Thai VI

ผมสนใจจะสมัครเข้าเรียนอ่ะ รุ่นพี่เข้าเว็บนี้ รบกวนเปิดเผยหน่อยครับ ขอที่เป็นสมาชิกนะครับ จะได้คุยได้

ถ้าไม่มีไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ

ขอโทษนะครับคุณ harry เห็นเคยบอกว่ากำลังเรียนปริญญาตี ตอนนี้จบแล้วเหรอครับ ผมก็เรียนจบมาประมาณ 1กว่า เกือบ2ปีแล้วครับไม่ทราบว่าตอนนี้คุณ harry ทำงานอะไรอยู่ครับ (ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ) พอดีกำลังอยากจะสมัครงาน

ผมเรียนจบมาสองปีแล้วครับ ที่เห็นนั้นคือผมไปสมัครโครงการหนึ่งที่ให้สำหรับคนที่เรียนปี 3 ขึ้นไป เรียนจบก็สมัครได้ครับ แต่อายุไม่เกิน 25 ปีครับ

ผมทำงานเกี่ยวกับข่าวกีฬาฟุตบอลครับ ไม่ใช่ sport ครับ แต่มีหุ้นครับ

อยากหางาน ก็หาหนังสือพิมพ์มาอ่านสิครับ ในเว็บหางานก็มีเยอะ ถ้าไม่เลือกมาก หรือรายได้น้อยจริงๆ ก็ได้งานไม่ยากครับ

คุณ harry ตอบได้ตรงใจจริงๆครับ ก็เพราะผมมันชอบมีนิสัยเลือกงานนี่แหละครับ จึงยังหาไม่ได้ซักกะที่ ขอบคุรสำหรับความเห็นนะครับ

สงสัยคุณ toon นี่นิสัยคล้ายผมแฮะ .. เลือกงานเหมือนกันเลย

แล้วคุณ yoyo กำลังจะสมัครงานอะไรรึเปล่าครับ ส่วนผมตัดสินใจตั้งนาน จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจซักที่ ว่าจะทำอะไรดี ตอนนี้อาจจะไปทำงานธนาคารพวกเกี่ยวกับการวิเคราะห์งบการเงินมั้ง แต่ก้ยังไม่ค่อยแน่ใจ

ข้างบนผมเอง toon ครับ ขอโทษคุณ harry ด้วยครับ ที่post ไม่ตรงกับคำถามของคุณharry เลย

ปีนี้เค้าเปิดรับสมัครหรือเปล่าครับ คุณ harry

ผมเปิดดูเวปมันไม่เห็นมีอัพเดทเลย ตารางการสมัครยังเป็นของปีที่แล้วเลยครับ

เห็นของเก่าเข้าเปิดขายใบสมัคร รับสมัคร ต้นเดือนพฤศจิกายน ก็กะว่าถึงวันจะลองไปถามดูครับ

แล้ว MS finaNce นี่คือไรครับ ใช่ MBA ป่ะ

ch_army เขียน:แล้ว MS finaNce นี่คือไรครับ ใช่ MBA ป่ะ

ms finance คือ เรียนด้านการเงิน การลงทุนโดยตรงครับ จะลึกกว่า หลักสูตรของจุฬา ปีเดียวครับ

แต่ mba คือบริหารธุรกิจครับ ถ้าเรียนเอกการเงิน ก็จะได้เรียนแบบเดียวกัน แต่เบาบางกว่า เน้นทางบริหารการเงินสำหรับธุรกิจ และเรียนบริหารธุรกิจด้วยครับ ของจุฬาฯเรียนสองปีครับ

ผมคิดว่าการเรียนด้วยตัวเองได้ผลกว่านะครับ ไม่ได้ว่าจุฬาไม่ดีนะครับ
แต่ระบบการศึกษาบ้านเราไม่ค่อยเน้นการ "คิด" เท่าไหร่ เน้นไปที่
"ความรู้" ซะมากกว่า

ผมเสนอให้ซื้อหนังสือมาอ่าน และหัดแกะงบจากบริษัทในตลาดเอาครับ

CK เขียน:ผมคิดว่าการเรียนด้วยตัวเองได้ผลกว่านะครับ ไม่ได้ว่าจุฬาไม่ดีนะครับ
แต่ระบบการศึกษาบ้านเราไม่ค่อยเน้นการ "คิด" เท่าไหร่ เน้นไปที่
"ความรู้" ซะมากกว่า

ผมเสนอให้ซื้อหนังสือมาอ่าน และหัดแกะงบจากบริษัทในตลาดเอาครับ

ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ไม่มีปริญญามันหางานทำที่ดีกว่าเดิมไม่ได้อ่ะ แล้วใครจะเชื่อล่ะครับ ว่าผมเก่งพอจะทำงานแบบนี้ได้ อีกอย่างการเรียนเอง อาจจะไม่มีแนวทางที่ดี และไม่มีคนเก่ง เข้าใจจริงๆอธิบาย (แม้ว่าในเว็บนี้จะมาถามได้ แต่ก็อาจจะไม่ได้คำตอบทั้งหมด)

อ้อ! หลังจากดูๆไป ผมเปลี่ยนมาเรียน mba แล้วครับ เนื่องจากถูกกว่า และทำให้ผมมีพื้นฐานทางธุรกิจ จะได้วิเคราะห์ธุรกิจได้ครับ แล้ว ms finance อาจเรียนเพิ่มทีหลัง ไม่ก็ไปเรียนป.เอกเลยครับ

harry เขียน:อ้อ! หลังจากดูๆไป ผมเปลี่ยนมาเรียน mba แล้วครับ เนื่องจากถูกกว่า และทำให้ผมมีพื้นฐานทางธุรกิจ จะได้วิเคราะห์ธุรกิจได้ครับ แล้ว ms finance อาจเรียนเพิ่มทีหลัง ไม่ก็ไปเรียนป.เอกเลยครับ

ถ้าจะเรียน MBA มีข้อแนะนำหนึ่งอย่างครับ คือทำงานให้ครบ 5 ปีก่อน
แล้วเราจะรู้ว่าเราขาดอะไร

สมัยนี้ ป.โทไม่ได้สำคัญมากมายนักซะแล้วครับ มีข้อดีอย่างเดียวคือโอกาส
ที่พนักงานจะไปเรียนต่อจะน้อยลง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการหางานดีๆ (น่าสนใจ) คือการ present ตัวเองครับ
ไม่ใช่ปริญญา

1. Resume เขียนดีๆ กระชับ สั้นๆ แต่น่าสนใจ

2. จดหมายสมัครงานให้เขียนขึ้นมาเพื่อบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ อย่าเอาสำเร็จ
รูป

3. เมื่อได้นัดสัมภาษณ์ ให้ทำการบ้านอย่างละเอียด หาข้อมูลของบริษัที่เรา
จะไปสัมภาษณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ศึกษากิจการในระดับมุมมอง
ขอผู้ถือหุ้นไปเลยยิ่งดีครับ (VI ช่วยได้มาก)

4. เวลาไปสัมภาษณ์ แต่งตัวให้เรียบร้อย คุยด้วยความมั่นใจ หัด "ถามคำ
ถาม" -- คำถามที่ดี เจาะลึกถึงกิจการของบริษัทจะได้คะแนนสูงกว่าคำ
ตอบที่ผู้สัมภาษณ์ถามเสียอีก

ถ้าไม่จบปริญญาตรี คณะที่เกี่ยวกับธุรกิจ ผมกลัวว่าจะไม่ได้สอบสัมภาษณ์นะซิครับคุณ CK สมัยก่อนผมก็เคยครับเขียนใบสมัครไปยื่นหลายแห่ง แต่ไม่เห็นเรียกไปสอบสัมภาษณ์ซักแห่งเลยครับ จนต้องไปเรียน MBA นะครับ

http://www.acc.chula.ac.th/modules.php? ... 3&floder=3
อันเดียวกับหลักสูตรใน link ข้างบนนั่นหรือเปล่าครับ ผมเล็งมานานแล้วครับ วิชาน่าเรียนมาก ว่าจะไปเรียนเหมือนกันครับ คงอีกสักปีสองปี แต่ดูหลักสูตรแล้วไม่น่าจะเรียนปีเดียว น่าจะสัก 2 ปี เพราะวิชามันเยอะ

harry เขียน:อ้อ! หลังจากดูๆไป ผมเปลี่ยนมาเรียน mba แล้วครับ เนื่องจากถูกกว่า และทำให้ผมมีพื้นฐานทางธุรกิจ จะได้วิเคราะห์ธุรกิจได้ครับ แล้ว ms finance อาจเรียนเพิ่มทีหลัง ไม่ก็ไปเรียนป.เอกเลยครับ

สนับสนุนให้เรียนด้วยอีกคน
ถ้ายังไม่แต่งงาน มีลูก
แล้วละก้อ น่าเรียนเป็นอย่างยิ่ง

ไม่งั้น ทั้งงาน ทั้งเรียน ทั้งเวลาที่ให้กับลูก
เหนื่อยสุดๆครับ

:lol:

mrdew เขียน:http://www.acc.chula.ac.th/modules.php? ... 3&floder=3
อันเดียวกับหลักสูตรใน link ข้างบนนั่นหรือเปล่าครับ ผมเล็งมานานแล้วครับ วิชาน่าเรียนมาก ว่าจะไปเรียนเหมือนกันครับ คงอีกสักปีสองปี แต่ดูหลักสูตรแล้วไม่น่าจะเรียนปีเดียว น่าจะสัก 2 ปี เพราะวิชามันเยอะ

ใช่แล้วครับ อีกเว็บที่อันเดียวกันคือ msfin.acc.chula.ac.th ครับ

ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ เห็นพี่ฉัตรชัยก็จบ mba และพี่ๆหลายท่านก็จบโทกันแล้ว

อยากรู้ว่าแผน ก. thesis กับ แผน ข.ประมวลความรู้ ต่างกันอย่างไรครับ ทำไมคนส่วนใหญ่เลือกแบบ ข. ครับ แล้วก็ยังรับเข้าเรียนมากกว่าด้วย

คิดว่าเพราะคนไทยถนัดท่องจำครับ

แบบประมวลความรู้คือท่องที่เรียนมาทั้งหมดแล้วเข้าไปสอบครั้งเดียว
ได้ก็จบ ไม่ได้ก็สอบใหม่

Thesis นี่ต้องทำ ต้องคิด ต้อง defend เหนื่อยครับ

และอาจารย์ที่ปรึกษาก็ใช่ว่าจะฉลาดล้ำเลิศทุกคน
(แต่คิดว่าตัวเองฉลาด ชอบกำหนดแนวทางให้นักศึกษา
ทำตามความคิดของตัวเอง)

เรียน 1 ปี แน่นอนครับ เพื่อนเรียนอยู่ครับ

ผมก้อยู่จุฬานะครับ แต่ไม่ใช่บัญชี อยากไปต่อโท ms finance หรือไม่ก็ mba เหมือนกัน แต่กลัวจะไม่ได้เรียนอ่ะซิไปเรียนที่บัญชีเนี่ย

คุณ CK โพสต์แบบนั้นมีประสบการณ์ส่วนตัวหรือเปล่าครับ ผมเป็นศิษย์เก่า ms-finance เรียนจบมาพอสมควร แล้วก็ทำงานด้าน Finance คิดว่าความรู้ที่ได้จากการเรียนที่ MS มีประโยชน์พอสมควร เพียงแต่ต้องใช้เวลาซักพักมาประยุกต์ใช้กับการทำงานจริง ไม่มีสถาบันไหนผลิตบัณฑิตที่จบปุ๊บแล้วเก่งปั๊บหรอกครับ

ผมสนใจอยากได้เมลล์ของคุณ Roger that ครับ เพื่อปรึกษาเรื่อง ms-finance ครับ ผมยังมีคำถามที่ยังสงสัยอยู่น่ะครับ

ขอบคุณครับ

เมลล์ผม [email protected] ครับ

Roger that, too.

ขอโทษครับ ถ้าความเห็นผมออกจะ negative กับระบบการศึกษา

ผมมองว่าระบบการเรียนบ้านเราเน้นความรู้มากกว่าการนำไปใช้
แต่ไม่ได้หมายความว่า "ไม่มีประโยชน์"

ประโยชน์ตกอยู่กับคนเรียนครับ คือถ้าเป็นคนขนขวายรู้จักประยุกต์
ก็จะได้ประโยชน์มาก จากการเรียน

แต่ถ้าเรียนแบบขอให้ผ่านเพื่อให้ได้ปริญญา ก็คงไม่ได้ประโยชน์
เท่าไหร่ครับ เสียเวลา เสียเงิน ได้แค่กระดาษมาแผ่นนึง

ประโยชน์แฝงอย่างหนึ่งของการศึกษาคือ connection ครับ ซึ่ง
ผมคิดว่าสำคัญไม่แพ้ "ความรู้"

MS เป็นการเรียนเฉพาะทาง ถ้าคิดจะเอาดีด้านการเงินหรือทำงาน
ใน field นี้ ก็ควรจะเรียนเป็นอย่างยิ่ง

แต่ถ้าเรียนเป็นความรู้รอบตัว เอาไว้อ่านงบการเงินเพื่อการลงทุน
เฉยๆ อ่านเองดีกว่าครับ ได้ประโยชน์พอๆ กัน

ส่วน MBA ผมอยากให้ทำงาน 5 ปี เพื่อจะได้รู้จุดอ่อนของตัวเองครับ
ว่ายังขาดด้านไหน และจะได้มีประสบการณ์ dealing กับผู้บริหาร
และเพื่อนร่วมงานมาแล้ว จะทำให้ตอนเรียนได้ความรู้มากขึ้น

ผมเรียน MBA ต่อแทบจะทันทีที่จบป.ตรี ผลก็คือ งงครับ เพื่อนๆ
อายุ 30-40 ปีคุยกันเรื่อง case study ฟังไม่รู้เรื่องสักนิด

เพิ่งจะมาเข้าใจหลังจากทำงาน (ระหว่างเรียนและหลังเรียนจบ)

MBA มีประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะการจะขึ้นมาเป็นผู้บริหาร
เพราะจะทำให้โลกทัศน์กว้างขึ้น และจะทำให้รู้จักกับ "เพื่อน"
ทีอยู่ในหลายๆ วงการมากขึ้น

ในฐานะที่จบ MS finance จาก มหาวิทยาลัยในกทม ขอแนะนำว่า หากสนใจด้านการเงินจริงๆๆ ก็ให้เรียน MS finance โดยตรงเพราะจะเรียนลึกกว่า MBA การเงินมิใช่เรื่องแกะงบเพื่อดูฐานะบริษัท ที่จะลงทุนในหุ้น แต่การเงินสมัยใหม่มันแข่งกันที่ innovation ประเทศเรามีนักการเงินเก่งๆๆ ไม่น่าจะเกิน 200 คน การเงินที่แท้จริงจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ จะช่วยการวางแผนการลงทุนต่างๆๆๆ จะช่วยให้ธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยง และอื่นๆๆๆ เมื่อคุณเรียนการเงิน คุณจะได้แนวคิดด้านการลงทุน แนวคิดด้านบริหาร ความเสี่ยง แนวคิดการดำเนินธุรกิจ และแนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์บางส่วนด้วย (finance มีรากเหงามาจาก economic)

ทำไมคนจึงเลือกเรียนแบบสอบประมวลวิชา? ก็เพราะว่ามันจบง่ายกว่าการทำthesis นะสิ การสอบประมวลวิชาไม่ใช่การท่องจำ แต่มันเน้นว่าคุณนำความรู้ทั้งหมดมาประยุกต์ได้หรือไม่ ส่วนการทำ thesis นั้น หลักการคือ ต้องทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ หรือการนำทฤษฏีต่างๆๆ มาทดสอบด้วยวิธีการใหม่ๆๆๆ ดังนั้นมันจีงยากกว่าการสอบประมวลวิชามาก เผลอๆๆอาจทำให้ไม่จบได้ด้วย โดยส่วนตัวที่ผมจบมา ผมทำThesis เรียนไปทำงานไป ใช้เวลาทำ thesis มากกว่าเรียน course work อีก ผมอ่านpaper เพื่อทำ thesis เกือบ 100 paper

หลักสูตร 1 ปี ผมคิดว่าไม่เหมาะสม เหมือนกับออกหลักสูตรมาเน้นหารายได้แน่ๆๆ

หากต้องการเรียนแบบfinance ลึกๆๆจริง แนะนำให้เรียน MS finance ของ มธ ครับ

เห็นด้วยครับว่า มธ. มีความรู้สึกว่าปริญญาโท มธ. เข้มข้นมาก
ถ้าเอาปริญญาเรียนไหนก็ได้...
ตอนนี้ผมก็เรียน mba อยู่เรียนการเงินเหมือนกันม.รัฐแห่งนึง แต่ไม่ลึกเท่า ms finance

สาเหตุที่ผมเลือกการเงินก็มีส่วนจากพี่ๆในห้องนี้ด้วยน่ะครับ ผมจาได้เก่งๆเหมือนพี่ๆบ้าง คุณ harry ปีหน้าจะไปแข่ง mm อีกไหม ถ้าไปคงได้เจอกัน

ผมไม่เรียนทั้ง มธ และ จุฬา จึงบอกกล่าวตามที่ได้ยินมาแค่นั้นเองครับ