เกษียณแล้วควรมีเงินเท่าไหร่ ใช้ชีวิตอย่างไร/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 05, 2019 7:43 pm
เรื่องการออมและลงทุนเพื่อการเกษียณอายุงานเป็นเรื่องที่ดิฉันเขียนบ่อยมาก แต่ก็ยังมีคนสอบถามอยู่เรื่อยๆ จึงคิดว่าจะต้องเขียนทบทวนหลักการและให้คำแนะนำเบื้องต้นอีกครั้งหนึ่งค่ะ
เงินที่เราต้องการใช้เพื่อการเกษียณ จะขึ้นอยู่กับแนวทางที่เราจะใช้ชีวิต ดังนั้น การตั้งเป้าหมายเกษียณอายุจึงเริ่มที่การวาดภาพชีวิตหลังเกษียณที่ท่านต้องการ
ผู้ที่ต้องการเป็นอยู่อย่างสมถะ อาจจะทำอาหารรับประทานเองแบบง่ายๆ ใช้บริการรถสาธารณะ ถ้ามีที่อยู่อาศัยแล้วก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน นอกเหนือจากค่าอาหารและค่าเดินทางเล็กน้อย ก็จะมีเพียงค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน คือ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เสื้อผ้าก็สามารถใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้ว อาจจะใช้เงินเดือนละประมาณ 10,000 บาท (เทียบเท่าค่าเงินปัจจุบัน) กรณีนี้ ท่านต้องการเงินเพื่อการเกษียณประมาณ 3 ล้านบาท ณ วันที่ท่านเกษียณ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายต่อไปจนถึงอายุ 85 ปี โดยตั้งสมมุติฐานว่า ท่านนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนเทียบเท่าอัตราเงินเฟ้อ แต่ถ้าท่านลงทุนได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้ ท่านก็จะมีเงินใช้หลังเกษียณได้สูงกว่าเดือนละ 10,000 บาทค่ะ
นอกจากนี้ ท่านยังมีแหล่งเงินที่เป็นรายได้ของท่านอีก คือ เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย และหากเคยอยู่ในกองทุนประกันสังคม ท่านก็ยังมีเงินบำนาญ ซึ่งแม้เป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก แต่ก็สามารถช่วยให้มีเงินใช้จ่ายยามเกษียณได้ ทั้งนี้ ในการคำนวณเงิน 3 ล้านบาทขั้นต่ำนี้ ยังไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ หากท่านเกิดเจ็บป่วยนะคะ ดังนั้น การทำประกันภัยไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณา
สำหรับผู้ที่ต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายมากขึ้น ท่านก็จำเป็นต้องมีเงินมากขึ้นค่ะ เว้นแต่ท่านจะสามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ เช่นกันนะคะ หากท่านต้องการใช้เงินเดือนละ 20,000 บาท ท่านก็ต้องมีเงิน 6 ล้านบาท ณ วันเกษียณ หรือจะใช้เงินเดือนละ 100,000 บาท ก็ต้องมีเงิน 30 ล้านบาท เป็นต้น
ทีนี้ หากยังไม่มีถึงจำนวนที่ต้องการ ก็มีทางเลือกสามทางคือ 1. หารายได้พิเศษ อาจทำงานต่อไป อาจเลือกงานพาร์ทไทม์ หรือค้าขายเล็กน้อยๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เพราะเงินท่านมีไม่มาก หากกิจการเป็นอะไรไป ท่านจะยิ่งเดือดร้อนเพิ่มขึ้น 2. ลดมาตรฐานความเป็นอยู่ลงจากที่ฝันเอาไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับกระเป๋าเงินที่มี และ 3. เลือกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับเงินออมที่ท่านมีในอัตราสูงขึ้น ซึ่งข้อนี้ ยิ่งท่านมีอายุน้อย ท่านก็ยิ่งมีเวลาที่จะทำให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ให้ท่านเกิดความโลภ แล้วกระโจนลงไปเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ต่างๆนะคะ ผลตอบแทนที่มากขึ้นในบริบทปัจจุบัน คือ มากกว่า 1.0-1.5 เปอร์เซ็นต์ โดยอาจจะขยับไปที่ 2-4 เปอร์เซ็นต์ ในปีหน้า ผลตอบแทนอะไรที่เกิน 7-8 เปอร์เซ็นต์ ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเป็นไปได้แล้วค่ะ (เฉพาะในปี 2563)
ขยับไปถึงคนที่อยากใช้ชีวิตสบายมากๆ หากท่านจำได้ ดิฉันเคยเขียนถึงการที่ผู้เกษียณอายุ เลือกที่จะไปใช้ชีวิตในเรือสำราญ ออกเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะมีทั้งคนดูแลทำความสะอาดให้ ทำอาหารให้ มีคนมาแสดงให้ชม มีกิจกรรมต่างๆให้ร่วมสนุก รับประกันว่าไม่เหงา แถมยังมีหมอคอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง วันก่อนดิฉันได้ดูข่าวของต่างประเทศ สัมภาษณ์ทำสกู๊ปหญิงอเมริกันวัย 88 ปี ที่แข็งแรงมาก เธอใช้เรือสำราญเป็นบ้านเลยค่ะ มีห้องประจำที่ใช้พัก และมีข้าวของส่วนตัวอยู่บนเรือ เธอกับสามีเคยล่องเรือด้วยกัน และเมื่อหลายปีก่อน สามีได้เสียชีวิตลง แต่ได้สั่งเสียภรรยาไว้ว่า อย่าหยุดล่องเรือ เธอจึงสนุกกับการล่องเรือต่อไป แม้ว่าตอนนี้จะเป็นทวดแล้ว
เธอบอกว่า เธอไม่ต้องจ่ายกับข้าว ทำอาหาร ถึงเวลาก็มารับประทานที่ห้องอาหารต่างๆบนเรือ เธอไม่มีจุดหมายปลายทางอะไร เธอไม่สนใจว่าเรือจะไปไหน เพราะเธอไปมาหมดแล้ว เวลาผู้โดยสารอื่นออกไปเที่ยวบนบกกัน เธอกลับชอบมาก เพราะมีเวลาส่วนตัวบนเรือคนเดียว นั่งเย็บปักถักร้อยอะไรของเธอไปอย่างสบายใจ ลูกเรือทั้งหลายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทค่ะ แต่จะใช้ชีวิตแบบเธอได้ ท่านต้องใช้เงินประมาณ 5.4 ล้านบาทต่อปี 25 ปีก็ประมาณ 135 ล้านบาท และอาจจะอยู่นานกว่า 25 ปี เพราะคุณป้าท่านนี้อายุ 88 ปีแล้ว ยังแข็งแรง ดังนั้นท่านควรจะเตรียมเงินไว้สัก 200 ล้านบาทค่ะ
สามปัจจัยที่จะทำให้เงินออมของท่านเติบโตคือ 1. ระยะเวลา 2. จำนวนเงินออม และ 3. อัตราผลตอบแทน หากท่านมีปัจจัยข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะช่วยให้เงินออมของท่านเติบโตมากขึ้น เช่น เริ่มออมตั้งแต่อายุยังน้อย ออมเงินจำนวนสูง และได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดี และท่านจะถือว่าได้เปรียบมากที่สุดหากมีทั้งสามปัจจัย คือ เริ่มออมตั้งแต่อายุยังน้อย ออมให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถออมได้ (อดเปรี้ยวไว้กินหวาน) และลงทุนได้ผลตอบแทนดี
ไม่ต้องเสียใจนะคะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีปัจจัยข้อใดข้อหนึ่ง ท่านก็สามารถทำให้เงินออมเติบโตแล้ว และอัตราผลตอบแทนยังเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ยาก เพราะฉะนั้น ออมให้มาก ออมให้นาน สองปัจจัยนี้ก็ช่วยได้เยอะแล้วค่ะ
มาถึงคำถามสุดท้าย จะทำอย่างไรให้มีเงิน 3 ล้านบาท 6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 1,000 บาท ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 6.3 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 3,000 บาท ได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 2.78 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 3,000 บาท ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 4.58 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 4.6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 7.6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 31.6 ล้านบาท
ผลตอบแทน 10% ต่อปี ในตอนนี้ยังหาไม่ได้ แต่ในอนาคตอาจจะมีนะคะ ทั้งนี้ต้องอย่าคำนึงแต่ผลตอบแทน ต้องดูความเสี่ยงด้วยค่ะ ข้อสำคัญ เราไม่จำเป็นต้องออมเท่าเดิมตลอด เมื่อมีรายได้เพิ่ม ก็ควรจะออมเพิ่มค่ะ ตัวเลขก็จะยิ่งมากกว่านี้อีก
เงินที่เราต้องการใช้เพื่อการเกษียณ จะขึ้นอยู่กับแนวทางที่เราจะใช้ชีวิต ดังนั้น การตั้งเป้าหมายเกษียณอายุจึงเริ่มที่การวาดภาพชีวิตหลังเกษียณที่ท่านต้องการ
ผู้ที่ต้องการเป็นอยู่อย่างสมถะ อาจจะทำอาหารรับประทานเองแบบง่ายๆ ใช้บริการรถสาธารณะ ถ้ามีที่อยู่อาศัยแล้วก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน นอกเหนือจากค่าอาหารและค่าเดินทางเล็กน้อย ก็จะมีเพียงค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน คือ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เสื้อผ้าก็สามารถใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้ว อาจจะใช้เงินเดือนละประมาณ 10,000 บาท (เทียบเท่าค่าเงินปัจจุบัน) กรณีนี้ ท่านต้องการเงินเพื่อการเกษียณประมาณ 3 ล้านบาท ณ วันที่ท่านเกษียณ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายต่อไปจนถึงอายุ 85 ปี โดยตั้งสมมุติฐานว่า ท่านนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนเทียบเท่าอัตราเงินเฟ้อ แต่ถ้าท่านลงทุนได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้ ท่านก็จะมีเงินใช้หลังเกษียณได้สูงกว่าเดือนละ 10,000 บาทค่ะ
นอกจากนี้ ท่านยังมีแหล่งเงินที่เป็นรายได้ของท่านอีก คือ เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย และหากเคยอยู่ในกองทุนประกันสังคม ท่านก็ยังมีเงินบำนาญ ซึ่งแม้เป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก แต่ก็สามารถช่วยให้มีเงินใช้จ่ายยามเกษียณได้ ทั้งนี้ ในการคำนวณเงิน 3 ล้านบาทขั้นต่ำนี้ ยังไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ หากท่านเกิดเจ็บป่วยนะคะ ดังนั้น การทำประกันภัยไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณา
สำหรับผู้ที่ต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายมากขึ้น ท่านก็จำเป็นต้องมีเงินมากขึ้นค่ะ เว้นแต่ท่านจะสามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ เช่นกันนะคะ หากท่านต้องการใช้เงินเดือนละ 20,000 บาท ท่านก็ต้องมีเงิน 6 ล้านบาท ณ วันเกษียณ หรือจะใช้เงินเดือนละ 100,000 บาท ก็ต้องมีเงิน 30 ล้านบาท เป็นต้น
ทีนี้ หากยังไม่มีถึงจำนวนที่ต้องการ ก็มีทางเลือกสามทางคือ 1. หารายได้พิเศษ อาจทำงานต่อไป อาจเลือกงานพาร์ทไทม์ หรือค้าขายเล็กน้อยๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เพราะเงินท่านมีไม่มาก หากกิจการเป็นอะไรไป ท่านจะยิ่งเดือดร้อนเพิ่มขึ้น 2. ลดมาตรฐานความเป็นอยู่ลงจากที่ฝันเอาไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับกระเป๋าเงินที่มี และ 3. เลือกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับเงินออมที่ท่านมีในอัตราสูงขึ้น ซึ่งข้อนี้ ยิ่งท่านมีอายุน้อย ท่านก็ยิ่งมีเวลาที่จะทำให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ให้ท่านเกิดความโลภ แล้วกระโจนลงไปเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ต่างๆนะคะ ผลตอบแทนที่มากขึ้นในบริบทปัจจุบัน คือ มากกว่า 1.0-1.5 เปอร์เซ็นต์ โดยอาจจะขยับไปที่ 2-4 เปอร์เซ็นต์ ในปีหน้า ผลตอบแทนอะไรที่เกิน 7-8 เปอร์เซ็นต์ ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเป็นไปได้แล้วค่ะ (เฉพาะในปี 2563)
ขยับไปถึงคนที่อยากใช้ชีวิตสบายมากๆ หากท่านจำได้ ดิฉันเคยเขียนถึงการที่ผู้เกษียณอายุ เลือกที่จะไปใช้ชีวิตในเรือสำราญ ออกเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะมีทั้งคนดูแลทำความสะอาดให้ ทำอาหารให้ มีคนมาแสดงให้ชม มีกิจกรรมต่างๆให้ร่วมสนุก รับประกันว่าไม่เหงา แถมยังมีหมอคอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง วันก่อนดิฉันได้ดูข่าวของต่างประเทศ สัมภาษณ์ทำสกู๊ปหญิงอเมริกันวัย 88 ปี ที่แข็งแรงมาก เธอใช้เรือสำราญเป็นบ้านเลยค่ะ มีห้องประจำที่ใช้พัก และมีข้าวของส่วนตัวอยู่บนเรือ เธอกับสามีเคยล่องเรือด้วยกัน และเมื่อหลายปีก่อน สามีได้เสียชีวิตลง แต่ได้สั่งเสียภรรยาไว้ว่า อย่าหยุดล่องเรือ เธอจึงสนุกกับการล่องเรือต่อไป แม้ว่าตอนนี้จะเป็นทวดแล้ว
เธอบอกว่า เธอไม่ต้องจ่ายกับข้าว ทำอาหาร ถึงเวลาก็มารับประทานที่ห้องอาหารต่างๆบนเรือ เธอไม่มีจุดหมายปลายทางอะไร เธอไม่สนใจว่าเรือจะไปไหน เพราะเธอไปมาหมดแล้ว เวลาผู้โดยสารอื่นออกไปเที่ยวบนบกกัน เธอกลับชอบมาก เพราะมีเวลาส่วนตัวบนเรือคนเดียว นั่งเย็บปักถักร้อยอะไรของเธอไปอย่างสบายใจ ลูกเรือทั้งหลายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทค่ะ แต่จะใช้ชีวิตแบบเธอได้ ท่านต้องใช้เงินประมาณ 5.4 ล้านบาทต่อปี 25 ปีก็ประมาณ 135 ล้านบาท และอาจจะอยู่นานกว่า 25 ปี เพราะคุณป้าท่านนี้อายุ 88 ปีแล้ว ยังแข็งแรง ดังนั้นท่านควรจะเตรียมเงินไว้สัก 200 ล้านบาทค่ะ
สามปัจจัยที่จะทำให้เงินออมของท่านเติบโตคือ 1. ระยะเวลา 2. จำนวนเงินออม และ 3. อัตราผลตอบแทน หากท่านมีปัจจัยข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะช่วยให้เงินออมของท่านเติบโตมากขึ้น เช่น เริ่มออมตั้งแต่อายุยังน้อย ออมเงินจำนวนสูง และได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดี และท่านจะถือว่าได้เปรียบมากที่สุดหากมีทั้งสามปัจจัย คือ เริ่มออมตั้งแต่อายุยังน้อย ออมให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถออมได้ (อดเปรี้ยวไว้กินหวาน) และลงทุนได้ผลตอบแทนดี
ไม่ต้องเสียใจนะคะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีปัจจัยข้อใดข้อหนึ่ง ท่านก็สามารถทำให้เงินออมเติบโตแล้ว และอัตราผลตอบแทนยังเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ยาก เพราะฉะนั้น ออมให้มาก ออมให้นาน สองปัจจัยนี้ก็ช่วยได้เยอะแล้วค่ะ
มาถึงคำถามสุดท้าย จะทำอย่างไรให้มีเงิน 3 ล้านบาท 6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 1,000 บาท ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 6.3 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 3,000 บาท ได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 2.78 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 3,000 บาท ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 4.58 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 4.6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 7.6 ล้านบาท
ออมเงินเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี จะมีเงิน 31.6 ล้านบาท
ผลตอบแทน 10% ต่อปี ในตอนนี้ยังหาไม่ได้ แต่ในอนาคตอาจจะมีนะคะ ทั้งนี้ต้องอย่าคำนึงแต่ผลตอบแทน ต้องดูความเสี่ยงด้วยค่ะ ข้อสำคัญ เราไม่จำเป็นต้องออมเท่าเดิมตลอด เมื่อมีรายได้เพิ่ม ก็ควรจะออมเพิ่มค่ะ ตัวเลขก็จะยิ่งมากกว่านี้อีก