Thai VI

มา คาดเดากันเล่นๆ
คิดผลประกอบการ ตัวไหน กำไรสูงที่สุดเทียบกับ Q เดียวกันปีที่แล้ว

ผมว่า ptt atc

ตอนนี้ scc เก็บกันน่าดูเลย

รอรับผลประกอบการหรือเปล่าเนี่ย

PSL ครับ ไตรมาสนี้โตจากปีที่แล้ว ประมาณ 150% หรืออย่างตํา 100 % ไม่ได้เดานะครับ

ผมลืมกลุ่มเรือไปสนิทเลย

น่าจะชนะขาดครับ

STA ครับ จาก 0.34 ปีที่แล้ว น่าจะได้เกิน 3.6 ในไตรมาส 3 ปีนี้
เพิ่มขึ้น 1000%

ไม่ได้เดาครับ มั่วๆ เอา

...ผมว่า STA เหมือนกันครับ เดาเอาหน่ะ...

ไม่เดาดีกว่าเดี๊ยวซวย

นั้นผมขอเอาตัว turnaround มามั่ง

MS ครับ เดา

RCL

scc ครับ น่าจะดีจากกลุ่มปิโตรเคมี

STA TTA PSL

In term of quality, growth, cash flow and ethic, I think it's PSL.

STA is still my favorite stock.
Please keeping your eyes on STA. on Nov. 15 2004

ที่ผมชอบก็มีคนช่วยบอกแล้ว ผมให้กลุ่มโรงกลั่นครับ q3/47นี่กำไรกระโดดทุกตัวครับ

rpc

bcp

top

เสนอตัวใหม่ครับ HEMRAJ

กำไรพุ่งพันกว่าเปอร์เซ็นต์ :lol:
เนื่องจากรายการพิเศษ

STA ด้วยคนครับ เจ้าของเก็บ ยุ่บยับเลยครับ ท่าจะออกมาดีมั่กๆๆๆ

หุหุ หุหุ STA ก็ดีครับ เมื่อวันศุกร์ผมเพิ่งจะซื้อไปเต็มพอร์ต

Counting on you Mr.AASHTO!!! You are one of few guy who confident in STA before the price hike today.

Cash Flow from Operation
1H46 = 32,259 Thousand Baht
1H47 = 118,163 Thousand Baht

กำไรปาติย้อนหลัง 5 ไตรมาส เริม่จาก Q2 /04 - Q1/04
1.42 1.28 0.95 1.03 0.72
กำไรรวมรายการพิเศษย้อนหลัง 5 ไตรมาส
1.99 1.28 0.95 1.03 0.72

PE ปัจจุบัน ประมาณ 5 มี TaxShield คงค้างอยู่)ประมาณ 300 ล้านบาท
ให้ทายกันดูว่าหุ้น อะไร

:lol: :lol: :lol: :lol:

เดาว่า RCI ครับ

ขอศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

พี่สามัญชนลองใช้ CANSLIM จับดูดีกว่าครับ
ไตรมาสที่แล้ว บ.อื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกันกำไรลดลงหมด แต่เขากำไรโตขึ้นเยอะ
ผู้ถือหุ้น 27-12-03
บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผู้ฝาก 15,707,329 49.98
นางฤดีรัตน์ สังขะทรัพย์ 8,157,445 25.96
นางกิ่งมณี ไกรฤกษ์ 1,568,143 4.99
นางสาวบุญสม เวชกาญจนา 981,367 3.12
นางธาริณี กฤดากร 688,614 2.19
Thailand Securities Depository Company Limited for Deposito 610,000 1.94
นายสมศักดิ์ กิติพราภรณ์ 526,120 1.67
นางสมถวิล สังขะทรัพย์ 500,925 1.59
นางจิตติมา สังขะทรัพย์ 418,763 1.33
นายผาสุก เทพมณี 387,140 1.23

ผู้ถือหุ้น
4-11-04
1 นางฤดีรัตน์ สังขะทรัพย์ 8,087,345 25.73
2 นายสันติทวี สารสาส 1,497,700 4.77
3 นางธาริณี กฤดากร 688,614 2.19
4 นายสมศักดิ์ กิติพราภรณ์ 525,920 1.67
5 น.ส.บุญสม เวชกาญจนา 506,767 1.61
6 นางสมถวิล สังขะทรัพย์ 500,925 1.59
7 นายผาสุก เทพมณี 438,240 1.39
8 น.ส.จุฬารัตน์ ธรรมวัฒน์วิมล 432,100 1.37
9 นางจิตติมา สังขะทรัพย์ 418,763 1.33
10 บริษัทเงินทุนหลักทรั วอลล์สตรีท จำกัด (มหาชน) 396,800 1.26
11 นายชาญ วีระโอฬารกุล 355,400 1.13
12 นายสมศักดิ์ กิติพราภรณ์ 352,660 1.12
13 กองทุนเปิด รวงข้าว 338,500 1.08
14 ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) 290,997 0.93
15 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 273,360 0.87
16 บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 270,700 0.86
17 นายธานินทร์ อัตตาภิบาล 250,000 0.8
18 กองทุนเปิด รวงข้าวหุ้นทุนบริพัตร 242,200 0.77
19 นางลดาลักษณ์ สีทองดี 211,100 0.67
20 บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด 210,451 0.67
21 นายสุขุม นวพันธ์ 178,100 0.57
22 นายพิทักษ์ รจิตบูรณะกุล 175,000 0.56
23 ม.ร.ว.ดนุชโชติ เทวกุล 170,000 0.54
24 นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ 170,000 0.54
25 นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล 170,000 0.54

คุณชัยสิทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ DCC ครับ
โชคดีครับ

วันนี้ rci ซื้อขายเยอะไม่รู้เป็นเพราะพี่หรือเปล่า
ไม่ต้องรีบนะครับ ยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าผลไตรมาส 3 จะออก

บางคนเขากังวลว่ามีหนี้ แต่ผมเห็นใน 56-1 ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เขาต้องค้ำหนี้ด้วยตัวเขาเอง อาจค้ำมากกว่ามูลค่าหุ้นเสียอีก

อนึ่ง กรรมการบริษัทที่มีอำนาจในการจัดการบริษัทจำนวน 2 ท่าน ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทมีภาระค้ำประกันหนี้บริษัทเต็มจำนวนหนี้ไว้กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งที่สนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่บริษัท เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เดิมตามแผนฟี้นฟูกิจการ ( Refinance ) โดยไม่มีผลตอบแทนแต่อย่างใด

ลองแวะชมเวบเขาหน่อยครับที่ www.rci.co.th

เอ เขาว่าหมวดวัสดุก่อสร้างไม่น่าจะดี แต่ทำไมยอดขาย HMPRO โตเอาโตเอา ตอน ส้วมทองคำ PE เกิน 10 บอกว่าถูก ตอนกระเบื้อง PE 5 บอกไม่มีอนาคต

งบเขาแปลกดีครับ ไตรมาส 2 ปีนี้ เทียกับปีที่แล้ว ยอดขายเพิ่มขึ้น แค่ 12 % แต่กำไรปกติ และกระแสเงินสด เพิ่มขึ้น ... เท่า
Office ของ Aprint ก็ใช้กระเบื้องของ RCI นะครับ

ปล. ผมเชียร์ตรงๆเพราะมีส่วนได้เสียครับ

RCI "World Class Beauty World Class Quality"

เอาข้อมูลเก่าๆ ให้ดูครับ

กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 45 = 23.03 มาจากรายการพิเศษ 26.55 ปกติ (3.52)
กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 46 = 6.98 มาจากรายการพิเศษ 3.68 ปกติ 3.30

ปี 47 รวม (2 ไตรมาศ) = 3.27 (ไม่มีรายการพิเศษ)
ปี 46 รวม (2 ไตรมาศ) = 1.32 บวกรายการพิเศษ 3.68 = รวม 5.00 (ไตรมาส 2 = 0.72)

เฉพาะไตรมาศ 3 ปี 45 = 0.31 เก้าเดือน (0.71)
เฉพาะไตรมาศ 3 ปี 46 = 1.03 เก้าเดือน 2.35 (ไม่รวมรายการพิเศษ)

และข้อมูลเฉพาะ ปี 47 กำไรต่อหุ้นดังนี้

ไตรมาศ 1 = 1.28
ไตรมาศ 2 = 1.99
ผมคาดการณ์ ไตรมาศ 3 => 1.40 (ฤดูฝน เขาว่ายอดขายจะตก ไม่เกินวันที่ 15 นี้รู้แน่ๆว่าเท่าไหร่ครับ)
ผมคาดการณ์ ไตรมาศ 4 => 2.00
ดังนั้น รวม ทั้งปี => 6.67

ปีที่ผ่านมา ปันผล 1 บาท ปีนี้ ขอสัก 2 บาทก็พอใจแล้วครับ

หมายเหตุ กำไรคาดการณ์ของผมไม่มีเหตุผลนะครับ คิดเองเออเอง และผมมีส่วนได้ส่วนเสียในหุ้นนี้นะครับ

RCI : THE ROYAL CERAMIC INDUSTRY PUBLIC COMPANY LIMITED (Mil.Baht)

As of 2004 30/06/2004 2003 31/12/2003 2002 31/12/2002 2001 31/12/2001 2000 31/12/2000
Assets 1,543.33 1,537.68 1,497.56 1,663.14 1,718.32
Liabilities 733.32 749.74 890.97 1,739.31 1,684.02
Equity 810.00 787.94 606.59 -76.16 34.30
Paid-up Capital 314.29 314.29 314.29 314.29 314.29
Revenue 719.10 1,259.46 1,039.50 842.10 828.26
Net Profit 102.71 219.23 723.62 -67.64 -112.83
EPS(Baht) 3.27 6.98 23.03 -2.15 -5.10
ROA(%)* 7.82 9.41 -3.32 -0.43 -8.56
ROE(%)* 13.21 31.44 272.84 323.17 -83.39
Net Profit Margin(%) 14.28 17.41 69.61 -8.03 -13.62
As of 05/11/2004 31/12/2003 27/12/2002 28/12/2001 29/12/2000
P/E 4.81 1.50 N.A. 2.32 N.A.
P/BV 0.98 1.82 N.A. N.A. 2.79
Book Value per share(Baht) 25.77 24.46 N.A. N.A. 0.79
Dvd. Yield(%) 3.96 N.A. N.A. N.A. N.A.
Last Price(Baht) 25.25 44.50 13.60 2.02 2.20
Market Cap. 793.57 1,398.57 427.43 63.49 48.40

นึกว่าจะช่วย หาข้อมูลให้
ทำเสร็จแล้วดูงงมากๆ
เอาเป็นว่า หาดูเพิ่มเติมเองใน set.or.th แล้วกันนะครับ

คู่แข่งสำคัญของ RCI เท่าที่นึกออกในตลาดหุ้นก็คือ DCC,TGCI และ UMI ครับ

นอกตลาดก็มี คอตโต หรือ บ.เซรามิกอุตสาหกรรมไทย ผมไม่แน่ใจว่ารายนี้อยู่ในเครือปูนใหญ่หรือไม่นะครับ

RCI จับกลุ่มลูกค้าระดับบนนะครับ ขายของดี มีคุณภาพ สมสโลแกน ราคาก็แพงครับ ผมเคยไปดูโชว์รูมที่สำนักงานใหญ่ มาแล้วด้วยครับ

ข้อมูลใน Positioning เล่มใหม่ที่พูดถึง thaivalueinvestor.com สรุปได้ว่า
เป็นคู่แข่งสำคัญของ UMI และ คอตโต ที่จับตลาดระดับเดียวกัน

ส่วนผู้ผลิตอื่นๆ สงสัยจับตลาดล่างครับ เช่น DCC, Sosuco, TGCI และอื่นๆ ครับ

ไว้แค่นี้ก่อนละกัน แค่นี้ก็เชียร์ RCI ออกหน้าออกตาเกินงามแล้วครับ

อีกนิดละกันครับ เพราะอ้างถึงตัวอื่นๆ ไว้ เดี่ยวจะได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
เอาเปรียบตัวอื่นๆ

ข้อมูลวันศุกร์ที่ 5/11/47 นะครับ ใน settrade.com

RCI ปิด 25.25 P/E 4.81 P/BV 0.98 Dvd % 3.96
TGCI ปิด 3.46 P/E 13.32 P/BV 0.99 Dvd % 11.56
UMI ปิด 5.65 P/E 2.24 P/BV 2.16 Dvd % 0
DCC ปิด 14.70 P/E 8.63 P/BV 3.48 Dvd % 4.42

RCI market cap ต่ำสุดครับ กำลังการผลิตก็น่าจะต่ำสุด เช่นกัน
แต่ชดเชยรายได้เพิ่มโดยการนำเข้า มาขายต่อครับ

:lol: :lol: :lol: :lol:

canslim เป็นสไตล์การลงทุนของ วิลเลี่ยม โอนิล ( WILLIAM O'NEIL ) โดยONeilเริ่มงานเป็นนายหน้าขายหลักทรัพย์ในปี 1958 สามปีที่เขาทำงานกับบริษัทนี้เขาได้เรียนรู้การบริหารกองทุนรวมที่เด่นๆในขณะนั้น ซึ่งเขาได้ค้นพบว่ากองทุนเหล่านี้ประสบผลสำเร็จก็เพราะว่า เลือกซื้อหุ้นที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ หรือทางเทคนิคอลเรียกว่า 'breaking out' หุ้นหลายตัวที่มีลักษณะแบบนี้มักจะปรับตัวสูงขึ้นต่อมากกว่า100%


ONeilได้เลียนแบบการลงทุนแบบนี้ ภายในหนึ่งปีผ่านไปเขาสามารถเพิ่มเงินของเขาจาก 5,000 เหรียญเป็น200,000เหรียญ เขาเป็นผู้จัดการกองทุนที่จัดว่ามีผลการดำเนินงานดีเด่นในยุค60เลยทีเดียว ONeilเป็นผู้บุกเบิกการเลือกหุ้นโดยอาศัยข้อมูลทางสถิติ และบริษัทของเขาก็ยังคงให้บริการข้อมูลเหล่านี้แก่ผู้ลงทุนจนทุกวันนี้

วิธีการและแนวทางการลงทุนคล้ายๆกับ จิม สแลตเตอร์ เขาให้ส่วนผสมของข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณเป็นเกณฑ์ในการเลือกหุ้นลงทุน แนวคิดที่สำคัญในการลงทุนคือ มองหาหุ้นที่โตเร็วที่มีศักยภาพในการที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นั้นคือ ซื้อหุ้นเมื่อบริษัทแข็งแกร่ง ขายออกเมื่อบริษัทอ่อนแอลง

:lol: :lol: :lol: :lol:

เขาแนะนำนักลงทุนให้ใช้แนวทาง 7ประการในการลงทุน โดยมีตัวย่อ C-A-N-S-L-I-M ดังนี้
C = ผลกำไรไตรมาสก่อน (Current quarterly earnings)
มองหาบริษัทมีเพิ่งประกาศผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 40 500%
RCI มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีอัตรากำไรเติบโต QOQ ย้อนหลังจาก Q2 2004 รายไตรมาสเป็น 55.12 34.83 -7.92 44.07 -83.26 -81.98 7497.35 -170.34 -23.72 -35.43 403.37 27.09 -84.85 -143.83 -190.58 52.11 -15.75 ตามลำดับ


:lol: :lol: :lol: :lol:

:lol: :lol: :lol: :lol:

A = กำไรต่อปีเพิ่มขึ้น (Annual earnings increases)
มองหาบริษัทที่มีความเติบโตติดต่อกันห้าปี โดยมีอัตราเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 25%ต่อปี ถ้าหุ้นมีลักษณะอย่างนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจ PE Ratio ซึ่งช่วงของ PE อาจจะอยู่ที่ 20 ขึ้นไป


RCI มีผลการดำเนินงานขาดทุน9ตั้งแต่ปี 2000 -ปี 2002 ยกเว้นไตรมาสสุดท้ายพลิกกลับมามีกำไร 746.06 ลบ.แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ถึง 834.30 ลบ. และเริ่มมีกำไรดีขึ้นเรื่อยๆถ้านับจากQ2 2003 ถึงปัจจุบัน

N = สินค้าใหม่ ทีมบริหารใหม่ จุดสูงสุดใหม่ (New products, new management, new highs)
หุ้นที่ดีมักจะมีเรื่องราวใหม่ๆอยู่เบื้องหลังมัน เช่น สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ หรือ ผู้บริหารคนใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดจุดสูงสุดใหม่


ข้อนี้ในรายละเอียดผมไม่ทราบ แต่เห็นน้อง wpong บอกว่า มีสินค้าตัวใหม่ที่ดีและอยู่ในตลาด premium รวมทั้งทีมงานผู้บริหารใหม่ที่มีกลยุทธ์ที่โดนใจ


S = อุปสงค์ และ อุปทาน (Supply and demand)
หากหุ้นที่มีขนาดเล็กมีปริมาณการซื้อขายสูงๆ จะทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกขับเคลื่อนสูงขึ้นได้


RCI เป็นหุ้นขนาดเล็ก ถ้ามีแรงซื้อเยอะๆ น่าจะดันราคาได้ค่อนข้างมาก

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


L = ผู้นำ และ ผู้ตาม (Leaders and laggards)
เลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเข้มแข็งในอันดับต้นของหมวดนั้นๆซัก 2 -3 บริษัท หุ้นเหล่านี้มักจะปรับตัวดีกว่าหุ้นอื่นๆในหมวดเดียวกันในอัตรา 80 90% ภายใน 12 เดือน อยู่ให้ห่างหุ้นที่ปรับตัวแย่ลงในระยะ 7 เดือน


ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่า RCI มีความเข้มแข้งในอันดับต้นๆ หรือไม่ เท่าที่รู้ รู้สึก market chare จะประมาณ 5 % ของตลาด แต่ตลาด premium น่าจะมากกว่านี้ มีความเห็นท่านอื่นๆด้วย จาก http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... hlight=rci

I = ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน (Institutional sponsorship)
หาให้ได้ว่าหุ้นตัวใดที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อ หากเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนดีและนักลงทุนสถาบันยังมีอยู่น้อย เราอาจจะนำมาเป็นหุ้นที่เราจะเข้าซื้อ


จาก major chare holder รู้สึกว่านักลงทุนสถาบันนิยมกันมากพอสมควรนะครับ

M = ทิศทางของตลาด (Market direction)
ตรวจสอบตลาดทุกวันเพื่อหาสัญณาณของการปรับตัวลง และให้ระวังการเข้าซื้อในขณะนั้น

รู้สึกว่าราคาวันนี้ ( 8/11/04 )จะทำ new low นะครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับผลประกอบการที่จะออกใหม่หรือไม่ อาจจะมีมือดีแอบรู้ก่อน แต่ก็ไม่แน่
ถ้าดูตามสัญญาณทางเทคนิคน่าจะรออีกสักหน่อย ( ผมมั่วนะครับ )


:lol: :lol: :lol: :lol:

ราคา low เมือวันที่ 1/11/2004 ที่ราคา20.60 บาทครับ

ตอนนี้ถือว่าราคาขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว 23.40 บาท (ราคาเฉลี่ยของเจ้าน่าอยู่ประมาณ 19 บาท )

สำหรับหุ้นที่เป็นข่าวแล้ว ผมถือว่าไม่น่าสนใจนะ (ถ้าผู้เก็บไม่ใช่สถาบัน)