Thai VI

คือ..ผู้กล้าที่เปิดเผยความจริงที่น่ายกย่อง
สำหรับหุ้นจอมโหดแห่งปี2547

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 16681.html

เรื่องอะไรครับ สงสัย ถูกลบไปแล้ว ตามไปไม่เจอครับ

CopyWriter เขียน:เรื่องอะไรครับ สงสัย ถูกลบไปแล้ว ตามไปไม่เจอครับ

ยังไม่ถูกลบแต่ลิ้งค์ไม่ติดครับ
เกี่ยวกับ เซียนกราฟ แพ้ความโลภกับหุ้นสุดโหดแห่งปี2547
อ่านแล้วเป็นอุทาหรณ์เตือนใจดีครับ

ลองใหม่ หัวข้อกระทู้ เรื่องจริงผ่านจอ...นักเลงกราฟผู้พ่ายแพ้(กิเลส)

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/

ขอบคุณครับ

ตามไปอ่านมาแล้ว

ผมแอบชื่มชม ท่านเจ้าของกระทู้อยู่ ตลอด

ขอบคุณสำหรับ ข้อคิดและอุทาหรณ์

ปล.ยังชื่นชมอยู่นะครับ เก่งนะครับที่รู้จักตัวเอง

สยองแฮะ แต่ผมเห็นตรงที่ว่า เล่น วิ 50 VS 50เนี่ย อาจมองจาก logic ทางสายกลางแต่ความเป็นจริงคงต้องหาวิธีทางสถิตถมาพิสูจน์ครับว่าวิธีแบบไหนที่ ทนทานจ่อามณ์ความร฿สึกได้ดีและทำกำไรได้ดีด้วยเพราะหาก กำไรดีแต่ ความแปรปรวนสูงก็อาจหัวใจวายได้

ch_army เขียน:คงต้องหาวิธีทางสถิตถมาพิสูจน์ครับว่าวิธีแบบไหนที่ ทนทานจ่อามณ์ความร฿สึกได้ดีและทำกำไรได้ดีด้วยเพราะหาก กำไรดีแต่ ความแปรปรวนสูงก็อาจหัวใจวายได้

นักเก็งกำไรที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องตัดอารมณ์ออกไปจากสมการครับ
นี่คือบทเรียนจากคุณอดรีนาลีน

หากจิตใจ ของเรายังเป็นแบบมีอารมณ์ความรู้สึกยังไงซะการเก้งกำไรระยะสั้นก็ไม่น่าสนใจเพราะ หัวใจวายได้
แต่หากเป็นหุ่นยนต์ก็น่าสนใจแฮะ อย่างนี้สร้าง software มาทำการทดลองแนวทางการเก็งกำไรเทียบกับวิธีระยะยาวล่ะครับ จะพอพิสูจน์ได้บ้างไหม อันนี้ คอมคงไม่มีอารมณ์มั้ง

ch_army เขียน:สร้าง software มาทำการทดลองแนวทางการเก็งกำไรเทียบกับวิธีระยะยาวล่ะครับ จะพอพิสูจน์ได้บ้างไหม

ได้ครับ ลองแล้วครับ
ถ้าซื้อขายตามหลักการเป๊ะๆ ไม่มีพลิกแพลง
ไม่ใช้อารมณ์ "คาดการณ์" ตลาด

กำไรมากกว่า SET index หลายเท่าครับ ในระยะเวลาเกือบ 15 ปี
(หมายเหตุ: ทดสอบจากข้อมูลย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 1990)

CK เขียน: ได้ครับ ลองแล้วครับ
ถ้าซื้อขายตามหลักการเป๊ะๆ ไม่มีพลิกแพลง
ไม่ใช้อารมณ์ "คาดการณ์" ตลาด

กำไรมากกว่า SET index หลายเท่าครับ ในระยะเวลาเกือบ 15 ปี
(หมายเหตุ: ทดสอบจากข้อมูลย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 1990)

แบบนี้ต้องขอทางไปเวป คุณrock ด้วยครับใครรู้ลิ้งค์ให้หน่อยครับ
อยากไปดูกราฟ
ปกติดูแต่ของIRSที่ตลาดหุ้นดอทคอม

ปรัชญา เขียน:แบบนี้ต้องขอทางไปเวป คุณrock ด้วยครับใครรู้ลิ้งค์ให้หน่อยครับ
อยากไปดูกราฟ
ปกติดูแต่ของIRSที่ตลาดหุ้นดอทคอม

www.all-4-thai.com/rockriverarms

CK เขียน:
www.all-4-thai.com/rockriverarms

เขาว่ากันเป็นคนขอนแก่น
แต่ผมยังไม่เคยเจอกัน สักเที่ย
ขอบคุณ หลายๆ ที่นำมาฝากครับ

http://www.all-4-thai.com/rockriverarms/index.php

ครับพี่ปรัชญา

st เขียน:http://www.all-4-thai.com/rockriverarms/index.php

ครับพี่ปรัชญา

ขอบคุณ ในความมีน้ำใจครับ คุณst

ba_2l เขียน: การใช้กราฟมาsimulateย้อนหลัง จะเป็นการนำเอาราคาปิดของแต่ละวันมาคำนวน แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถซื้อหุ้นที่ราคาปิดได้ทุกวัน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยผลการsimulateจะยิ่งมีerrorมากครับ

ผมไม่ได้ใช้ราคาปิดราคาเดียวครับ ราคาเปิดก็มี ราคาปิดวันนี้บวก
เปิดพรุ่งนี้ก็มี หรือเฉลี่ยราคาปิด 3 วันก็เคย ใช้ราคา high ก็ทดสอบครับ

ส่วนหุ้นสภาพคล่องน้อย ผมไม่ทดสอบอยู่แล้ว ตัวที่ทดสอบมีแค่นี้ครับ
ASP KTB LH และ SCC

วอลุ่มที่ซื้อได้ในแต่ละวัน สามารถกำหนดได้ว่าไม่เกิน 2% ของวอลุ่ม
ทั้งวันของหุ้นตัวนั้น

จริงๆ แล้วในการเทรดจริงสามารถปรับลด "ต้นทุน" ของการซื้อได้อีกนิด
ถ้าใช้ Average True Range ช่วย

--- อ่า แต่พอเอามาเล่นจริงกลับทำไม่ได้ตามที่ออกแบบระบบไว้ครับ
ยังตัดความโลภความกลัวไม่หมด และที่สำคัญคือ มักจะ "เดาตลาด"
แถมไม่สามารถเฝ้าจอได้ตลอด ---

คิดว่าฝึกอีกสักครึ่งปี ผมน่าจะทำตาม trading system ได้ดีขึ้น

แล้วพี่ CK เนี่ยใช้วิธีอะไรในการซื้อขายครับ ใช้เทคนิคตัวไหนบ้างครับ เผื่อผมเอามาทำเป็นงานวิจัยย่อยๆ แล้วค่อยเอามาเผยแพร่ภายหลังอีกที

ตามทฤษฎีคือใช้อะไรก็ได้ครับเป็นสัญญาณซื้อขาย แต่ต้อง
ใช้สัญญาณนั้นทุกๆ ครั้งแบบเป๊ะๆ

จริงๆ แล้วก็คือแม้แต่ P/E ก็เอามาเป็นสัญญาณซื้อขายได้
แต่วิธีการค่อนข้างซับซ้อน เขาก็เลยบอกว่าให้ใช้อันที่ซับซ้อน
น้อยที่สุดครับ

ตามทฤษฎีเขาให้ซื้อเมื่อราคาทำ high ที่สุดใน 55 วัน และ
ขายเมื่อทำ low ที่สุดใน 20 วัน

แต่มีประยุกต์ได้เล็กน้อย ตามถนัดครับ ผมก็ลองหลายๆ แบบ
แต่ model ที่ผมใช้จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อยในการอธิบาย แต่
ทำจริงค่อนข้างจะง่ายครับ

แต่ concept ก็คือซื้อเมื่อราคาเกิน XX และขายเมื่อราคาต่ำ
กว่า YY ไม่ต้องสนใจว่ากำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ และราคา
XX กับ YY จะขยับไปเรื่อยๆ ทุกวัน

เอพี่เคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการหาคำตอบแบบ Goal Seeking หรือเปล่าครับ

ที่ผมเคยเรียนมาเราสามารถหาคำตอบโดยวางกลยุทธ์ไว้ 2 แบบคร่าวๆคือ
1. หาคำตอบจากผลลัพธ์ที่ต้องการ -- Goal Seeking
2. หาคำตอบที่ให้ผลลัพธ์สูงสุด ----- จำไม่ได้แฮะ



หากเราลองประยุกต์จากวิธีทั่วไปที่มักเป็นแบบที่สองคือหาวิธีการหาคำตอบแล้วลอง รันวิธีการัน้นแล้วดูว่าคำตอบที่ได้จะให้ผลลัพธ์เท่าไร เปลี่ยนเป็น แบบที่ 1 ที่เราตั้งผลลัพธ์ไว้แล้ว วิธีการที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องากรแทน

ในกรณีนี้ เราใช้การกำหนดผลตอบแทนการลงทุนแล้วให้ โปรแกรมสร้างกลยุทธ์ที่ทำให้ได้ตามเป้าเนี่ยก็น่าสนใจนะครับ

เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการหาคำตอบของทุกปัญหา
เลยครับ