ตามรอยหุ้นอเมริกา ตอนที่ 11 - Booking Holding สุดยอดแพลตฟอร์มจองโรงแรม
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 14, 2019 9:40 pm
<เพจ Billionaire VI>
หลายๆท่านน่าจะเคยใช้บริการ Agoda ในการจองโรงแรมและที่พักอยู่เป็นประจำ รู้ไหมว่าท่านสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ได้ผ่านทางการซื้อหุ้นในอเมริกา
Booking Holding เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มการจองโรงแรม ที่พัก รถยนต์ และตั๋วเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ Priceline Group เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ให้บริการต่างๆดังนี้
1. Booking.com เป็นผู้ให้บริการจองโรงแรมและที่พักที่ให้บริการนักเดินทางทั่วโลก
2. Priceline.com เป็นผู้ให้บริการเหมือนกับ Booking.com แต่เน้นโซนอเมริกาเหนือ
3. Kayak.com ให้บริการเปรียบเทียบ การเช่าโรงแรม เช่ารถ ซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อให้นักเดินทางสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพดีและมีราคาประหยัดที่สุด
4. Agoda.com เป็นผู้ให้บริการจองโรงแรมและที่พักที่เน้นในตลาดเอเชีย
5. Rentalcars.com เป็นผู้ให้บริการเช่ารถ
6. Opentable.com เป็นผู้ให้บริการจองโต๊ะอาหาร
รายได้หลักๆมาจาก 3 ส่วน ส่วนแรกคือ รายได้ที่เกิดจากค่านายหน้าของทุกธุรกรรมการจองบนแพลตฟอร์มของบริษัท รายได้ในส่วนนี้จะได้รับต่อเมื่อจบวันเข้าพักของลูกค้า
ส่วนที่สองคือรายได้จากบริการบนแพลตฟอร์ม (Merchant Revenue) เช่นค่าจองโรงแรม ค่าบริหารจัดการ และรีเบตที่ได้รับจากบัตรเครดิตต่างๆ
ส่วนที่สามเป็นรายได้จากค่าโฆษณา หลักๆจะได้จาก Kayak ที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและโรงแรม บริษัทเช่ารถ และตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่านายหน้าการจองโต๊ะอาหารผ่านทาง Opentable อีกด้วย
ในส่วนของรายได้และกำไร 3 ปีล่าสุดเป็นดังนี้
ปี 2017 รายได้ $12,681 ล้าน กำไรสุทธิ $2,341 ล้าน
ปี 2018 รายได้ $14,527 ล้าน กำไรสุทธิ $3,998 ล้าน
ปี 2019 (ประมาณการณ์) รายได้ $14,940 ล้าน กำไรสุทธิ $4,340 ล้าน
ในปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมและบ้านในเครือข่ายทั้งหมด 28 ล้านแห่ง ใน 230 ประเทศ เทียบกับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง AirBnb ที่มีอยู่ 6 ล้านแห่ง คงจะเทียบกันตรงๆแค่ตัวเลขไม่ได้เพราะรายแรกเน้นโรงแรม ส่วนอีกรายเน้นบ้านและที่พักของรายย่อย
จุดแข็งของ Booking ยังคงเป็น Network Effect เนื่องจากมีผู้ใช้งานจองโรงแรมทั้งหมด 223 ล้านห้องในรอบ 90 วัน หรือมีผู้ใช้บริการจองที่พัก 2.5 ล้านห้องต่อวัน
ในแง่ของราคาหุ้น เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีนี้ที่ $98 ต่อหุ้นแล้ว ค่าพีอีจะอยู่ที่ 19 เท่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Expedia และ Tripadvisor ที่ค่าพีอีอยู่ที่ 30.2 และ 39 เท่าแล้ว
ราคาของหุ้นตัวนี้กับอัตราการเติบโตก็น่าสนใจที่ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อลงทุน
แม้ว่าการเเข็งที่รุนแรงจากทั้งคู่แข่งระดับโลกดังที่กล่าวไป อุตสาหกรรมนี้ยังมีสตาร์ทอัพหลายๆรายที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Ctrip Traveloka และ Skyscanner
ผมทดลองจองโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจ ที่พัทยาพบว่า Agoda มีราคาถูกกว่าราคาจาก Ctrip ผมคิดว่าการที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างอำนาจต่อรองที่ดีกว่าได้
เพราะฉะนั้นหุ้นตัวนี้อาจจะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ครับ
หลายๆท่านน่าจะเคยใช้บริการ Agoda ในการจองโรงแรมและที่พักอยู่เป็นประจำ รู้ไหมว่าท่านสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ได้ผ่านทางการซื้อหุ้นในอเมริกา
Booking Holding เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มการจองโรงแรม ที่พัก รถยนต์ และตั๋วเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ Priceline Group เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ให้บริการต่างๆดังนี้
1. Booking.com เป็นผู้ให้บริการจองโรงแรมและที่พักที่ให้บริการนักเดินทางทั่วโลก
2. Priceline.com เป็นผู้ให้บริการเหมือนกับ Booking.com แต่เน้นโซนอเมริกาเหนือ
3. Kayak.com ให้บริการเปรียบเทียบ การเช่าโรงแรม เช่ารถ ซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อให้นักเดินทางสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพดีและมีราคาประหยัดที่สุด
4. Agoda.com เป็นผู้ให้บริการจองโรงแรมและที่พักที่เน้นในตลาดเอเชีย
5. Rentalcars.com เป็นผู้ให้บริการเช่ารถ
6. Opentable.com เป็นผู้ให้บริการจองโต๊ะอาหาร
รายได้หลักๆมาจาก 3 ส่วน ส่วนแรกคือ รายได้ที่เกิดจากค่านายหน้าของทุกธุรกรรมการจองบนแพลตฟอร์มของบริษัท รายได้ในส่วนนี้จะได้รับต่อเมื่อจบวันเข้าพักของลูกค้า
ส่วนที่สองคือรายได้จากบริการบนแพลตฟอร์ม (Merchant Revenue) เช่นค่าจองโรงแรม ค่าบริหารจัดการ และรีเบตที่ได้รับจากบัตรเครดิตต่างๆ
ส่วนที่สามเป็นรายได้จากค่าโฆษณา หลักๆจะได้จาก Kayak ที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและโรงแรม บริษัทเช่ารถ และตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่านายหน้าการจองโต๊ะอาหารผ่านทาง Opentable อีกด้วย
ในส่วนของรายได้และกำไร 3 ปีล่าสุดเป็นดังนี้
ปี 2017 รายได้ $12,681 ล้าน กำไรสุทธิ $2,341 ล้าน
ปี 2018 รายได้ $14,527 ล้าน กำไรสุทธิ $3,998 ล้าน
ปี 2019 (ประมาณการณ์) รายได้ $14,940 ล้าน กำไรสุทธิ $4,340 ล้าน
ในปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมและบ้านในเครือข่ายทั้งหมด 28 ล้านแห่ง ใน 230 ประเทศ เทียบกับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง AirBnb ที่มีอยู่ 6 ล้านแห่ง คงจะเทียบกันตรงๆแค่ตัวเลขไม่ได้เพราะรายแรกเน้นโรงแรม ส่วนอีกรายเน้นบ้านและที่พักของรายย่อย
จุดแข็งของ Booking ยังคงเป็น Network Effect เนื่องจากมีผู้ใช้งานจองโรงแรมทั้งหมด 223 ล้านห้องในรอบ 90 วัน หรือมีผู้ใช้บริการจองที่พัก 2.5 ล้านห้องต่อวัน
ในแง่ของราคาหุ้น เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีนี้ที่ $98 ต่อหุ้นแล้ว ค่าพีอีจะอยู่ที่ 19 เท่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Expedia และ Tripadvisor ที่ค่าพีอีอยู่ที่ 30.2 และ 39 เท่าแล้ว
ราคาของหุ้นตัวนี้กับอัตราการเติบโตก็น่าสนใจที่ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อลงทุน
แม้ว่าการเเข็งที่รุนแรงจากทั้งคู่แข่งระดับโลกดังที่กล่าวไป อุตสาหกรรมนี้ยังมีสตาร์ทอัพหลายๆรายที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Ctrip Traveloka และ Skyscanner
ผมทดลองจองโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจ ที่พัทยาพบว่า Agoda มีราคาถูกกว่าราคาจาก Ctrip ผมคิดว่าการที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างอำนาจต่อรองที่ดีกว่าได้
เพราะฉะนั้นหุ้นตัวนี้อาจจะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ครับ