ทำความรู้จักกับอินเดีย/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 12, 2019 9:38 pm
โค้ด: เลือกทั้งหมด
สวัสดีค่ะ ขอหลบความร้อนระอุทางการเมืองมาเรียนรู้เกี่ยวกับเพื่อนบ้านที่ไม่ไกลจากเรานัก และกำลังจะมีบทบาทสำคัญต่อโลกในช่วงต่อไปในฐานะแชมป์จำนวนประชากรสูงที่สุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สาธารณรัฐอินเดีย เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลก และเป็นถิ่นกำเนิดของศาสนาถึง 4 ศาสนาคือ ฮินดู พุทธ เจน และซิกค์ ซึ่งทั้งสี่ศาสนา มีผู้นับถือคิดเป็นหนึ่งในสี่ของประชากรโลกเลยทีเดียวค่ะ
Statista คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียในปี 2561 ที่ผ่านมา น่าจะสูงที่สุดในโลก คือ 7.36% ในขณะที่คาดการณ์ว่า ประเทศจีนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีที่แล้ว 6.56% และคาดว่า ใน 4 ปีข้างหน้า อินเดียจะสามารถเติบโตในอัตราสูงต่อไป คือ เติบโตในปี 2562 เท่ากับ 7.79% ปี 2563 ในอัตรา 7.92% ปี 2564 ในอัตรา 8.08% และ ปี 2565 ในอัตรา 8.15% ในขณะที่ประเทศจีนซึ่งมีฐานเศรษฐกิจใหญ่แล้ว จะเติบโตในอัตรา 6.56% ในปี 2561 ลดลงไปเป็น 6.41% 6.26% 6.0% และ 5.7% ในปี 2562 ถึง 2565 ตามลำดับ
ขนาดของเศรษฐกิจอินเดีย วัดโดยจีดีพี ในปี 2560 เท่ากับ 2.69 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 84.74 ล้านล้านบาท (เทียบกับของไทยในปี 2560 ที่ 455,000 ล้านเหรียญ) หรือกล่าวโดยคร่าวๆว่าอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าไทยเกือบ 6 เท่า และก็มีพื้นที่มากกว่าไทยประมาณ 6.3 เท่า คือมีพื้นที่ 3.287 ล้านตารางกิโลเมตร
ตามที่ดิฉันเขียนไปเมื่อ เดือนที่แล้ว ปัจจุบันอินเดียมีประชากร 1,362.3 ล้านคน (มากกว่าไทย 20 เท่า) อาศัยอยู่ใน 29 รัฐ กับอีก 7 เขตแดน เป็นประชากรวัยทำงาน 521.9 ล้านคน โดยเมืองที่มีประชากรสูงที่สุดในประเทศคือ เมืองหลวง หรือกรุงเดลี นั่นเองค่ะ มีประชากรถึง 28.51 ล้านคน รองลงมาคือมุมไบ หรือชื่อเดิมคือ บอมเบย์ เมืองท่าเก่าแก่ มีประชากร 19.98 ล้านคน เมืองโกลกาตา หรือชื่อเดิมคือ กัลกาตา เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก มีประชากร 14.68 ล้านคน
เมืองถัดๆไปเป็นเมืองที่เข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจยุคไอที คือ บังกาลอร์ เมืองเอกของรัฐกรณาฏกะ ซึ่งเมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็น ซิลิคอนเวลเลย์ของอินเดีย มีประชากร 11.44 ล้านคน และเมืองเชนไน หรือชื่อเดิมคือ เมือง มัทราส เป็นเมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู มีประชากร 10.45 ล้านคน และไฮเดอราบาด เมืองหลวงของรัฐเตลังคานา และรัฐอานธรประเทศ มีประชากร 9.48 ล้านคน
อัตราการรู้หนังสือของอินเดียเมื่อปี 2558 คือ 71.2% และอายุเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดคือ 69.1 ปี โดยสำหรับผู้ชายคือ 67.8 ปี และสำหรับผู้หญิงคือ 70.5 ปี
โครงสร้างประชากรของอินเดียตั้งแต่แรกเกิด ถึงวัยผู้ใหญ่ มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่พอถึงสูงวัยจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ ผู้หญิงอินเดียหนึ่งคนจะมีบุตรโดยเฉลี่ย 2.4 คน ทำให้ประชากรของอินเดียยังมีการเติบโตอยู่ และที่เคยเขียนไปคือ จะแซงหน้าจำนวนประชากรของจีนในปี 2568 นี้แล้วค่ะ
ประชากรของอินเดียตอนนี้ประมาณมากกว่าครึ่งเล็กน้อย อยู่ในภาคเกษตร แต่ภาคบริการเป็นตัวนำเศรษฐกิจค่ะ โดยมีบริการที่เด่นคือ บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจเอ้าท์ซอร์ส (รับทำงานธุรการให้) และซอฟแวร์ และแน่นอนว่าการท่องเที่ยวก็เป็นอีกภาคเศรษฐกิจหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต้องการไปสัมผัสอารยธรรมเก่าแก่ สีสัน และมนต์ขลังของอินเดีย
รายได้ภาคบริการมีสัดส่วนของจีดีพี ถึง 61.5% ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วน 23% โดยอุตสาหกรรมที่เด่นคือ สิ่งทอ เคมี อาหาร เหล็ก อุปกรณ์การคมนาคม ซีเมนต์ เหมืองแร่ ซอฟแวร์ และการเภสัชกรรม ส่วนอีก 15.4% ของเศรษฐกิจมาจากการเกษตร ซึ่งมีผลผลิตหลักๆคือ ข้าว ข้าวสาลี ฝ้าย ปอ ชา อ้อย ฯลฯ
ทราบมาว่า สำหรับคนอินเดียแล้ว สินค้าไทยเป็นสินค้าคุณภาพ คนอินเดียชอบค่ะ เช่นเดียวกับการชอบมาเที่ยวที่เมืองไทย และชื่นชอบอาหารไทย แต่หากวิเคราะห์ให้ละเอียด จะพบว่าคนไทยเข้าใจวิถีชีวิตและความนึกคิดของคนอินเดียไม่มากเท่าเข้าใจคนจีน เนื่องจากคนอินเดียที่อยู่ในเมืองไทย มักจะแต่งงานอยู่ในแวดวงคนอินเดีย หรือกลับไปหาเจ้าสาวที่ประเทศอินเดีย ต่างจากคนจีนที่แต่งงานกับคนไทยจนปัจจุบัน ลูกหลานกลายเป็นคนไทยไปหมดแล้ว
นอกจากข้อมูลการลงทุนโดยตรง (direct investment) ที่สามารถหาได้จาก กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และจากเว็บไซต์ของกรมฯที่ dft.go.th แล้ว แหล่งหนึ่งในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในอินเดีย คือที่เว็บไซต์ investindia.gov.in ค่ะ
สำหรับการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอ ประเทศไทยเรามีกองทุนรวมที่ไปลงทุนในอินเดียอยู่หลายกองทุน ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนรวมจะให้ความสะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากอินเดียมีตลาดหุ้นที่ได้รับใบอนุญาตถึง 26 แห่ง แต่มีเพียง 7 แห่งที่มีกิจกรรม และ 4 แห่งที่จดทะเบียนถาวรค่ะ เพียงตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (BSE) แห่งเดียว ก็มีหลักทรัพย์จดทะเบียนซื้อขายถึง 5,439 หลักทรัพย์ มูลค่าตลาด ณ 31 มกราคม 2562 เท่ากับ 2.404 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 75.726 ล้านล้านบาท เทียบเป็น 4 เท่าของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีขนาด 594,795 ล้านเหรียญสหรัฐค่ะ (ข้อมูลจาก World Federation of Exchanges)
ฝากข้อมูลพื้นฐานไว้ให้ท่านต่อยอดนะคะ