยังเหลืออีก ก็จะทำให้ไม่มีปัญหาเรื่อง cash flow

แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น ต้นทุนก็จะสูงขึ้น แต่โดยปกติแล้วเมื่อ
ดอกเบี้ยขึ้นก็จะขึ้นค่าเช่าบ้านได้ครับ (เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว)
ทำให้การลงทุนในอสังหาถือว่าเป็นการลงทุนที่ "ค่อนข้าง" ปลอด
ภัยจากภาวะเงินเฟ้อครับ

แต่ return ไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ มักจะอยู่แถวๆ 10% ต่อปี ถ้า
เลือกอสังหาเก่งและจังหวะดี ตอนขายจะได้กำไรเพิ่มอีกเยอะครับ
เหมือน capital gain เลย

อย่างนี้ถ้าผมอยากลองศึกษาการลงทุนแบบอสังหา ดูจะเริ่มจากไหนดีครับ(หมายถึง หนังสือหรือแหล่งความรู้) เพราะว่าหากู้ได้เนี่ยก็น่าสนใจแฮะ

ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้...

ผมปรับแต่งพอร์ตการลงทุนไปพอสมควร มิใช่เพราะปัจจัยภายนอกเปลี่ยน
แปลง แต่ ลดความกังวลและปวดหัว กับเรื่องการลงทุนลงไปบ้างนะครับ


โดยเฉพาะ เรื่องหุ้นที่มีการแปลงสภาพ หุ้นแม่ กับ หุ้นใหม่ ด้วยความไม่
อยากฝันหวานมากนัก ก็เลยขายปรับพอร์ตใหม่ ถือเงินสดแทนจำนวน
หนึ่ง ตามประสานักลงทุนกระเป๋าเล็กนะครับ... :lol:

ที่ผ่านๆมา...ขนาดพอร์ตเล็กกว่าเดิมเกือบ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว!!!

การกู้เงินมาซื้ออาคารพาณิชย์หรือที่ดินมาให้คนอื่นเช่านั้น
รายได้ค่าเช่าไม่คุ้มกับดอกเบี้ยจ่ายครับ ส่วนใหญ่ที่กู้เงินกัน
จะเป็นการซื้อเพื่อการเก็งกำไร หรือไม่ก็ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
หรือทำอพาร์ทเมนท์ (ไม่ค่อยชอบครับ เนืองจากผมไม่อยากมาติดตาม
ทุกเดือน)

เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ได้ลงทุนปลูกตึกแถว 2 ชั้นจำนวน 15 ห้อง บนที่
ดินที่ซื้อเอาไว้ก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในย่านชุมชน อยู่บริเวณ
เดียวกับตลาดสด ติดถนนสายหลัก ซึ่งซื้อมาราคาประมาณตารางวาละ 30,000 บาท
1.5 ไร่ หลังก่อสร้างเสร็จก็มีคนมาติดต่อขอซื้อ แต่ว่าไม่ได้ขาย บอกให้เช่า
อย่างเดี่ยว ผลตอบแทนที่ได้บอกตามตรงครับว่าประมาณ 6% ต่อปีเท่านั้น
แต่ว่าขอดีคือทำให้มีรายได้ที่สม่ำเสมอ อีกทั้งที่ดินที่อยู่ในย่านชุมชน และ
ติดถนนสายหลัก นับวันจะหายาก เมื่อเวลาผ่านไปราคาหรือมูลค่าของมัน
ก็จะค่อยๆ สูงขึ้น ซึ่งการทำแบบนี้ไม่สมควรกู้มาทำครับ ใช้เงินระดับเกือบ
30 ล้าน เพื่อมาเก็บค่าเช่าเพียงปีและไม่ถึงสองล้านบาท

วัตถุประสงค์การลงทุน คือต้องการมีรายได้ที่แน่นอน สม่ำเสมอ และต้อง
การสืบทอดให้กับคนในรุ่นต่อๆ ไปครับ

การเลือกแบบข้างต้น ทำให้เรามีอำนาจต่อรองสูงครับ อย่างผมเก็บเป็นรายปี
และทำสัญญาเช่าเพียงปีต่อปีเท่านั้น ซึ่งผู้เช่าก็ยอมเนื่องจากทำเล ถ้าเขาไม่
เช่าก็มีคนอื่นอีกรายคนพร้อมที่จะเช่า ส่วนตึกแถวติดถนนซอย อำนาจต่อ
รองของผู้เช่าก็มีมากกว่า คือจะเก็บเป็นรายสามเดือน บางทีผู้เช่าก็จ่ายช้า
ก็ต้องยอม เพราะว่าหากเขาไม่เช่าแล้ว กว่าจะหาคนเช่าคนใหม่มาได้ บาง
ทีอาจใช้เวลานาน

ผมไม่เล่นเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ เมื่อตอนที่อสังหาฯ บูมสุด มีคนรู้จัก
หลายคน ซื้อเก็งกำไรกัน กู้เงินไปซื้อที่ไกลๆ บางคนก็ซื้อที่ในป่าก็มี ผลสุดท้าย
พอฟองสบู่แตกหลายๆ คนหมดตัว ต้องขายออกถูกๆ บางที่ก็ขายไม่ออกก็มี
แต่ว่าก็มีคนเก่งๆ ที่ทำแล้วรวยก็มีมากครับ

Golden Stock เขียน:การกู้เงินมาซื้ออาคารพาณิชย์หรือที่ดินมาให้คนอื่นเช่านั้น
รายได้ค่าเช่าไม่คุ้มกับดอกเบี้ยจ่ายครับ ส่วนใหญ่ที่กู้เงินกัน

คอนโดครับ คอนโด

ถ้ากู้เพื่อเก็งกำไรไม่แนะนำครับ ใครจะรู้ว่าอสังหาจะเกิดตูมทรุดหนัก
เมื่อไหร่

การกู้เพื่อปล่อยเช่า ปกติดอกเบี้ยเงินกู้จะสัมพันธ์โดยตรงกับค่าเช่าอยู่แล้ว
ปลอดภัยไปหนึ่งส่วน

การขายในภายหลังถือเป็น exit ครับ โดยปกติจะได้กำไร

เมื่อ 5 ปีก่อนผมซื้อคอนโดปล่อยเช่า ลงเงินสด 1 ล้านบาท
ที่เหลือกู้แบงก์ จ่ายดอกเบี้ยเดือนละประมาณ 2 หมื่น ไ
ด้ค่าเช่า 2 หมื่น 5 ค่าใช้จ่ายจิปาถะรายปีก็ตก 5 หมื่น

ปีแรกรายได้หมื่นเดียว แต่พอปีที่ 2 ได้ 2 หมื่นกว่า
ปีที่ 3 กับ 4 ได้รายได้เป็นแสนครับ เพราะดอกเบี้ยลดแรง

เฉลี่ย 4 ปีกำไรประมาณ 5% ต่อปี จาก 1 ล้าน พอขาย
ทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว หักภาษีและเงินกู้แบงก์ เหลือเงิน
เกือบสองล้านบาท

ถ้าบอกว่ากู้เงินซื้ออสังหาเพื่อปล่อยเช่าแล้วไม่ได้กำไร
ผมขอเถียงครับ โดยเฉพาะคิดถึงว่าหลังจากซื้อแล้ว
เกิดอสังหาตกต่ำอย่างหนักด้วยครับ

สาเหตุที่ขาย -- เริ่มเก่าครับ และรายได้จากปันผล
สูงกว่ามาก

เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วจับอสังหาที่ไหนก็กำไรครับ ผมซื้อขายไปสามรอบกำไรเอามาซื้อหุ้น ก็กำไรอีก แต่ผมว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปมันไม่ง่ายเหมือนเมื่อสามปีที่ผ่านมา คงเหมือนรัฐบาลที่จะต้องใช้ฝีมือในการบริหารประเทศมากขึ้น ประเทศจึงจะดูดีขึ้น โดยส่วนตัวผมเตรียมเล็งพันธบัตรบ้างแล้ว ในชีวิตยังไม่เคยซื้อพันธบัตรเลย แต่อยากได้ดอกเบี้ยซัก 7% ขึ้นไป ปีหน้ามีโอกาสได้เห็นไหมครับ มีพันธบัตรเมื่อไหร่จะลดจำนวนหุ้นที่ถือไว้สี่สิบกว่าตัวให้เหลือไม่ถึงสิบซะที เปิดพอร์ตทีตาลายเลย

OK ครับ ต้องยอมคุณ CK ครับ
ผมไม่เคยซื้อคอนโดมาก่อน
และผมก็ไม่เคยกู้เงินมาซื้อ
เลยไม่ทราบว่าสามารถทำกำไรได้
ผมทำเท่าทีมี เวลาเกิดเหตุการณ์
อะไรร้ายแรงขึ้นมา ก็จะได้ไม่เดือดร้อน

คือผมไม่ชอบการเป็นหนี้นานครับ มันไม่ค่อยสบายใจ
ผมซื้อรถยนต์ บ้าน และของใช้ต่างๆ ก็จ่ายเงินสดตลอด
อย่างบัตรเครดิตก็ไม่เคยคิดจะทำ แต่พอดีพนังงาน
แบงค์มาขอให้ช่วยทำ ก็เลยทำไปสองใบ พอลองใช้
แล้วก็พบว่าบัตรเครดิตก็มีขอดีเหมือนกันครับ

หนี้ที่มีปัจจุบันก็เป็นเจ้าหนี้การค้าเป็นส่วนใหญ่ เงินกู้
ระยะยาวผมไม่มีเลย เออ...มีผ่อน Hutch ice ดอกเบี้ย 0%
6 เดือน โดยผ่อนผ่านบัตรเครดิต อยู่อีกหนึ่งเครื่องครับ

สุดท้ายดูคุณ CK เป็นคนเก่งมากคนหนึ่งนะครับ
และมีประสบการณ์หลายด้าน ที่คนๆ หนึ่งยากที่
จะประสบครับ

Golden Stock เขียน:สุดท้ายดูคุณ CK เป็นคนเก่งมากคนหนึ่งนะครับ
และมีประสบการณ์หลายด้าน ที่คนๆ หนึ่งยากที่
จะประสบครับ

เห็นด้วยเลยครับ ไม่รู้แกเอาเวลามาจากไหน หรือทำไมถึงสนใจศึกษาอะไรได้มากมายหลายอย่างขนาดนี้ นับถือๆ

Golden Stock เขียน:คือผมไม่ชอบการเป็นหนี้นานครับ มันไม่ค่อยสบายใจ

แหะๆ อันนี้จริงครับ 4 ปีที่ลงทุนในอสังหา บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยมีความสุข
ครับ

กลัวสารพัด เกิดน้ำรั่วไปโดนห้องข้างล่างทำไง เกิดปล่อยเช่าไม่ได้ติด
กันสามสี่เดือนทำไง เกิดผู้เช่าเบี้ยวค่าเช่าทำไง เพราะถ้ารายได้ไม่เข้า
ก็ต้องแบกค่าใช้จ่ายต่อเนื่องไปทุกเดือน...

แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีหนี้อยู่ครับ แต่คำนวณแล้ว ใน worst case scenario
asset ต่างๆ สามารถ liquidate ได้ (คิด worst case) ก็ยังเหลือทรัพย์สิน
พอให้เลี้ยงลูกได้หลังหนี้หมด ผมว่าการบริหารหนี้ให้ดีๆ ก็เป็น tool
ที่ดีในการบริหารสินทรัพย์

ส่วนเรื่องเก่งผมยอมรับว่าไม่เก่งจริงสักเรื่องครับ แต่ชอบสอดรู้สอดเห็น
เป็นเป็ดน่ะ รู้สารพัดเรื่อง แต่รู้ไม่จริงสักเรื่อง

จริงๆ แล้วว่ากันว่า ขอเพียงรู้อย่างเดียว และรู้เชี่ยวชาญไปเลย จะรุ่งกว่า

เหมือนคุณ blueblood ไงครับ รู้เรื่องเรือแบบละเอียดเลย

พูดถึงรู้ทุกเรื่อง ผมว่าคุณ hot รู้มากกว่าผมอีกนะ

ผมว่าอย่างคุณ CK ถ้าเป็นเป็ด ก็เป็ดมหัศจรรย์ละครับ
เป็นGuRuจริงๆ
ส่วนคุณ hot ผมก็เห็นว่าสุดยอดครับ เอาเรื่องดีๆ น่าสนใจมาฝากตลอด[/list]

แต่ละท่าน มีแนวคิดน่าสนใจ

ส่วนผม STOCKS ARE FOREVER หุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ครับ (หุ้น 90% เงินสดเตรียมซื้อหุ้นอีก 10%)

ไม่ใช่ว่ามั่นใจแบบ ดร.นิเวศน์นะครับ คือ ติดดอยสูงมากน่ะครับ ลง บ่ ได้ 555

หุ้น 70 ฝากธนาคาร 30 ครับ

คือทั้งเนื้อทั้งทั้งตัวมีแต่เงินฝากกับหุ้น แทบไม่มีกินแล้วครับ อิอิ