HENG
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 03, 2021 1:42 pm
"เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล" จะนำบริษัทเข้า SET ขาย IPO ไม่เกิน 800.84 ล้านหุ้น
บริษัท เฮง ลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 800,837,300 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 21.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมี บล.กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน SET
ทั้งนี้บริษัทประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งให้บริษัท 6 ส่วนประกอบด้วย สินเชื่อเช่าซื้อ, สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน, สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน, สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ,สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต แก่ลูกค้ารายย่อยทั่วไป ภายใต้เครื่องหมายการค้า"เฮงลิสซี่ง"
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนนำไปขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ, นำไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนจากสถาบันการเงิน และนำไปพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีกลุ่มทวีเฮง ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 64.0% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 50.5% รองลงมาได้แก่ กลุ่มพัฒนสิน ถือหุ้น14.0% ภายหลัง IPO จะลดเหลือ 11.1%, กลุ่มมิตรเอื้ออารีย์ ถือหุ้น 12.4% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 9.8% และกลุ่มสินปราณีถือหุ้น 9.6% ภายหลัง IPO จะลดเหลือ 7.6%
สำหรับโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อ และบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อทั้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อรายย่อย เพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) ให้แก่ลูกค้ารายย่อยทั่่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการขยายเครือข่ายสาขาการให้บริการไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น นายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
บริษัทมีแผนการขยายสาขาเพิ่มเติม เพื่อให้มีสาขารวมจำนวนทั้งสิ้น 830 สาขา ภายในปี 2566 ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 250,000 บาทต่อสาขา ซึ่ง ณ วันที่ 31 มี.ค.2564 บริษัทมีสาขาจำนวน 402 สาขา
ขณะที่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 บริษัทมีมูลค่าลูกหนี้รวมทั้งสิ้น 8,276.8 ล้านบาท ประกอบด้วย สินเชื่อที่มีหลักประกัน 7,920.3 ล้านบาท และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน 356.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95.7% และ 4.3% ชองมูลค่าลูกหนี้รวมของบริษัท ตามลำดับ
บริษัท เฮง ลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 800,837,300 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 21.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมี บล.กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน SET
ทั้งนี้บริษัทประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งให้บริษัท 6 ส่วนประกอบด้วย สินเชื่อเช่าซื้อ, สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน, สินเชื่อที่มีบ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน, สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ,สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต แก่ลูกค้ารายย่อยทั่วไป ภายใต้เครื่องหมายการค้า"เฮงลิสซี่ง"
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนนำไปขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ, นำไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนจากสถาบันการเงิน และนำไปพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีกลุ่มทวีเฮง ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 64.0% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 50.5% รองลงมาได้แก่ กลุ่มพัฒนสิน ถือหุ้น14.0% ภายหลัง IPO จะลดเหลือ 11.1%, กลุ่มมิตรเอื้ออารีย์ ถือหุ้น 12.4% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 9.8% และกลุ่มสินปราณีถือหุ้น 9.6% ภายหลัง IPO จะลดเหลือ 7.6%
สำหรับโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อ และบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อทั้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อรายย่อย เพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) ให้แก่ลูกค้ารายย่อยทั่่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการขยายเครือข่ายสาขาการให้บริการไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น นายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
บริษัทมีแผนการขยายสาขาเพิ่มเติม เพื่อให้มีสาขารวมจำนวนทั้งสิ้น 830 สาขา ภายในปี 2566 ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 250,000 บาทต่อสาขา ซึ่ง ณ วันที่ 31 มี.ค.2564 บริษัทมีสาขาจำนวน 402 สาขา
ขณะที่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 บริษัทมีมูลค่าลูกหนี้รวมทั้งสิ้น 8,276.8 ล้านบาท ประกอบด้วย สินเชื่อที่มีหลักประกัน 7,920.3 ล้านบาท และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน 356.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95.7% และ 4.3% ชองมูลค่าลูกหนี้รวมของบริษัท ตามลำดับ