หน้า 1 จากทั้งหมด 1

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 21, 2004 9:28 am
โดย ปรัชญา

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 10:58 am
โดย คลายเครียด
คนอ่านเห็นหัวข้อกระทู้
คงนึกว่าเป็นพระเครื่อง เลยไม่มีใครตอบ
ที่แท้คุณสุเกียงพูดถึงแม่
พระในบ้านคุณปรัชญา ตอนนี้อาการเป็นยังไงแล้วครับ
คงต้องทำใจยอมรับสภาพ
ผมเข้าใจว่าอาการ มีแต่ทรงกับทรุด

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 11:17 am
โดย ปรัชญา
คลายเครียด เขียน:คนอ่านเห็นหัวข้อกระทู้
คงนึกว่าเป็นพระเครื่อง เลยไม่มีใครตอบ
ที่แท้คุณสุเกียงพูดถึงแม่
พระในบ้านคุณปรัชญา ตอนนี้อาการเป็นยังไงแล้วครับ
คงต้องทำใจยอมรับสภาพ
ผมเข้าใจว่าอาการ มีแต่ทรงกับทรุด
คิดถึงแม่ครับเฮียคลายเครียด
ทำใจทำบุญมาตลอด
ปลงได้แล้วครับ มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรมครับ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 11:43 am
โดย คลายเครียด
คุณปรัชญา
ผมเคยชินกับการอยู่กับพ่อแม่มาตลอดชีวิต
ก็เลย เหมือนกับไม่ค่อยนึกถึงพ่อแม่
ทุกวันนี้ แม่ผมยังตามห่วงใยไปถึงหลานย่า
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เอาลูกไปไปพบปะเพื่อนนักเรียน พอสองทุ่ม
แม่ผมโทรฯตามทันที
บอกว่าพรุ่งนี้หลานต้องเรียนหนังสือ อย่ากลับมืด

แม่
เป็นต้นทุนทางสังคมที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม

แต่บางทีเราก็ไม่ค่อยเห็นคุณค่า เพราะความเคยชิน
(ภรรยาผมก็พูดแบบน้อยใจในทำนองนี้)
เดี๋ยวอาทิตย์หน้า พ่อกับแม่ก็ต้องย้ายไปอยู่อีกบ้าน
เพื่อที่จะไม่ต้องขึ้นลงบันได เวลาจะนอน
นี่ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่า จะปรับชีวิตตัวเองได้หรือเปล่า
เพราะเคยชินแต่การอยู่ในครอบครัวขยายมาเกือบตลอดชีวิต
มีคนคอยห่วงใยตลอดเวลา
ตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวๆ
การต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครอยู่ในบ้าน
ถ้ามีภรรยาอยู่ด้วย คงไม่เป็นไร
มีคนคอยอยู่ทะเลาะด้วยก็ยังดี ฮาๆๆ
ถ้าไม่มีเวปบอร์ดให้โพสคุยกับคนอื่น
ผมคงแย่แน่ๆ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 12:53 pm
โดย โป้ง
เป็นบ่วงความทุกข์ของมนุษย์ทุกๆคนต้องเจอ กับการพลัดพรากจากคนที่เรารักครับ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันจะช่วยเราปรับตัวได้

พี่คลายเครียด ซักพักพี่คงปรับตัวสภาพแบบใหม่ได้
แม้ไม่มีเวปบอร์ด ผมก็ว่าพี่สามารถหาสิ่งอื่นมาทำทดแทนได้ครับ

พี่ปรัชญา กับ พี่คลายเครียด ลูกคนโตอายุเท่าไหร่กันแล้วครับเนี่ย

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 1:49 pm
โดย เสริมศักดิ์
ได้รู้ซึ้งกับคำว่าแม่
แม่คือพระประจำบ้านจริงๆพี่คลายเครียดกับพี่ปรัชญาคุยกันถึงแม่ผมก็ชักคิดถึงแม่เหมือนกัน เรียนจบมีงานทำก็หาแต่เงินส่งเงินไปให้แม่ที่บ้านนอกใช้ไม่รู้ว่าเวลาแม่เห็นเงินที่ส่งไปหรือเห็นหน้าลูกอย่างไหนแม่จะดีใจกว่ากัน ผมว่าแม่ล่ะดีใจที่เห็นลูกมากกว่าเห็นเงิน พี่คลายเครียดเล่าเรื่องดีดีมีสาระมากครับ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 2:12 pm
โดย ปรัชญา
คุณโป้ง ผมมีลูก2คนครับ
คนเล็กอายุ10ขวบ คนโต13ขวบ
เลี้ยงลูกเราลำบากแค่ไหน
คุณพ่อคุณแม่เราคงลำบากกว่านั้นครับ

ดีใจกับเฮียคลายเครียด
ที่คุณแม่เป็นห่วงตั้งแต่คุณลูกถึงคุณหลาน
คงรักหลานมากๆเลยครับ
เป็นห่วงถึงการเล่าเรียนของหลาน
เฮียโชคดีจริงๆ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 2:44 pm
โดย คลายเครียด
ผมมีลูกชายคนเดียวครับ
อายุ จะย่างสิบเอ็ดขวบอยู่เดือนหน้า
เลี้ยงง่ายทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องการเรียน
ทำเอาพ่อแม่ หน้าเขียวเป็นพระอินทร์มาหลายรอบแล้ว ฮาๆๆ

คุณปรัชญาเคยได้ยินที่เขาพูดไหม
ผมก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากภรรยาผม
"แขนง แรงกว่ากิ่ง"
เธออธิบายให้ฟังว่า
หมายถึง ย่ายายจะรักหลาน มากกว่ารักลูกซะอีก
ผมเห็นตามนั้นจริงๆ สมัยผมเด็กๆ โดนตีด้วยไม้เรียวนับครั้งไม่ถ้วน
ตกมารุ่นหลาน หลานจะทำอะไร
ย่าไม่เคยว่าหลาน ตีหลานเลย ทั้งๆที่เราไม่เคยห้าม
กลับพูดเข้าข้างหลานซะด้วย ฮาๆๆ

คุณเสริมศักดิ์ ผมแน่ใจว่า
แม่อยากเห็นหน้าคุณมากกว่าเงินที่ส่งไป
ความรัก ความห่วงใยของพ่อแม่
บางทีวัดค่าด้วยวัตถุไม่ได้เลย
ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่องโอชิน ที่เคยโด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน
โอชินนางเอกผู้สู้ชีวิตทุกรูปแบบ
จนกลายเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าดังในญี่ปุ่น
ในหนัง โอชินพูดว่า

ตอนที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
คือตอนที่เอาลูกคนโตสะพายหลัง
แล้วเดินเร่ขายปลาไปตามท้องถนน
เธอรู้สึกว่าชีวิตมีค่า มีจุดมุ่งหมาย
ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูก
แต่พอรวยแล้ว ลูกๆหลานๆ กลับทะเลาะกัน
เพราะเรื่องการบริหารห้าง
เป็นชีวิตที่เธอกลับไม่มีความสุข
ทั้งๆที่มีความสุขสบายทางวัตถุทุกอย่าง
พวกนิยมวัตถุอาจจะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
ในยุคแม่ฟ้องลูก ลูกฟ้องแม่

แม่ยายผม ก็เคยเอากล้วยสองสามหวีที่ปลูกได้หลังบ้าน
แอบหอบมันขึ้นรถเมล์ไปฝากลูกชายคนโตที่อยู่อีกบ้าน
ไม่กล้าให้ใครรู้ก่อนไป กลัวโดนห้าม
เด็กวัตถุนิยมสมัยนี้ เห็นแล้วคงร้องว่า ไร้สาระเป็นบ้าเลย
เจ้าของตึกแถวมูลค่าสามสี่สิบล้านในต่างจังหวัด
จะหอบหิ้วกล้วยสองสามหวีที่ปลูกได้ไปฝากลูก
ถ้าคุณตีค่ากล้วยสองหวีนั้นเป็นเงิน
มันมีค่าไม่กี่บาทหรอก แต่ถ้าตีมันออกมาเป็นคุณค่าทางจิตใจ
กล้วยสองหวีนั้นก็ประมาณค่าไม่ได้เลย
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ภรรยาบ่นว่าไม่สามารถเอาโน๊ตบุ๊คของผมไปด้วย
แม่ยายถามทันทีว่า โน๊ตบุ๊คราคาเท่าไร
แล้วก็ให้เงินไปซื้อ โดยไม่เสียดายเงิน
แต่เวลาตัวเองจะไปไหนมาไหน
ก็ยังชอบแอบลูกๆขึ้นรถเมล์เพราะเสียดายเงิน
ในโลกนี้ จะมีซักกี่คน
ที่สามารถให้เราได้ โดยไม่เคยหวังผลตอบแทน

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 3:41 pm
โดย โป้ง
เมื่อลูกพี่ทั้งสองโตขึ้น คงยิ้มแก้มปริครับ และขอบคุณปะป้า

เมื่อไปมองดูใบหุ้นของพี่ๆ (ทำไมพอร์ตโตเอาๆๆๆ) :D

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 9:33 pm
โดย ประจวบ
ได้อ่านที่เฮียคลายเครียดเขียนถึงแม่แล้ว
คิดถึงแม่ขึ้นมาทันที
เฮียเขียนได้เห็นภาพพจน์มากครับ
ผมมีบทกลอนที่ลอกเค้ามาอีกทีมาpostให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของวันคืน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ชำใจ
คนแก่ชะแรวัย ติดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบปรน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงให้ได้ผล เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกๆยาม
ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

ผู้แต่งคือ ท่านปัญญานันทภิกขุ ครับ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2004 9:35 pm
โดย ประจวบ
ได้อ่านที่เฮียคลายเครียดเขียนถึงแม่แล้ว
คิดถึงแม่ขึ้นมาทันที
เฮียเขียนได้เห็นภาพพจน์มากครับ
ผมมีบทกลอนที่ลอกเค้ามาอีกทีมาpostให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของวันคืน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ชำใจ
คนแก่ชะแรวัย ติดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบปรน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงให้ได้ผล เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกๆยาม
ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

ผู้แต่งคือ ท่านปัญญานันทภิกขุ ครับ

พระในบ้าน ...บทความดีดีจาก...พี่สุเกียง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 23, 2004 9:11 am
โดย ปรัชญา
เฮียคลายเครียดเล่าเรื่องกล้วย2-3หวี
อันนี้เห็นภาพชัดเลยครับ

เวลาผมกลับบ้านสวนก็แวะซื้อกุ้งแห้ง
ปลาทะเลแห้ง และอาหารกระป๋องกับอาหารสำเร็จรูปไปฝากพ่อแม่
เพราะให้เงินท่านไม่ค่อยได้ใช้เก็บอย่างเดียวเหมือนเฮียเล่าเรื่องคุณแม่ซื้อพ๊อตเก็ตบุ๊คเลยครับ

เวลาผมจะกลับ
คุณแม่คุณพ่อก็จะเก็บมะม่วง ชมพู และผลไม้ในสวนมาใส่รถให้
ถ้าไปซื้อเขาก็คงไม่กี่บาท
แต่นี่ท่านยังรักเรา ลูกไม่เคยโตสำหรับพ่อ-แม่เลย
ถ้าท่านป้อนข้าวป้อนขนมให้เราได้ท่านก็คงจะป้อนเหมือนตอนเด็กๆครับ

พี่ประจวบ
เอากลอนดีดี มาฝาก
ขอบคุณครับ