VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 07, 2018 9:42 pm
VIKH#6_2018Oct6-7แชร์สรุปสัมมนา(ตามที่จดได้)
ก่อนอื่นขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ทัั้งทีมผู้จัดงานVIKH#6 พี่หมอนุ่นและทีมงานทุกๆท่าน
วิทยากรทุกท่านที่สละเวลามาพูด,พี่ๆจากร้านอาหาร/กาแฟ/ร้านหนังสือที่มาร่วมสนับสนุนงาน
รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับรพ.ที่ขาดแคลน
ผมคิดว่าเป็นสัมมนาที่ดีมากครั้งหนึ่ง ได้ทั้งประโยชน์ความรู้และได้เงินไปช่วยเหลือสังคมครับ
เนื่องจากสัมมนาVIKHจัดเช้า-เย็น 2 วันติดคงไม่สามารถจดได้ครบถ้วนนะครับ
เมื่อวานเห็นมีหลายๆท่านสรุปไว้ดีๆทั้งนั้นเช่น คุณจิม คุณจ๊อบ สามารถหาอ่านได้ในเฟซบุ๊คนะครับ
ส่วนตัวมีบันทึกเนื้อหาบางส่วนด้วยการถ่ายรูปในมือถือ+app Notes ไม่ได้พิมพ์เอาไว้
กับบางส่วนที่พิมพ์ใส่คอม ไว้จะทยอยโพสต์ลงตามsessionที่แก้ไขไม่เยอะก่อนครับ
ขออภัยล่วงหน้าหากมีผิดเพี้ยนไปอย่างไร สามารถช่วยแก้ไขเพิ่มเติมให้ได้นะครับ
7/10/61 Q&A รุมหลังงานกับ พี่โจ๊ค นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
1.จะรู้สิ่งที่ชอบได้อย่างไร?
ลองทำแล้วได้ positive feedback ก็จะรู้ว่าดี
2.มองหุ้นไทย,เศรษฐกิจไทยโต?
เห็นด้วยว่า 10 ปีข้างหน้าไม่ใช่โอกาสของไทย
เพราะทุกประเทศมีช่วงเวลาของตัวเอง ซึ่งเขากำลังทำแบบเรา แต่ถ้าเรากลับไม่สามารถขึ้นไปสูงได้ เหมือนเช่นเกาหลีใต้
ซึ่งเปลี่ยนจากอุตสาหกรรม เป็นขายสื่อ ขาย creative business เพราะเราไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ไทยเสพติดการลดค่าเงิน กดค่าแรงต่ำ รับจ้างผลิต ทำให้เรากินมาได้ 20 ปี แต่ให้ต่อออกไป 20 ปีโดยปัจจัยเดิม
ไม่สามารถทำได้ เพราะเวียดนาม บังกลาเทศก็ค่าแรงต่ำกว่าเรา ซึ่งเราจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งความคิดวัฒนธรรมอะไรต่างๆ
ส่วนตลาดหุ้นไทย คิดว่าไม่ได้แย่เหมือนเศรษฐกิจ เพราะโลกอยู่ในยุคเงินล้นโลก
แม้เศรษฐกิจไม่ดีคนก็ต้องเอาเงินมาลงทุนกับหุ้น ดังนั้นถามว่าตลาดหุ้นไทยลงทุนต่อไปได้ไหม คิดว่าได้
3.มุมมอง 7ltg 3 ปีข้างหน้า?
คิดว่าไม่ดีเท่ากับ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะลงทุน passive หวังผลตอบแทนแค่ 10% ซึ่งที่ผ่านมาได้มากกว่านั้นเยอะ
ดังนั้นคิดว่าข้างหน้ามีโอกาสวิ่งเข้าหาค่าเฉลี่ย
4. จำเป็นต้องเป็น full time investor?
คิดว่าไม่เป็นสิ่งจำเป็น ยกเว้นรู้สึกทำงานประจำแล้วฝืน เป็นเรื่องของใจ
พอเราสนใจลงทุนจะหมกมุ่นรู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว
5. จุดแข็งไทย?
ท่องเที่ยว เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังมีจีนมาเที่ยวกว่านี้ การแพทย์คนไทยมีค่านิยมเรียนหมอ จะได้คนคุณภาพเยอะ
ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้วเยอะ จุดแข็งยังเด่นชัดอยู่
ส่วนค้าปลีก มองว่าเป็นหุ้นอันตรายกับ digital disruption ซึ่งช่วงนี้เข้ามาบุกธนาคารกับค้าปลีกมากสุด
ใครกินของเก่า หรือแข็งแกร่งแล้วทำแบบเดิมจะไม่ปลอดภัย ยกเว้น เป็นค้าปลีกที่คิดตลอดเวลา จะเก่งขึ้นไปอีก
จึงได้ประโยชน์ จะมีตัวที่ทั้งแย่ลงและดีขึ้น เช่น convenient store จองทุกที่ให้หัวซอย แต่ทุกวันนี้คนนั่งอยู่บ้านสั่งของมาส่ง
ซึ่งพฤติกรรมคนจะเคยชินไปเรื่อยๆ ต้องปรับตัวเหมือนกัน
6.ทุกวันนี้ทำอะไร?
มีปัญหาเรื่องว่างเกินไป หาอะไรทำที่มีคุณค่า สิ่งที่ขาดไปคือความภูมิใจหรือรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
เหมือนเราเป็นผู้บริโภค พยายามทำงาน ที่ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกำไรอย่างเดียว แต่สนุกไปด้วยได้
จะใช้เวลา 1-2 วัน ทำงานไม้ใน shop โดยเปิดร้านออนไลน์ใน อิซซี่ดอทคอมในอเมริกา
และส่งไปขาย รู้สึกสนุกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเป็นงานอดิเรก
เวลาที่เหลืออ่านหนังสือเป็นหลัก หาความรู้ใหม่ๆ
7.แนวทางลงทุนมีพัฒนาการอย่างไร?
สมัยก่อนคิดว่าเราเชื่อในตลาดหุ้นใหม่ๆหลายอย่าง ที่เชื่อหัวชนฝา
แต่ตอนนี้ไม่ได้เชื่อแล้ว ต้องเปิดใจ อย่ายึดติดมากเกินไป ต้องลองมองหาวิธีที่เหมาะกับเรา
ทุกวิธีมีคนที่สำเร็จและล้มเหลว ขึ้นกับเข้าใจในวิธีนั้นได้ดีแค่ไหน
ทฤษฎีการเงินปัจจุบันที่เรียนในตำราเกิดในยุค 1920-1930 ตลาดทุนเป็นแบบหนึ่ง ธุรกิจเป็นแบบหนึ่ง
ธุรกิจนั้นไม่สามารถอธิบายระบบเศรษฐกิจปัจจุบันได้ เราอาจจะใช้ tool ไม่เหมาะ
เช่น หลักบัญชี คิดตอนที่ธุรกิจเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจะมอง asset เป็นหลัก PBV ต่ำๆ หุ้นถูก
แต่ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ได้ขึ้นกับ asset ที่จับต้องได้ google คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ตึกสำนักงาน
แต่เป็นแบรนด์คนรัก คนเชื่อถือ เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งไม่อยู่ใน BV
จึงไม่ถูกต้องในการวิเคราะห์ ต้องมองว่ามีแนวคิดอะไรยึดถือได้ และอะไรต้องเปลี่ยน
8.Megatrend ของไทย?
ตอนนี้ชอบโรงพยาบาลกับท่องเที่ยว แต่ valuation สูง
ตัวที่ valuation nต่ำ แต่ไม่ชอบอนาคตก็ไม่อยากซื้อเท่าไร เพราะถูกแล้วก็ถูกอีกได้
9. มองEEC ?
มองเป็นวิธีคิด 20 ปีที่แล้วจะทำอย่างไร 20 ปีข้างหน้าจะทำเหมือนเดิม
โดยเพิ่ม benefit ให้มากขึ้น คิดว่าถ้าสำเร็จก็ทำให้ประเทศไทยอยู่ที่เดิมได้
ถ้าจะกลับมาโตเยอะๆ ต้องทำอย่างอื่น หรือเมื่อไรจะตกลงได้ว่าไทยจะทำอะไร
หากรู้ว่ามีแนวทางที่ชัดเจนจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร จึงจะเริ่มมองอย่างอื่นได้
10.ขอคำแนะนำ3ข้อมือใหม่ป้องกันการตายในตลาดหุ้น?
ขอติดไว้ก่อน(แต่ไม่ได้ตอบ )
11.ประเทศไหนมองเป็นโอกาสสุด?
อเมริกามีหลายอย่างเอื้อกับนวัตกรรม จะไปต่อได้ ยุโรปจะมองทาง socialist มาก
เศรษฐกิจอาจไม่โตเท่าที่ควร ญี่ปุ่นมี 2 แบบ คือบางบริษัทติดปัญหาวัฒนธรรมเก่าของญี่ปุ่น
sony, sharp, toshiba ไม่ใช่ยุคเขาแล้ว และเปลี่ยนไม่ได้ด้วย
เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เขายิ่งใหญ่มา แต่พวก muji, uniqlo เป็นพวกคิดใหม่ทำใหม่ น่าสนใจ
ประเทศจีน น่าสนใจแต่อยู่ในขั้นปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วงที่โต 7% ได้ตลอดที่ผ่านมาซุกปัญหาไว้เยอะ
ซึ่งเขาคิดว่าถ้าไม่แก้จะระเบิด จึงไม่สนใจการเติบโต แต่เน้นปฏิรูปดีกว่า
12. (ไม่เห็นคำถาม น่าหมายถึงกลุ่มไหนน่าจะยังดีในตลาด) ?
ประกันชีวิตน่าจะดี
13. case study ผิดพลาด?
ส่วนตัวไม่มีโชคกับหุ้นตัวเล็ก ลงทุนแล้วไม่ได้ตาม แล้วไม่ค่อยได้เท่าไร อาจไม่ถนัดขายเร็วขายช้า
14. มุมมอง cpn?
อนาคตห้างอาจขายสินค้าไม่ได้ ต้องตอบโจทย์ lifestyle ที่คนมาพบปะกัน คนไปซื้อของ hypermarket หรือทาง internet
คนไปนั่งกินข้าว coworking space ต้องลดพื้นที่ขายสินค้า ซึ่งน่าจะทำอยู่ และปรับตัวให้เหมาะกับยุค
valuation มองว่าคงแพง แต่หุ้นค้าปลีกก็ ระดับสูงทั้งนั้น
15. มุมมอง ai ในตลาดหุ้น?
เชื่อว่าสุดท้ายตลาดหุ้นจะเหลือแค่คน 2 กลุ่ม คือ คนซื้อหุ้นผ่าน etf และ machine มาซื้อหุ้น
ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางจะค่อยๆหายไป คิดว่าช่วงแรกคนมองโรบอทไม่เวิร์ค แต่ต่อไปก็จะปรับปรุงจนคนสู้ไม่ได้
อย่าง volume trade ใน NYSE เกิน 50% เป็นหุ่นยนต์เทรด ผลกระทบในการลงทุน vi คิดว่า 20 ปีนี้
น่าจะมีเวลาที่โปรแกรมไม่สามารถ arbitrage ทุกอย่าง จะมีช่องว่างสำหรับมนุษย์เสมอ
16.รบกวนแนะนำหนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน?
เคยมีแนะนำในคลิป หนังสือ future of almost everything
มีรายละเอียดการวิเคราะห์อุตสาหกรรมทุกอย่าง โลกเราอยู่ในช่วงที่วิธีการทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ
เอา digital เข้ามาจนวิถีชีวิตไม่เหมือนตอนนี้ ต้องมองในแง่บวกเพื่อให้ปรับตัวได้ ถ้ายึดถือกับอะไรเก่าๆจะถูกคลื่นพัดเรา
ถ้าจะคิดให้ลูกเรียนอะไรดี ยากมาก คนที่เรียนตอนนี้ 20 ปีข้างหน้าจะพบว่าใช้ไม่ได้เลยกับชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ต้องเรียน มันเป็นระบบที่วัดคน สิ่งที่สำคัญคือพัฒนา soft skill อย่างภาษา หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น
การพูดสร้างแรงบันดาลใจ การทำ presentation อยู่นอกตำรา ซึ่งหลักสูตรปัจจุบันไม่ได้สอนเรื่องนี้กับเด็ก
17. มองการบริหารพอร์ตในปัจจุบันอย่างไร?
valuation สูงกว่า fair value เกือบตลอด มีอะไรมากระทบหุ้นมักจะลงได้แรง
และมักจะกลับขึ้นมาได้เร็ว เพราะ เงินล้น คนไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหน ก็แพงตลอดเวลา
คนก็จะหนีเมื่อเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเลือกพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์
ส่วนตัวเป็น passive มีเงินส่วนหนึ่งที่ DCA และเก็บไว้เฉยๆ เมื่อหุ้นตกมากจะเอาเงินส่วนนั้นเข้ามาซื้อ
อาจจะได้หุ้นราคาแพงเป็นราคาที่ fair
18. มองที่เขาบอกนักเศรษฐศาสตร์มักผิดเพราะใช้เหตุผลอย่างไรบ้าง?
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกิดจากการ assume ว่ามนุษย์เป็น rational creature
ซึ่งสมมติฐานเขาวิเคราะห์และไป test และอธิบายโลกได้ดีระดับหนึ่งหรือเปล่า
ตอนนี้จะมีเศรษฐศาสตร์แนว behavior ที่มาแรง จึงมีการปรับตัวเอง มี assumption ใหม่
ถ้าคนเต็มไปด้วยอารมณ์ จะอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐศาสตร์อย่างไร
19.พอร์ตแค่ไหนพอ?
ถ้าพอร์ตให้ผลตอบแทนมากกว่าค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
ในอนาคตถ้าลงทุนแบบนี้ต่อไปก็ต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นอีก จึงไม่น่าที่จะพอร์ตหมด
20. แก่นการลงทุนทุกวันนี้?
ขยับให้น้อยที่สุด คิดว่า passive เหมาะกับทุกวันนี้
แต่ไม่ได้แปลว่า active ไม่ดี ถ้ามีเป้าหมายลงทุนสูงมากๆ เช่น 20-50%
passive จะไม่มีทางตอบโจทย์
21.อิสรภาพทางการเงินแล้วเป็นอย่างไร?
คนเราไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ตอนเด็ก เคยคิดว่าได้เงินเดือนเป็นแสน ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
พอได้ไปทำงานต่างประเทศก็ได้จริงๆ แล้ว แต่ก็อยากได้ work life balance แทน
เป็นเหมือน maslow ที่คนมีความต้องการเป็นขั้นๆไปเรื่อย ตอนนี้ต้องการทำอะไรบางอย่างที่ได้ fulfill ตัวเอง
22.มองโรงพยาบาลไทย?
โรงพยาบาลที่จะ capture value ได้มากสุด
ต้องขยับไป serve ลูกค้าต่างประเทศ เม็ดเงินจากต่างประเทศ
23.สัดส่วนหุ้นต่างประเทศ?
มีพอร์ตต่างประเทศมากกว่าไทย มองว่าลงทุนต่างประเทศดี แต่ไม่ได้จำเป็น
24. mint,centel,erw จะโดน airbnb disrupt ไหม?
ก็เป็นไปได้ ต้องเฝ้าดูว่าจะมีการปรับตัวไหม
25.purpose of life?
ยังคิดอยู่ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
26. trend cashless และบัตรเครดิต?
ถ้าดูจีนจะเป็น model หลักของโลก เชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจีนก้าวหน้ากว่าอเมริกา
เซี่ยงไฮ้คิดว่าเปิดหูเปิดตามาก คนจีนเสพติดการทำอะไรในมือถือ
สมัยมี concept super app ทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ cashlessไปถึงหาบเร่แผงลอยก็ใช้ qr code ก็มีคน 30-40% ที่ออกจากบ้านไม่พกเงิน
เขาไปได้เร็วเพราะไม่ติดกับ legacy เก่าๆ แบบยุโรป หรือญี่ปุ่น ซึ่งไทยก็เหมือนกัน
ส่วน บัตรเครดิต ถ้าอยู่เฉยๆ จะโดน alipay, wechat pay แย่งธุรกิจไป
27. passive investor ด้วย jitta ?
ยังไม่เคยดูรายละเอียด มี passive หลายแบบ ใช้ ratio น่าจะเป็น factor investing
หวังว่าจะลงทุนได้ดีกว่า index ส่วนตัวใช้ qualitative สร้าง index และลงทุนโดยไม่ต้องซื้อๆขายๆ
28. อีก 10-20 ปี จะเป็นเหมือนพวกอาร์เจนติน่า,ตุรกีไหม?
ไม่น่าขนาดนั้น เรามีทุนสำรองประเทศค่อนข้างเยอะ ฐานะการเงินดี ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ไทยถูกมองเป็น emerging ที่มีฐานะการเงินดีกว่าเพื่อนบ้าน แค่เวลาเติบโตเราโตไม่เท่าเขา
29. วิธีมองหุ้น?
แนว qualitative อยู่ ดูว่า 5 ปีข้างหน้ามันต้องดีขึ้น ธุรกิจใหญ่กว่านี้ แข็งแรงพอสมควร
แล้วดูราคาที่เหมาะสมประมาณไหน
ต้องกระจายระดับหนึ่ง แต่อย่ากระจายจนเบี้ยหัวแตก
ไม่มีตัวที่มั่นใจสุด เพราะทุกธุรกิจจะมีทั้งข้อดีและเสีย
ถ้าตัวไหนไม่มีข้อเสียเลย ให้สงสัยว่า เราอาจจะเคลิ้มกับหุ้นตัวนั้นอยู่หรือเปล่า
ก่อนอื่นขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ทัั้งทีมผู้จัดงานVIKH#6 พี่หมอนุ่นและทีมงานทุกๆท่าน
วิทยากรทุกท่านที่สละเวลามาพูด,พี่ๆจากร้านอาหาร/กาแฟ/ร้านหนังสือที่มาร่วมสนับสนุนงาน
รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับรพ.ที่ขาดแคลน
ผมคิดว่าเป็นสัมมนาที่ดีมากครั้งหนึ่ง ได้ทั้งประโยชน์ความรู้และได้เงินไปช่วยเหลือสังคมครับ
เนื่องจากสัมมนาVIKHจัดเช้า-เย็น 2 วันติดคงไม่สามารถจดได้ครบถ้วนนะครับ
เมื่อวานเห็นมีหลายๆท่านสรุปไว้ดีๆทั้งนั้นเช่น คุณจิม คุณจ๊อบ สามารถหาอ่านได้ในเฟซบุ๊คนะครับ
ส่วนตัวมีบันทึกเนื้อหาบางส่วนด้วยการถ่ายรูปในมือถือ+app Notes ไม่ได้พิมพ์เอาไว้
กับบางส่วนที่พิมพ์ใส่คอม ไว้จะทยอยโพสต์ลงตามsessionที่แก้ไขไม่เยอะก่อนครับ
ขออภัยล่วงหน้าหากมีผิดเพี้ยนไปอย่างไร สามารถช่วยแก้ไขเพิ่มเติมให้ได้นะครับ
7/10/61 Q&A รุมหลังงานกับ พี่โจ๊ค นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
1.จะรู้สิ่งที่ชอบได้อย่างไร?
ลองทำแล้วได้ positive feedback ก็จะรู้ว่าดี
2.มองหุ้นไทย,เศรษฐกิจไทยโต?
เห็นด้วยว่า 10 ปีข้างหน้าไม่ใช่โอกาสของไทย
เพราะทุกประเทศมีช่วงเวลาของตัวเอง ซึ่งเขากำลังทำแบบเรา แต่ถ้าเรากลับไม่สามารถขึ้นไปสูงได้ เหมือนเช่นเกาหลีใต้
ซึ่งเปลี่ยนจากอุตสาหกรรม เป็นขายสื่อ ขาย creative business เพราะเราไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ไทยเสพติดการลดค่าเงิน กดค่าแรงต่ำ รับจ้างผลิต ทำให้เรากินมาได้ 20 ปี แต่ให้ต่อออกไป 20 ปีโดยปัจจัยเดิม
ไม่สามารถทำได้ เพราะเวียดนาม บังกลาเทศก็ค่าแรงต่ำกว่าเรา ซึ่งเราจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งความคิดวัฒนธรรมอะไรต่างๆ
ส่วนตลาดหุ้นไทย คิดว่าไม่ได้แย่เหมือนเศรษฐกิจ เพราะโลกอยู่ในยุคเงินล้นโลก
แม้เศรษฐกิจไม่ดีคนก็ต้องเอาเงินมาลงทุนกับหุ้น ดังนั้นถามว่าตลาดหุ้นไทยลงทุนต่อไปได้ไหม คิดว่าได้
3.มุมมอง 7ltg 3 ปีข้างหน้า?
คิดว่าไม่ดีเท่ากับ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะลงทุน passive หวังผลตอบแทนแค่ 10% ซึ่งที่ผ่านมาได้มากกว่านั้นเยอะ
ดังนั้นคิดว่าข้างหน้ามีโอกาสวิ่งเข้าหาค่าเฉลี่ย
4. จำเป็นต้องเป็น full time investor?
คิดว่าไม่เป็นสิ่งจำเป็น ยกเว้นรู้สึกทำงานประจำแล้วฝืน เป็นเรื่องของใจ
พอเราสนใจลงทุนจะหมกมุ่นรู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว
5. จุดแข็งไทย?
ท่องเที่ยว เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังมีจีนมาเที่ยวกว่านี้ การแพทย์คนไทยมีค่านิยมเรียนหมอ จะได้คนคุณภาพเยอะ
ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้วเยอะ จุดแข็งยังเด่นชัดอยู่
ส่วนค้าปลีก มองว่าเป็นหุ้นอันตรายกับ digital disruption ซึ่งช่วงนี้เข้ามาบุกธนาคารกับค้าปลีกมากสุด
ใครกินของเก่า หรือแข็งแกร่งแล้วทำแบบเดิมจะไม่ปลอดภัย ยกเว้น เป็นค้าปลีกที่คิดตลอดเวลา จะเก่งขึ้นไปอีก
จึงได้ประโยชน์ จะมีตัวที่ทั้งแย่ลงและดีขึ้น เช่น convenient store จองทุกที่ให้หัวซอย แต่ทุกวันนี้คนนั่งอยู่บ้านสั่งของมาส่ง
ซึ่งพฤติกรรมคนจะเคยชินไปเรื่อยๆ ต้องปรับตัวเหมือนกัน
6.ทุกวันนี้ทำอะไร?
มีปัญหาเรื่องว่างเกินไป หาอะไรทำที่มีคุณค่า สิ่งที่ขาดไปคือความภูมิใจหรือรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
เหมือนเราเป็นผู้บริโภค พยายามทำงาน ที่ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกำไรอย่างเดียว แต่สนุกไปด้วยได้
จะใช้เวลา 1-2 วัน ทำงานไม้ใน shop โดยเปิดร้านออนไลน์ใน อิซซี่ดอทคอมในอเมริกา
และส่งไปขาย รู้สึกสนุกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเป็นงานอดิเรก
เวลาที่เหลืออ่านหนังสือเป็นหลัก หาความรู้ใหม่ๆ
7.แนวทางลงทุนมีพัฒนาการอย่างไร?
สมัยก่อนคิดว่าเราเชื่อในตลาดหุ้นใหม่ๆหลายอย่าง ที่เชื่อหัวชนฝา
แต่ตอนนี้ไม่ได้เชื่อแล้ว ต้องเปิดใจ อย่ายึดติดมากเกินไป ต้องลองมองหาวิธีที่เหมาะกับเรา
ทุกวิธีมีคนที่สำเร็จและล้มเหลว ขึ้นกับเข้าใจในวิธีนั้นได้ดีแค่ไหน
ทฤษฎีการเงินปัจจุบันที่เรียนในตำราเกิดในยุค 1920-1930 ตลาดทุนเป็นแบบหนึ่ง ธุรกิจเป็นแบบหนึ่ง
ธุรกิจนั้นไม่สามารถอธิบายระบบเศรษฐกิจปัจจุบันได้ เราอาจจะใช้ tool ไม่เหมาะ
เช่น หลักบัญชี คิดตอนที่ธุรกิจเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจะมอง asset เป็นหลัก PBV ต่ำๆ หุ้นถูก
แต่ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ได้ขึ้นกับ asset ที่จับต้องได้ google คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ตึกสำนักงาน
แต่เป็นแบรนด์คนรัก คนเชื่อถือ เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งไม่อยู่ใน BV
จึงไม่ถูกต้องในการวิเคราะห์ ต้องมองว่ามีแนวคิดอะไรยึดถือได้ และอะไรต้องเปลี่ยน
8.Megatrend ของไทย?
ตอนนี้ชอบโรงพยาบาลกับท่องเที่ยว แต่ valuation สูง
ตัวที่ valuation nต่ำ แต่ไม่ชอบอนาคตก็ไม่อยากซื้อเท่าไร เพราะถูกแล้วก็ถูกอีกได้
9. มองEEC ?
มองเป็นวิธีคิด 20 ปีที่แล้วจะทำอย่างไร 20 ปีข้างหน้าจะทำเหมือนเดิม
โดยเพิ่ม benefit ให้มากขึ้น คิดว่าถ้าสำเร็จก็ทำให้ประเทศไทยอยู่ที่เดิมได้
ถ้าจะกลับมาโตเยอะๆ ต้องทำอย่างอื่น หรือเมื่อไรจะตกลงได้ว่าไทยจะทำอะไร
หากรู้ว่ามีแนวทางที่ชัดเจนจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร จึงจะเริ่มมองอย่างอื่นได้
10.ขอคำแนะนำ3ข้อมือใหม่ป้องกันการตายในตลาดหุ้น?
ขอติดไว้ก่อน(แต่ไม่ได้ตอบ )
11.ประเทศไหนมองเป็นโอกาสสุด?
อเมริกามีหลายอย่างเอื้อกับนวัตกรรม จะไปต่อได้ ยุโรปจะมองทาง socialist มาก
เศรษฐกิจอาจไม่โตเท่าที่ควร ญี่ปุ่นมี 2 แบบ คือบางบริษัทติดปัญหาวัฒนธรรมเก่าของญี่ปุ่น
sony, sharp, toshiba ไม่ใช่ยุคเขาแล้ว และเปลี่ยนไม่ได้ด้วย
เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เขายิ่งใหญ่มา แต่พวก muji, uniqlo เป็นพวกคิดใหม่ทำใหม่ น่าสนใจ
ประเทศจีน น่าสนใจแต่อยู่ในขั้นปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วงที่โต 7% ได้ตลอดที่ผ่านมาซุกปัญหาไว้เยอะ
ซึ่งเขาคิดว่าถ้าไม่แก้จะระเบิด จึงไม่สนใจการเติบโต แต่เน้นปฏิรูปดีกว่า
12. (ไม่เห็นคำถาม น่าหมายถึงกลุ่มไหนน่าจะยังดีในตลาด) ?
ประกันชีวิตน่าจะดี
13. case study ผิดพลาด?
ส่วนตัวไม่มีโชคกับหุ้นตัวเล็ก ลงทุนแล้วไม่ได้ตาม แล้วไม่ค่อยได้เท่าไร อาจไม่ถนัดขายเร็วขายช้า
14. มุมมอง cpn?
อนาคตห้างอาจขายสินค้าไม่ได้ ต้องตอบโจทย์ lifestyle ที่คนมาพบปะกัน คนไปซื้อของ hypermarket หรือทาง internet
คนไปนั่งกินข้าว coworking space ต้องลดพื้นที่ขายสินค้า ซึ่งน่าจะทำอยู่ และปรับตัวให้เหมาะกับยุค
valuation มองว่าคงแพง แต่หุ้นค้าปลีกก็ ระดับสูงทั้งนั้น
15. มุมมอง ai ในตลาดหุ้น?
เชื่อว่าสุดท้ายตลาดหุ้นจะเหลือแค่คน 2 กลุ่ม คือ คนซื้อหุ้นผ่าน etf และ machine มาซื้อหุ้น
ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางจะค่อยๆหายไป คิดว่าช่วงแรกคนมองโรบอทไม่เวิร์ค แต่ต่อไปก็จะปรับปรุงจนคนสู้ไม่ได้
อย่าง volume trade ใน NYSE เกิน 50% เป็นหุ่นยนต์เทรด ผลกระทบในการลงทุน vi คิดว่า 20 ปีนี้
น่าจะมีเวลาที่โปรแกรมไม่สามารถ arbitrage ทุกอย่าง จะมีช่องว่างสำหรับมนุษย์เสมอ
16.รบกวนแนะนำหนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน?
เคยมีแนะนำในคลิป หนังสือ future of almost everything
มีรายละเอียดการวิเคราะห์อุตสาหกรรมทุกอย่าง โลกเราอยู่ในช่วงที่วิธีการทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ
เอา digital เข้ามาจนวิถีชีวิตไม่เหมือนตอนนี้ ต้องมองในแง่บวกเพื่อให้ปรับตัวได้ ถ้ายึดถือกับอะไรเก่าๆจะถูกคลื่นพัดเรา
ถ้าจะคิดให้ลูกเรียนอะไรดี ยากมาก คนที่เรียนตอนนี้ 20 ปีข้างหน้าจะพบว่าใช้ไม่ได้เลยกับชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ต้องเรียน มันเป็นระบบที่วัดคน สิ่งที่สำคัญคือพัฒนา soft skill อย่างภาษา หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น
การพูดสร้างแรงบันดาลใจ การทำ presentation อยู่นอกตำรา ซึ่งหลักสูตรปัจจุบันไม่ได้สอนเรื่องนี้กับเด็ก
17. มองการบริหารพอร์ตในปัจจุบันอย่างไร?
valuation สูงกว่า fair value เกือบตลอด มีอะไรมากระทบหุ้นมักจะลงได้แรง
และมักจะกลับขึ้นมาได้เร็ว เพราะ เงินล้น คนไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหน ก็แพงตลอดเวลา
คนก็จะหนีเมื่อเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเลือกพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์
ส่วนตัวเป็น passive มีเงินส่วนหนึ่งที่ DCA และเก็บไว้เฉยๆ เมื่อหุ้นตกมากจะเอาเงินส่วนนั้นเข้ามาซื้อ
อาจจะได้หุ้นราคาแพงเป็นราคาที่ fair
18. มองที่เขาบอกนักเศรษฐศาสตร์มักผิดเพราะใช้เหตุผลอย่างไรบ้าง?
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เกิดจากการ assume ว่ามนุษย์เป็น rational creature
ซึ่งสมมติฐานเขาวิเคราะห์และไป test และอธิบายโลกได้ดีระดับหนึ่งหรือเปล่า
ตอนนี้จะมีเศรษฐศาสตร์แนว behavior ที่มาแรง จึงมีการปรับตัวเอง มี assumption ใหม่
ถ้าคนเต็มไปด้วยอารมณ์ จะอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐศาสตร์อย่างไร
19.พอร์ตแค่ไหนพอ?
ถ้าพอร์ตให้ผลตอบแทนมากกว่าค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
ในอนาคตถ้าลงทุนแบบนี้ต่อไปก็ต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นอีก จึงไม่น่าที่จะพอร์ตหมด
20. แก่นการลงทุนทุกวันนี้?
ขยับให้น้อยที่สุด คิดว่า passive เหมาะกับทุกวันนี้
แต่ไม่ได้แปลว่า active ไม่ดี ถ้ามีเป้าหมายลงทุนสูงมากๆ เช่น 20-50%
passive จะไม่มีทางตอบโจทย์
21.อิสรภาพทางการเงินแล้วเป็นอย่างไร?
คนเราไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ตอนเด็ก เคยคิดว่าได้เงินเดือนเป็นแสน ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
พอได้ไปทำงานต่างประเทศก็ได้จริงๆ แล้ว แต่ก็อยากได้ work life balance แทน
เป็นเหมือน maslow ที่คนมีความต้องการเป็นขั้นๆไปเรื่อย ตอนนี้ต้องการทำอะไรบางอย่างที่ได้ fulfill ตัวเอง
22.มองโรงพยาบาลไทย?
โรงพยาบาลที่จะ capture value ได้มากสุด
ต้องขยับไป serve ลูกค้าต่างประเทศ เม็ดเงินจากต่างประเทศ
23.สัดส่วนหุ้นต่างประเทศ?
มีพอร์ตต่างประเทศมากกว่าไทย มองว่าลงทุนต่างประเทศดี แต่ไม่ได้จำเป็น
24. mint,centel,erw จะโดน airbnb disrupt ไหม?
ก็เป็นไปได้ ต้องเฝ้าดูว่าจะมีการปรับตัวไหม
25.purpose of life?
ยังคิดอยู่ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
26. trend cashless และบัตรเครดิต?
ถ้าดูจีนจะเป็น model หลักของโลก เชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจีนก้าวหน้ากว่าอเมริกา
เซี่ยงไฮ้คิดว่าเปิดหูเปิดตามาก คนจีนเสพติดการทำอะไรในมือถือ
สมัยมี concept super app ทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ cashlessไปถึงหาบเร่แผงลอยก็ใช้ qr code ก็มีคน 30-40% ที่ออกจากบ้านไม่พกเงิน
เขาไปได้เร็วเพราะไม่ติดกับ legacy เก่าๆ แบบยุโรป หรือญี่ปุ่น ซึ่งไทยก็เหมือนกัน
ส่วน บัตรเครดิต ถ้าอยู่เฉยๆ จะโดน alipay, wechat pay แย่งธุรกิจไป
27. passive investor ด้วย jitta ?
ยังไม่เคยดูรายละเอียด มี passive หลายแบบ ใช้ ratio น่าจะเป็น factor investing
หวังว่าจะลงทุนได้ดีกว่า index ส่วนตัวใช้ qualitative สร้าง index และลงทุนโดยไม่ต้องซื้อๆขายๆ
28. อีก 10-20 ปี จะเป็นเหมือนพวกอาร์เจนติน่า,ตุรกีไหม?
ไม่น่าขนาดนั้น เรามีทุนสำรองประเทศค่อนข้างเยอะ ฐานะการเงินดี ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ไทยถูกมองเป็น emerging ที่มีฐานะการเงินดีกว่าเพื่อนบ้าน แค่เวลาเติบโตเราโตไม่เท่าเขา
29. วิธีมองหุ้น?
แนว qualitative อยู่ ดูว่า 5 ปีข้างหน้ามันต้องดีขึ้น ธุรกิจใหญ่กว่านี้ แข็งแรงพอสมควร
แล้วดูราคาที่เหมาะสมประมาณไหน
ต้องกระจายระดับหนึ่ง แต่อย่ากระจายจนเบี้ยหัวแตก
ไม่มีตัวที่มั่นใจสุด เพราะทุกธุรกิจจะมีทั้งข้อดีและเสีย
ถ้าตัวไหนไม่มีข้อเสียเลย ให้สงสัยว่า เราอาจจะเคลิ้มกับหุ้นตัวนั้นอยู่หรือเปล่า