Thai VI

หลักการและวิธีการ คือ กลยุทธและกลวิธี ใช่มั้ยครับ?

ดังนั้น ผมอยากถามว่า หลักการ และวิธีการสำหรับการลงทุน VI เราจะสามารถพัฒนาได้อย่างไร?

และ สามารถที่จะเรียนรู้ได้โดยวิธีใดบ้างครับ?

มันคงไม่ง่ายแน่ถ้าการลงทุนแบบ VI ถ้ามันคือการเสาะหาบริษัทที่ดีทั้งด้านการเงินและการตลาดหรือความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และไม่มีปัจจัยภายนอกมากพอหรือร้ายแรงพอในอนาคตหรือปัจจุบันที่จะสั่นคลอนบริษัทที่เราเล็งอยู่

ผมเห็นว่าการลงทุนแบบ VI คือ การเล็งเข้าซื้อกิจการที่เราจำเป็นจะต้องมองความเสี่ยงทุกๆด้านเอาไว้ และประเมินหรือวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในอนาคตว่าจะดีหรือไม่.

ดังนั้นผมว่าการพัฒนากลยุทธและกลวิธีการลงทุนนั้นมีความสำคัญมากเพราะมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่าเราจะมีกลยุทธและวิธีการลงทุนที่ดีมีประสิทธภาพหรือไม่ แต่ถ้าปัจจัยต่างหรือข้อมูลในการลงทุนนั้นมันขึ้นอยู่กับตัวบริษัทเอง.




ชี้แนะด้วยครับ.....................ขอบคุณ

ผมว่า "กุญแจ 5 ดอก" จะช่วยไขข้อข้องใจของท่านได้อย่างตรงประเด็น

เชียร์ซื้อด้วยความจริงใจครับ!!!

ผมมีมุมมองกว้างๆอย่างนี้ว่า ให้คุณมองมันด้วยความเป็นจริงว่า ค้าขายอะไร ทำอะไรยังงัย กระบวนการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงมือลูกค้าหรือผู้บริโภคนั้น ต้องทำอะไรยังงัยบ้าง เมื่อคุณเข้าใจมันดีแล้ว ก็จะมองออกว่าธุรกิจนั้นดีไม่ดีอย่างไร แล้วก็ใช้ตัวเลขในงบการเงินประเมินออกมาเป็นราคาต่อหุ้น และซื้อมันเมื่อราคาต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น ยิ่งต่ำกว่ามากยิ่งดี

ผมมองว่าคนที่มาถามแบบนี้ กำลังจะมองหาข้อเสียของแนว vi หรือป่าว

เพราะจริงๆแล้ว หากคุณลงทุนเงินเองทำธุรกิจเอง และเข้าใจการบริหารธุรกิจ ก็จะมองออกว่ากิจการที่ดีเป็นอย่างไร และเลือกซื้อหุ้นกิจการที่ดี แล้วถือต่อไปตราบที่ยังเป็นกิจการที่ดี

ไม่เหมือนพวกเก็งกำไรรายวัน ที่ไม่สนพวกนี้ ดูแต่กราฟ นั่งหน้าคอมดูตัวเลขราคา แล้วสวดมนต์อ้อนวอน ให้ราคามันขึ้นเพื่อที่จะได้ขายแล้วมีกำไร

ผมว่าถ้าคุณไม่เปิดใจและศึกษาให้มาก ไปเก็งกำไรต่อเถอะครับ พวกเราจะได้มีคนมาขายของถูกให้ตลอดไปครับ

กลยุทธ์ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมาย (เป็นเรื่องของอนาคต) ภายใต้การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายใน (มันเป็น Dynamic) ซึ่งเป็นการดูทรัพยากรของเรา และของคนอื่นๆ แล้วจึงมากำหนดยุทธวิธีซึ่งก็เป็นวิธีการที่จะใช้เพื้อช่วยสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

กลยุทธ์และยุทธวิธี ไม่ได้มีความหมายเดียวกับหลักการและวิธีการ เป็นเรื่องของทฤษฎีหรือวิชาการ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติ หรือแนวดำเนินการ ที่มีการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับ

ลองหาหนังสือการจัดการเชิงกลยุทธ์มาศึกษาดูครับ แล้วลองทำกรณีศึกษา ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์กับบริษัทต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ใจเย็นๆท่านแฮรี่ ท่านทศพรคงไม่ได้มาโจมตีอะไรนะครับ
คำถามและความเห็นของท่านทศพรนี่แสดงให้เห็นความเปิดใจเป็นอย่างมากครับ

สมมุติฐานที่ใช้อยู่กับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า คงจะต้องพิจารณาตลาดว่าไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะสะท้อนมูลค่าบริษัทที่แท้จริง ในราคาหุ้นปัจจุบันนะครับ
เราเชื่อว่าหุ้นถูกๆ นั้นมีแน่ (แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลา) เมื่อซื้อแล้วก็ถือว่ากำไรไปแล้วล่ะ

เรื่องพัฒนากลยุทธ์การลงทุน ผมชอบหนังสือกุญแจ 5 ดอกมาก ที่เค้ากล่าวถึง "ตัวเร่ง" ที่จะพาราคาหุ้นไปยังจุดที่ควรจะเป็นในเวลาอันสั้น อันนี้ไม่เคยนึกมาก่อนเลยครับ

ขอโทษแล้วกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าแนวนี้มันยากตรงไหน ทำมัยเข้าใจยากกันจัง ถึงบอกให้เปิดใจกว้าง ศึกษาให้มากครับ

เพราะว่าแนวนี้ คือการเลือกซื้อของที่ดูฉลากให้ดีว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ซื้อมาแล้วใช้ประโยชน์ได้ ทำเงิน ขายต่อไว้ทีหลัง ขายไม่ได้ก็ใช้ไปจนพังเลย

หลักการและวิธีการ คือ กลยุทธและกลวิธี ใช่มั้ยครับ? น่าจะใช่ครับ

ดังนั้น ผมอยากถามว่า หลักการ และวิธีการสำหรับการลงทุน VI เราจะสามารถพัฒนาได้อย่างไร?

ผมคิดว่าอย่างแรกต้องเริ่มด้วยการเข้าใจและยอมรับในหลักการของ VI ก่อนครับ จึงจะไปต่อได้ เมื่อเข้าใจและยอมรับแล้ว ก็จะพัฒนาได้ โดยเริ่มจากการศึกษา ค้นคว้า ค้นหา ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวการลงทุนในแนวทางนี้ แล้วค่อยนำไปประยุกต์ใช้งาน อาจใช้ร่วมกับการลงทุนในแนวทาง VS ก็ได้ครับ

เพราะเมื่อได้เข้าใจและได้นำไปใช้ ก็จะเกิดความชำนาญในกลยุทธและกลวิธี ในที่สุดจะสามารถแปรผันไปตามสถาวะต่างๆได้ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

เสริมอีกนิดครับ ที่สำคัญต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าคุณสมบัติของเราเข้ากับหลักการหรือวิธีการที่จะทำหรือเปล่า ถ้าดูแล้วแนวทางไม่ตรงกัน และเมื่อคิดจะเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องมีช่วงการปรับตัว ในช่วงนี้ก็ผมคิดว่าน่าจะพบตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น แล้วจะรู้ได้เองครับว่าจะทำอะไร อย่างไรต่อดี

เอาแค่นี้ก่อนละกันนะครับ พี่ๆในนี้ เคยบอกไว้ ของแบบนี้ทางใครก็ทางมันครับ คนเราไม่เหมือนมีใครเหมือนกันทั้งหมดนะครับ ย่อมถนัดหรือชำนาญ กลยุทธและกลวิธีต่างๆไม่เหมือนกันครับ

การลงทุนต่างๆ ย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่ว่าใครจะยอมรับความเสี่ยงในลักษณะในมากกว่าครับ

ขอโทษ คุณ แฮรี่ จริงๆครับที่ทำให้เข้าใจผิด ไม่ได้ตั้งใจครับ ... แต่อยากรู้จริงๆ แล้วตอนนี้ผมก็มองว่าการลงทุนแบบ VI นั้นมันก็ไม่ได้ยากมากมายเกินความสามารถของใครเลยครับ ขอโทษครับ.

ผมละซึ้งกับ คำถามว่า หลักการ กับ วิธีการคืออะไร[/b]

ขอเล่าให้ฟังนิดนึงครับ

ผมยังจำได้ ตอนที่เป็นนักศึกษาแพทย์ มีอาจาร์ยหมอดมยาคนนึงดุมาก ชอบด่านักเรียนว่า ซื่อบื่อ โง่เหมือนควาย ด่าหมดไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะร้องให้เกือบทุกคน

ทุกคราบ อาจาร์ยคนนี้จะถามตลอดว่า หลักการคืออะไร วิธีการคืออะไร แกจะยำตลอด เรื่องหลักการกับวิธีการ เป็นเรื่องครับ เพราะไม่ค่อยมีใครตอบได้เท่าไหร่ เรื่องหลักการ เพราะส่วนใหญ่เราจะถนัดเรื่องวิธีการมากกว่า ในหนังสือที่อ่านก็มีแต่วิธีการ หลักการต้องสรุปเอาเอง

ยกตัวอย่าง แกพาไปดูคนไข้ เห็นคนไข้นอนใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ แกก็ถามว่า หลักการของเครืองช่วยหายใจคืออะไร ซึ่งก็หมายถึงต้องรู้ว่ามันทำงานได้อย่างไร มันช่วยคนไข้ยังไง ส่วนวิธีการ ก็หมุนปุ่มไม่กี่ปุ่ม เปิดสวิทช์ตรงไหนบ้าง

ส่วนใหญ่อาจาร์ยแกจะเน้นเรื่องหลักการมาก เพราะถ้าหลักการแม่น วิธีการก็ไม่มีปัญหา เราสามารถประยุกต์ใช้เองได้

เข้ากับเรื่องการลงทุน ส่วนใหญ่เป็นหลักการซะมากกว่า บางคนว่า 80-90% VI หลักการต้องไม่เปลี่ยนครับ วิธีการเปลี่ยนได้

ลืมล็อคอิน

มันเริ่มลำบากนิดนึงครับ คุณแฮรี่

เนื่องจากหลายๆ คนความรู้เรื่องนี้ไม่ชัดเจน ผมสามารถยกตัวอย่างเช่นผมได้เลย
แทบไม่มีความรุ้เกี่ยวกับธุรกิจเลยครับ แต่สนใจเรื่อง VI มาก
แต่เพราะความไม่รู้นี่แหละ ทำให้ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
จนปัจจุบัน ผมก็พยายามมานั่งคิดนั่งอ่าน ว่าเราจะหาวิธีการได้อย่างไร

เพราะผมได้หลักการแล้วว่า
หาของถูก ที่คนอื่นยังไม่ได้เล็งเห็น
ซื้อของที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐานของสิ่งนั้นๆ
ขายเมื่อราคามันเลยมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นไปแล้ว
หรือขายเมื่อปัจจัยที่เราซื้อหุ้นตัวนั้น ไม่มีเหลืออยู่แล้ว

อันนี้ความคิดส่วนตัวครับ ผิดหรือถูกยังไม่ทราบ แฮ่ะๆ

ความรู้เรื่องธุรกิจนั้น คงไม่มีใครที่จะทราบมากมายนักจริงไหมครับ

ทางที่ดีในการช่วยให้เรารู้เรื่องของธุรกิจของแต่ละบริษัท ก็คือการสอบถามกับผู้บริหารของบริษัทครับ และรวมถึงบริษัทคู่แข่ง ลูกค้า และ Supplier ของบริษัทนั้นๆครับ

เพียงแต่ว่าเราจะสอบถามท่านเหล่านั้นได้อย่างไร

ผมก็เริ่มจากไม่รู้มาก่อนเช่นกัน ผมก็ขวนขวาย หาหนังสือมาอ่าน ย้อนอ่านกระทู้แรกๆ สอบถามพบปะคนที่มีความรู้เสมอ ผมก็เข้าใจได้อย่างดี แม้ผมจะยังไม่เก่งมากก็ตาม

แต่ก็พอเข้าใจในหลักการ และวิธีการ

จึงงงว่าทำมัยเข้าใจอะไรกันยากจัง และรู้สึกว่าพวกเข้าใจยาก มักจะต้องการชื่อหุ้น กับราคาเท่านั้นด้วยนะ

ผมย้อนไปอ่านวาทะของวอร์เรน บัฟเฟตต์อีกรอบ

ผมก็เลยจะเป็นฝ่ายนิ่งเฉย เหมือนที่เฮียวิบูลย์บอกแหละ ถามก็ตอบ ไม่ถามก็ไม่ตอบ

ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนพากันมาเกลียดผมไปด้วย

harry เขียน:ผมก็เริ่มจากไม่รู้มาก่อนเช่นกัน ผมก็ขวนขวาย หาหนังสือมาอ่าน ย้อนอ่านกระทู้แรกๆ สอบถามพบปะคนที่มีความรู้เสมอ ผมก็เข้าใจได้อย่างดี แม้ผมจะยังไม่เก่งมากก็ตาม

แต่ก็พอเข้าใจในหลักการ และวิธีการ

จึงงงว่าทำมัยเข้าใจอะไรกันยากจัง และรู้สึกว่าพวกเข้าใจยาก มักจะต้องการชื่อหุ้น กับราคาเท่านั้นด้วยนะ

ผมย้อนไปอ่านวาทะของวอร์เรน บัฟเฟตต์อีกรอบ

ผมก็เลยจะเป็นฝ่ายนิ่งเฉย เหมือนที่เฮียวิบูลย์บอกแหละ ถามก็ตอบ ไม่ถามก็ไม่ตอบ

ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนพากันมาเกลียดผมไปด้วย

คำตอบของคำถาม ความสามารถในการเรียนรู้ และความสามารถในการรับรู้ข้อมูล ไม่เท่ากัน

เพิ่มเติมคำตอบ บางครั้งพยายามที่จะไม่รับรู้ นั่นก็คือความมีอคติในการรับรู้....

ผิดตก ยกเว้น

คุณเพนกวิน..ลูกชายเป็นไงมั่ง ไม่เห็นถ่ายรูปมาให้ดูเลยนะ