MoneyTalk@SET3/3/62อาชีพการเงิน&VIรุ่นกลาง-ใหญ่มองหุ้นไทย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 03, 2019 9:32 pm
Moneytalk@SET 3/3/62
ช่วงที่ 1 “วางแผนการเงินส่วนบุคคลและบริหารการเงินองค์กรแบบมืออาชีพ”
1) ดร.สมจินต์ ศรไพศาล / บลจ.ทหารไทย - TMBAM
2) คุณ วิไลวรรณ ศรีสำรวล / CFO ผู้บริหารด้านการเงินมืออาชีพ
3) คุณ ศักดา สรรพปัญญาวงศ์/ CFP นักวางแผนการเงินมืออาชีพ
4) ดร.ณัฐวุฒิ เจนวิทยาโรจน์ / NIDA BUSINESS SCHOOL
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณดำเนินรายการ
จะเป็นมืออาชีพการเงินต้องเป็นอย่างไร?
ดร.สมจินต์
ต้องเริ่มจากการเข้าใจตลาดการเงินก่อน
ตลาดการเงินเป็นตลาดที่ทำให้ ผู้ต้องการระดมทุน เจอกับ ผู้มีเงินลงทุน
ในอดีตตลาดการเงินเป็นของ ธนาคาร มีขอฝากเงินและมีคนขอกู้เงินธนาคาร
ต่อมาจะมีการลงทุนอีกรูปแบบ คือ วาณิชธนกิจ
ให้คนมาลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงิน และมีความเสี่ยงบางประการ
ตลาดการเงินจะทำหน้าที่ได้ดีต้องเชื่อมโยงผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
วิชาชีพทางการเงิน
- ผู้ลงทุนมีความต้องการตัวช่วย อยากรู้ข้อมูลหรือมูลค่าที่เหมาะสมของบริษัท
ก็จะต้องการนักวิเคราะห์มาช่วย
- ผู้ลงทุนอีกส่วนหนึ่งไม่ต้องการลงทุนเองโดยตรง จึงมีธุรกิจกองทุนรวม
และมี ผู้จัดการกองทุน ที่ตัดสินใจลงทุนแทนให้
- ผู้ระดมทุน ต้องมีผู้ช่วยคิดการตัดสินใจโครงสร้างทางการเงิน
เช่น เอาเงินสัดส่วนเท่าไรไปปันผล หรือไปลงทุนต่อ
จะมีกลุ่มนักการเงินที่ตำแหน่งสูงสุดคือ CFO(Chief Financial Officer)
- กลุ่มคนที่อยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 กลุ่มนี้ก็เรียกวาณิชธนกร (Investment Banker)
เช่น กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์
แต่ละอาชีพก็จำเป็นต้องมีทักษะสำคัญต่างกันไป
- นักวิเคราะห์ ต้องมีทักษะประเมินมูลค่า จะต้องเชี่ยวชาญในกลุ่มอุตสาหกรรม
มองอนาคตถึงความสามารถในการขาย ควบคุมค่าใช้จ่าย ทำกำไร
เพื่อชี้ให้เห็นว่าราคาหุ้นในตลาด ถูกหรือแพงไป
- ผู้จัดการกองทุน ต้องมีความคิดวิเคราะห์ ได้รับข้อมูลจากนักวิเคราะห์
และหลายครั้งก็ต้องลงไปวิเคราะห์เจาะลึกเอง
- CFO ต้องตัดสินใจด้านการเงิน รู้จักเครื่องมือทางการเงินต่างๆ
เช่น ระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่ม ซึ่งกระทบกับกำไรต่อหุ้น หรือระดมเป็นหนี้
จะทำให้มี leverage แต่มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม
นอกจากนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์เยอะกว่านักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุน
เพราะต้องคิดต่อไปให้บริษัทว่ามีอะไรที่เป็นไปได้บ้าง
- Investment Banker ต้องเป็นตัวกลางระหว่าง 2 ฝั่ง
บางบริษัทตั้งชื่อหน่วยงานว่า Corporate finance ทำหน้าที่เข้าไปดู
ความต้องการทางการเงินของบริษัทต่างๆ และดูว่าต้องพัฒนาไปทางไหน
เช่น เสนอให้ออกหุ้นกู้, หรือออกหุ้นสามัญเพราะระดับราคาตลาดกำลังดี,
เสนอแนวทาง M&A ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ,มีทักษะประเมินมูลค่าที่เฉียบคม
และมีทักษะการเจรจา เพราะ ต้องประเมินมูลค่า ออกตราสารและ
ไปขายให้กับ ผู้จัดการกองทุน
- Financial Planner ที่ครอบคลุมไปถึงการหาเงิน การก่อหนี้
การป้องกันความเสี่ยงในชีวิตการเงิน ซึ่งจะมองที่ตัวลูกค้าแต่ละคนเป็นหลัก
ความรู้จะไม่ได้ลึกไปในหุ้นแต่ละตัว แต่จะเป็นการจัดการบริหารทรัพย์สินหนี้สินโดยรวม
วุฒิที่เข้ามาชี้ว่าคนทำงานมีความรู้ความสามารถ
CFA เป็นวุฒิเกี่ยวกับการสร้างทักษะความเป็นนักวิเคราะห์ ใช้ได้กับอาชีพ
นักวิเคราะห์หุ้น,ผู้จัดการกองทุน, CFO, วาณิชธนกิจ
CFP เป็นวุฒิเกี่ยวกับการแนะนำผู้ลงทุนตอนสภาพชีวิต
ตามลักษณะความเสี่ยงและกระแสเงิน
คุณวิไลวรรณ
เรียนป.ตรี บัญชีธรรมศาสตร์ เรียนป.โท นิด้า ทำให้มีความรู้การเงินทำ CFO ได้
ซึ่งจะเรียนด้านบริหารก็สามารถทำงาน CFO ด้วย
แต่อย่างน้อยควรเรียนให้เข้าใจการจัดการธุรกิจ
งานหลักของ CFO
ด้านบัญชี - จัดเตรียมงบการเงิน ให้ผู้เกี่ยวข้องใช้
และสอดคล้องกับมาตรฐานบัญชีที่ถูกต้อง และโปร่งใส
, ช่วยสนับสนุนองค์กรเพื่อบริหาร, ช่วยวางระบบ Internal control
ให้มีการบริหารงานที่ดี โปร่งใส ลดความเสี่ยงบริษัท (Controller)
ด้านการเงิน – ดูแลให้มีสุชภาพการเงินที่ดี ช่วยสนับสนุนแผนระยะสั้น
และระยะยาวให้บริษัท ดูว่าหาเงินภายในได้เพียงพอไหม
หรือหาจากภายนอก ต้องเจอ bank, investment banker
หรือหาเครื่องมือที่ช่วยในการเพิ่มมูลค่าให้บริษัทได้ดีที่สุด
รวมถึงลดความเสี่ยงด้านการเงินอย่าให้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง บริหารเงินทุนระยะสั้นระยะยาว
ด้าน Compliance- การปฏิบัติตามกฏ มาตรฐานบัญชี, Governance ของ Bank
ด้าน Risk management – บริหารความเสี่ยงให้องค์กร
ด้าน Investor relation - ต้องสื่อสารเป็น ให้นักลงทุนระดมทุน หรือให้ธนาคารปล่อยกู้ให้
ระยะหลังงาน CFO จะถูกคาดหวังให้เป็น Business partner
หรือเป็นเพื่อนคู่คิดกับฝ่ายปฏิบัติการช่วยวางแผน
ตัดสินใจให้บริษัทอยู่ได้อย่างยั่งยืน
จึงต้องรู้เรื่อง Technology ต่างๆเข้ามาช่วยจัดการงาน Routine
สรุปงาน CFO ช่วยรักษามูลค่ากิจการ รวมถึงเพิ่มมูลค่าโดยการช่วยเป็น advisor ให้กับ CEO
เคยอ่านผล Survey 1 ใน 4 จบบัญชี ส่วนใหญ่จบการเงินหรือบริหารธุรกิจ
คุณศักดา
หลังเรียนจบที่นิด้าเคยอยากเป็นอาจารย์
แต่ด้วยอุปสรรคส่วนตัวบางอย่างจึงได้เข้าไปทำงานประจำกับอ.สมจินต์
ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยทำให้มีวันนี้ได้
ระหว่างที่ทำงานก็เก็บเงินและวางแผนการเงิน โดยได้ทำเพจให้ความรู้
รวมถึงสอนด้านการเงินฟรีใน youtube
หลังจากทำไประยะหนึ่ง พบว่าการให้ความรู้อย่างเดียว
ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คน 100 คนที่เรียนจะทำได้เอง 10 คน
ที่เหลือแค่เรียน หรือฟังเพลินๆ
จึงมาคิดต่อว่า ทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าพาทำไปได้ด้วยน่าจะยิ่งดี เพราะบางอย่างคนเรารู้ว่า ควรทำ แต่ทำไม่ได้
เหตุผลจาก วินัย หรือจิตวิทยาของคน เช่น คนรู้ว่า การลงทุนระยะยาวให้ผลตอบแทนดี
ทำน้อยได้ผลเยอะ แต่พอถือหุ้นแล้วราคาตกคนก็รีบขายทิ้ง หรือไม่เชื่อแนวคิดนี้
จึงเป็นที่มาให้ปรับสิ่งที่ทำเป็นการช่วยวางแผนการเงิน
หรือเปรียบเทียบว่าเป็น CFO ของการวางแผนการเงินรายบุคคล
เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดชีวิตการเงินของคน
- เรียบจบ ทำงานที่ไหน มีรายได้แค่ไหน กับ Life style
- ควรซื้อรถ ซื้อบ้านหรือเช่าบ้านไหม
- เมื่อซื้อแล้วกู้ที่ไหน เปรียบเทียบดอกเบี้ยอย่างไร
- การกู้ใช้ที่เดิมไปตลอดไหม หรือ refinance อย่างไร
- แต่งงาน จัดแบบไหนได้ ที่เหมาะสมกับฐานะ
- พอจะมีลูกวางแผนอย่างไร
- วางแผนเกษียณ หรือ early retire ได้ไหม
- จากโลกนี้ไปมี ทำบัญชีทรัพย์สินไหม มีลำดับในการส่งต่อ หรือพินัยกรรมต้องทำไหม
ระหว่างทางก็จะมีสินค้าการเงิน เช่น เงินฝาก สินเชื่อ บัตรเครดิต เงินกู้บ้าน หุ้น
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเน็จบำนาญราชการ ประกันสังคม ภาษี
เล่ากลับไปที CFA ตอนนั้นสอบผ่าน Level 2 เริ่มรู้สึกว่าจะสอบต่อต้องลงลึกไปเรื่อยๆ
ไม่สนุกเหมือนการได้รู้กว้างๆ อย่างที่ได้วางแผนการเงินให้กับคน
ได้เห็นชีวิตชาวบ้าน ความลำบาก ความพยายาม
คนที่ประสบความสำเร็จทั้งอายุวัยต้นๆ หรือคนวัยปลายๆ
ได้เรียนรู้วิธีคิด หรือปัญญาของแต่ละบุคคล ได้เห็นข้อมูลเขาต่างๆ
ทำให้เราได้เติบโตขึ้น ปลงมากขึ้น
คนส่วนใหญ่ได้วางแผนการเงินอาจจะไม่ได้รวยเลย แต่จะได้เห็นทาง
อาชีพ CFP ถ้าในต่างประเทศ ทำออกมาเป็นแผนการเงินเป็นฉบับออกมา
ก็จะมีการเรียกเก็บเงินเหมือนเป็นค่าคำปรึกษา ส่วนใหญ่จะคิดเป็น % ตามมูลค่าทรัพย์สิน
แต่ที่ฝั่ง Asia ไม่น่าจะเก็บได้ เพราะมองว่ามีการซื้อผลิตภัณฑ์ก็คิดรายได้อยู่แล้ว
A-Avenger มีรายได้จากผลิตภัณฑ์พออยู่ได้ แต่ยังไม่ได้กำไร
โดยปกติ นักวางาแผนการเงินจะไปเป็น partner กับ คนที่ออกผลิตภัณฑ์
แต่ถ้าในฝั่งที่ไม่ใช่ Asia จะมีคนที่ประกาศไม่เป็น partner กับใครเพื่อความเป็นกลาง
อย่าง กองทุนรวม 1 ล้านบาท ทางเราจะได้ 2-3 พันบาทถ้าอยู่ครบปี
แต่ในชีวิตจริงก็วางแผนการเงินครั้งหนึ่งอาจซื้อกองทุน 5 พันบาท
ทั้งนี้ขึ้นกับ Business model ของแต่ละบริษัทว่าจะอยู่รอดแบบไหน
อย่างรายได้ที่ทำอยู่ สมมติคนหนึ่งคนมีเงินเกษียณราว 10 ล้านบาท
นักวางแผนการเงิน 1 คนสามารถดูแล 100 คน
ถ้าพาคนไปเกษียณได้ที่ 10 ล้านบาทก็คิดเป็นมูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท
ถ้าได้ส่วนแบ่งล้านละ 2 พันบาท ก็จะมีรายได้ 2 ล้านบาทต่อปี
ก็เป็นรายได้ที่ดี และค่อนข้าง passive
การทำหน้าที่วางแผนการเงินได้ต้องมีใบอนุญาต จากผู้กำกับดูแล
เช่น การลงทุน-กลต,, ประกันภัย – คปภ.
ยกเว้นเรื่องที่ไม่มีการกำกับดูแล เช่น รีไฟแนนซ์บ้าน
ก็ไปช่วยดูแลได้เหมือน consult ธุรกิจ
งานสาย CFP ก็มีงานประจำ แต่ไม่ได้เป็นการวางแผนการเงินเต็มรูปแบบ
อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงิน คือ Private wealth management
ซึ่งมีแทบทุกธนาคาร โดยเฉพาะยุคที่ AI เข้ามาทดแทนตำแหน่งงานนี้ก็ยังเติบโตอยู่
รวมถึง startup หลายแห่ง เช่น มีบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายลงทุน
อ.ณัฐวุฒิ
ที่นิด้าจะมีเฉพาะระดับปริญญาโทขึ้นไป คณะบริหารธุรกิจจะมีระดับปริญญาเอก
คนมาเรียน major finance, marketing, MIS จะรับปริมาณไม่เยอะ
โดยหวังว่าคนที่จบจะเป็นนักวิชาการหรืออาจารย์ต่อ
หลักสูตร MBA มีแยกตามกลุ่ม
1) International และหลักสูตรภาษาอังกฤษต่างๆ
2) Functional MBA เช่น Flexible MBA เรียนเสาร์,อาทิตย์ /Regular program
เรียนภาคกลางวัน/Executive MBA เน้นผู้บริหารระดับสูง
หรือคนทำงานอยู่แล้วเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ/Young executive MBA
สำหรับผู้บริหารระดับต้นที่จะก้าวต่อไป
3) หลักสูตรการเงิน Master of science financial management and risk management
เป็นเกี่ยวข้องการเงิน การลงทุน และบริหารความเสี่ยงโดยตรง
เรียนจบไปแล้วเป็นนักวิเคราะห์,ผู้จัดการกองทุน หรือบริหารความเสี่ยงในองค์กร
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาหุ้น/ราคาน้ำมันเปลี่ยนเร็วมาก
เราจึงสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ และมีพาไปศึกษาที่ Indiana university ด้วย
และอีกวัตถุประสงค์คือทำให้มีความพร้อมในการสอบและได้รับใบ certificate CFA/FRM ด้วย
ทั้งเนื้อหาวิชาจะใช้จาก CFA series เกือบทั้งหมด และอาจารย์ผู้สอนก็ผ่าน certificate ส่วนนี้
รวมถึงเราเป็น Partner กับ CFA/CFP มีทุนให้เปล่าในการสอบ CFA ถ้าสามารถสอบได้ผ่าน
นอกจากนี้จะเปิดหลักสูตรปริญญาโทเพิ่มที่กว้างขึ้นมา สำหรับคนที่ต้องการความรู้ทางการเงิน
เพื่อที่จะทำวิชาชีพ หรือเพื่อรู้ Product ทางการเงิน
รวมถึงคนที่อยากเรียนการเงินเพื่อบริหารจัดการต่างๆ
คือ สาขาการลงทุนทางการเงินองค์กรและการบริหารความเสี่ยง
ระยะเวลาเรียน 1.5 ปี จะได้เรียนความรู้พื้นฐานทางการเงิน,บัญชี,เศรษฐศาสตาร์,สถิติ,ตราสารการเงิน
สามารถเลือกต่อว่าจะไปเรียนต่อด้านที่สนใจ investment bank, corporate ,
การบริหารการเงิน,การวิเคราะห์, financial risk management, credit risk management ,
วางแผนการเงิน หรือ จิตวิทยาการเงิน
วางแผนเปิดเดือน สิงหาคม 62 เปิดรับสมัครกลางเดือน มี.ค.62 เป็นต้นไป
เรียนภาษาไทย ค่าเรียน 3 แสนบาท จบปริญญาตรีด้านไหนก็ได้ วางแผนจะมีทุนให้ 1-2 ทุน
สนใจติดต่อได้ทางเวบไซต์นิด้า
โลกการเงินทุกวันนี้เปลี่ยนไปเยอะไหม?
ดร.สมจินต์ วิธีคิดน่าจะยังใช้ได้อยู่ แต่ต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ
CFA,CFP,CFO, งานด้าน Risk management รายได้ผลตอบแทนอันไหนดีกว่ากัน?
ดร.สมจินต์ โดยทั่วไปมาจากเรา add value ให้ใครได้เท่าไร
สมัยก่อนเคยได้ยินคนพูดว่า ถ้าหากเป็นหมอจะรายได้ดี เต้นกินรำกินรายได้น้อย
แต่โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ดาราเก่งๆ นักกีฬาเก่งๆ รายได้ดีกว่าหมอ เพราะตอบสนองคนได้ดีกว่า
ถ้าตอบตรงๆ ทุกอาชีพตอนเริ่มต้นรายได้อาจต่างกันไม่มาก อยู่ที่จะไต่ขึ้นไปได้ถึงไหน
อย่าง CFO ถ้าองค์กรใหญ่รายได้มาก รวมถึงอาจไต่ขึ้นไปเป็น CEO ได้ด้วย
ถ้าเป็น CFA ที่เป็น analyst เก่งมากๆ จะถามอุตสาหกรรมหนึ่งต้องมาหาคนนี้
ชี้ได้ว่าโอกาสความเสี่ยงเป็นอย่างไร
ถ้าได้ข้อมูลจากคนนี้แล้วทำผลตอบแทนได้ ก็น่าจะมีผลตอบแทนที่ดีมาก
เป็นบันไดอาชีพในช่วงต้นต้องมีความรู้วิชาการ
แต่ต่อไปต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการ ทำงานร่วมกับคนอื่น
การสื่อสาร และนำองค์กรสู่ความสำเร็จได้
ในสาย CFP มองว่า revenue model จะออกไปเหมือนนักขายประกันที่ประสบความสำเร็จ
คือ สร้างอาณาจักร ขยายธุรกิจนี้ได้ใหญ่ หรือโน้มน้าวให้ลูกค้ารายใหญ่มาใช้บริการ
ที่สำคัญคือ เรารักงานนั้นไหม มีความสุขกับงานหรือเปล่า – ฉันทะ –
inspirational joy ในการทำงานนั้นหรือเปล่า เป็นคำถามในการเลือกสายอาชีพ
ซึ่งแต่ละสายอาชีพก็ต้องการทักษะและรายงานคนที่ต่างกัน
มีเรื่องเล่า คริสโตเฟอร์ เรน เป็นสถาปนิคที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ
คศ.1700 เขาเดินตรวจงานสร้างวิหาร และถามคนงานว่าทำอะไร?
คนแรกตอบว่ากำลังตัดหิน
คนสองตอบทำงานแลกเงิน
คนสามตอบทำงานให้คริสโตเฟอร์ เรน สร้างวิหารให้พระจ้า
มีเพียงคนที่สาม ที่เข้าใจว่า เขาทำงานให้นาย และนายของนาย
ซึ่งมีเพียงคนนี้ที่มีวิสัยทัศน์ที่จะเติบโต
เช่น นักวิเคราะห์ นายโดยตรงคือหัวหน้า/เจ้าของบริษัท
เราจะเข้าใจว่าวิหารที่เราต้องการคืออะไร งานแต่ละงานจะสนุก
และถ้าเรารู้นายของเราต้องการส่งมอบอะไร
ก็จะเพิ่มความสำเร็จ และป้องกันความผิดพลาด
ถ้าเป็นนักวิเคราะห์ จะออกบทความพูดถึงบริษัทหนึ่ง
และบริษัทไป underright บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งประเมินแล้วว่าหุ้นนี้ต้องขาย
จะมี conflict of interest แล้วว่าจะเขียนเชียร์หุ้นนี้ไหม
ซึ่งถ้าเราเข้าใจว่าลูกค้าของนายคือนักลงทุน เราก็ต้องเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุด
ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
มีเหตุการณ์ตอนที่อ.ไพบูลย์โทรมา บอกว่าคุณเอ อยากเข้ามาช่วยงาน
ซึ่งได้เจอที่ตลาดหลักทรัพย์ เอประกวด young financial star award
ก็ประทับใจและคิดว่าถ้าได้มาเป็นเพื่อนร่วมงานก็ดี
ในการเข้าสู่วิชาชีพ เรามีโอกาสทำอะไรหลายๆ อย่าง
ถ้าทำให้เต็มที่ เต็มความสามารถ โอกาสต่างๆ จะเปิดให้เรา
CFO เงินดีมาก แต่งานหนักมาก ถ้ามีลูกหลานจะให้ทำด้านนี้ไหม?
คุณวิไลวรรณ ต้องสนับสนุนที่อ.สมจินต์บอก ว่าใจรักไหม
ทุกงานตำแหน่งสูงหนักทั้งนั้น ถ้ามองผลตอบแทน เป็นอาชีพหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดี
โดยเฉพาะที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ต้องมี CFO อย่างน้อย 1 คนก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์
และมีประสบการณ์ 3-5 ปีด้านการเงิน
คนทั่วไปควรต้องเรียน CFP ? จะโดน disruption ไหม?
คุณศักดา ถ้ามีความสนใจด้านการเงินอยู่แล้ว การลงทุนกับการศึกษาก็จำเป็น
ไม่ว่าจะเรียนตามหลักสูตรหรือ self study
ถ้าเรียนมาทางปฏิบัติมากกว่าวิจัยก็น่าจะตอบโจทย์คนทำวิชาชีพ
ส่วนเรื่อง disrupt ในต่างประเทศก็มีแนวโน้ม เช่น
การวิเคราะห์ เก็บข้อมูล ประมวลผล งาน computer ช่วยทำงานเบื้องต้นก่อนคนให้ได้
งานที่ติดต่อกับคนคงโดน disrupt ท้ายๆ
การคัดเลือกนักวางแผนการเงินเข้ามา คนที่สัมภาษณ์จะบอกว่า
เขารัก เขาทำงานที่ชอบ เราจะถามกลับว่า เขารู้ได้อย่างไรว่า รัก หรือชอบงานนี้
ให้เล่าให้ฟังหน่อย? ซึ่งจะพบว่าหลายครั้งเขาไม่สามารถเล่าให้ฟังได้
จึงอยากฝากให้น้องๆ เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวกับงานที่เราอยากทำ
เข้าไปทำสักระยะ ถ้ามันใช่เดี๋ยวก็รู้เอง ใช้ความได้เปรียบของการที่อายุไม่มาก
อย่าเพิ่งปักใจว่าจะเป็นอะไร
อ.ณัฐวุฒิ
ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์ในภาคปฏิบัติ
ซึ่งเราก็นำความต้องการมาสร้างเป็นวิชาการที่ควรรู้และหลักสูตรต่อไป
[To be continue Part 2 ]
ช่วงที่ 1 “วางแผนการเงินส่วนบุคคลและบริหารการเงินองค์กรแบบมืออาชีพ”
1) ดร.สมจินต์ ศรไพศาล / บลจ.ทหารไทย - TMBAM
2) คุณ วิไลวรรณ ศรีสำรวล / CFO ผู้บริหารด้านการเงินมืออาชีพ
3) คุณ ศักดา สรรพปัญญาวงศ์/ CFP นักวางแผนการเงินมืออาชีพ
4) ดร.ณัฐวุฒิ เจนวิทยาโรจน์ / NIDA BUSINESS SCHOOL
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณดำเนินรายการ
จะเป็นมืออาชีพการเงินต้องเป็นอย่างไร?
ดร.สมจินต์
ต้องเริ่มจากการเข้าใจตลาดการเงินก่อน
ตลาดการเงินเป็นตลาดที่ทำให้ ผู้ต้องการระดมทุน เจอกับ ผู้มีเงินลงทุน
ในอดีตตลาดการเงินเป็นของ ธนาคาร มีขอฝากเงินและมีคนขอกู้เงินธนาคาร
ต่อมาจะมีการลงทุนอีกรูปแบบ คือ วาณิชธนกิจ
ให้คนมาลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงิน และมีความเสี่ยงบางประการ
ตลาดการเงินจะทำหน้าที่ได้ดีต้องเชื่อมโยงผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
วิชาชีพทางการเงิน
- ผู้ลงทุนมีความต้องการตัวช่วย อยากรู้ข้อมูลหรือมูลค่าที่เหมาะสมของบริษัท
ก็จะต้องการนักวิเคราะห์มาช่วย
- ผู้ลงทุนอีกส่วนหนึ่งไม่ต้องการลงทุนเองโดยตรง จึงมีธุรกิจกองทุนรวม
และมี ผู้จัดการกองทุน ที่ตัดสินใจลงทุนแทนให้
- ผู้ระดมทุน ต้องมีผู้ช่วยคิดการตัดสินใจโครงสร้างทางการเงิน
เช่น เอาเงินสัดส่วนเท่าไรไปปันผล หรือไปลงทุนต่อ
จะมีกลุ่มนักการเงินที่ตำแหน่งสูงสุดคือ CFO(Chief Financial Officer)
- กลุ่มคนที่อยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 กลุ่มนี้ก็เรียกวาณิชธนกร (Investment Banker)
เช่น กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์
แต่ละอาชีพก็จำเป็นต้องมีทักษะสำคัญต่างกันไป
- นักวิเคราะห์ ต้องมีทักษะประเมินมูลค่า จะต้องเชี่ยวชาญในกลุ่มอุตสาหกรรม
มองอนาคตถึงความสามารถในการขาย ควบคุมค่าใช้จ่าย ทำกำไร
เพื่อชี้ให้เห็นว่าราคาหุ้นในตลาด ถูกหรือแพงไป
- ผู้จัดการกองทุน ต้องมีความคิดวิเคราะห์ ได้รับข้อมูลจากนักวิเคราะห์
และหลายครั้งก็ต้องลงไปวิเคราะห์เจาะลึกเอง
- CFO ต้องตัดสินใจด้านการเงิน รู้จักเครื่องมือทางการเงินต่างๆ
เช่น ระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่ม ซึ่งกระทบกับกำไรต่อหุ้น หรือระดมเป็นหนี้
จะทำให้มี leverage แต่มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม
นอกจากนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์เยอะกว่านักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุน
เพราะต้องคิดต่อไปให้บริษัทว่ามีอะไรที่เป็นไปได้บ้าง
- Investment Banker ต้องเป็นตัวกลางระหว่าง 2 ฝั่ง
บางบริษัทตั้งชื่อหน่วยงานว่า Corporate finance ทำหน้าที่เข้าไปดู
ความต้องการทางการเงินของบริษัทต่างๆ และดูว่าต้องพัฒนาไปทางไหน
เช่น เสนอให้ออกหุ้นกู้, หรือออกหุ้นสามัญเพราะระดับราคาตลาดกำลังดี,
เสนอแนวทาง M&A ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ,มีทักษะประเมินมูลค่าที่เฉียบคม
และมีทักษะการเจรจา เพราะ ต้องประเมินมูลค่า ออกตราสารและ
ไปขายให้กับ ผู้จัดการกองทุน
- Financial Planner ที่ครอบคลุมไปถึงการหาเงิน การก่อหนี้
การป้องกันความเสี่ยงในชีวิตการเงิน ซึ่งจะมองที่ตัวลูกค้าแต่ละคนเป็นหลัก
ความรู้จะไม่ได้ลึกไปในหุ้นแต่ละตัว แต่จะเป็นการจัดการบริหารทรัพย์สินหนี้สินโดยรวม
วุฒิที่เข้ามาชี้ว่าคนทำงานมีความรู้ความสามารถ
CFA เป็นวุฒิเกี่ยวกับการสร้างทักษะความเป็นนักวิเคราะห์ ใช้ได้กับอาชีพ
นักวิเคราะห์หุ้น,ผู้จัดการกองทุน, CFO, วาณิชธนกิจ
CFP เป็นวุฒิเกี่ยวกับการแนะนำผู้ลงทุนตอนสภาพชีวิต
ตามลักษณะความเสี่ยงและกระแสเงิน
คุณวิไลวรรณ
เรียนป.ตรี บัญชีธรรมศาสตร์ เรียนป.โท นิด้า ทำให้มีความรู้การเงินทำ CFO ได้
ซึ่งจะเรียนด้านบริหารก็สามารถทำงาน CFO ด้วย
แต่อย่างน้อยควรเรียนให้เข้าใจการจัดการธุรกิจ
งานหลักของ CFO
ด้านบัญชี - จัดเตรียมงบการเงิน ให้ผู้เกี่ยวข้องใช้
และสอดคล้องกับมาตรฐานบัญชีที่ถูกต้อง และโปร่งใส
, ช่วยสนับสนุนองค์กรเพื่อบริหาร, ช่วยวางระบบ Internal control
ให้มีการบริหารงานที่ดี โปร่งใส ลดความเสี่ยงบริษัท (Controller)
ด้านการเงิน – ดูแลให้มีสุชภาพการเงินที่ดี ช่วยสนับสนุนแผนระยะสั้น
และระยะยาวให้บริษัท ดูว่าหาเงินภายในได้เพียงพอไหม
หรือหาจากภายนอก ต้องเจอ bank, investment banker
หรือหาเครื่องมือที่ช่วยในการเพิ่มมูลค่าให้บริษัทได้ดีที่สุด
รวมถึงลดความเสี่ยงด้านการเงินอย่าให้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง บริหารเงินทุนระยะสั้นระยะยาว
ด้าน Compliance- การปฏิบัติตามกฏ มาตรฐานบัญชี, Governance ของ Bank
ด้าน Risk management – บริหารความเสี่ยงให้องค์กร
ด้าน Investor relation - ต้องสื่อสารเป็น ให้นักลงทุนระดมทุน หรือให้ธนาคารปล่อยกู้ให้
ระยะหลังงาน CFO จะถูกคาดหวังให้เป็น Business partner
หรือเป็นเพื่อนคู่คิดกับฝ่ายปฏิบัติการช่วยวางแผน
ตัดสินใจให้บริษัทอยู่ได้อย่างยั่งยืน
จึงต้องรู้เรื่อง Technology ต่างๆเข้ามาช่วยจัดการงาน Routine
สรุปงาน CFO ช่วยรักษามูลค่ากิจการ รวมถึงเพิ่มมูลค่าโดยการช่วยเป็น advisor ให้กับ CEO
เคยอ่านผล Survey 1 ใน 4 จบบัญชี ส่วนใหญ่จบการเงินหรือบริหารธุรกิจ
คุณศักดา
หลังเรียนจบที่นิด้าเคยอยากเป็นอาจารย์
แต่ด้วยอุปสรรคส่วนตัวบางอย่างจึงได้เข้าไปทำงานประจำกับอ.สมจินต์
ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยทำให้มีวันนี้ได้
ระหว่างที่ทำงานก็เก็บเงินและวางแผนการเงิน โดยได้ทำเพจให้ความรู้
รวมถึงสอนด้านการเงินฟรีใน youtube
หลังจากทำไประยะหนึ่ง พบว่าการให้ความรู้อย่างเดียว
ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คน 100 คนที่เรียนจะทำได้เอง 10 คน
ที่เหลือแค่เรียน หรือฟังเพลินๆ
จึงมาคิดต่อว่า ทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าพาทำไปได้ด้วยน่าจะยิ่งดี เพราะบางอย่างคนเรารู้ว่า ควรทำ แต่ทำไม่ได้
เหตุผลจาก วินัย หรือจิตวิทยาของคน เช่น คนรู้ว่า การลงทุนระยะยาวให้ผลตอบแทนดี
ทำน้อยได้ผลเยอะ แต่พอถือหุ้นแล้วราคาตกคนก็รีบขายทิ้ง หรือไม่เชื่อแนวคิดนี้
จึงเป็นที่มาให้ปรับสิ่งที่ทำเป็นการช่วยวางแผนการเงิน
หรือเปรียบเทียบว่าเป็น CFO ของการวางแผนการเงินรายบุคคล
เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดชีวิตการเงินของคน
- เรียบจบ ทำงานที่ไหน มีรายได้แค่ไหน กับ Life style
- ควรซื้อรถ ซื้อบ้านหรือเช่าบ้านไหม
- เมื่อซื้อแล้วกู้ที่ไหน เปรียบเทียบดอกเบี้ยอย่างไร
- การกู้ใช้ที่เดิมไปตลอดไหม หรือ refinance อย่างไร
- แต่งงาน จัดแบบไหนได้ ที่เหมาะสมกับฐานะ
- พอจะมีลูกวางแผนอย่างไร
- วางแผนเกษียณ หรือ early retire ได้ไหม
- จากโลกนี้ไปมี ทำบัญชีทรัพย์สินไหม มีลำดับในการส่งต่อ หรือพินัยกรรมต้องทำไหม
ระหว่างทางก็จะมีสินค้าการเงิน เช่น เงินฝาก สินเชื่อ บัตรเครดิต เงินกู้บ้าน หุ้น
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเน็จบำนาญราชการ ประกันสังคม ภาษี
เล่ากลับไปที CFA ตอนนั้นสอบผ่าน Level 2 เริ่มรู้สึกว่าจะสอบต่อต้องลงลึกไปเรื่อยๆ
ไม่สนุกเหมือนการได้รู้กว้างๆ อย่างที่ได้วางแผนการเงินให้กับคน
ได้เห็นชีวิตชาวบ้าน ความลำบาก ความพยายาม
คนที่ประสบความสำเร็จทั้งอายุวัยต้นๆ หรือคนวัยปลายๆ
ได้เรียนรู้วิธีคิด หรือปัญญาของแต่ละบุคคล ได้เห็นข้อมูลเขาต่างๆ
ทำให้เราได้เติบโตขึ้น ปลงมากขึ้น
คนส่วนใหญ่ได้วางแผนการเงินอาจจะไม่ได้รวยเลย แต่จะได้เห็นทาง
อาชีพ CFP ถ้าในต่างประเทศ ทำออกมาเป็นแผนการเงินเป็นฉบับออกมา
ก็จะมีการเรียกเก็บเงินเหมือนเป็นค่าคำปรึกษา ส่วนใหญ่จะคิดเป็น % ตามมูลค่าทรัพย์สิน
แต่ที่ฝั่ง Asia ไม่น่าจะเก็บได้ เพราะมองว่ามีการซื้อผลิตภัณฑ์ก็คิดรายได้อยู่แล้ว
A-Avenger มีรายได้จากผลิตภัณฑ์พออยู่ได้ แต่ยังไม่ได้กำไร
โดยปกติ นักวางาแผนการเงินจะไปเป็น partner กับ คนที่ออกผลิตภัณฑ์
แต่ถ้าในฝั่งที่ไม่ใช่ Asia จะมีคนที่ประกาศไม่เป็น partner กับใครเพื่อความเป็นกลาง
อย่าง กองทุนรวม 1 ล้านบาท ทางเราจะได้ 2-3 พันบาทถ้าอยู่ครบปี
แต่ในชีวิตจริงก็วางแผนการเงินครั้งหนึ่งอาจซื้อกองทุน 5 พันบาท
ทั้งนี้ขึ้นกับ Business model ของแต่ละบริษัทว่าจะอยู่รอดแบบไหน
อย่างรายได้ที่ทำอยู่ สมมติคนหนึ่งคนมีเงินเกษียณราว 10 ล้านบาท
นักวางแผนการเงิน 1 คนสามารถดูแล 100 คน
ถ้าพาคนไปเกษียณได้ที่ 10 ล้านบาทก็คิดเป็นมูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท
ถ้าได้ส่วนแบ่งล้านละ 2 พันบาท ก็จะมีรายได้ 2 ล้านบาทต่อปี
ก็เป็นรายได้ที่ดี และค่อนข้าง passive
การทำหน้าที่วางแผนการเงินได้ต้องมีใบอนุญาต จากผู้กำกับดูแล
เช่น การลงทุน-กลต,, ประกันภัย – คปภ.
ยกเว้นเรื่องที่ไม่มีการกำกับดูแล เช่น รีไฟแนนซ์บ้าน
ก็ไปช่วยดูแลได้เหมือน consult ธุรกิจ
งานสาย CFP ก็มีงานประจำ แต่ไม่ได้เป็นการวางแผนการเงินเต็มรูปแบบ
อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงิน คือ Private wealth management
ซึ่งมีแทบทุกธนาคาร โดยเฉพาะยุคที่ AI เข้ามาทดแทนตำแหน่งงานนี้ก็ยังเติบโตอยู่
รวมถึง startup หลายแห่ง เช่น มีบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายลงทุน
อ.ณัฐวุฒิ
ที่นิด้าจะมีเฉพาะระดับปริญญาโทขึ้นไป คณะบริหารธุรกิจจะมีระดับปริญญาเอก
คนมาเรียน major finance, marketing, MIS จะรับปริมาณไม่เยอะ
โดยหวังว่าคนที่จบจะเป็นนักวิชาการหรืออาจารย์ต่อ
หลักสูตร MBA มีแยกตามกลุ่ม
1) International และหลักสูตรภาษาอังกฤษต่างๆ
2) Functional MBA เช่น Flexible MBA เรียนเสาร์,อาทิตย์ /Regular program
เรียนภาคกลางวัน/Executive MBA เน้นผู้บริหารระดับสูง
หรือคนทำงานอยู่แล้วเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ/Young executive MBA
สำหรับผู้บริหารระดับต้นที่จะก้าวต่อไป
3) หลักสูตรการเงิน Master of science financial management and risk management
เป็นเกี่ยวข้องการเงิน การลงทุน และบริหารความเสี่ยงโดยตรง
เรียนจบไปแล้วเป็นนักวิเคราะห์,ผู้จัดการกองทุน หรือบริหารความเสี่ยงในองค์กร
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาหุ้น/ราคาน้ำมันเปลี่ยนเร็วมาก
เราจึงสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ และมีพาไปศึกษาที่ Indiana university ด้วย
และอีกวัตถุประสงค์คือทำให้มีความพร้อมในการสอบและได้รับใบ certificate CFA/FRM ด้วย
ทั้งเนื้อหาวิชาจะใช้จาก CFA series เกือบทั้งหมด และอาจารย์ผู้สอนก็ผ่าน certificate ส่วนนี้
รวมถึงเราเป็น Partner กับ CFA/CFP มีทุนให้เปล่าในการสอบ CFA ถ้าสามารถสอบได้ผ่าน
นอกจากนี้จะเปิดหลักสูตรปริญญาโทเพิ่มที่กว้างขึ้นมา สำหรับคนที่ต้องการความรู้ทางการเงิน
เพื่อที่จะทำวิชาชีพ หรือเพื่อรู้ Product ทางการเงิน
รวมถึงคนที่อยากเรียนการเงินเพื่อบริหารจัดการต่างๆ
คือ สาขาการลงทุนทางการเงินองค์กรและการบริหารความเสี่ยง
ระยะเวลาเรียน 1.5 ปี จะได้เรียนความรู้พื้นฐานทางการเงิน,บัญชี,เศรษฐศาสตาร์,สถิติ,ตราสารการเงิน
สามารถเลือกต่อว่าจะไปเรียนต่อด้านที่สนใจ investment bank, corporate ,
การบริหารการเงิน,การวิเคราะห์, financial risk management, credit risk management ,
วางแผนการเงิน หรือ จิตวิทยาการเงิน
วางแผนเปิดเดือน สิงหาคม 62 เปิดรับสมัครกลางเดือน มี.ค.62 เป็นต้นไป
เรียนภาษาไทย ค่าเรียน 3 แสนบาท จบปริญญาตรีด้านไหนก็ได้ วางแผนจะมีทุนให้ 1-2 ทุน
สนใจติดต่อได้ทางเวบไซต์นิด้า
โลกการเงินทุกวันนี้เปลี่ยนไปเยอะไหม?
ดร.สมจินต์ วิธีคิดน่าจะยังใช้ได้อยู่ แต่ต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ
CFA,CFP,CFO, งานด้าน Risk management รายได้ผลตอบแทนอันไหนดีกว่ากัน?
ดร.สมจินต์ โดยทั่วไปมาจากเรา add value ให้ใครได้เท่าไร
สมัยก่อนเคยได้ยินคนพูดว่า ถ้าหากเป็นหมอจะรายได้ดี เต้นกินรำกินรายได้น้อย
แต่โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ดาราเก่งๆ นักกีฬาเก่งๆ รายได้ดีกว่าหมอ เพราะตอบสนองคนได้ดีกว่า
ถ้าตอบตรงๆ ทุกอาชีพตอนเริ่มต้นรายได้อาจต่างกันไม่มาก อยู่ที่จะไต่ขึ้นไปได้ถึงไหน
อย่าง CFO ถ้าองค์กรใหญ่รายได้มาก รวมถึงอาจไต่ขึ้นไปเป็น CEO ได้ด้วย
ถ้าเป็น CFA ที่เป็น analyst เก่งมากๆ จะถามอุตสาหกรรมหนึ่งต้องมาหาคนนี้
ชี้ได้ว่าโอกาสความเสี่ยงเป็นอย่างไร
ถ้าได้ข้อมูลจากคนนี้แล้วทำผลตอบแทนได้ ก็น่าจะมีผลตอบแทนที่ดีมาก
เป็นบันไดอาชีพในช่วงต้นต้องมีความรู้วิชาการ
แต่ต่อไปต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการ ทำงานร่วมกับคนอื่น
การสื่อสาร และนำองค์กรสู่ความสำเร็จได้
ในสาย CFP มองว่า revenue model จะออกไปเหมือนนักขายประกันที่ประสบความสำเร็จ
คือ สร้างอาณาจักร ขยายธุรกิจนี้ได้ใหญ่ หรือโน้มน้าวให้ลูกค้ารายใหญ่มาใช้บริการ
ที่สำคัญคือ เรารักงานนั้นไหม มีความสุขกับงานหรือเปล่า – ฉันทะ –
inspirational joy ในการทำงานนั้นหรือเปล่า เป็นคำถามในการเลือกสายอาชีพ
ซึ่งแต่ละสายอาชีพก็ต้องการทักษะและรายงานคนที่ต่างกัน
มีเรื่องเล่า คริสโตเฟอร์ เรน เป็นสถาปนิคที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ
คศ.1700 เขาเดินตรวจงานสร้างวิหาร และถามคนงานว่าทำอะไร?
คนแรกตอบว่ากำลังตัดหิน
คนสองตอบทำงานแลกเงิน
คนสามตอบทำงานให้คริสโตเฟอร์ เรน สร้างวิหารให้พระจ้า
มีเพียงคนที่สาม ที่เข้าใจว่า เขาทำงานให้นาย และนายของนาย
ซึ่งมีเพียงคนนี้ที่มีวิสัยทัศน์ที่จะเติบโต
เช่น นักวิเคราะห์ นายโดยตรงคือหัวหน้า/เจ้าของบริษัท
เราจะเข้าใจว่าวิหารที่เราต้องการคืออะไร งานแต่ละงานจะสนุก
และถ้าเรารู้นายของเราต้องการส่งมอบอะไร
ก็จะเพิ่มความสำเร็จ และป้องกันความผิดพลาด
ถ้าเป็นนักวิเคราะห์ จะออกบทความพูดถึงบริษัทหนึ่ง
และบริษัทไป underright บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งประเมินแล้วว่าหุ้นนี้ต้องขาย
จะมี conflict of interest แล้วว่าจะเขียนเชียร์หุ้นนี้ไหม
ซึ่งถ้าเราเข้าใจว่าลูกค้าของนายคือนักลงทุน เราก็ต้องเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุด
ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
มีเหตุการณ์ตอนที่อ.ไพบูลย์โทรมา บอกว่าคุณเอ อยากเข้ามาช่วยงาน
ซึ่งได้เจอที่ตลาดหลักทรัพย์ เอประกวด young financial star award
ก็ประทับใจและคิดว่าถ้าได้มาเป็นเพื่อนร่วมงานก็ดี
ในการเข้าสู่วิชาชีพ เรามีโอกาสทำอะไรหลายๆ อย่าง
ถ้าทำให้เต็มที่ เต็มความสามารถ โอกาสต่างๆ จะเปิดให้เรา
CFO เงินดีมาก แต่งานหนักมาก ถ้ามีลูกหลานจะให้ทำด้านนี้ไหม?
คุณวิไลวรรณ ต้องสนับสนุนที่อ.สมจินต์บอก ว่าใจรักไหม
ทุกงานตำแหน่งสูงหนักทั้งนั้น ถ้ามองผลตอบแทน เป็นอาชีพหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดี
โดยเฉพาะที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ต้องมี CFO อย่างน้อย 1 คนก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์
และมีประสบการณ์ 3-5 ปีด้านการเงิน
คนทั่วไปควรต้องเรียน CFP ? จะโดน disruption ไหม?
คุณศักดา ถ้ามีความสนใจด้านการเงินอยู่แล้ว การลงทุนกับการศึกษาก็จำเป็น
ไม่ว่าจะเรียนตามหลักสูตรหรือ self study
ถ้าเรียนมาทางปฏิบัติมากกว่าวิจัยก็น่าจะตอบโจทย์คนทำวิชาชีพ
ส่วนเรื่อง disrupt ในต่างประเทศก็มีแนวโน้ม เช่น
การวิเคราะห์ เก็บข้อมูล ประมวลผล งาน computer ช่วยทำงานเบื้องต้นก่อนคนให้ได้
งานที่ติดต่อกับคนคงโดน disrupt ท้ายๆ
การคัดเลือกนักวางแผนการเงินเข้ามา คนที่สัมภาษณ์จะบอกว่า
เขารัก เขาทำงานที่ชอบ เราจะถามกลับว่า เขารู้ได้อย่างไรว่า รัก หรือชอบงานนี้
ให้เล่าให้ฟังหน่อย? ซึ่งจะพบว่าหลายครั้งเขาไม่สามารถเล่าให้ฟังได้
จึงอยากฝากให้น้องๆ เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวกับงานที่เราอยากทำ
เข้าไปทำสักระยะ ถ้ามันใช่เดี๋ยวก็รู้เอง ใช้ความได้เปรียบของการที่อายุไม่มาก
อย่าเพิ่งปักใจว่าจะเป็นอะไร
อ.ณัฐวุฒิ
ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์ในภาคปฏิบัติ
ซึ่งเราก็นำความต้องการมาสร้างเป็นวิชาการที่ควรรู้และหลักสูตรต่อไป
[To be continue Part 2 ]