[b]พันธบัตรออมทรัพย์น่าสนใจไหมในสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น[/b]
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2018 9:06 am
พันธบัตรออมทรัพย์น่าสนใจไหมในสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น
สถานการณ์ปัจจุบันของดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น จากเศรษฐกิจเริ่มเติบโตขึ้น
และ สถานการณ์ภายนอกประเทศที่อัตราดอกเบี้ยของFEDที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่า
FEDจะปรับดอกเบี้ยเพิ่มอีกเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ ยิ่งเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางของไทยมีโอกาส
ปรับดอกเบี้ยสูงในปลายปีนี้
ช่วงนี้กระทรวงการคลัง ได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ครั้งที่1
เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท ขั้นต่ำ 1,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินขั้นสูง
จ่ายดอกเบี้ยปีละ2ครั้ง ทุกวันที่ 19 พค และ 19 พย
โดยมีพันธบัตร สองรุ่น คือ
1.อายุ 3 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 2.46% ต่อปี
2.อายุ 7 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี
สามารถติดต่อซื้อ ได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น
ตอนนี้มีข่าวว่าปีหน้า กองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็น Term Fund
จะต้องเสียภาษีของเงินปันผลอัตราเดียวกับตราสารหนี้
คือ 15%ทำให้ความสนใจในตราสารหนี้น้อยลงไป ถ้าเทียบระหว่างตราสารหนี้Term Fundที่อายุ3ปีเท่ากันที่ลงในพันธบัตร หรือ ตราสารหนี้ในประเทศไทย หลังหักภาษีเงินปันผลแล้ว ทำให้ความได้เปรียบของกองทุนรวมที่ไม่เสียภาษีเงินปันผลหมดไป ส่วนพันธบัตรรุ่น 7 ปี ระยะเวลายาวไปในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ดูไม่น่าสนใจ
ผมขอสรุปข้อดีและข้อเสียของพันธบัตรรุ่น3ปีนะครับ
ข้อดี
1.อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ น่าจูงใจเพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาด 3 ปีได้แค่ 2.08% แต่พันธบัตร3ปีรุ่น1/2562 ให้ถึง2.46%
2.เป็นพันธบัตรที่มีcredit risk ใกล้เคียงกับ risk free rate ความเสี่ยงต่ำมาก
3.ระยะเวลาสั้น ดังนั้นถ้าต้องการขายต่อในตลาดรอง ราคาไม่ผันผวนมากเมื่อเทียบกับรุ่น 7 ปี
4.ขั้นต่ำในการซื้อ 1,000 บาท สามารถทยอยซื้อได้จนถึงปีหน้า
5.คนที่ลงทุนเป็นportfolioที่มีทั้งตราสารหนี้ไทย/ต่างประเทศ ,ตราสารทุนหรือหุ้น อสังหาริมทรัพย์และทองคำ
นี่คือสินทรัพย์ในส่วนตราสารหนี้ที่น่าสนใจเก็บไว้ในportเพราะความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนน่าสนใจ
ข้อเสีย
1.ถ้าไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ อาจได้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่เท่าที่ดูตอนนี้สูงกว่าไม่มาก
แต่ความเสี่ยงในการลงทุนในต่างประเทศสูงกว่าลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์มาก
2.สภาพคล่องน้อย ถ้าต้องการใช้เงิน ต้องขายในตลาดรอง และ อาจได้ราคาต่ำกว่าที่ซื้อ
3.คนที่รับความเสี่ยงได้สูง พันธบัตร3ปีดูไม่น่าสนใจ เพราะผลตอบแทนหลังหักภาษีแค่ 2.1%
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (propertyfund,RIETs,Infra fund)ดูน่าสนใจกว่า ถ้าเลือกกองได้ถูก
สุดท้ายก็เป็นการประเมินของแต่ละคนว่าพันธบัตร3ปี1เดือน น่าสนใจกับเราหรือไม่ เพราะแต่ละคนยอมรับความเสี่ยงไม่เท่ากัน และกลยุทธ์ในการลงทุนแตกต่างกัน
สถานการณ์ปัจจุบันของดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น จากเศรษฐกิจเริ่มเติบโตขึ้น
และ สถานการณ์ภายนอกประเทศที่อัตราดอกเบี้ยของFEDที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่า
FEDจะปรับดอกเบี้ยเพิ่มอีกเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ ยิ่งเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางของไทยมีโอกาส
ปรับดอกเบี้ยสูงในปลายปีนี้
ช่วงนี้กระทรวงการคลัง ได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ครั้งที่1
เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท ขั้นต่ำ 1,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินขั้นสูง
จ่ายดอกเบี้ยปีละ2ครั้ง ทุกวันที่ 19 พค และ 19 พย
โดยมีพันธบัตร สองรุ่น คือ
1.อายุ 3 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 2.46% ต่อปี
2.อายุ 7 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี
สามารถติดต่อซื้อ ได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น
ตอนนี้มีข่าวว่าปีหน้า กองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็น Term Fund
จะต้องเสียภาษีของเงินปันผลอัตราเดียวกับตราสารหนี้
คือ 15%ทำให้ความสนใจในตราสารหนี้น้อยลงไป ถ้าเทียบระหว่างตราสารหนี้Term Fundที่อายุ3ปีเท่ากันที่ลงในพันธบัตร หรือ ตราสารหนี้ในประเทศไทย หลังหักภาษีเงินปันผลแล้ว ทำให้ความได้เปรียบของกองทุนรวมที่ไม่เสียภาษีเงินปันผลหมดไป ส่วนพันธบัตรรุ่น 7 ปี ระยะเวลายาวไปในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ดูไม่น่าสนใจ
ผมขอสรุปข้อดีและข้อเสียของพันธบัตรรุ่น3ปีนะครับ
ข้อดี
1.อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ น่าจูงใจเพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาด 3 ปีได้แค่ 2.08% แต่พันธบัตร3ปีรุ่น1/2562 ให้ถึง2.46%
2.เป็นพันธบัตรที่มีcredit risk ใกล้เคียงกับ risk free rate ความเสี่ยงต่ำมาก
3.ระยะเวลาสั้น ดังนั้นถ้าต้องการขายต่อในตลาดรอง ราคาไม่ผันผวนมากเมื่อเทียบกับรุ่น 7 ปี
4.ขั้นต่ำในการซื้อ 1,000 บาท สามารถทยอยซื้อได้จนถึงปีหน้า
5.คนที่ลงทุนเป็นportfolioที่มีทั้งตราสารหนี้ไทย/ต่างประเทศ ,ตราสารทุนหรือหุ้น อสังหาริมทรัพย์และทองคำ
นี่คือสินทรัพย์ในส่วนตราสารหนี้ที่น่าสนใจเก็บไว้ในportเพราะความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนน่าสนใจ
ข้อเสีย
1.ถ้าไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ อาจได้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่เท่าที่ดูตอนนี้สูงกว่าไม่มาก
แต่ความเสี่ยงในการลงทุนในต่างประเทศสูงกว่าลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์มาก
2.สภาพคล่องน้อย ถ้าต้องการใช้เงิน ต้องขายในตลาดรอง และ อาจได้ราคาต่ำกว่าที่ซื้อ
3.คนที่รับความเสี่ยงได้สูง พันธบัตร3ปีดูไม่น่าสนใจ เพราะผลตอบแทนหลังหักภาษีแค่ 2.1%
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (propertyfund,RIETs,Infra fund)ดูน่าสนใจกว่า ถ้าเลือกกองได้ถูก
สุดท้ายก็เป็นการประเมินของแต่ละคนว่าพันธบัตร3ปี1เดือน น่าสนใจกับเราหรือไม่ เพราะแต่ละคนยอมรับความเสี่ยงไม่เท่ากัน และกลยุทธ์ในการลงทุนแตกต่างกัน