Thai VI

http://www.bangkokbiznews.com/2004/09/1 ... =pag1.html

รัฐเตรียมเปิด'ทีวีหุ้น' คุมข่าวลงทุน 24ชม.

สื่อสารตรง-สกัดข่าวลือปั่นหุ้น สั่งทำเวบไซต์ใหม่ กรองกระทู้ ฝ่าฝืนเล่นงานทางก.ม.

มั่นใจไทยแลนด์โฟกัส บริษัทไทยแจ้งเกิด

'สมคิด' ถก ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ เตรียมเปิด 'ทีวีหุ้น' 24 ชั่วโมง แบบบอกรับสมาชิก พร้อมทำเวบไซต์ หวังเป็นช่องทางกำหนดทิศทางสื่อจากภาครัฐ สกัดข่าวลือ เบรกขบวนการปั่นหุ้น พร้อมสั่งเจ้าของเวบกรองกระทู้ ฝ่าฝืนพร้อมเล่นงานทางกฎหมาย พร้อมปรับเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็น 300 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท ดีเดย์ไตรมาส 2 ปีหน้า ขณะเดียวกันลดทุนจดทะเบียนบริษัทเข้าตลาดใหม่ (MAI) เหลือ 20 ล้านบาท จาก 40 ล้านบาท หวังกระตุ้นตลาดคึกคัก

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือกว่า 3 ชั่วโมงร่วมกับ นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลท. และนายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย

การหารือครั้งนี้ ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ การจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส ช่วง 20-23 ก.ย.นี้ โดยจะมีการเชิญนักลงทุนที่เป็น Fund Manager ขณะเดียวกันหารือถึงวิธีการยกระดับคุณภาพมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ พร้อมทั้งการวางแผนสกัดข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์

'ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ก้าวหน้าไปมาก แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังดูแลไม่เพียงพอ คือ ข่าวลือทั้งหลาย ซึ่งสมัยนี้ แพร่ไปได้ทั่วอย่างรวดเร็ว เราจะต้องมีกระบวนการบริหารจัดการกับข่าวลือเหล่านี้อย่างทันเหตุการณ์ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบไม่ตื่นตัวไปกับข่าวทั้งหลาย ขณะเดียวกันคนที่ชอบปล่อยข่าวให้ ก.ล.ต.และตลาด ไปดูว่าจะมีอะไร HANDLE ได้บ้าง โดยมอบให้คุณธีระชัยไปดูแล เนื่องจากต้องการให้ตลาดในระยะข้างหน้า ไม่ผกผัน จึงต้องมีการดับข่าวลือและตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ลงโทษเฉียบขาด โดยเฉพาะหุ้นที่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบให้ครบ'

เรื่องที่สอง ได้มีการหารือเพื่อยกระดับมาตรฐานตลาดทุนทั้ง 2 ตลาด คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดใหม่ (MAI) เพื่อพัฒนาให้แข็งแกร่ง หุ้นที่เข้าจดทะเบียนต้องเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีความเข้มแข็ง เป็นเสาหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ส่วนตลาดใหม่ ต้องการสร้างให้เป็นตลาดที่ผู้ประกอบการเป็นหลักในอนาคตได้ จึงได้ลดเพดานการจดทะเบียนลงมา และแม้ว่าจะเน้นผู้ประกอบการใหม่แต่ก็ส่งเสริมธุรกิจในสาขาดีไซน์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ที่ใช้ความรู้ของคนรุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะประกาศเกณฑ์เหล่านี้ได้กลางเดือนตุลาคมนี้

'มั่นใจว่าบรรยากาศของตลาดหุ้นไทยขณะนี้ถือว่าดีมาก ถ้ารักษาบรรยากาศนี้ไว้ได้ ภายใน 4-5 ปี ตลาดหุ้นไทยจะเติบโตได้ไม่แพ้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว

เปิดสถานีทีวี ทำเวบไซต์ สกัดปั่นหุ้น

นายธีระชัย กล่าวว่า กระบวนการสกัดข่าวลือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้แนวทางไว้ว่า ช่วงที่ผ่านมาบางครั้งมีข่าวลือออกมา แต่การดำเนินการของภาคทางการ ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ อาจจะไม่ทันใจได้ผลเท่าที่ควร จึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงในเรื่องนี้

โดยจะประสานงานกับทางตลาดหลักทรัพย์ใน 2 เรื่อง คือ 1.การหาวิธีแก้ข่าวหรือทำให้ข่าวชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งต้องให้มีศูนย์ข้อมูลรวมและกระจายข้อมูลต่างๆ ที่เป็นข่าวให้มีความชัดเจน ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่จะทำเวบไซต์ขึ้นมาเป็นศูนย์รวมข้อมูล โดยมีศูนย์กลางประสานข้อมูลเป็น Call Center แต่การทำเวบไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการกระจายข้อมูลไปอย่างทั่วถึง จึงมีแนวคิดเสริมขึ้นมาอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่ตลาดหลักทรัพย์จะทำสถานีทีวี 24 ชั่วโมงขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางการกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และการชี้แจงจากภาคราชการ


นายธีระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีเวบไซต์ของภาคเอกชนเปิดโอกาสให้ประชาชนตั้งกระทู้ กลายเป็นข่าวลือ ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันหรือปฏิเสธไปปรากฏในที่ที่ประชาชนดูได้โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะจัดระเบียบเวบไซต์เหล่านี้ โดยจะขอความร่วมมือให้เจ้าของเวบไซต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายตรวจสอบ กรองหัวเรื่องกระทู้ที่ดูแล้วอาจจะส่งผลต่อการเป็นจุดให้เกิดข่าวลือและมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ก่อนที่จะ Post ขึ้นมาที่หน้าเวบไซต์

ดังนั้นต่อไปข่าวลือเหล่านี้จะน้อยลง แต่หากเจ้าของเวบไซต์ใดไม่ให้ความร่วมมือ และยังมีข่าวออกมาบนหน้าเวบไซต์ โดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลหรือเป็นเรื่องที่ไม่จริง ทาง ก.ล.ต.จะดำเนินการ เจ้าของเวบไซต์จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

'เวลามีข่าวลือออกมา เราต้องพยายามกระจายข้อมูลที่ถูกต้องผ่านทางสื่อที่มี ทางทีวี และวิทยุ นสพ.ซึ่งต่อไปเราทั้ง 2 องค์กรจะจับมือกันสยบข่าวลือ' นายธีระชัย กล่าว

ประการที่ 2.จับตาซื้อขายหุ้นกลุ่มพิเศษ ที่เคยมีประวัติเคยมีคนสร้างราคาปั่นราคากันมาก่อน โดยมีแนวปฏิบัติคือ ต่อไปนี้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์จะส่งผู้บริหารมาพบกันทุกวัน เพื่อมอร์นิเตอร์และจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่น่าจับตามองเหล่านี้ให้รัดกุมยิ่งขึ้น

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม คือ ทีมงานเฝ้าสังเกตการซื้อขายและตรวจสอบในกลุ่มที่น่าสงสัย โดยไม่ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ลงทุนเสียไป เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจอยากลงทุน ถ้ามีความผิดปกติในการพยายามทำผิดกฎหมาย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะต้องได้รับการดูแลตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว

1เดือนได้ข้อสรุป'ทีวีหุ้น'

'เรื่องทีวีเราไม่ได้ต้องการทำทีวีมาแข่งกับรายการที่มีอยู่ แต่เราเน้นความถูกต้อง รวดเร็วของข้อมูลข่าวสาร ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน เช่น ตลาดอนุพันธ์และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.และผู้ที่อยู่ในแวดวง เพื่อเข้าถึงผู้ชมในแวดวงจำกัด ผู้ประกอบธุรกิจ แวดวงตลาดทุน บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แล้ว ส่วนการทำเวบไซต์เพื่อรวมศูนย์ข้อมูล ตอบข้อซักถามโต้ตอบข้อชี้แจงอย่างทันที จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ปัญหาข่าวลือทั้งหลาย'

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการทำสื่อทีวี และเวบไซต์ จะใช้เวลาสรุปผลที่ชัดเจนไม่เกิน 1 เดือน เพราะขณะนี้ได้อนุมัติงบประมาณที่จะตั้งทีมงานแล้ว โดยทีวีที่จะทำนี้อาจจะเป็นรูปแบบของบอร์ดแบนก็ได้ เคเบิลทีวีก็ได้ หรือเซ็ทเทิลไวโค๊ทก็ได้ ยังไม่ได้กำหนด แต่จะเป็นแบบที่มีการเก็บค่าสมาชิกรายเดือนกับผู้ที่รับข้อมูลข่าวสารตรงนี้ แต่สำหรับสื่อมวลชน และสถาบันการศึกษาไม่ต้องเสียค่าสมาชิก เพราะเป็นหน่วยงานที่สามารถช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารของเราไปสู่สาธารณชน

ปรับเกณฑ์ทุนจดทะเบียนตลาดSET และ MAI

สำหรับการยกระดับมาตรฐานตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น มีการปรับเกณฑ์ใน 2 ส่วน คือ ตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนขั้นต่ำจาก 200 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท และบริษัทจะต้องมีการดำเนินธุรกิจที่มีกำไรไม่น้อยกว่า 2 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะต้องแสดงผลกำไรปีล่าสุด โดยการเปลี่ยนเกณฑ์นี้จะไม่มีผลทันที ดังนั้น บริษัทที่มีความพร้อมเตรียมตัวจะเข้าตลาดมาตั้งแต่ปี 2547 จะยังใช้เกณฑ์เดิมได้ เพื่อความเป็นธรรม และจะมีผลบังคับใช้ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2548

ส่วนตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) นั้น ได้มีการเสนอให้ลดทุนจดทะเบียนลงจาก 40 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้ามาระดมทุนได้ ซึ่งต่อไปคาดว่าตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) นี้ จะมีความคึกคักมากขึ้นเพราะจะเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนในช่วง 20-300 ล้านบาทเข้ามาระดมทุน ซึ่งเชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นน่าสนใจที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น

หวัง 'ไทยแลนด์ โฟกัส' กวาดเงินนักลงทุน

ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า งานไทยแลนด์ โฟกัส 2004 ที่จะมีขึ้นระหว่าง 20-23 กันยายน 2547 เป็นงานที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะมีผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ประมาณ 350 คน มารับฟังข้อเท็จจริงของประเทศไทย โดยในวันแรกจะให้ผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ 8-9 ราย รับประทานอาหารเช้ากับนายกรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัว รวมทั้งจะมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนมาให้ข้อมูล เพื่อทำให้ผู้จัดการกองทุนมีความเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น และจะมีการพบปะ 2 ต่อ 2 ระหว่างผู้จัดการกองทุนกับผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ และหากว่างานในปีนี้ประสบความสำเร็จ ปีหน้าก็จะจัดอย่างต่อเนื่อง

'จะมีการเชิญเจ้าของโรงแรมฮิลตันในประเทศไทย และนักลงทุนระดับสูงมาพูดให้ฟังว่าทำไมถึงลงทุนในประเทศไทย และจะมีการเชิญแขกพิเศษ อย่างเช่น นายเจริญ สิริวัฒนภักดี นายอนันต์ อัศวโภคิน นายชาติศิริ โสภณพนิช นายชุมพล ณ ลำเลียง มาพูดให้นักลงทุนฟังด้วย' ดร.สมคิด กล่าว

คัดท้าย เขียน:
นายธีระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีเวบไซต์ของภาคเอกชนเปิดโอกาสให้ประชาชนตั้งกระทู้ กลายเป็นข่าวลือ ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันหรือปฏิเสธไปปรากฏในที่ที่ประชาชนดูได้โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะจัดระเบียบเวบไซต์เหล่านี้ โดยจะขอความร่วมมือให้เจ้าของเวบไซต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายตรวจสอบ กรองหัวเรื่องกระทู้ที่ดูแล้วอาจจะส่งผลต่อการเป็นจุดให้เกิดข่าวลือและมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ก่อนที่จะ Post ขึ้นมาที่หน้าเวบไซต์

ดังนั้นต่อไปข่าวลือเหล่านี้จะน้อยลง แต่หากเจ้าของเวบไซต์ใดไม่ให้ความร่วมมือ และยังมีข่าวออกมาบนหน้าเวบไซต์ โดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลหรือเป็นเรื่องที่ไม่จริง ทาง ก.ล.ต.จะดำเนินการ เจ้าของเวบไซต์จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

ยังไง ติดตามเรื่องกฏระเบียบกันให้ดีๆนะครับ

เพิ่งเห็นว่าที่กระทิงเขียว ก็มีกระทู้ปักหมุด คุยกันถึงเรื่องนี้เลยครับ

http://www.bbznet.com/scripts/view.php? ... r=numtopic

ผมชอบลิงค์นี้ของคุณชาง ในกระทู้จัง
http://www.parliament.go.th/con40/sec-3.htm

นักลงทุนรายย่อยจะได้สลายไปจากตลาดหุ้นเมืองไทยนะสิครับ
ที่แย่กว่านั้นพวกโบรกเกอร์คงเจ๊งไปอีกเยอะ

นักดูดาว เขียน:นักลงทุนรายย่อยจะได้สลายไปจากตลาดหุ้นเมืองไทยนะสิครับ
ที่แย่กว่านั้นพวกโบรกเกอร์คงเจ๊งไปอีกเยอะ

ผมว่าคงไม่สลายครับ เพราะความโลภของคนก็ยังคงอยู่ มิได้ถูกทำลายไป แต่ว่าตาคงบอดขึ้นไปอีกเยอะเลยนะครับผมว่า

ถ้ามีการปิดเวบหุ้นจริง คงจะได้หุ้นถูกๆเยอะนะท่านคัดท้าย

ส่วนตัวแล้ว อยากให้มีแนวคิดที่เสรี ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาติ ก็แสดงความคิดเห็นได้ วิเคราะห์ได้

แต่ให้รัฐเน้นเรื่อง ให้ความรู้ในการลงทุน กับรายย่อย ให้มากๆ หว้งว่า TV หุ้น คงเป็นแนวเน้นการลงทุน วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน งบการเงิน มีค่าวัดดัชนีการลงทุน ถ้าเป็นอย่างนี้คงช่วยรายย่อยได้ครับ

ขนาดจะจับการปั่นหุ้น ยังไม่มีประสิทธิภาพเลย แล้วนี่จะมาคุมเว็บ เห็นข่าวนี้แล้วหงุดหงิดหัวใจ เลือกตั้งก็ทีนึงแล้ว ห้ามทำโพล อเมริกาไม่เห็นต้องห้ามทำโพลเลย แล้วนี่มาเรื่องหุ้นอีก ก็เรารู้ ๆ กันอยู่ว่ามีการปั่นกันในตลาด แต่ก็ไม่เห็น กลต. อะไรนั่นจะจับได้แบบเชือดไก่ให้ลิงดูสักที
ในเว็บน่ะ เค้าก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่าเป็นความคิดเห็น ๆ ไม่มีใครรู้จริง ๆ หรอก แต่มันก็ทำให้ได้ความรู้หลายอย่าง ผมศึกษาหุ้นส่วนใหญ่ก็ได้ความรู้จักกระทู้ต่าง ๆ เนี่ยะแหละ แล้วไม่มีเว็บ จะทำไงล่ะเนี่ยะ เฮ้อ...ประเทศไทย

ไม่ไหวเลย พวกคนคุมกฏในประเทศไทยเนี่ยะ

โอ้ว นี่หรือเมืองพุทธ :lol:

เมืองไทย ไม่มีอะไรน่ากลัว

น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง

สำหรับเวบ TVI ถ้ามีใครพูดในทำนองปั่นหุ้น รีบแจ้ง WEB MASTER เพื่อทำการลบนะครับ

คิดอีกทีก็แปลกนะ ทำไม SEC ของอเมริกาไม่คุมเวบหุ้นอเมริกาบ้าง
ผมว่าเยอะกว่าไทยหลายเท่าตัว อย่าง Motley fool นี่บอกชื่อหุ้นทาง email เลยล่ะ

ถ้าคิดจะออกกฎแปลกๆ ก็ขอให้ทำให้อะไรมันดีขึ้นก็แล้วกันครับ ไม่เช่นนนั้นมันจะเป็นการดูถูกปัญญาและริดรอนเสรีภาพของนักลงทุนไทย

แล้วรายการทีวีหุ้นใหม่และเว็บไซต์ใหม่นี้ใครเป็นคนชี้นำ เอ้ย.. ให้ข้อมูลครับ

แล้วอะไรเป็นตัววัดว่าข้อมูลนั้นควรหรือไม่ควรนำเสนอ เอากำไรที่กิจการทำได้หรือราคาในกระดานครับ

คุณเจ๋งนี่ใหญ่จังนะครับ

ฟังคำพูดแล้ว แบบเดียวกับเจ้าพ่อเลย

เมืองไทย ตรูใหญ่ที่สุด

ปัดโธ่
ทีนาย ก. พูดชี้นำตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นใครหือสักแอะ

1.ซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี
2.อย่าขายหุ้นถ้าขาดทุน
3.อย่าซื้อข่าวลือ
จริงหรือ???????????