โจ ลูกอีสาน เขย่าพอร์ตลุยหุ้นใหญ่
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2021 11:32 pm
โจ ลูกอีสาน เขย่าพอร์ตลุยหุ้นใหญ่ จากรายการ Money Chat Thailand
Cr:Stock in trend
-----
พี่โจไม่รู้สึกหวั่นไหวที่ตอนนี้ตลาดกำลัง panic เรื่องโควิดโควิด ซึ่งที่จริงแล้วการลงทุนระยะยาวจะทำให้ประสบความสำเร็จมากกว่า โดยที่เราไม่ต้องสนใจความผันผวนระยะสั้น ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักชอบซื้อตอนแพงแล้วไปขายตอนที่ panic แบบนี้ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้
ส่วนปี 2564 เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นมาก พี่โจให้ความเห็นว่าน่าจะกลับไปสู่ก่อนเกิดโควิดได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปได้ต่อหรือเปล่า ต้องทำการบ้านหนักมากขึ้นเพื่อเฟ้นหาหุ้นที่ดี วัดกันที่มุมมองที่เฉียบแหลมในการซื้อหุ้น
ส่วนช่วงนี้ หุ้นมันเด้งกลับขึ้นมา 70-80% แล้ว มี upside เหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งพี่โจคิดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาปกติน่าจะปี 2565 พี่โจแนะนำว่าเวลาที่ซื้อหุ้นดีที่สุด คือ ตอนที่ทุกคนไม่กล้ามาก เหมือนฝุ่นตลบอยู่มองอะไรไม่ชัด เพราะว่าถ้ารอทุกอย่างชัดเจน เราจะซื้อไม่ทัน
ตอนนี้นักลงทุนสถาบันเข้ามาเป็นตัว lead ในตลาดอีกครั้ง ซึ่งหุ้นที่พวกเขาเลือกจะเป็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ มีสภาพคล่องสูงและเป็นหุ้นเติบโตด้วย การที่พี่โจมีมูลค่าพอร์ตเริ่มสูงมากจนไม่สามารถจะซื้อหุ้นเล็กได้ ทำให้พี่โจต้องโยกเงินจากหุ้นเล็กหลายๆตัวมาลงทุนในหุ้นกลาง-ใหญ่มากขึ้น ถือนานหน่อยและรอดูการเติบโตของบริษัท
พี่โจคาดหวังการเติบโตของกำไรในหุ้นกลาง-ใหญ่อยู่ที่ 15-20% แต่ขอให้ทำกำไรแบบนี้อย่างยั่งยืนด้วยจะดีกว่า
พี่โจแยกว่าถ้าหุ้นที่มี Market cap มากกว่าแสนล้านบาทเป็นหุ้นใหญ่ ส่วนหุ้นที่มี Market cap มากกว่า 1-2 หมื่นหุ้นจะถือเป็นหุ้นกลาง
-----
พี่โจมีความเห็นเรื่องหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวว่าน่าจะเป็นวิกฤติชั่วคราว แต่ก็ต้องดูว่าแม้ว่าธุรกิจจะรอดแต่ไม่รู้ว่าจะโตอีกหรือเปล่า หรือบางธุรกิจอาจจะตายไปเลยก็ได้เพราะทนวิกฤติครั้งนี้ไม่ไหว พี่โจจึงหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้ไปก่อน
พี่โจไม่ได้แยกชัดเจนว่าหุ้นไหนเป็น value stock หรือ growth stock แต่พี่โจมองว่าถ้าหุ้นตัวไหนมีราคาต่ำกว่ามูลค่าจะถือว่าเป็นหุ้น vi ทั้งหมดแล้วค่อยมาดูว่ามี growth หรือไม่ พี่โจบอกว่าหุ้นที่ growth ถือว่าเป็น value แบบหนึ่ง
พี่โจยังชื่นชอบหุ้นกลุ่มปล่อยสินเชื่ออยู่ บางตัวซื้อขายที่ P/BV ต่ำๆอยู่ ปันผลสูง
พี่โจให้ข้อสังเกตว่าช่วงที่เราจะเข้าไปเก็บหุ้น อาจจะเป็นตอนที่กองทุนขายออกมาจากเหตุการณ์ต่างๆที่ตกใจ จะทำให้เรามีโอกาสและต้นทุนที่ดีกว่ากองทุนได้นั่นเอง
พี่โจใช้ TFEX ในการทำ hedging มากกว่าการเก็งกำไร
-----
พี่โจทำสรุปผลตอบแทนปีนี้ชนะตลาด เนื่องจากพี่โจใช้วิกฤติโควิดเป็นโอกาสในการทำผลตอบแทนรอบนี้
การคิดและวางแผนตอนวิกฤติ เราจะไม่มีสมาธิเพราะตอนนั้นจะมีแต่อารมณ์เต็มไปหมด เราควรวางแผนและเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าอยู่เสมอ
-----
พี่โจพูดถึงการซื้อหุ้นปันผลเหมือนการซื้อแม่ไก่แล้วรอออกไข่นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาของคนยุคนี้ คือ คนที่จะมาใช้กลยุทธิ์นี้ยังไม่มีความรู้ที่ลึกซึ้งมากพอ ดังนั้นพวกเขาอาจจะมาซื้อหุ้นปันผลสูงในบางปี แต่กำไรที่บริษัททำได้นั้นเริ่มแย่ลงเรื่อยๆจน capital gain ก็ลดลงด้วย อันนี้อันตรายมาก ซึ่งเราต้องประเมินให้ได้ว่าปันผลนี้จะได้สม่ำเสมอหรือไม่ กำไรที่บริษัททำได้จะยังดีสม่ำเสมอหรือเปล่า
พี่โจเน้นที่ capital gain มากกว่าปันผล เพราะว่าพี่โจอยากได้หุ้นที่มีการเติบโตอยู่เพื่อสร้างพอร์ต ซึ่งถ้าพอร์ตโตมากขึ้นเรื่อยๆ เงินปันผลที่ได้เล็กๆน้อยๆตอนแรก จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในเวลาต่อมา
Good dividend อยู่ใน good stock ได้ แต่สุดท้ายเมื่อปันผลสูงขึ้นถึงจุดหนึ่ง ราคาจะขึ้นตามเพื่อไม่ให้ปันผลมันสูงขึ้นมากกว่านี้
-----
การจะเป็นนักลงทุน เราต้องรู้จักชนะและรู้จักแพ้ให้เป็น ถ้าเรารู้ว่าผิดทางหรือผิดพลาด ก็ให้ยอมรับและตัดขาดทุนออกไป
ความผันผวน คือ เพื่อนของเรา เป็นสิ่งที่พี่โจอยากบอกไว้กับนักลงทุน VI เพราะฉะนั้นเราควรมี Mindset ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุน
พี่โจใช้เวลา 7 ปีในการทำเงิน 8 แสนเป็น 10 ล้าน
เป้าหมายถัดไปของพี่โจในเรื่องการลงทุน คือ พัฒนาฝีมือการลงทุนต่อเนื่อง อยู่ในสนามที่ตัวเองถนัดและแบ่งปันเงินไปยังสังคมมากขึ้น เช่น จัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งหรือกองทุนเพื่อช่วยเหลือสังคมให้กับคนที่ไร้โอกาส
โชคดีอาจจะเกิดเป็นครั้งคราว แต่ฝีมือและทัศนคติที่ดีจะทำให้เราชนะตลาดได้ยั่งยืน วิธีการและวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าอาจจะได้ผลที่ถูก แต่นั่นเป็นแค่โชคช่วยเท่านั้นเอง
-----
ขอบคุณคลิปการสัมภาษณ์จากรายการ Money Chat Thailand ครับ
หากชื่นชอบ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม กดให้กำลังใจทุกบทความด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านครับ
#Stockintrend #หุ้นอินเทรนด์ #โจลูกอีสาน #Moneychatthailand
ติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่ ฺBlockdit ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ
https://www.blockdit.com/stockintrend
Cr:Stock in trend
-----
พี่โจไม่รู้สึกหวั่นไหวที่ตอนนี้ตลาดกำลัง panic เรื่องโควิดโควิด ซึ่งที่จริงแล้วการลงทุนระยะยาวจะทำให้ประสบความสำเร็จมากกว่า โดยที่เราไม่ต้องสนใจความผันผวนระยะสั้น ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักชอบซื้อตอนแพงแล้วไปขายตอนที่ panic แบบนี้ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้
ส่วนปี 2564 เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นมาก พี่โจให้ความเห็นว่าน่าจะกลับไปสู่ก่อนเกิดโควิดได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปได้ต่อหรือเปล่า ต้องทำการบ้านหนักมากขึ้นเพื่อเฟ้นหาหุ้นที่ดี วัดกันที่มุมมองที่เฉียบแหลมในการซื้อหุ้น
ส่วนช่วงนี้ หุ้นมันเด้งกลับขึ้นมา 70-80% แล้ว มี upside เหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งพี่โจคิดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาปกติน่าจะปี 2565 พี่โจแนะนำว่าเวลาที่ซื้อหุ้นดีที่สุด คือ ตอนที่ทุกคนไม่กล้ามาก เหมือนฝุ่นตลบอยู่มองอะไรไม่ชัด เพราะว่าถ้ารอทุกอย่างชัดเจน เราจะซื้อไม่ทัน
ตอนนี้นักลงทุนสถาบันเข้ามาเป็นตัว lead ในตลาดอีกครั้ง ซึ่งหุ้นที่พวกเขาเลือกจะเป็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ มีสภาพคล่องสูงและเป็นหุ้นเติบโตด้วย การที่พี่โจมีมูลค่าพอร์ตเริ่มสูงมากจนไม่สามารถจะซื้อหุ้นเล็กได้ ทำให้พี่โจต้องโยกเงินจากหุ้นเล็กหลายๆตัวมาลงทุนในหุ้นกลาง-ใหญ่มากขึ้น ถือนานหน่อยและรอดูการเติบโตของบริษัท
พี่โจคาดหวังการเติบโตของกำไรในหุ้นกลาง-ใหญ่อยู่ที่ 15-20% แต่ขอให้ทำกำไรแบบนี้อย่างยั่งยืนด้วยจะดีกว่า
พี่โจแยกว่าถ้าหุ้นที่มี Market cap มากกว่าแสนล้านบาทเป็นหุ้นใหญ่ ส่วนหุ้นที่มี Market cap มากกว่า 1-2 หมื่นหุ้นจะถือเป็นหุ้นกลาง
-----
พี่โจมีความเห็นเรื่องหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวว่าน่าจะเป็นวิกฤติชั่วคราว แต่ก็ต้องดูว่าแม้ว่าธุรกิจจะรอดแต่ไม่รู้ว่าจะโตอีกหรือเปล่า หรือบางธุรกิจอาจจะตายไปเลยก็ได้เพราะทนวิกฤติครั้งนี้ไม่ไหว พี่โจจึงหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้ไปก่อน
พี่โจไม่ได้แยกชัดเจนว่าหุ้นไหนเป็น value stock หรือ growth stock แต่พี่โจมองว่าถ้าหุ้นตัวไหนมีราคาต่ำกว่ามูลค่าจะถือว่าเป็นหุ้น vi ทั้งหมดแล้วค่อยมาดูว่ามี growth หรือไม่ พี่โจบอกว่าหุ้นที่ growth ถือว่าเป็น value แบบหนึ่ง
พี่โจยังชื่นชอบหุ้นกลุ่มปล่อยสินเชื่ออยู่ บางตัวซื้อขายที่ P/BV ต่ำๆอยู่ ปันผลสูง
พี่โจให้ข้อสังเกตว่าช่วงที่เราจะเข้าไปเก็บหุ้น อาจจะเป็นตอนที่กองทุนขายออกมาจากเหตุการณ์ต่างๆที่ตกใจ จะทำให้เรามีโอกาสและต้นทุนที่ดีกว่ากองทุนได้นั่นเอง
พี่โจใช้ TFEX ในการทำ hedging มากกว่าการเก็งกำไร
-----
พี่โจทำสรุปผลตอบแทนปีนี้ชนะตลาด เนื่องจากพี่โจใช้วิกฤติโควิดเป็นโอกาสในการทำผลตอบแทนรอบนี้
การคิดและวางแผนตอนวิกฤติ เราจะไม่มีสมาธิเพราะตอนนั้นจะมีแต่อารมณ์เต็มไปหมด เราควรวางแผนและเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าอยู่เสมอ
-----
พี่โจพูดถึงการซื้อหุ้นปันผลเหมือนการซื้อแม่ไก่แล้วรอออกไข่นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาของคนยุคนี้ คือ คนที่จะมาใช้กลยุทธิ์นี้ยังไม่มีความรู้ที่ลึกซึ้งมากพอ ดังนั้นพวกเขาอาจจะมาซื้อหุ้นปันผลสูงในบางปี แต่กำไรที่บริษัททำได้นั้นเริ่มแย่ลงเรื่อยๆจน capital gain ก็ลดลงด้วย อันนี้อันตรายมาก ซึ่งเราต้องประเมินให้ได้ว่าปันผลนี้จะได้สม่ำเสมอหรือไม่ กำไรที่บริษัททำได้จะยังดีสม่ำเสมอหรือเปล่า
พี่โจเน้นที่ capital gain มากกว่าปันผล เพราะว่าพี่โจอยากได้หุ้นที่มีการเติบโตอยู่เพื่อสร้างพอร์ต ซึ่งถ้าพอร์ตโตมากขึ้นเรื่อยๆ เงินปันผลที่ได้เล็กๆน้อยๆตอนแรก จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในเวลาต่อมา
Good dividend อยู่ใน good stock ได้ แต่สุดท้ายเมื่อปันผลสูงขึ้นถึงจุดหนึ่ง ราคาจะขึ้นตามเพื่อไม่ให้ปันผลมันสูงขึ้นมากกว่านี้
-----
การจะเป็นนักลงทุน เราต้องรู้จักชนะและรู้จักแพ้ให้เป็น ถ้าเรารู้ว่าผิดทางหรือผิดพลาด ก็ให้ยอมรับและตัดขาดทุนออกไป
ความผันผวน คือ เพื่อนของเรา เป็นสิ่งที่พี่โจอยากบอกไว้กับนักลงทุน VI เพราะฉะนั้นเราควรมี Mindset ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุน
พี่โจใช้เวลา 7 ปีในการทำเงิน 8 แสนเป็น 10 ล้าน
เป้าหมายถัดไปของพี่โจในเรื่องการลงทุน คือ พัฒนาฝีมือการลงทุนต่อเนื่อง อยู่ในสนามที่ตัวเองถนัดและแบ่งปันเงินไปยังสังคมมากขึ้น เช่น จัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งหรือกองทุนเพื่อช่วยเหลือสังคมให้กับคนที่ไร้โอกาส
โชคดีอาจจะเกิดเป็นครั้งคราว แต่ฝีมือและทัศนคติที่ดีจะทำให้เราชนะตลาดได้ยั่งยืน วิธีการและวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าอาจจะได้ผลที่ถูก แต่นั่นเป็นแค่โชคช่วยเท่านั้นเอง
-----
ขอบคุณคลิปการสัมภาษณ์จากรายการ Money Chat Thailand ครับ
หากชื่นชอบ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม กดให้กำลังใจทุกบทความด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านครับ
#Stockintrend #หุ้นอินเทรนด์ #โจลูกอีสาน #Moneychatthailand
ติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่ ฺBlockdit ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ
https://www.blockdit.com/stockintrend