Thai VI

ต้องทำยังไง ลงทุนยังไง ต้องใช้เวลากี่ปี เคยมีคนทำได้ไหมครับ

คิดว่าหมอยง ทำได้ครับ

คนที่มีเงินร้อยล้านอยู่แล้ว แบ่งสองล้านมาลงทุนคงมีโอกาสทำได้
มากกว่าในเวลาที่น้อยกว่า คนที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่สองล้านครับ

gone เขียน:คนที่มีเงินร้อยล้านอยู่แล้ว แบ่งสองล้านมาลงทุนคงมีโอกาสทำได้
มากกว่าในเวลาที่น้อยกว่า คนที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่สองล้านครับ

--นั่นแหละเป็นเหตุให้ทำไมคนรวยแล้วรวยไปอีก คนจนอยู่ก็ไม่รู้จะรวยอย่างไร
แต่คำถามอย่างนี้ผมว่าอยู่ที่มุมมองทางความคิด และวิธีการได้มา
หาก ว่าคุณมี 2 ล้านมาเองจากการเก็บออมเงินอย่างเดียว
ผมว่าการจะมี 100 ล้านก็ไกลมากกก แต่อาจมีได้ซัก 5-10 ล้าน
แต่หาก ว่าคุณมี 2 ล้านมาได้จากการลงทุนของคุณ
ผมว่า 100 ล้านก็ไม่ไกลนัก
หาก ว่าคุณมี 2 ล้านจากการได้มาฟรีๆ เช่น มรดก หรือถูกรางวัล
ผมว่าจงระวังเงินก้อนนี้ไว้ให้ดี โอกาศที่จะหมด มากกว่า จะเป็น 100 ล้าน

ได้ สำหรับคนกล้า ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง และมีเศษเงินที่พอที่จะเสี่ยง รอให้กิจการพลิกฟื้นขึ้นมา

ถ้าคุณกล้าพอที่จะใช้เงิน 2 ล้าน ซื้อหุ้น TTA ไว้เมื่อปี 2000 ที่ราคา 0.50 บาท
ในขณะที่ส่วนผู้ถือหุ้น 4.49 ล้าน และในปี 2001 ที่ส่วนผู้ถือหุ้นเหลือ -69.09 ล้าน
คุณจะใจแข็งพอหรือไม่ ถ้าคุณไม่ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง คุณกล้าที่จะลงทุนแล้วถือมาจนถึงบัดนี้หรือไม่


ในปีนี้ราคาไปที่ 40 บาท เท่ากับ 80 เท่า เงิน 2 ล้านของคุณจะกลายเป็น 160 ล้านบาท





สำหรับ ATC ราคา 2.34 บาทในปี 2001 ขณะที่ขาดทุนสะสม ถึง -19,698.45 ล้านบาท
กลายเป็น 66 บาทในปีนี้ 27 เท่า
เงิน 2 ล้าน จะกลายเป็น 54 ล้าน
คุณจะใจแข็งพอหรือไม่ ถ้าคุณไม่ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง คุณกล้าที่จะลงทุนแล้วถือมาจนถึงบัดนี้หรือไม่

ลืม ล็อคอิน

ได้ สำหรับคนกล้า ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง และมีเศษเงินที่พอที่จะเสี่ยง รอให้กิจการพลิกฟื้นขึ้นมา

ถ้าคุณกล้าพอที่จะใช้เงิน 2 ล้าน ซื้อหุ้น TTA ไว้เมื่อปี 2000 ที่ราคา 0.50 บาท
ในขณะที่ส่วนผู้ถือหุ้น 4.49 ล้าน และในปี 2001 ที่ส่วนผู้ถือหุ้นเหลือ -69.09 ล้าน
คุณจะใจแข็งพอหรือไม่ ถ้าคุณไม่ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง คุณกล้าที่จะลงทุนแล้วถือมาจนถึงบัดนี้หรือไม่


ในปีนี้ราคาไปที่ 40 บาท เท่ากับ 80 เท่า เงิน 2 ล้านของคุณจะกลายเป็น 160 ล้านบาท





สำหรับ ATC ราคา 2.34 บาทในปี 2001 ขณะที่ขาดทุนสะสม ถึง -19,698.45 ล้านบาท
กลายเป็น 66 บาทในปีนี้ 27 เท่า
เงิน 2 ล้าน จะกลายเป็น 54 ล้าน
คุณจะใจแข็งพอหรือไม่ ถ้าคุณไม่ที่รู้ซึ่งในกิจการนั้นๆ อย่างแท้จริง คุณกล้าที่จะลงทุนแล้วถือมาจนถึงบัดนี้หรือไม่

เมื่อก่อนได้ เดี๋ยวนี้ ณ เวลานี้ ยากมากครับ

แบบหมอยง1ในล้านครับ แต่ในเวบนี้ผมว่ามีคนทำได้หลายคนแต่ไม่เปิดเผย อย่างน้อยก็คุณฉัตรชัยคนหนึ่งล่ะ

ได้ครับ ถ้ารู้รอบของเศรษฐกิจ ผมว่าทำได้แน่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีความรู้รอบด้านมากพอที่จะคาดการณ์ได้ ไม่ต้องแม่นยำถึงขนาดว่าเศรษฐกิจจะแย่ตอนไหนเป๊ะๆ เอาแค่ไหวตัวได้ก่อนที่มันจะเกิดก็ใช้ได้แล้ว ถึงจะไหวตัวเร็วไปนานเป็นปีก็ตาม

การลงทุนที่วัฏจักรเศรษฐกิจขาลง(ตอนที่คิดว่าแย่สุดๆจริงๆหรือประมาณนั้น)ในบริษัทที่แข็งแกร่งนั้นจะสร้างผลตอบแทนได้มหาศาลในวัฏจักรขาขึ้น โดยเฉพาะหุ้น cyclical ทั้งหลาย พวกกลุ่มรถยนต์ผมว่าก็สร้างผลตอบแทนได้มากและคาดการณ์ได้ง่ายนะครับ เช่น stanley irc

ผมว่าการลงทุนในหุ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือจังหวะเวลาครับ ขาลงหุ้นดีก็ลงถึงแม้จะกลับมาได้อยู่ดีในเวลาต่อมาแต่ก็เสียโอกาสไปเยอะครับ ส่วนขาขึ้นหุ้นเน่าก็ขึ้นได้ครับ ข้อแตกต่างที่ผมได้จากประสบการณ์ระหว่างหุ้นดีกับหุ้นเน่าคือ ตลาดขาลงครับ หุ้นดีเล่นขาลงไม่เสี่ยงมากเพราะส่วนใหญ่จะกลับมาได้เร็ว แต่หุ้นเน่าถ้าเป็นขาลงอาจลงจนเจ๊งไปเลย (ในหุ้นที่มีสภาพคล่องพอสมควรนะครับ)

กำลังทำอยู่ครับ ยังไม่ได้ ได้แล้วจะมาบอกว่าใช้เวลาเท่าไหร่

**

งานนี้ผมว่าต้องชมผู้บริหารที่กล้าเสี่ยงนะครับ... กล้าลงทุนเพิ่ม แล้วทำให้รายได้ก้าวกระโดด โดยเฉพาะ TTA รายได้ก้าวกระโดด ถึง 2 ครั้ง ... ซึ่ง ณ ช่วงนั้น ผมเองก็อาจจะไม่กล้าถือหรอกครับ ถ้าไม่มั่นใจว่า จะไปรอดครับ.

2 ล้าน + เก่ง + เฮง + ขยัน + ประหยัด + อดทน + ใจบุญ = 100 ล้าน + ความสุข

Blueblood

ได้ครับ ถ้ารู้รอบของเศรษฐกิจ ผมว่าทำได้แน่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีความรู้รอบด้านมากพอที่จะคาดการณ์ได้ ไม่ต้องแม่นยำถึงขนาดว่าเศรษฐกิจจะแย่ตอนไหนเป๊ะๆ เอาแค่ไหวตัวได้ก่อนที่มันจะเกิดก็ใช้ได้แล้ว ถึงจะไหวตัวเร็วไปนานเป็นปีก็ตาม

คาดการณ์วิเคราะห์ได้แบบนี้ ยอมรับไม่ธรรมดาครับ ถ้าเป็นนักวิเคราะห์ค่าตัวก็คงสูงลิบลิ้ว

มันน่าคิด ถ้าตอนนั้นมีนักวิเคราะห์ที่ทุกคนยอมรับว่าเยี่ยมแล้ว มาบอกให้ซื้อหุ้น TTA ทุกท่านกล้าหรือเปล่า ผมยอมรับผมไม่กล้าครับ ไม่รู้ว่ามองออกได้ยังไง (ราคาหุ้นไม่ได้อยู่ที่พื้นฐานดีอย่างเดียว มันอยู่ที่คนซื้อด้วยครับ )

High risk High return

case ของ tta กับ psl นี่ถ้าตามดีๆจะพบว่าความเสี่ยงน้อยมากเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วครับ เพราะเราสามารถมอนิเตอร์สถานการณ์ค่าระวางในปัจจุบันได้ แต่ช่วงนั้นดัชนีชี้นำค่าระวางได้เริ่มขึ้นอย่างชัดเจนแต่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนแถมแค่เดิมถ้าค่าระวางไม่ขึ้นราคาหุ้นก็คิดเป็น p/e ตํามากๆอยู่แล้ว

พอราคาเริ่มขึ้นเลยดูเหมือนขึ้นแบบเวอร์เพราะขึ้นเป็นสิบๆเท่า(แน่นอนนักลงทุนที่ดูกราฟจะไม่ยอมซื้อหุ้นพวกนี้เพราะขึ้นมามากจริงๆ) เพราะรวมทั้งเดิมที่ p/e ตําอยู่แล้ว บวกกับ growth จากการขยายกองเรือและค่าระวางที่เพิ่มมากขึ้นด้วยครับ เหล่านี้ไม่ต้องใช้การคาดการณ์อะไรมากเลยครับเนื่องจากข้อมูลทั้งหลายก็บอกอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าตลาดเมืองไทยไม่มีประสิทธิภาพข้อมูลข่าวสารทั้งหลายไม่ได้สะท้อนลงไปในมูลค่าหุ้นทั้งหมด จึงมีช่องให้คนที่รู้ข้อมูลมากกว่าทำกำไรได้ง่ายครับ

ป.ล. เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ แน่นอนว่าที่ราคาหุ้นขึ้นมากขนาดนี้เพราะสถานการณ์เป็นใจด้วย

ผมหมายถึงการเข้าซื้อตั้งแต่ ปี 2000 ครับ ช่วงที่ติดลบอย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลตอบแทน 80 เท่าตัว (เพื่อให้เงิน 2 ล้านบาท เป็น 160 ล้าน)

ถ้าในช่วงปี 2000 ธุรกิจที่ประสบปัญหาอย่างหนักจะมีใครมองการไกล ว่าอีก 4 ปีต่อมาธุรกิจ turn มาได้

ถึงแม้มองภาพธุรกิจออก มองพื้นฐานได้ดี แต่มันไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะได้ตามที่เราตั้งใจไว้ ( หุ้นดีพื้นฐานเยี่ยม ราคา lower ก็มี , หุ้นแย่ ราคา over ก็มีเยอะครับ มันเลยอยู่ที่เงื่อนไขความพอใจของคนซื้อ)

Blueblood เขียน:case ของ tta กับ psl นี่ถ้าตามดีๆจะพบว่าความเสี่ยงน้อยมากเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วครับ

ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมเดินเรือคือประเทศจีนและการก่อการร้ายครับ
น้อยก็จริง แต่ถ้าเกิดขึ้นจะเสียหายมหาศาลครับ

ผมว่าการที่ราคาและผลการดำเนินงานของ PSL และ TTA เพิ่มสูงขึ้นได้มากมายขนาดนี้ ก็เป็นเพราะค่าระวางที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

และผมก็แน่ใจว่าในช่วงปี 2000 คงไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าค่าระวางจะเพิ่มสูงขึ้นได้ถึงในระดับราคาปัจจุบัน