หน้า 1 จากทั้งหมด 1

TKC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 06, 2020 12:34 pm
โดย pakapong_u
“เดอะคลีนิกค์” แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น – ตั้ง บล.เคทีบี ที่ปรึกษาการเงิน

06/10/2020 12:14

“เดอะคลีนิกค์” แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น ปี 2565 ตั้งบล.เคทีบี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมความพร้อม ระดมทุนขยายธุรกิจ-ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์-เปิดโรงพยาบาล-Wellness Center

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมสายงานวาณิชธนกิจ – ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) ( KTBST ) เปิดเผยว่า บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) แต่งตั้ง KTBST เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี 65

ขณะนี้เตรียมความพร้อม โดย “เดอะคลีนิกค์” เปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 11 ปี ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามาใช้บริการอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากยอดขายที่เติบโตแข็งแกร่ง ปีละ 2 หลักมาต่อเนื่อง ได้รับรางวัลด้านการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย ด้วยเครื่องโฟกัสอัลตร้าซาวด์มากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มศักยภาพ และโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม กล่าวว่า เดอะคลีนิกค์ เป็นผู้นำการให้บริการด้านผิวพรรณ ศัลยกรรมความงาม และการดูสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ได้แก่ การให้บริการด้านการรักษาโรคผิวหนัง ผิวพรรณความงาม ลดน้ำหนักดูแลรูปร่าง ศัลยกรรม Woman Wellness และการฟื้นฟูสุขภาพ

ปัจจุบัน เดอะคลีนิกค์ มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท จำนวน 29 สาขา และมีแผนจะขยายสาขาอีกอย่างน้อย 3-5 สาขาในปี 2564 ด้วยงบลงทุนกว่า 50-100 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางชั้นสูง คิดค้นโดยทีมแพทย์ เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์เฉพาะทาง Special Care ที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ

“วัตถุประสงค์การเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ บริษัท ฯ มีแผนนำเงินขยายสาขาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และขยายไปยังประเทศกลุ่ม CLMV รวมถึงขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ “นายแพทย์อภิรุจ กล่าวในที่สุด

นายประทีป วาณิชย์ก่อกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มระดับกลาง B+ ขึ้นไป ซึ่งมีกำลังซื้อสูง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน มากกว่า 9,000 บาท และยังมีโอกาสเติบโตของธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงาม จากตลาดระดับโลก มีมูลค่ามากกว่า 900,000 ล้านบาท ตลาดอาเซีย นมีมูลค่ามากถึง 500,000 ล้านบาท และในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 250,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2561 มีรายได้รวม 811 ล้านบาท และปี 2562 อยู่ที่ 990 ล้านบาท

ปี 2563 ตั้งเป้ารายได้รวม จะพุ่งแตะระดับ 1,000 ล้านบาท แม้ในช่วงที่ผ่านมาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปิดสาขาชั่วคราวเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน ตามนโยบายของทางรัฐบาล แต่หลังจากกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ พบว่า มีลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งในด้านยอดขายในสาขาเดิมและสาขาใหม่ รวมถึงขยายขอบเขตในการให้บริการ หรือผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมมากขึ้น