หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ข่าว จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 05, 2004 11:40 am
โดย โป้ง
จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
บทนำ : ชาวหุ้นระวัง 'กระทิง' ลวงตา

ภาวะการซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ ต้องยอมรับว่า 'คึกคัก' อย่างมาก เพราะดัชนีบวกไปถึง 17.90 จุดหรือคิดเป็น 2.71% ดัชนีมายืนที่ 679 ซึ่งระดับที่สูง พอสมควร นอกจากนั้น มูลค่าการซื้อขาย รวมทั้งสิ้น 30,265.36 ล้านบาท ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 เดือน และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ นักลงทุนต่างชาติ ยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง เป็นปรากฏการณ์พิเศษใน รอบ 10 ปี เนื่องจากได้เข้าซื้อหุ้นต่อเนื่องใน 25 วันทำการ โดยในเดือนกันยายน นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 22,992.78 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยร่วมใจกันเทขาย ส่วนเดือนตุลาคม แค่ 2 วันทำการปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิไปแล้ว 4,016.97 ล้านบาท ทำให้มีการประเมินต่อไปอีกว่า แรงซื้อจากต่างชาติ ไม่น่าจะหยุดอยู่แค่นี้ เพราะมีเม็ดเงินจ่อที่จะเข้ามาซื้ออีกพอสมควร

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียดีขึ้นกว่าเดิมมากส่วนหนึ่ง เริ่มจากค่าพี/อีในตลาดหุ้นไทยอยู่ระดับต่ำแค่ 9 เท่า นอกจากนั้นงานไทยแลนด์ โฟกัส เมื่อ 20-23 กันยายน ที่ผ่านมา ก็มีส่วนช่วยฟื้นความมั่นใจในนักลงทุนต่างชาติได้มาก อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังอาเซียน ร่วมใจกันโรดโชว์ถึงประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีบรรดาผู้จัดการกองทุนกว่า 70 แห่งร่วมรับฟังข้อมูล ที่ได้รับรู้ครบทุกด้าน นอกจากนั้นนักลงทุนยังคาดการณ์ต่อไปอีกว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะออกมาก่อนในช่วง 21 ตุลาคมนี้ น่าจะออกมาในทิศทางที่ดี ส่วนปัจจัยต่างประเทศกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ออกมายืนยันแล้วว่าเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาน้ำมันนั้นเริ่มอ่อนแรงลง
ภาพตลาดหุ้นไทย ณ วันนี้มีนักลงทุนและโบรกเกอร์จำนวนหนึ่งถึงกล้าที่จะสรุปว่า 'เข้ายุคกระทิง' หรืออีกนัยคือ ภาวะขาขึ้นของหุ้นไทย จนทำให้ทำนายต่อไปอีกว่าสิ้นปี ระดับ 800 จุดตามที่รัฐมนตรีบางท่านประเมินก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นจริงก็ได้ ยิ่งเป็นปีแห่งการเลือกตั้งด้วยแล้ว นักลงทุนมักเก็งกำไรต่อไปอีกว่า ทางการเมืองคงไม่อยากเห็นตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซบเซา จึงเป็นอีกแรงหนุนให้ดัชนีขยับขึ้นอย่างน่าสนใจ และยิ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวกันอย่างถ้วนหน้าด้วยแล้ว น่าจะสรุปได้ระดับหนึ่งว่าทุนต่างชาติเข้ามาเอเชียอีกรอบหนึ่งยิ่งภาพเศรษฐกิจไม่ชะลอตัวอย่างที่คาดการณ์ตอนแรก ทำให้ต่างชาติกลับมาลงทุนอีกครั้ง ประเทศไทยจึงพลอยได้รับผลบวกไปด้วย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นมาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์

อย่างไรก็ตามแม้ทิศทางตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะเข้ายุคกระทิง แต่เป็นภาวะที่นักลงทุนต้องใช้ความรู้และรอบคอบในการลงทุนให้มากกว่าปกติ เพราะภาวะการซื้อขายในวันนี้ อาจจะเป็นตัวเลขลวงตาที่ล่อให้นักลงทุนติดกับทุนนอก เนื่องจากตามปกติแล้วดัชนีตลาดหุ้น มักเคลื่อนไหวตามดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ซึ่งเมื่อดูตัวเลขล่าสุดเดือนสิงหาคม พบว่า มีดัชนีหลายตัวที่บ่งชี้ว่าอยู่ในช่วงขาลง ส่วนทางการเมืองนั้น เป็นช่วงที่คะแนนนิยมของผู้นำอยู่ระดับต่ำ และยังมีคำถามเรื่องยุบสภาออกมาเป็นระยะแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะยืนยันมาตลอดว่า' เป็นไปไม่ได้' ขณะเดียวกันช่วง 8 เดือนแรกปีนี้นั้น ต่างชาติขายสุทธิ ถึง 57,786 ล้านบาท พึ่งจะเข้ามาซื้อสุทธิ เกือบ 3 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ ยังมีช่องว่างอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ดังนั้นจึงยังไม่อาจไว้วางใจต่างชาติได้ว่า ยังคงเดินหน้าซื้อต่อเนื่อง นักลงทุนจำเป็นต้องประเมินให้รอบคอบว่า โอกาสที่ต่างชาติจะหันมาเทขายได้ทุกเวลา ส่วนหนึ่งเห็นได้จากส่วนใหญ่มักเน้นลงทุนหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง กลุ่มแบงก์และพลังงาน ซึ่งสามารถเทขายหรือออกตัวได้ทุกเวลา ดังนั้นปรากฏการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลและมีพื้นฐานแข็งแกร่ง แทนที่จะไปลงทุนหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง แม้ว่าโดยรวมตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ ผลตอบแทนยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน เพราะการเลือกที่จะเล่นแบบเก็งกำไร โอกาสเสี่ยงก็สูงไปด้วย