Thai VI

ได้อ่านที่พี่ปรัชญาเขียนบ่อยๆว่า ดีเซลน่าจะโดนลอยตัวปีหน้า ผมเองคิดว่าเราคงหนีไม่พ้นแน่ๆครับ

ถ้าราคาน้ำมันดีเซลโดนปล่อยลอยตัวในปีหน้า!! เพื่อนๆพี่ๆคิดว่าบริษัทอะไรจะได้ประโยชน์บ้าง

และ บริษัทอะไรจะโดนผลกระทบจากการลอยตัวดีเซลน้อยที่สุดครับ ?
ช่วยคิดๆกันหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมก็พยายามคิดอยู่ครับ แต่คิดไม่ค่อยออก

ถ้ารัฐบาล ปล่อยน้ำมันลอยตัว
แล้วปิดประเทศไม่ให้มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาเปิดตลาดเป็นคู่แข่ง
ลำบากครับ จับมือกันไปหมด เพราะ ปตท.ถือหุ้นระโยงระยางกันไปหมด
น้ำมันจะยิ่งแพงกว่า

แต่ถ้าปล่อยลอยตัวเปิดประเทศ
ให้บริษัทต่างชาติ เข้ามาขายแข่งขันกันได้
น้ำมันจะถูกลงครับ
ดู มาเลย์ จ้องประเทศไทยตาเป็นมันวาวเชียว
ขนส่งก็ใกล้ ขายถูกกว่า5-6บาทต่อลิตรยังมีกำไร
แต่เอ...บรรดาสมุนของรัฐมนโทที่ลักลอบขนน้ำมัน
เข้าประเทศ
ที่ร่ำรวยเป็นล่ำเป็นสัน

เป็นกระเป๋าเงิน..............ยามเลือกตั้ง

เขาจะยอมเร้อ สงสัย สงสัย

กลุ่มพลังงาน กำไรดีขึ้น ยกเว้นพวกใช้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก
ผู้ผลิตก็ผลักภาระให้ผู้บริโภค ตามฟอร์มเดิมๆ
ผมว่ากลุ่มนี้ก็มองในมุม ซื้อมากขายไปได้ ไม่เดือนร้อน ซื้อมาแพงก็ขายไปแพง คนจำเป็นต้องใช้นิครับ แพงยังไงก็ต้องซื้อ

กลุ่มขนส่ง แย่ลง ครับ ตามต้นทุน ขึ้นค่าขนส่งยาก ต้องแข่งขันกันเยอะ

หลังจากประกาศลอยตัว คงราวๆเดือน เมษา พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนจะเปลี่ยนไปทันที

กลุ่มให้กู้ ทั้งหลายมีโอกาสมี NPL มากขึ้น คนมากู้น้อยลง ดอกเบี้นจะขึ้น

กลุ่มซื้อมา ขายไป ยังไม่เดือนร้อนมากนะ แม้ว่าคนจะใช้จ่ายน้อยลง ไปใช้จ่ายของจำเป็นมากขึ้น ช่วงจะเปิดเทอมใหม่ด้วย ค่าใช้จ่ายเพียบ จะใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยอะไรต้องคิดหนัก ถ้าควบคุม stock ต่างๆและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น คงไม่มีปัญหา

กลุ่มของฟุ่มเฟื่อย ทั้งขาย คงแย่แน่

กลุ่มก่อสร้าง พวกสร้างที่อยู่ชะลอตัว ยอดขายลดลง ทำราคาไม่ได้ พวกรับเหมา พออยู่ได้จากงบการกระตุ้นจากรัฐ แต่พวกที่ใช้ในการตกแต่งหลังสร้างโครงสร้างหลักเสร็จทั้งหลายยังไปได้ ดีพอควร สร้างมาแล้วนิครับ ยังไงก็ต้องเอาให้จบ แม้ว่าจะลดเกรดลงหน่อย

พวกส่งออกทั้งหลาย ต้องดูค่าเงินอีกหน่อย แต่คาดว่าจะดีขึ้นครับ

เอาแค่นี้ก่อนละกันครับ ต้องไปทำงานต่อแล้วครับ
สรุปแล้วกระทบเป็นลูกโซ่ แน่ๆ

และต้องดูปัจจัยผลการเลือกตั้งสหรัฐ และบ้านเราด้วยครับ จะเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งด้วยครับ อาจจะไม่ต้องประกาศลอยตัวก็ได้

พี่ปรัชญาครับแต่ดูเหมือนผมเคยได้ยิน(ถ้าไม่ผิดพลาด)นะครับ ว่าทางมาเลเซียเขาก็มีการอุดหนุนด้านราคาน้ำมันที่ขายกันในประเทศเช่นกันนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเอาราคาส่งออกมาเป็นตัวชำระค่าพยุงหรือยังไง นอกจากนี้ผมยังคิดว่าหากมีการเปิดให้ต่างประเทศเข้ามา บางทีราคาน้ำมันก็อาจจะไม่ถูกกว่านี้นะครับ เพราะมันเป็นระบบตลาดนะครับ ลองคิดดูสิครับถ้าเราเป็นผู้ผลิตอย่างมาเลเซียที่มีต้นทุนต่ำ เมื่อเอาน้ำมันมาขายในไทยซึ่งมีราคาแพงกว่า หากผู้ผลิตนั้นต้องการกำไรมากสุด ก็จะขายน้ำมันที่ราคาเท่ากับที่ขายในตอนนี้ หรืออย่างมากอาจจะถูกกว่าเล็กน้อยเพื่อเรียกลูกค้านะครับ แต่ถ้าจะลดราคาให้มากๆ เท่ากับที่ผู้ผลิตมีต้นทุนต่ำผมว่าเป็นไปได้ยากหรือไม่น่าจะเป็นไปได้เลยละครับ

ราคาน้ำมันที่มาเลย์รัฐยังให้ subsidize บางส่วนไม่ใช่เป็นการเปิดเสรีจริงๆ

น้ำมันบ้านเราเสียภาษีสรรพสามิตประมาณ 6-7 บาทครับ ปรับคงยากเพราะเป็นเงินเข้ารัฐตัวหลักตัวนึง ถ้าปรับ ผลกระทบทางโครงสร้างรายได้ของรัฐจะมีสูงมาก