MoneyTalk@SET วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 03, 2019 11:56 pm
MoneyTalk@SET วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
ช่วง 1 หุ้นเด่น ต้องจับตา (กุมภา ปี ‘62 )
• บริษัท MTC โดย คุณชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTC
• บริษัท SEAFCO โดย คุณณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จักการใหญ่ SEAFCO
• บริษัท JUBILE โดย คุณอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JUBILE
ดำเนินรายการโดย อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และนายแพทย์ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิชย์
คำถามแรก เรื่อง อัพเดทธุรกิจ
คำถามทีสอง เรื่อง การเติบโตไปข้างหน้า และความเสี่ยงที่ต้องระวังในการลงทุน
### SEAFCO ###
หมอเค ถามว่า ช่วยเล่าธุรกิจของSeafcoอีกทีได้ไหมครับว่าปัจจุบันเรารับงานก่อสร้างประเภทไหนเป็นหลัก
คุณณรงค์เล่าให้ฟังว่า เราเป็นบริษัททำเสาเข็มเจาะที่เป็นเบอร์ หนึ่ง
ฝุ่น PM 2.5 มาจากการเผาป่า โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนฝุ่นจากงานก่อสร้างจะเป็น PM 10 แต่อาจจะส่งผลให้รถติด และเกิดฝุ่น PM 2.5 ได้ ปกติหน้างานก่อสร้างจะฉีดน้ำอยู่แล้ว เพื่อช่วยเหลือตามที่ กทม ขอความร่วมมือ
บริษัททำมา 45 ปี ทำเฉพาะเสาเข็มเจาะ และหล่อในที่อย่างเดียว ส่วนใหญ่รับงานตึกสูง รถไฟฟ้า ทางด่วน ในรอบหลายปี มีธุรกิจดีมาก แต่ปีที่แล้วอยู่ๆ Backlogกระโดดมาถึง 4,000 ล้านบาท ปกติเสาเข็มเจาะจะมีBacklogแค่ 1,000 ล้านบาทก็ดีมากแล้ว ที่งานเยอะเพราะไปรับงาน One Bangkok ซึ่งมีพื้นที่ 100 ไร่ ได้มา 3 ใน 4 ส่วน (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) รถไฟฟ้าสายสีส้ม รับเหมาต่อมาจาก CK (1,500 ล้านบาท) สายสีชมพูอีก
นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท SEAFCO ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา ผลประกอบการปีนี้จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว
หมอเคถามว่า ช่วยยกตัวอย่างงานที่เราทำมาในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา
คุณณรงค์ตอบว่า งานเก่าๆ ได้แก่ ตึกใบหยก ไอคอนสยาม ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
ส่วนโครงการใหม่ ได้แก่ One Bangkok ใช้เสาเข็มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 m. ยาว 90 m. (ราคาต้นละ 2-3 ล้านบาท) เป็นตัวอย่างงานที่ใช้เสาเข็มเทคโนโลยีใหม่
หมอเคถามต่อว่า ระดับงานที่เราทำ มีคนอื่นทำได้สักกี่คน และ เราต่างจากคนอื่นๆอย่างไร
คุณณรงค์ตอบว่า ทุกธุรกิจ ต้องมีคนอื่นทำตามขึ้นมาอยู่แล้ว สิ่งนี้จะช่วยเป็นตัวเปรียบเทียบว่า บริษัทเราทำงานดีกว่าคนอื่นอย่างไร โดยปกติแล้ว จะรับงานเองหลังจากการชนะเปิดซองประกวดราคา (ไม่ได้เหมางานต่อให้คนอื่น) เข็มมีมูลค่าประมาณ 7% ของงานทั้งโครงการ
หมอเค ถามเรื่องมูลค่าของเสาเข็มปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้วไหม
คุณณรงค์ เล่าว่า ภาพรวมของงานเสาเข็มปีน่าจะดีกว่าปีก่อนๆ แค่งานรถไฟเชื่อมสามสนามบิน ค่าเสาเข็มเป็นหมื่นล้านแล้ว ตอนนี้แค่มีคนมาปรึกษายังไม่ถึงขั้นตอนของงานเสาเข็ม แต่มองว่า ทางบริษัทคงมีส่วนร่วมในงานด้วย ได้ส่วนแบ่งเเค่สัก 30% ก็มีความสุขแล้ว
ส่วนตลาดคอนโด อาจจะกระทบระดับกลาง ล่าง แต่ระดับบนที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นตลาดของบริษัทอยู่แล้ว คงไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไร
อาจารย์เสน่ห์ถามว่า เราเป็นธุรกิจต้นน้ำ แต่งานอื่นๆเช่นปูกระเบื้องเราไม่เอา มีหนี้สูญมากน้อยแค่ไหน
คุณณรงค์ตอบว่า หนี้สูญน้อยมาก เคยมีสมัยต้มยำกุ้ง แต่งานสมัยยนี้ไม่ค่อยเจอหนี้สูญ
ผลประกอบการและความเสี่ยง
ปี 2560 เรามีการซื้อเครื่องมือเข้ามาและมีback log 4,000 ลบ มีgrowth 25%
ปี2561 รายได้ของ 3Q โตเท่ารายได้ปี 2560 ทั้งปี ดังนั้นการเติบโต30-35% จะมากกว่าปี 2560 คือ 25%
ปี2562 ทำงานเต็มมือตั้งแต่ไตรมาสแรก ขึ้นต้นมาสวยงามมาก คาดว่าทั้งปีน่าจะทำได้ถึง 3,000 ล้าน (conservative) แปลว่าโตจากปีที่แล้ว อีกสัก 10%
Gross margin เราได้ 20%กว่ามา2-3ปีแล้วปีนี้น่าจะได้พอๆกับปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีปัจจัยลบอะไร
ส่วนปัญหาคู่แข่งตัดราคา มองไม่เห็นว่าจะเข้ามาจนกระทบกับผลประกอบการในระยะยาวได้ เพราะ demand-supply ในภาพรวมไม่ได้แตกต่างกันมาก
ตอนนี้มองว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มคนและเครื่องจักร แค่รักษาไม่ให้มี idle time ต้องการขยายไปต่างประเทศ เคยไปทำที่สิงคโปร์ มองว่ายาก แต่จากที่เข้าไปพม่า มา 5 ปีแล้ว ดูดี แนวโน้มงานมากขึ้น ใช้แรงงานพม่า (มีคนไทยคนเดียว เป็น foreman ) ตั้งเป้าแค่ 5% แต่ตอนนี้มีรายได้เป็นสัดส่วนเกือบ 10% กำลังมองจังหวะเข้าไปกัมพูชา
ความเสี่ยง ไม่น่าจะมีปัจจัยมากระทบ เพราะงานเราเป็นงานต้นน้ำ ค่าวัสดุก่อสร้างเป็นงานระยะสั้น ล๊อคราคาได้ ค่าแรงซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7-8% ถ้าเพิ่มขึ้น10% ก็หมายถึงเพิ่มแค่ .7-0.8%ของโครงการ ถือว่าไม่เยอะ เมื่อเทียบกับมูลค่าของงานทั้งโครงการ ถือว่าไม่มีนัยยะ
อาจารย์เสน่ห์ถามว่า หลังเลือกตั้ง มีกระทบต่อบริษัทไหม
คุณณรงค์ตอบว่า หลังเรื่องตั้ง นโยบายของรัฐบาลไหน ก็ต้องมีก่อสร้าง infrastructure เพราะเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม
หมอเคถามว่า นโยบายปันผลเป็นอย่างไร มีผลต่อสถานะเงินทุนในการขยายธุรกิจไหม ?
คุณณรงค์ตอบว่า นโยบายปันผลในอดีต ปันผลไม่ต่ำกว่า50% และสามารถทำได้ตาม หรือดีกว่านโยบายที่กำหนดไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 40%
ปี 2561 จ่ายปันผลไป 3 ครั้ง
ปี 2562 วางแผนว่าจะจ่าย 4 ครั้ง ก็ยังมีเงินเหลืออีก 50% ไปหมุนเวียน ทำงานอื่น
กู้เงินน้อยมาก เพราะเราเก็บเงินได้ตามรอบ งานต่างประเทศจัดเป็นอีกส่วนนึง พยายามบริหารความเสี่ยง ยังไม่กู้เงินเยอะ
### MTC ###
หมอเค ถามคุณชูชาติว่า MTC ทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ การเติบโตเป็นอย่างไรบ้าง
คุณชูชาติตอบว่า MTC ในช่วง 3 ปี โตเฉลี่ย 60%
บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มาได้ 4 ปี ปีแรกใช้เงินIPOทำให้บริษัทโต 60% ปีที่ 2 ขยายสาขาและโต80%
ปีที่ 3 โต 50% ปีที่4 โต 40%
เริ่มจากมี 500 สาขา >>> ตอนนี้มี 3,300 สาขาแล้วในช่วงสิ้นปี 2018
ที่ผ่านมาคือเติบโตได้ โดยที่หนี้เสียต่ำมาก ประมาณ 1.5%
ปี2018 โต 40%
ปีนี้ 2019 ตั้งไว้โต 35% เดือนแรกทำได้, ปีนี้เปิดอีก 600 สาขา
ปี2020 ตั้งเป้าโตอีก 30% เปิดอีก 600 สาขา
หมอเคถามว่า เข้าใจว่า คนเห็นกำไรโตดี ก็อยากโดดเข้ามาแข่งขันมากขึ้น แล้วภาพรวมธุรกิจจำนำทะเบียนรถตอนนี้เป็นอย่างไร red oceanหรือยัง
สิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากดอกเบี้ย การบริการ ยังมีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ใกล้บ้านลูกค้า เวลาจะกู้เงินก็กู้ข้างบ้านเลย ทำให้คนเข้ามาแข่งมาก เพราะ MTC เปิดสาขาเข้าไประดับตำบล ใครเข้ามาแข่งก็จะลำบาก
ทุกวันนี้แข่งขันกันสูงมากอยู่แล้ว โดยบริษัทนอกตลาดเยอะมาก จังหวัดนึงมีคู่แข่งประมาณ 40 ราย มองว่าเป็นคู่แข่งหน้าเดิมๆ
หมอเคอยากให้เล่าที่มาของบริษัท
คุณชูชาติเล่าว่า บริษัทเปิดมา 27 ปี ตั้งแต่ปี 2535 ฐานมากที่สุดเป็นรถจักรยานยนต์มีฐานใหญ่ที่สุด และยังคงเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดีที่สุด ชำนาญในการปล่อยกู้ ติดตามหนี้ หรือติดตามรถ (เฉลี่ยปล่อยไม่เกิน 15,000 บาทต่อราย) เริ่มมาขยายเข้าสู่รถยนต์ (80,000 บาท ต่อราย) โฉนดที่ดิน (80,000 บาท ต่อราย) และเริ่มได้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ แบบไม่มีหลักประกัน 5% และสินเชื่อส่วนบุคลล P-Loan 5%
ปัจจุบันมีลูกค้า 2 ล้านบัญชี (1.7 ล้านคน ทั่วประเทศ) ตอนนี้ไปทุกภาคแล้ว ยังไปได้อีกแถวริมแม่น้ำโขง นครพนม ชายแดนแม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เหล่านี้ยังเติมสาขาได้อีก โดยลูกค้าหลักๆยังเป็นคนไทย เพราะต่างด้าวยังไม่มีบัตรประชาชน สิทธิ์ในการครอบครองรถยังไม่มี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะปล่อยกู้ต่างด้าว
หมอเคถามว่า มีความกังวลเรื่องมาตรฐานบัญชีใหม่กับแบงค์ชาติที่ออกมาควบคุม ล่าสุดมีความชัดเจนแล้ว ที่ให้ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยุ่ภายใต้แบงค์ชาติ ตรงนี้ส่งผลดี ผลเสียต่อเราอย่างรา และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ
คุณชูชาติอธิบายว่า แบงค์ชาติจะออกมาควบคุม มาตรฐานบัญชีใหม่ จะกระทบกับการสำรอง แถมแบงค์ชาติออกประกาศให้สินเชื่อ P-Loan สามารถทำสินเชื่อหลักประกันได้ ในวันศุกร์ที่1กพ ที่ผ่านมา
มีประโยชน์ 4 ข้อ
1 ใช้จักรยานยนต์มาเป็นหลักประกัน
2 เพดานดอกเบี้ย กำหนด 28% ตอนนี้เก็บอยู่ 23% ยังขยายดอกเบี้ยได้อีก
3 ใบอนุญาติใบเดียวทำได้ทั่วประเทศ
4 ปล่อยสินเชื่อได้ ไม่จำกัดวงเงิน
คู่แข่ง รวมไปถึงระบบธนาคารจะเข้ามาทำธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น แต่คนที่เข้ามาจะเป็นคนที่ทำอยู่แล้ว ขอใบอนุญาติ เริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท ส่วนธนาคาร สนใจแน่นอน ในแง่เพดานดอกเบี้ย 28% แต่ไม่ง่ายที่คู่แข่งจะเข้ามา สาขาของ MTC ก้อเต็มประเทศอยู่แล้ว
ผลประกอบการและความเสี่ยง
หมอเคถามต่อว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และ ปีนี้คาดการเติบโตของสินเชื่อและกำไรเท่าไหร่
คุณชูชาติบอกว่า ปีนี้มองว่าการเติบโต 35% น่าจะทำได้ เพราะการปล่อยสินเชื่อใหม่ และหนี้เสียไม่ขึ้น (< 2.0%) กำไรจะไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของรายได้
อุตสาหกรรมมี NPL 2.5%-3% MTC มี NPL 1.2-1.3% เพราะประสบการณ์ และการรู้จักลูกค้า ทำให้ควบคุมหนี้เสียได้ดีกว่า เวลาลูกค้าเข้าไปขอสินเชื่อจะปล่อยประมาณ90%
ปล่อยหนี้ไปประมาณ 50,000 ล้านบาท การควบคุม และการโตไม่ยาก เพราะสาขาเก่าต้องเติบโต ต้องมีการหาลูกค้ามาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นกู้รายใหม่ หรือดึงมาจากคู่แข่ง สาขาใหม่ก็ต้องมีลูกค้าใหม่มาใช้บริการ
หมอเค ถามว่า เงินทุนเพียงพอไหม มาจากไหน
คุณชูชาติตอบว่า เงินทุนในการปล่อย ตอนนี้ D/E 3x (4x benchmark) ยังสามารถระดมทุนเพิ่มได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะกู้ธนาคาร หรือออกหุ้นกู้
หมอเคถามว่า ยุคดิจิตัล ธุรกิจการเงินพยายามลดสาขา ทำไม MTC พยายามเพิ่มสาขา
คุณชูชาติตอบว่า เพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อมีหลักประกัน ส่วนการพัฒนาไปสินเชื่อนาโน ที่ไม่ต้องมีหลักประกัน สามารถเพิ่มยอดเงินกู้จากประวัติลูกค้าได้
MTC จะพัฒนาให้กู้ผ่าน online ได้ ชำระเงินผ่าน counter service เป็นการยื่นใบสมัครออนไลน์ แต่ยังต้องเอารถมาให้ดูอยู่ดี
การยึดรถจากหนี้เสีย และการระบายรถ มีศูนย์ประมูลเอง 6 แห่ง แต่ละแห่งประมูลเดือนละสองรอบ ทุกวันที่ 15และ25
หรือ วันที่ 10/20 รถที่ยึดมากี่คัน ก้อปล่อยได้ทั้งหมด เพราะมีลูกค้าประจำที่มาซื้อรถมือสอง มือสาม รวมถึงส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน
หมอเคถามว่า IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้ามีผลอย่างไรกับบริษัท
คุณชูชาติตอบว่า มาตรฐานทางบัญชีIFRS 9 มีผลเรื่องการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น
ถ้าปล่อยแล้ว สิ้นเดือนสำรอง 1%
ถ้าอายุ <90 days, ตั้งสำรอง 2%
ถ้ามากกว่า 91 days, สำรอง 100%
ได้เตรียมการไว้แล้ว ตอนนี้สำรองแล้ว 250% มากเกินเพียงพอ จะตั้งสำรองลดลงมั้ย จะต้องดูอีกที
อาจารย์เสน่ห์ สอบถามเรื่องCSRของบริษัท?
คุณชูชาติ ตอบว่าเรื่อง CSR - MTC อาจจะร่วมบริจาคในโครงการลดอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย
### JUBILE ###
คุณอัญรัตน์ หรือ คุณอัญ เล่าถึง ตัวเองเป็นผู้บริหาร 4th Generation
บริษัทเริ่มทำตั้งแต่เหล่ากง ซึ่งถือเป็นรุ่นแรก เปิดที่สะพานเหล็ก
บริษัทขายเครื่องประดับเพชร ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา เครื่องประดับ กับ data เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่ Jubile ใช้ dataมาบริหารองค์กร และการจัดการภายใน
Jubile I moment application บอกว่าคนมาซื้อเพชรส่วนใหญ่เป็นเพราะมีความสุข ไม่ใช่คนมีความทุกข์ พอเราทราบพฤติกรรมลูกค้าแบบนั้น ทาง Jubile จะทำให้ความทรงจำเหล่านั้นจับต้องได้ เลยเชื่อมโยงกับมือถือ เลยเอาความทรงจำของลูกค้าใส่เข้าไปในแหวนเพชร โหลด app มือถือ แล้วทาง Jubile จะอัพโหลดภาพเหล่านั้นขึ้นไปให้ พอส่องไปที่แหวนเพชร ภาพความทรงจำนั้นจะขึ้นมาที่มือถือเลย app มือถือ จะช่วยง้อแฟนได้ด้วยเวลาทะเลาะกัน
เบื้องหลังคือใช้ AI อ่านสัญลักษณ์ผ่าน Jubile ถึงจะแสดงบน app ได้ มีดีเจพุฒิ คุณจุ๋ยเป็นลูกค้าด้วย เลยคุยกันให้เป็น brand ambassador ด้วยเลย ความยากตรงให้ app อ่านก้านแหวนของผู้หญิงได้ เพราะว่ามันเล็กมาก ต้องพัฒนาเป็นปี พอทำกับแหวนได้แล้ว สามารถทำกับเครื่องประดับชิ้นอื่นได้หมด เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของ Jubile
หมอเคถามว่า ช่วงupdateเรื่องธุรกิจJubile เป็นการซื้อเพชรจากเบลเยี่ยมซึ่งเป็นแหล่งเพชรที่คุณภาพดีที่สุด
ออกแบบดีไซน์เองและไปจ้างคนขึ้นตัวเรือนให้ โมเดลหลักๆยังเป็นอย่างนี้อยู่ใช่ไหม
คุณอัญตอบว่า ซื้อเพชรจากเบลเยี่ยม (Thailand sole exclusive) เค้าส่งให้แบรนด์ชั้นนำอื่นของโลก แต่กับเมืองไทยจะส่งให้เราเจ้าเดียว และออกแบบขึ้นตัวเรือนเอง ตอนนี้กำลังเจรจากับ supplier เจ้าใหญ่อีกเจ้านึง เป็นเพชรที่มีความพิเศษ แต่จะเปิดตัวในปีนี้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้
หมอเคถามต่อว่า Jubileอยู่ในห้างทั้งหมดเลยไหมครับ ส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนบ้าง เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ มีไปตาม
Hypermarket บ้างไหม
คุณอัญตอบว่า ตอนนี้มีอยู่ทุกห้างชั้นนำในไทย เคาน์เตอร์ของ Jubile หมดแล้ว แม้กระทั่ง hypermarket ในต่างจังหวัด สาขาล่าสุดเปิดที่ icon siam
Jubile แบ่งสาขาเป็น 3 แบบ
1) Flagship store (ที่สีลม มีขนาด 2,000 ตรม.) 4 ชั้น มีขายเพชรแยกเป็นเม็ดเพื่อการลงทุนด้วย
2) เคาน์เตอร์ตามห้าง ที่เห็นทั่วไป เป็น open pan 20 ตร.ม. มีที่ปรึกษาให้ลูกค้า
3) ร้านเพชร เป็น stand alone เช่นสาขาสะพานเหล็ก ซึ่งเป็นสาขาแรก แหล่งกำเนิด
ผลประกอบการและความเสี่ยง
หมอเคถามว่า ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตอย่างไร มีกลยุทธ์อะไรที่จะทำให้เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้
คุณอัญตอบว่า ปีนี้เน้นยอดขายโต 10% การเปิดสาขาไม่เน้นมาก จะขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้น 3-5 สาขา
การเพิ่ม SSSG จะมาจาก
สินค้า ต้องมีนวัตกรรม และวัตถุดิบมีความพิเศษมากขึ้น
จำนวนลูกค้าต้องเพิ่มจากลูกค้าใหม่ ต้องเกิดขึ้น 15% จากฐานเดิม
ลูกค้าเก่า 60%, ลูกค้าใหม่ 40% ของยอดขายปกติ แต่ต้องขายให้ลูกค้าใหม่ได้มากกว่าเดิม
เพราะจะนำข้อมูลมาช่วยในการเพิ่มยอดขาย สามารถแก้โจทย์ได้ทันที มองว่ากำไรน่าจะเพิ่มตามขึ้นด้วย
ปีที่แล้ว กำไรจะโตมากกว่ารายได้ เพราะมีการใช้ข้อมูลมาช่วยปรับกลยุทธ์
ปัจจุบันมี 126 สาขา มองว่ายังโตได้อีก เพราะมีอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่ได้ไป และมีห้างสรรพสินค้าตามต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น มองว่า 300 สาขาน่าจะเป็นไปได้ และพยายามเพิ่มออนไลน์ด้วย
4Q/2018 มีทำออนไลน์กับ JD Central และ Robinsons
Forever marks ปัจจุบันมี 5 สาขา มีการเติบโตที่ชัดเจนในปีที่แล้ว แต่สัดส่วนยังน้อย เพราะสาขาน้อยกว่า Jubile มาก ปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นมาก
Hello Kitty (Licensed products) ปีที่แล้วดีมาก ปีนี้จะทำเพิ่ม เพราะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามา ทำให้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มลูกค้าใหม่
Disruption ของเครื่องประดับ เพราะอย่างนาฬิกา มีเป็น smart watch เข้ามาแทน เริ่มจับก้าว วัดการเต้นของหัวใจได้ Jubile เริ่มมีนวัตกรรมเข้ามาแล้ว มองว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาจารย์เสน่ห์ ถามว่าบริษัทมีส่วนในเรื่องCSRอย่างไร
คุณอัญตอบว่า ในเรื่องCSR - Jubile ได้ร่วมบริจาคเงินในการซ่อมแซมกังหันน้ำชัยพัฒนาที่ตอนนี้มีอยู่ 2,000 อันซึ่งมีอยู่ในไทยและต่างประเทศ
สุดท้ายขอขอบคุณผู้บริหารทุกท่านที่มาให้ข้อมูล ขอบคุณ อาจารย์เสน่ห์ และ หมอเค ที่ถามคำถามเพื่อได้ข้อมูลที่สำคัญของแต่ละบริษัทด้วยครับ ขอขอบคุณทีมงาน MoneyTalk ทุกท่าน
ช่วง 1 หุ้นเด่น ต้องจับตา (กุมภา ปี ‘62 )
• บริษัท MTC โดย คุณชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTC
• บริษัท SEAFCO โดย คุณณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จักการใหญ่ SEAFCO
• บริษัท JUBILE โดย คุณอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JUBILE
ดำเนินรายการโดย อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และนายแพทย์ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิชย์
คำถามแรก เรื่อง อัพเดทธุรกิจ
คำถามทีสอง เรื่อง การเติบโตไปข้างหน้า และความเสี่ยงที่ต้องระวังในการลงทุน
### SEAFCO ###
หมอเค ถามว่า ช่วยเล่าธุรกิจของSeafcoอีกทีได้ไหมครับว่าปัจจุบันเรารับงานก่อสร้างประเภทไหนเป็นหลัก
คุณณรงค์เล่าให้ฟังว่า เราเป็นบริษัททำเสาเข็มเจาะที่เป็นเบอร์ หนึ่ง
ฝุ่น PM 2.5 มาจากการเผาป่า โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนฝุ่นจากงานก่อสร้างจะเป็น PM 10 แต่อาจจะส่งผลให้รถติด และเกิดฝุ่น PM 2.5 ได้ ปกติหน้างานก่อสร้างจะฉีดน้ำอยู่แล้ว เพื่อช่วยเหลือตามที่ กทม ขอความร่วมมือ
บริษัททำมา 45 ปี ทำเฉพาะเสาเข็มเจาะ และหล่อในที่อย่างเดียว ส่วนใหญ่รับงานตึกสูง รถไฟฟ้า ทางด่วน ในรอบหลายปี มีธุรกิจดีมาก แต่ปีที่แล้วอยู่ๆ Backlogกระโดดมาถึง 4,000 ล้านบาท ปกติเสาเข็มเจาะจะมีBacklogแค่ 1,000 ล้านบาทก็ดีมากแล้ว ที่งานเยอะเพราะไปรับงาน One Bangkok ซึ่งมีพื้นที่ 100 ไร่ ได้มา 3 ใน 4 ส่วน (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) รถไฟฟ้าสายสีส้ม รับเหมาต่อมาจาก CK (1,500 ล้านบาท) สายสีชมพูอีก
นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท SEAFCO ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา ผลประกอบการปีนี้จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว
หมอเคถามว่า ช่วยยกตัวอย่างงานที่เราทำมาในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา
คุณณรงค์ตอบว่า งานเก่าๆ ได้แก่ ตึกใบหยก ไอคอนสยาม ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
ส่วนโครงการใหม่ ได้แก่ One Bangkok ใช้เสาเข็มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 m. ยาว 90 m. (ราคาต้นละ 2-3 ล้านบาท) เป็นตัวอย่างงานที่ใช้เสาเข็มเทคโนโลยีใหม่
หมอเคถามต่อว่า ระดับงานที่เราทำ มีคนอื่นทำได้สักกี่คน และ เราต่างจากคนอื่นๆอย่างไร
คุณณรงค์ตอบว่า ทุกธุรกิจ ต้องมีคนอื่นทำตามขึ้นมาอยู่แล้ว สิ่งนี้จะช่วยเป็นตัวเปรียบเทียบว่า บริษัทเราทำงานดีกว่าคนอื่นอย่างไร โดยปกติแล้ว จะรับงานเองหลังจากการชนะเปิดซองประกวดราคา (ไม่ได้เหมางานต่อให้คนอื่น) เข็มมีมูลค่าประมาณ 7% ของงานทั้งโครงการ
หมอเค ถามเรื่องมูลค่าของเสาเข็มปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้วไหม
คุณณรงค์ เล่าว่า ภาพรวมของงานเสาเข็มปีน่าจะดีกว่าปีก่อนๆ แค่งานรถไฟเชื่อมสามสนามบิน ค่าเสาเข็มเป็นหมื่นล้านแล้ว ตอนนี้แค่มีคนมาปรึกษายังไม่ถึงขั้นตอนของงานเสาเข็ม แต่มองว่า ทางบริษัทคงมีส่วนร่วมในงานด้วย ได้ส่วนแบ่งเเค่สัก 30% ก็มีความสุขแล้ว
ส่วนตลาดคอนโด อาจจะกระทบระดับกลาง ล่าง แต่ระดับบนที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นตลาดของบริษัทอยู่แล้ว คงไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไร
อาจารย์เสน่ห์ถามว่า เราเป็นธุรกิจต้นน้ำ แต่งานอื่นๆเช่นปูกระเบื้องเราไม่เอา มีหนี้สูญมากน้อยแค่ไหน
คุณณรงค์ตอบว่า หนี้สูญน้อยมาก เคยมีสมัยต้มยำกุ้ง แต่งานสมัยยนี้ไม่ค่อยเจอหนี้สูญ
ผลประกอบการและความเสี่ยง
ปี 2560 เรามีการซื้อเครื่องมือเข้ามาและมีback log 4,000 ลบ มีgrowth 25%
ปี2561 รายได้ของ 3Q โตเท่ารายได้ปี 2560 ทั้งปี ดังนั้นการเติบโต30-35% จะมากกว่าปี 2560 คือ 25%
ปี2562 ทำงานเต็มมือตั้งแต่ไตรมาสแรก ขึ้นต้นมาสวยงามมาก คาดว่าทั้งปีน่าจะทำได้ถึง 3,000 ล้าน (conservative) แปลว่าโตจากปีที่แล้ว อีกสัก 10%
Gross margin เราได้ 20%กว่ามา2-3ปีแล้วปีนี้น่าจะได้พอๆกับปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีปัจจัยลบอะไร
ส่วนปัญหาคู่แข่งตัดราคา มองไม่เห็นว่าจะเข้ามาจนกระทบกับผลประกอบการในระยะยาวได้ เพราะ demand-supply ในภาพรวมไม่ได้แตกต่างกันมาก
ตอนนี้มองว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มคนและเครื่องจักร แค่รักษาไม่ให้มี idle time ต้องการขยายไปต่างประเทศ เคยไปทำที่สิงคโปร์ มองว่ายาก แต่จากที่เข้าไปพม่า มา 5 ปีแล้ว ดูดี แนวโน้มงานมากขึ้น ใช้แรงงานพม่า (มีคนไทยคนเดียว เป็น foreman ) ตั้งเป้าแค่ 5% แต่ตอนนี้มีรายได้เป็นสัดส่วนเกือบ 10% กำลังมองจังหวะเข้าไปกัมพูชา
ความเสี่ยง ไม่น่าจะมีปัจจัยมากระทบ เพราะงานเราเป็นงานต้นน้ำ ค่าวัสดุก่อสร้างเป็นงานระยะสั้น ล๊อคราคาได้ ค่าแรงซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7-8% ถ้าเพิ่มขึ้น10% ก็หมายถึงเพิ่มแค่ .7-0.8%ของโครงการ ถือว่าไม่เยอะ เมื่อเทียบกับมูลค่าของงานทั้งโครงการ ถือว่าไม่มีนัยยะ
อาจารย์เสน่ห์ถามว่า หลังเลือกตั้ง มีกระทบต่อบริษัทไหม
คุณณรงค์ตอบว่า หลังเรื่องตั้ง นโยบายของรัฐบาลไหน ก็ต้องมีก่อสร้าง infrastructure เพราะเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม
หมอเคถามว่า นโยบายปันผลเป็นอย่างไร มีผลต่อสถานะเงินทุนในการขยายธุรกิจไหม ?
คุณณรงค์ตอบว่า นโยบายปันผลในอดีต ปันผลไม่ต่ำกว่า50% และสามารถทำได้ตาม หรือดีกว่านโยบายที่กำหนดไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 40%
ปี 2561 จ่ายปันผลไป 3 ครั้ง
ปี 2562 วางแผนว่าจะจ่าย 4 ครั้ง ก็ยังมีเงินเหลืออีก 50% ไปหมุนเวียน ทำงานอื่น
กู้เงินน้อยมาก เพราะเราเก็บเงินได้ตามรอบ งานต่างประเทศจัดเป็นอีกส่วนนึง พยายามบริหารความเสี่ยง ยังไม่กู้เงินเยอะ
### MTC ###
หมอเค ถามคุณชูชาติว่า MTC ทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ การเติบโตเป็นอย่างไรบ้าง
คุณชูชาติตอบว่า MTC ในช่วง 3 ปี โตเฉลี่ย 60%
บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มาได้ 4 ปี ปีแรกใช้เงินIPOทำให้บริษัทโต 60% ปีที่ 2 ขยายสาขาและโต80%
ปีที่ 3 โต 50% ปีที่4 โต 40%
เริ่มจากมี 500 สาขา >>> ตอนนี้มี 3,300 สาขาแล้วในช่วงสิ้นปี 2018
ที่ผ่านมาคือเติบโตได้ โดยที่หนี้เสียต่ำมาก ประมาณ 1.5%
ปี2018 โต 40%
ปีนี้ 2019 ตั้งไว้โต 35% เดือนแรกทำได้, ปีนี้เปิดอีก 600 สาขา
ปี2020 ตั้งเป้าโตอีก 30% เปิดอีก 600 สาขา
หมอเคถามว่า เข้าใจว่า คนเห็นกำไรโตดี ก็อยากโดดเข้ามาแข่งขันมากขึ้น แล้วภาพรวมธุรกิจจำนำทะเบียนรถตอนนี้เป็นอย่างไร red oceanหรือยัง
สิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากดอกเบี้ย การบริการ ยังมีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ใกล้บ้านลูกค้า เวลาจะกู้เงินก็กู้ข้างบ้านเลย ทำให้คนเข้ามาแข่งมาก เพราะ MTC เปิดสาขาเข้าไประดับตำบล ใครเข้ามาแข่งก็จะลำบาก
ทุกวันนี้แข่งขันกันสูงมากอยู่แล้ว โดยบริษัทนอกตลาดเยอะมาก จังหวัดนึงมีคู่แข่งประมาณ 40 ราย มองว่าเป็นคู่แข่งหน้าเดิมๆ
หมอเคอยากให้เล่าที่มาของบริษัท
คุณชูชาติเล่าว่า บริษัทเปิดมา 27 ปี ตั้งแต่ปี 2535 ฐานมากที่สุดเป็นรถจักรยานยนต์มีฐานใหญ่ที่สุด และยังคงเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดีที่สุด ชำนาญในการปล่อยกู้ ติดตามหนี้ หรือติดตามรถ (เฉลี่ยปล่อยไม่เกิน 15,000 บาทต่อราย) เริ่มมาขยายเข้าสู่รถยนต์ (80,000 บาท ต่อราย) โฉนดที่ดิน (80,000 บาท ต่อราย) และเริ่มได้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ แบบไม่มีหลักประกัน 5% และสินเชื่อส่วนบุคลล P-Loan 5%
ปัจจุบันมีลูกค้า 2 ล้านบัญชี (1.7 ล้านคน ทั่วประเทศ) ตอนนี้ไปทุกภาคแล้ว ยังไปได้อีกแถวริมแม่น้ำโขง นครพนม ชายแดนแม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เหล่านี้ยังเติมสาขาได้อีก โดยลูกค้าหลักๆยังเป็นคนไทย เพราะต่างด้าวยังไม่มีบัตรประชาชน สิทธิ์ในการครอบครองรถยังไม่มี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะปล่อยกู้ต่างด้าว
หมอเคถามว่า มีความกังวลเรื่องมาตรฐานบัญชีใหม่กับแบงค์ชาติที่ออกมาควบคุม ล่าสุดมีความชัดเจนแล้ว ที่ให้ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยุ่ภายใต้แบงค์ชาติ ตรงนี้ส่งผลดี ผลเสียต่อเราอย่างรา และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ
คุณชูชาติอธิบายว่า แบงค์ชาติจะออกมาควบคุม มาตรฐานบัญชีใหม่ จะกระทบกับการสำรอง แถมแบงค์ชาติออกประกาศให้สินเชื่อ P-Loan สามารถทำสินเชื่อหลักประกันได้ ในวันศุกร์ที่1กพ ที่ผ่านมา
มีประโยชน์ 4 ข้อ
1 ใช้จักรยานยนต์มาเป็นหลักประกัน
2 เพดานดอกเบี้ย กำหนด 28% ตอนนี้เก็บอยู่ 23% ยังขยายดอกเบี้ยได้อีก
3 ใบอนุญาติใบเดียวทำได้ทั่วประเทศ
4 ปล่อยสินเชื่อได้ ไม่จำกัดวงเงิน
คู่แข่ง รวมไปถึงระบบธนาคารจะเข้ามาทำธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น แต่คนที่เข้ามาจะเป็นคนที่ทำอยู่แล้ว ขอใบอนุญาติ เริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท ส่วนธนาคาร สนใจแน่นอน ในแง่เพดานดอกเบี้ย 28% แต่ไม่ง่ายที่คู่แข่งจะเข้ามา สาขาของ MTC ก้อเต็มประเทศอยู่แล้ว
ผลประกอบการและความเสี่ยง
หมอเคถามต่อว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และ ปีนี้คาดการเติบโตของสินเชื่อและกำไรเท่าไหร่
คุณชูชาติบอกว่า ปีนี้มองว่าการเติบโต 35% น่าจะทำได้ เพราะการปล่อยสินเชื่อใหม่ และหนี้เสียไม่ขึ้น (< 2.0%) กำไรจะไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของรายได้
อุตสาหกรรมมี NPL 2.5%-3% MTC มี NPL 1.2-1.3% เพราะประสบการณ์ และการรู้จักลูกค้า ทำให้ควบคุมหนี้เสียได้ดีกว่า เวลาลูกค้าเข้าไปขอสินเชื่อจะปล่อยประมาณ90%
ปล่อยหนี้ไปประมาณ 50,000 ล้านบาท การควบคุม และการโตไม่ยาก เพราะสาขาเก่าต้องเติบโต ต้องมีการหาลูกค้ามาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นกู้รายใหม่ หรือดึงมาจากคู่แข่ง สาขาใหม่ก็ต้องมีลูกค้าใหม่มาใช้บริการ
หมอเค ถามว่า เงินทุนเพียงพอไหม มาจากไหน
คุณชูชาติตอบว่า เงินทุนในการปล่อย ตอนนี้ D/E 3x (4x benchmark) ยังสามารถระดมทุนเพิ่มได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะกู้ธนาคาร หรือออกหุ้นกู้
หมอเคถามว่า ยุคดิจิตัล ธุรกิจการเงินพยายามลดสาขา ทำไม MTC พยายามเพิ่มสาขา
คุณชูชาติตอบว่า เพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อมีหลักประกัน ส่วนการพัฒนาไปสินเชื่อนาโน ที่ไม่ต้องมีหลักประกัน สามารถเพิ่มยอดเงินกู้จากประวัติลูกค้าได้
MTC จะพัฒนาให้กู้ผ่าน online ได้ ชำระเงินผ่าน counter service เป็นการยื่นใบสมัครออนไลน์ แต่ยังต้องเอารถมาให้ดูอยู่ดี
การยึดรถจากหนี้เสีย และการระบายรถ มีศูนย์ประมูลเอง 6 แห่ง แต่ละแห่งประมูลเดือนละสองรอบ ทุกวันที่ 15และ25
หรือ วันที่ 10/20 รถที่ยึดมากี่คัน ก้อปล่อยได้ทั้งหมด เพราะมีลูกค้าประจำที่มาซื้อรถมือสอง มือสาม รวมถึงส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน
หมอเคถามว่า IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้ามีผลอย่างไรกับบริษัท
คุณชูชาติตอบว่า มาตรฐานทางบัญชีIFRS 9 มีผลเรื่องการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น
ถ้าปล่อยแล้ว สิ้นเดือนสำรอง 1%
ถ้าอายุ <90 days, ตั้งสำรอง 2%
ถ้ามากกว่า 91 days, สำรอง 100%
ได้เตรียมการไว้แล้ว ตอนนี้สำรองแล้ว 250% มากเกินเพียงพอ จะตั้งสำรองลดลงมั้ย จะต้องดูอีกที
อาจารย์เสน่ห์ สอบถามเรื่องCSRของบริษัท?
คุณชูชาติ ตอบว่าเรื่อง CSR - MTC อาจจะร่วมบริจาคในโครงการลดอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย
### JUBILE ###
คุณอัญรัตน์ หรือ คุณอัญ เล่าถึง ตัวเองเป็นผู้บริหาร 4th Generation
บริษัทเริ่มทำตั้งแต่เหล่ากง ซึ่งถือเป็นรุ่นแรก เปิดที่สะพานเหล็ก
บริษัทขายเครื่องประดับเพชร ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา เครื่องประดับ กับ data เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่ Jubile ใช้ dataมาบริหารองค์กร และการจัดการภายใน
Jubile I moment application บอกว่าคนมาซื้อเพชรส่วนใหญ่เป็นเพราะมีความสุข ไม่ใช่คนมีความทุกข์ พอเราทราบพฤติกรรมลูกค้าแบบนั้น ทาง Jubile จะทำให้ความทรงจำเหล่านั้นจับต้องได้ เลยเชื่อมโยงกับมือถือ เลยเอาความทรงจำของลูกค้าใส่เข้าไปในแหวนเพชร โหลด app มือถือ แล้วทาง Jubile จะอัพโหลดภาพเหล่านั้นขึ้นไปให้ พอส่องไปที่แหวนเพชร ภาพความทรงจำนั้นจะขึ้นมาที่มือถือเลย app มือถือ จะช่วยง้อแฟนได้ด้วยเวลาทะเลาะกัน
เบื้องหลังคือใช้ AI อ่านสัญลักษณ์ผ่าน Jubile ถึงจะแสดงบน app ได้ มีดีเจพุฒิ คุณจุ๋ยเป็นลูกค้าด้วย เลยคุยกันให้เป็น brand ambassador ด้วยเลย ความยากตรงให้ app อ่านก้านแหวนของผู้หญิงได้ เพราะว่ามันเล็กมาก ต้องพัฒนาเป็นปี พอทำกับแหวนได้แล้ว สามารถทำกับเครื่องประดับชิ้นอื่นได้หมด เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของ Jubile
หมอเคถามว่า ช่วงupdateเรื่องธุรกิจJubile เป็นการซื้อเพชรจากเบลเยี่ยมซึ่งเป็นแหล่งเพชรที่คุณภาพดีที่สุด
ออกแบบดีไซน์เองและไปจ้างคนขึ้นตัวเรือนให้ โมเดลหลักๆยังเป็นอย่างนี้อยู่ใช่ไหม
คุณอัญตอบว่า ซื้อเพชรจากเบลเยี่ยม (Thailand sole exclusive) เค้าส่งให้แบรนด์ชั้นนำอื่นของโลก แต่กับเมืองไทยจะส่งให้เราเจ้าเดียว และออกแบบขึ้นตัวเรือนเอง ตอนนี้กำลังเจรจากับ supplier เจ้าใหญ่อีกเจ้านึง เป็นเพชรที่มีความพิเศษ แต่จะเปิดตัวในปีนี้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้
หมอเคถามต่อว่า Jubileอยู่ในห้างทั้งหมดเลยไหมครับ ส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนบ้าง เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ มีไปตาม
Hypermarket บ้างไหม
คุณอัญตอบว่า ตอนนี้มีอยู่ทุกห้างชั้นนำในไทย เคาน์เตอร์ของ Jubile หมดแล้ว แม้กระทั่ง hypermarket ในต่างจังหวัด สาขาล่าสุดเปิดที่ icon siam
Jubile แบ่งสาขาเป็น 3 แบบ
1) Flagship store (ที่สีลม มีขนาด 2,000 ตรม.) 4 ชั้น มีขายเพชรแยกเป็นเม็ดเพื่อการลงทุนด้วย
2) เคาน์เตอร์ตามห้าง ที่เห็นทั่วไป เป็น open pan 20 ตร.ม. มีที่ปรึกษาให้ลูกค้า
3) ร้านเพชร เป็น stand alone เช่นสาขาสะพานเหล็ก ซึ่งเป็นสาขาแรก แหล่งกำเนิด
ผลประกอบการและความเสี่ยง
หมอเคถามว่า ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตอย่างไร มีกลยุทธ์อะไรที่จะทำให้เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้
คุณอัญตอบว่า ปีนี้เน้นยอดขายโต 10% การเปิดสาขาไม่เน้นมาก จะขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้น 3-5 สาขา
การเพิ่ม SSSG จะมาจาก
สินค้า ต้องมีนวัตกรรม และวัตถุดิบมีความพิเศษมากขึ้น
จำนวนลูกค้าต้องเพิ่มจากลูกค้าใหม่ ต้องเกิดขึ้น 15% จากฐานเดิม
ลูกค้าเก่า 60%, ลูกค้าใหม่ 40% ของยอดขายปกติ แต่ต้องขายให้ลูกค้าใหม่ได้มากกว่าเดิม
เพราะจะนำข้อมูลมาช่วยในการเพิ่มยอดขาย สามารถแก้โจทย์ได้ทันที มองว่ากำไรน่าจะเพิ่มตามขึ้นด้วย
ปีที่แล้ว กำไรจะโตมากกว่ารายได้ เพราะมีการใช้ข้อมูลมาช่วยปรับกลยุทธ์
ปัจจุบันมี 126 สาขา มองว่ายังโตได้อีก เพราะมีอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่ได้ไป และมีห้างสรรพสินค้าตามต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น มองว่า 300 สาขาน่าจะเป็นไปได้ และพยายามเพิ่มออนไลน์ด้วย
4Q/2018 มีทำออนไลน์กับ JD Central และ Robinsons
Forever marks ปัจจุบันมี 5 สาขา มีการเติบโตที่ชัดเจนในปีที่แล้ว แต่สัดส่วนยังน้อย เพราะสาขาน้อยกว่า Jubile มาก ปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นมาก
Hello Kitty (Licensed products) ปีที่แล้วดีมาก ปีนี้จะทำเพิ่ม เพราะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามา ทำให้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มลูกค้าใหม่
Disruption ของเครื่องประดับ เพราะอย่างนาฬิกา มีเป็น smart watch เข้ามาแทน เริ่มจับก้าว วัดการเต้นของหัวใจได้ Jubile เริ่มมีนวัตกรรมเข้ามาแล้ว มองว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาจารย์เสน่ห์ ถามว่าบริษัทมีส่วนในเรื่องCSRอย่างไร
คุณอัญตอบว่า ในเรื่องCSR - Jubile ได้ร่วมบริจาคเงินในการซ่อมแซมกังหันน้ำชัยพัฒนาที่ตอนนี้มีอยู่ 2,000 อันซึ่งมีอยู่ในไทยและต่างประเทศ
สุดท้ายขอขอบคุณผู้บริหารทุกท่านที่มาให้ข้อมูล ขอบคุณ อาจารย์เสน่ห์ และ หมอเค ที่ถามคำถามเพื่อได้ข้อมูลที่สำคัญของแต่ละบริษัทด้วยครับ ขอขอบคุณทีมงาน MoneyTalk ทุกท่าน