เงินปันผลเงินปันผลเงินปันผลสำคัญไฉน?
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 10, 2004 5:39 am
มาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด
ระหว่าง 2 สัปดาห์ที่ผมไม่ได้เขียนบทความ เนื่องจากต้องเดินทางไปต่างประเทศเกี่ยวกับธุรกิจด้านการจัดการลงทุนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และฮ่องกง เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 3 เรื่องหลักๆ คือ
1) การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ก็มีความชัดเจนเรียบร้อย รวมทั้งทิศทางเศรษฐกิจ และทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะขยับ Fed Fund Rate จาก 1.75% เป็น 2% ในการประชุมวันพุธที่ 10 พฤศจิกายนนี้
และมีความเป็นไปได้ถึง 80% ที่จะขึ้นอีกในเดือนธันวาคมอีก 0.25% นั่นหมายถึง ผลที่จะส่งให้ดอกเบี้ยมาตรฐานของไทยเรา (อัตราดอกเบี้ยซื้อ/ขายคืนพันธบัตรอายุ 14 วันของธนาคารแห่งประเทศไทย) ขยับตามขึ้นไปด้วย
2) เรื่องปัญหาภาคใต้ คงจะต้องใช้ระยะเวลาพอควรสำหรับรัฐบาล ในการสรุปเรื่องราวและแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
3) ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนนักในปัจจุบัน ว่าจะกระทบธุรกิจอุตสาหกรรมด้านใด เพียงใด ราคาผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานจะปรับลดลงหรือไม่ อย่างไร
ทั้ง 3 เหตุการณ์ข้างต้น เป็นเพียงในหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 10 เดือนที่ผ่านมา หรือในเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ ดังนั้น ผู้จัดการลงทุนทั่วโลกหลายคน ได้เริ่มเปลี่ยนความนิยมในหุ้นที่มีการเติบโตสูงๆ
จากการลงทุนโดยใช้กระแสเงินสดของบริษัท มาเป็นการสนใจในหุ้นของบริษัทที่มีการจ่ายปันผลตอบแทนในอัตราที่สูงแทน
ทำไมเงินปันผลจึงสำคัญ?
1) เงินปันผลเป็นเงินสดรับจริงๆ (Real Money) สำหรับผู้ลงทุน มิใช่ตัวเลขในบัญชี
2) บริษัทที่จ่ายปันผลได้ จะต้องเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในกระแสเงินสดรับ
3) ความสม่ำเสมอ หรือการเพิ่มขึ้นของ การจ่ายปันผล หมายถึง ความมั่นใจของผู้บริหารเรื่องฐานะการเงินของบริษัท
4) เงินปันผล ถือเป็นรายได้ที่ส่ำเสมอของผู้ลงทุน ซึ่งอาจนำไปลงทุนต่อเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น หรือเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจำเป็น
5) เงินปันผลจ่ายจะค่อนข้างคงที่กว่าตัวเลขกำไรสุทธิ โดยดูจากสถิติของ MSCI World Universe ตั้งแต่มกราคม 2513 ถึงมกราคม 2546 ดังนั้น อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) น่าจะเป็นตัวเลขที่คงที่กว่า P/Earnings หรือ P/Book Value
จากรูปที่ 1 และ 2 ความแตกต่างคือ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่รวมการนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเนื่อง ในรูปที่ 1 เปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่มีรายได้รับเพิ่มเติมจากการลงทุนของเงินปันผลที่ได้รับ ดังนั้น ในขณะที่ภาวะการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูง การลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง น่าจะทำให้ผลตอบสูงขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุด ก็มีกระแสเงินสดรับมาให้อุ่นใจ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2547 18:50 น.
จากบทความข้างบนทุกท่านคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?
ระหว่าง 2 สัปดาห์ที่ผมไม่ได้เขียนบทความ เนื่องจากต้องเดินทางไปต่างประเทศเกี่ยวกับธุรกิจด้านการจัดการลงทุนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และฮ่องกง เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 3 เรื่องหลักๆ คือ
1) การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ก็มีความชัดเจนเรียบร้อย รวมทั้งทิศทางเศรษฐกิจ และทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะขยับ Fed Fund Rate จาก 1.75% เป็น 2% ในการประชุมวันพุธที่ 10 พฤศจิกายนนี้
และมีความเป็นไปได้ถึง 80% ที่จะขึ้นอีกในเดือนธันวาคมอีก 0.25% นั่นหมายถึง ผลที่จะส่งให้ดอกเบี้ยมาตรฐานของไทยเรา (อัตราดอกเบี้ยซื้อ/ขายคืนพันธบัตรอายุ 14 วันของธนาคารแห่งประเทศไทย) ขยับตามขึ้นไปด้วย
2) เรื่องปัญหาภาคใต้ คงจะต้องใช้ระยะเวลาพอควรสำหรับรัฐบาล ในการสรุปเรื่องราวและแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
3) ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนนักในปัจจุบัน ว่าจะกระทบธุรกิจอุตสาหกรรมด้านใด เพียงใด ราคาผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานจะปรับลดลงหรือไม่ อย่างไร
ทั้ง 3 เหตุการณ์ข้างต้น เป็นเพียงในหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 10 เดือนที่ผ่านมา หรือในเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ ดังนั้น ผู้จัดการลงทุนทั่วโลกหลายคน ได้เริ่มเปลี่ยนความนิยมในหุ้นที่มีการเติบโตสูงๆ
จากการลงทุนโดยใช้กระแสเงินสดของบริษัท มาเป็นการสนใจในหุ้นของบริษัทที่มีการจ่ายปันผลตอบแทนในอัตราที่สูงแทน
ทำไมเงินปันผลจึงสำคัญ?
1) เงินปันผลเป็นเงินสดรับจริงๆ (Real Money) สำหรับผู้ลงทุน มิใช่ตัวเลขในบัญชี
2) บริษัทที่จ่ายปันผลได้ จะต้องเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในกระแสเงินสดรับ
3) ความสม่ำเสมอ หรือการเพิ่มขึ้นของ การจ่ายปันผล หมายถึง ความมั่นใจของผู้บริหารเรื่องฐานะการเงินของบริษัท
4) เงินปันผล ถือเป็นรายได้ที่ส่ำเสมอของผู้ลงทุน ซึ่งอาจนำไปลงทุนต่อเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น หรือเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจำเป็น
5) เงินปันผลจ่ายจะค่อนข้างคงที่กว่าตัวเลขกำไรสุทธิ โดยดูจากสถิติของ MSCI World Universe ตั้งแต่มกราคม 2513 ถึงมกราคม 2546 ดังนั้น อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) น่าจะเป็นตัวเลขที่คงที่กว่า P/Earnings หรือ P/Book Value
จากรูปที่ 1 และ 2 ความแตกต่างคือ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่รวมการนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเนื่อง ในรูปที่ 1 เปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่มีรายได้รับเพิ่มเติมจากการลงทุนของเงินปันผลที่ได้รับ ดังนั้น ในขณะที่ภาวะการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูง การลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง น่าจะทำให้ผลตอบสูงขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุด ก็มีกระแสเงินสดรับมาให้อุ่นใจ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2547 18:50 น.
จากบทความข้างบนทุกท่านคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?