ผู้มีความมั่งคั่งสูงระมัดระวังการลงทุนเพิ่มขึ้น/วิวรรณ
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 23, 2019 8:43 pm
สวัสดีค่ะ ทุกๆปีหลังเดือนมีนาคม และเดือนมิถุนายน จะมีงานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีความมั่งคั่งสูงออกมา โดยหลังเดือนมีนาคมจะเป็นงานวิจัยของ ไนท์แฟรงค์ และหลังเดือนมิถุนายน เป็นงานวิจัยของ แคปเจมิไน
วันนี้ขอเขียนถึงรายงานของไนท์แฟรงค์ก่อนนะคะ นอกจากงานวิจัยเรื่องสภาวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆตามปกติแล้ว ไนท์แฟรงค์จะสอบถามความเห็นของผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มอภิมหาเศรษฐี คือมีความมั่งคั่งเกินกว่า 30 ล้านเหรียญ ขึ้นไป (มากกว่า 960 ล้านบาท)
เมื่อปลายปี 2561 พอร์ตการลงทุนของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้จากทั่วโลก มีค่าเฉลี่ยการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆดังนี้ค่ะ ลงทุนในหุ้นทุน 27% อสังหาริมทรัพย์ 21% พันธบัตรและตราสารหนี้ 20% เงินสด เงินฝาก ตลาดเงิน 17% หุ้นนอกตลาด 7% การลงทุนในของหรูหรา เช่น ศิลปะ ไวน์ รถหรู ฯลฯ 4% ทองคำ 2% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ 2%
ผู้ลงทุนในเอเชีย มีการลงทุนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของโลกมากค่ะ จะต่างตรงที่มีหุ้นน้อยกว่า 2% โดยไปเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์แทน และมีพันธบัตรมากกว่า คือมีการลงทุน 24% โดยมีการลงทุนในหุ้นนอกตลาด และของหรูหราน้อยกว่าเฉลี่ยของโลก
การลงทุนสะท้อนถึงความรู้สึกและการคาดการณ์ไปข้างหน้าของผู้ลงทุน ผู้มีความมั่งคั่งสูงในละตินอเมริกาซึ่งเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา จะมีการจัดสรรการลงทุนในหุ้นทุนเป็นสัดส่วนน้อย คือประมาณ 12% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 27% ของเอเชียที่ 25% ของออสเตรเลียที่ 35% และของอเมริกาเหนือที่ 40%
การวิจัยยังสอบถามถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดิฉันเห็นว่าน่าสนใจค่ะ โดยเฉลี่ย ผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้ มีที่อยู่อาศัยกัน 3.4 หลัง (รวมบ้านหลักที่อาศัยอยู่ด้วย) โดยละตินอเมริกา มีจำนวนหลังเฉลี่ยสูงที่สุดคือ 4.71 หลัง ในขณะที่ออสเตรเลีย มีน้อยที่สุดคือ เฉลี่ย 2.71 หลัง และเอเชียของเรามีกลางๆ คือ 3.92 หลังค่ะ
ในจำนวนนี้กลุ่มที่มีอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศเป็นสัดส่วนสูงที่สุดคือ ตะวันออกกลาง ซึ่งผู้มีความมั่งคั่งสูงที่มีบ้านอยู่นอกประเทศของตนเองมีสัดส่วนถึง 74% รองลงมาเป็นละตินอเมริกา 65% ผู้มีความมั่งคั่งสูงชาวเอเชีย มีบ้านอยู่นอกประเทศ 35% และที่มีน้อยที่สุดคือ ออสเตรเลีย ซึ่งมีผู้มีความมั่งคั่งสูงเพียง 15% ที่มีบ้านอยู่นอกประเทศ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลก มีสัดส่วน 42% ที่มีบ้านอยู่นอกประเทศของตนเอง
แหล่งที่อยู่อาศัยยอดฮิตของโลกที่ผู้มีความมั่งคั่งสูงนิยมซื้อไว้ ก็จะมีชื่อซ้ำๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สเปน แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสำหรับคนเอเชีย มีชื่อสิงคโปร์ติดเข้ามาด้วยค่ะ
ในเรื่องการมองสถานการณ์ข้างหน้าในปี 2562 นี้ ผู้มีความมั่งคั่งสูงส่วนใหญ่จะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนขึ้น โดย 57% ของผู้มีความมั่งคั่งสูงในอัฟริกา กลัวความเสี่ยงมากขึ้นในปีนี้ ในรัสเซียมี 42% อเมริกาเหนือมี 41% ละตินอเมริกามี 40% เอเชียและตะวันออกกลางมี 39% ยุโรปมี 38% และออสเตรเลียมี 34%
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่มองโลกในแง่ดี และกลัวความเสี่ยงน้อยลงในเอเชีย มีเป็นสัดส่วนสูงถึง 42% และในละตินอเมริกาก็มีกลุ่มที่กลัวความเสี่ยงน้อยลง 40% คือมองว่าปี 2562 น่าจะดีกว่าปี 2561 ค่ะ
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเห็นการดำเนินการและการจัดการต่างๆดีขึ้น โดยมีถึง 69% มองว่าโลกเตรียมการได้ดีขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป
ดูๆแล้วก็น่าจะสอดคล้องกับประมาณการของไอเอ็มเอฟที่ว่า โอกาสที่โลกจะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ที่เรียกกันว่า Hard Landing น่าจะลดน้อยลง เพราะธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ก็พยายามใช้นโยบายการเงินอย่างระมัดระวังและให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ท้ายที่สุด ท่านผู้อ่านอาจจะอยากทราบว่า ผู้มีความมั่งคั่งสูงที่เข้าข่ายอยู่เมืองไทยกันสักกี่คน ทางไนท์แฟรงค์ประมาณว่า ในปี 2556 เรามีเศรษฐีเงินล้านเหรียญ (ประมาณ 35 ล้านบาทในขณะนั้น) 56,000 คน คาดว่าในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 61, 247 คน และเพิ่มเป็น 64,131 คนในปี 2561 และจะเพิ่มเป็น 80,875 คนในปี 2566
สำหรับอภิมหาเศรษฐี คือมีความมั่งคั่ง 30 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป (มากกว่า 960 ล้านบาท) คาดว่าประเทศไทยมี 527 คนในปี 2556 เพิ่มเป็น 600 คนในปี 2560 และ 631 คนในปี 2561 สำหรับในปี 2566 นั้น คาดว่าจะมีอภิมหาเศรษฐีในไทยจำนวน 814 คนค่ะ
ท่านที่สนใจรายละเอียด สามารถตามอ่านได้ในรายงาน The Wealth Report 2019 ของไนท์แฟรงค์ค่ะ หาไม่ยากค่ะ แต่อ่านยากหน่อย เพราะมีถึง 93 หน้าค่ะ
พบกันใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนะคะ
วันนี้ขอเขียนถึงรายงานของไนท์แฟรงค์ก่อนนะคะ นอกจากงานวิจัยเรื่องสภาวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆตามปกติแล้ว ไนท์แฟรงค์จะสอบถามความเห็นของผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มอภิมหาเศรษฐี คือมีความมั่งคั่งเกินกว่า 30 ล้านเหรียญ ขึ้นไป (มากกว่า 960 ล้านบาท)
เมื่อปลายปี 2561 พอร์ตการลงทุนของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้จากทั่วโลก มีค่าเฉลี่ยการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆดังนี้ค่ะ ลงทุนในหุ้นทุน 27% อสังหาริมทรัพย์ 21% พันธบัตรและตราสารหนี้ 20% เงินสด เงินฝาก ตลาดเงิน 17% หุ้นนอกตลาด 7% การลงทุนในของหรูหรา เช่น ศิลปะ ไวน์ รถหรู ฯลฯ 4% ทองคำ 2% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ 2%
ผู้ลงทุนในเอเชีย มีการลงทุนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของโลกมากค่ะ จะต่างตรงที่มีหุ้นน้อยกว่า 2% โดยไปเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์แทน และมีพันธบัตรมากกว่า คือมีการลงทุน 24% โดยมีการลงทุนในหุ้นนอกตลาด และของหรูหราน้อยกว่าเฉลี่ยของโลก
การลงทุนสะท้อนถึงความรู้สึกและการคาดการณ์ไปข้างหน้าของผู้ลงทุน ผู้มีความมั่งคั่งสูงในละตินอเมริกาซึ่งเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา จะมีการจัดสรรการลงทุนในหุ้นทุนเป็นสัดส่วนน้อย คือประมาณ 12% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 27% ของเอเชียที่ 25% ของออสเตรเลียที่ 35% และของอเมริกาเหนือที่ 40%
การวิจัยยังสอบถามถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดิฉันเห็นว่าน่าสนใจค่ะ โดยเฉลี่ย ผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้ มีที่อยู่อาศัยกัน 3.4 หลัง (รวมบ้านหลักที่อาศัยอยู่ด้วย) โดยละตินอเมริกา มีจำนวนหลังเฉลี่ยสูงที่สุดคือ 4.71 หลัง ในขณะที่ออสเตรเลีย มีน้อยที่สุดคือ เฉลี่ย 2.71 หลัง และเอเชียของเรามีกลางๆ คือ 3.92 หลังค่ะ
ในจำนวนนี้กลุ่มที่มีอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศเป็นสัดส่วนสูงที่สุดคือ ตะวันออกกลาง ซึ่งผู้มีความมั่งคั่งสูงที่มีบ้านอยู่นอกประเทศของตนเองมีสัดส่วนถึง 74% รองลงมาเป็นละตินอเมริกา 65% ผู้มีความมั่งคั่งสูงชาวเอเชีย มีบ้านอยู่นอกประเทศ 35% และที่มีน้อยที่สุดคือ ออสเตรเลีย ซึ่งมีผู้มีความมั่งคั่งสูงเพียง 15% ที่มีบ้านอยู่นอกประเทศ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลก มีสัดส่วน 42% ที่มีบ้านอยู่นอกประเทศของตนเอง
แหล่งที่อยู่อาศัยยอดฮิตของโลกที่ผู้มีความมั่งคั่งสูงนิยมซื้อไว้ ก็จะมีชื่อซ้ำๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สเปน แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสำหรับคนเอเชีย มีชื่อสิงคโปร์ติดเข้ามาด้วยค่ะ
ในเรื่องการมองสถานการณ์ข้างหน้าในปี 2562 นี้ ผู้มีความมั่งคั่งสูงส่วนใหญ่จะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนขึ้น โดย 57% ของผู้มีความมั่งคั่งสูงในอัฟริกา กลัวความเสี่ยงมากขึ้นในปีนี้ ในรัสเซียมี 42% อเมริกาเหนือมี 41% ละตินอเมริกามี 40% เอเชียและตะวันออกกลางมี 39% ยุโรปมี 38% และออสเตรเลียมี 34%
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่มองโลกในแง่ดี และกลัวความเสี่ยงน้อยลงในเอเชีย มีเป็นสัดส่วนสูงถึง 42% และในละตินอเมริกาก็มีกลุ่มที่กลัวความเสี่ยงน้อยลง 40% คือมองว่าปี 2562 น่าจะดีกว่าปี 2561 ค่ะ
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเห็นการดำเนินการและการจัดการต่างๆดีขึ้น โดยมีถึง 69% มองว่าโลกเตรียมการได้ดีขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป
ดูๆแล้วก็น่าจะสอดคล้องกับประมาณการของไอเอ็มเอฟที่ว่า โอกาสที่โลกจะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ที่เรียกกันว่า Hard Landing น่าจะลดน้อยลง เพราะธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ก็พยายามใช้นโยบายการเงินอย่างระมัดระวังและให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ท้ายที่สุด ท่านผู้อ่านอาจจะอยากทราบว่า ผู้มีความมั่งคั่งสูงที่เข้าข่ายอยู่เมืองไทยกันสักกี่คน ทางไนท์แฟรงค์ประมาณว่า ในปี 2556 เรามีเศรษฐีเงินล้านเหรียญ (ประมาณ 35 ล้านบาทในขณะนั้น) 56,000 คน คาดว่าในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 61, 247 คน และเพิ่มเป็น 64,131 คนในปี 2561 และจะเพิ่มเป็น 80,875 คนในปี 2566
สำหรับอภิมหาเศรษฐี คือมีความมั่งคั่ง 30 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป (มากกว่า 960 ล้านบาท) คาดว่าประเทศไทยมี 527 คนในปี 2556 เพิ่มเป็น 600 คนในปี 2560 และ 631 คนในปี 2561 สำหรับในปี 2566 นั้น คาดว่าจะมีอภิมหาเศรษฐีในไทยจำนวน 814 คนค่ะ
ท่านที่สนใจรายละเอียด สามารถตามอ่านได้ในรายงาน The Wealth Report 2019 ของไนท์แฟรงค์ค่ะ หาไม่ยากค่ะ แต่อ่านยากหน่อย เพราะมีถึง 93 หน้าค่ะ
พบกันใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนะคะ