เปิดทางต่างชาติซื้อหุ้นเพิ่ม จะทำให้คนไทยร่ำรวยขึ้นอีก
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 16, 2004 7:43 am
ลองอ่านบทความดูครับ
ทุกท่านคิดเห็นว่ายังไง YES / NO
มีพาศน์ โปตระนันทน์ นักวิชาการอิสระ และอนุญาโตตุลาการ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 11 ตุลาคม 2547
ประเทศที่มีจีดีพีเฉลี่ยเป็นรายหัวสูง จะส่งผลให้ฐานะและรายได้ของประชาชนทุกระดับ รวมทั้งของชาวไร่ชาวนาและผู้ใช้แรงงานที่ยากจนทั้งประเทศดีขึ้นได้อย่างจริงจัง คนยากจนจะเหลือเพียงไม่ถึง 1% หรือไม่กี่แสนคนเป็นอย่างมาก ดังตัวอย่างในสหรัฐ ฮ่องกง สิงคโปร์
ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ก็คือ ราคาหุ้นบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำลง เพราะน้ำมันแพง และเพราะปัญหาไข้หวัดนก ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าสภาพเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ของประเทศจะยังดีมากอยู่ก็ตาม
ทางแก้ที่สามารถทำได้โดยไม่ยากนักและน่าจะมีผลดีมาก ทำให้เกิดความ "จริงจัง" และ "ถาวร" ซึ่งก็คือปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมักจะมีสิทธิเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่เกิน 25-49% ของหุ้นในแต่ละบริษัท ซึ่งนับว่าน้อยมาก เราจึงควรปรับปรุงกฎเกณฑ์และกฎหมาย ให้เขาเข้ามาซื้อได้ถึง 75% ทำนองเดียวกับที่เกาหลีใต้ได้ปฏิบัติอยู่ ซึ่งส่งผลให้ต่างชาติเป็นเจ้าของหุ้น 45% ของตลาดเกาหลีใต้ทั้งหมด จึงแสดงว่า บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ เช่น Samsung, LG, Hyundai ที่เข้าใจว่าเป็นของคนเกาหลีนั้น ความจริงต่างชาติมีส่วนเข้ามาเป็นเจ้าของในสัดส่วนค่อนข้างมาก
ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพียงไม่กี่แสนล้านบาท (ตัวเลขอ้างอิงจาก บล.ภัทร มีมูลค่าตลาดราว 1 ล้านล้านบาท) ในขณะที่มูลค่ารวมของตลาดมีเกือบ 5 ล้านล้านบาท ถ้าเราเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นได้มากขึ้นทำนองเดียวกับเกาหลีใต้ก็น่าจะทำให้มีสัดส่วนในตลาดถึง 45% หรือ 2 ล้านล้านบาทในเบื้องต้น
จะทำให้ราคาหุ้นหรือดัชนีของเราน่าจะขึ้นไปได้อย่างน้อย 20-50% ในเวลาไม่นานนัก ถึงตอนนั้นเงินตราต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาจากต่างชาติมาซื้อหุ้น ก็น่าจะมากกว่า 4 ล้านล้านบาท ตามมูลค่าโดยรวมของตลาด น่าจะสูงขึ้นเป็นกว่า 8 ล้านล้านบาท
ราคาหุ้นที่สูงขึ้นมากจะทำให้คนไทยรวยขึ้น กำลังซื้อมากขึ้น บริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์สามารถออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมากได้สะดวก จะส่งผลให้มีการลงทุนขยายการผลิตเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ราคาสินค้าต่ำลง การส่งออกของเราเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์ก็จะพลอยได้รับผลดีทำนองเดียวกัน จีดีพีจะเพิ่มขึ้น
เงินตราต่างประเทศที่จะไหลเข้ามามาก จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหมดกังวลเรื่องเงินไหลออก และน่าจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาก
สภาพคล่องจะสูง อัตราดอกเบี้ยโดยรวมจะต่ำ น้ำมันเชื้อเพลิง วัตถุดิบและชิ้นส่วน และสินค้าเข้าน่าจะถูกลงไม่น้อยกว่า 20-30%
สินค้าจะไม่ขึ้นราคา อัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยแบงก์ชาติไม่ต้องพยายามจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง กำลังซื้อ และความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยจะสูงขึ้น
จีดีพีน่าจะโตได้ถึง 8-9% ต่อปี และถ้าปล่อยให้มีการลงทุนและการแข่งขันโดยเสรีอย่างสูงในทุกรูปแบบด้วย เศรษฐกิจไทยจะโตได้ถึงปีละ 10-14% เหมือนเขตเศรษฐกิจเซิ่นเจิ้นของจีน
การที่จีดีพีโตเร็ว จะทำให้มีค่าเฉลี่ยเป็นรายหัวของเราสูงขึ้นอีกมาก มีข้อน่าสังเกตว่า ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเจริญขึ้นโดยรวดเร็ว ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นสูงขึ้นถึง 4 เท่าตัว (จาก 400 กว่าเยนต่อดอลลาร์ เพิ่มเป็น 100 เยนต่อดอลลาร์) ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิง วัถตุดิบ ชิ้นส่วน ถูกลงตามส่วน ญี่ปุ่นจึงไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ และปรากฏว่า สินค้าออกก็คงส่งออกได้ดีมากและเกินดุลการค้าตลอดมา
เป็นที่ปรากฏอยู่ทั่วโลกว่า ประเทศที่มีจีดีพีเฉลี่ยเป็นรายหัวสูง จะส่งผลให้ฐานะและรายได้ของประชาชนทุกระดับ รวมทั้งของชาวไร่ชาวนาและผู้ใช้แรงงานที่ยากจนทั้งประเทศดีขึ้นได้อย่างจริงจัง คนยากจนจะเหลือเพียงไม่ถึง 1% หรือไม่กี่แสนคนเป็นอย่างมาก ดังตัวอย่างในสหรัฐ ฮ่องกง สิงคโปร์
ส่วนประเทศที่จีดีพีเฉลี่ยเป็นรายหัวต่ำนั้น ไม่เคยมีประเทศใดในโลกแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะใช้เวลาร่วมร้อยปีก็ตาม
มีข้อสังเกตที่น่าคิด ก็คือ รัฐบาลใดที่ทำให้ประเทศไทย และคนไทยร่ำรวย มีความสุข และแก้ปัญหาภาคใต้ได้โดยเร็ว ย่อมจะได้ความนิยมและยอมรับ และน่าจะได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่อย่างแน่นอน ยิ่งกว่ารัฐบาลที่คุ้มครองกลุ่มผลประโยชน์
ทุกท่านคิดเห็นว่ายังไง YES / NO