MoneyTalk@SET26/8/2018
ช่วงที่ 1“เปิดใจ ก.ล.ต.”
คุณ รพี สุจริตกุล / เลขาธิการ กลต.
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดำเนินรายการ
กลต. กับตลาดหลักทรัพย์ ต่างกันอย่างไร?
ตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบการ กลต. เป็นผู้กำกับดูแล
ตลาดหลักทรัพย์ เปรียบเหมือนมีตลาดที่มีสินค้านำมาซื้อขาย ต้องเป็นของดี ติดป้ายถูกต้อง
ซื้อขายไม่ฉ้อโกง ต้องมีรายงานมาที่ผู้กำกับดูแล สอบสวน และดำเนินการตามกฏหมาย
ตลาดหลักทรัพย์กับ กลต.ไม่ได้มีใครใหญ่กว่าใคร ตลาดหลักทรัพย์ก่อตั้งมาก่อนนาน
โดยบทบาทตลาดหลักทรัพย์เป็นคนทำหน้าที่ตลาดซื้อขาย แต่ กลต. กำกับดูแล
ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ก็มีรับหน้าที่บางอย่างมาดูแล เช่น การรับหลักทรัพย์เข้ามาจดทะเบียน,
บลจ.ประกาศรายงานตามที่ต้องดำเนินการ รวมถึงตรวจดูว่าปริมาณการซื้อขายผิดปกติ
เช่น การปั่นหุ้น/ใช้ข้อมูลภายใน หรือมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่
ใครตัดสินใจว่าการปั่นหุ้นหรือใช้ข้อมูลภายใน?
ศาลเป็นผู้ตัดสิน โดยก่อนถึงศาล กลต.จะมีขั้นตอนการดำเนินคดีด้านแพ่ง มีการทำบันทึกยินยอมและชำระค่าปรับ
กรณีที่ฟ้องศาล เป็นคดีอาญา กลต.ไปแจ้งความ
พนักงานสอบสวน(ตำรวจ) เป็นผู้ทำสำนวนคดี
กระบวนการสอบสวนจนมั่นใจว่ามีการกระทำความผิด?
เริ่มจากตลาดหลักทรัพย์มีการตรวจว่าหลักทรัพย์มีการซื้อขายผิดปกติ เช่น Volume ซื้อขายมาก
และหาความผิดปกติเกิดจากอะไร อาจต้องมีการให้ผู้บริหารชี้แจง หรือ ตลาดโลกอาจมีปัจจัยที่ส่งผลให้คนซื้อขาย
โดยอาจตรวจสอบที่โบรกเกอร์ ว่าลูกค้าที่ส่งคำสั่งซื้อมาก เป็นใคร หรือเป็นบัญชี nominee
ต้องไปติดตามดูต่อ จนรวบรวมเอกสาหลักฐาน เอาเข้าอนุกรรมการฝ่ายกฏหมาย และพิจารณาส่งเรื่องต่อไป กลต.
ถัดมา กลต.สามารถตรวจสอบทางเงิน คือ เงินมาจากไหน ไปไหน
อดีต มีการโอนเงินผ่านบัญชี แต่ตอนหลังมีการถอนเงินสด โดยไม่ได้เข้าสาขาเดียวกัน หรือจังหวัดเดียวกัน
ซึ่งการสอบเจ้าหน้าที่แบงค์ จะมีขั้นตอนยาว
โดยหากสรุปได้ จะมีการนำเข้าพิจารณา อนุกรรมการฝ่ายกฏหมายของ กลต.
รวบรวมแล้วจึงทำเรื่องกล่าวโทษกับตำรวจ ซึ่งใช้ระยะเวลาเป็นปี
ถ้าเป็นกรณีในต่างประเทศขึ้นกับ regulator ในประเทศนั้น ต้องเขียนจดหมายไปหา
ในทางกลับกันเขาก็เคยเขียนจดหมายมาหาเราเหมือนกัน เป็นการขอความร่วมมือระหว่างประเทศ
กลต. เป็นผู้ตรวจสอบ อำนาจจะใช้ได้ต้องมีข้อบ่งชี้ว่าอาจการกระทำความผิดด้านกฏหมาย
เช่น มีบัตรสนเท่ห์ส่ง กลต. มา ต้องพิจารณาว่ามีมูลเพียงพอ ไม่ใช่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
ในหลายกรณี มีการทะเลาะภายในบริษัทก็มีการเขียนบัตรสนเท่ห์มากล่าวหากันก็มี
การปั่นหุ้นหลายตัวแต่ไม่เห็นว่ามีการดำเนินการ ที่จริงมีการทำอะไรไหม?
กลต.มีการดำเนินการ แต่ระหว่างทางก็ไม่สามารถเปิดเผยได้
ในบางเคสที่มีการดำเนินการกล่าวโทษหรือดำเนินคดี ต้องตรวจสอบบัญชีเป็นร้อยกว่าคน
จึงยังไม่มีความแน่นอนว่าปั่นหุ้นจริงหรือเปล่า
หลายกลุ่มที่มีการปั่นหุ้น ก็มีการใช้ line กับคนที่เป็น influencer ให้ข่าวและแชร์ต่อ
ซึ่งกว่าที่ข่าวจะไปถึงเป็นเวลานานแค่ไหนก็ไม่รู้ มาจากใครก็ไม่รู้
แต่คนเชื่อคนที่เก็งกำไรมักคิดว่าตัวเองจะออกทัน
การจับข้อมูลใน line เป็นเรื่องยาก เป็นกลุ่มปิด น้อยครั้งที่จะมาหา กลต.
อยากฝากนักลงทุนว่า ส่วนตัวทุกวันนี้ยังไม่กล้าซื้อขายเอง ในกระบวนการตัดสินใจหุ้นรายตัวของสถาบัน
เขาไม่ได้เชื่อ จะโทรถามนักวิเคราะห์เพื่อสอบถามให้มั่นใจในข้อมูล มีการพูดคุยผู้บริหาร หรือ company visit ,
มีคณะกรรมการลงทุน , ดูสภาพคล่อง ก่อนตัดสินใจลงทุน ระหว่างทางก็ต้องมีการติดตามข้อมูลภายในบริษัทต่างๆ
ซึ่งนักลงทุนรายย่อยเข้าไม่ถึงข้อมูลเหล่านี้
เช่น แบงค์แห่งหนึ่งมีแผนจะปิดสาขาลดลง กับอีกแบงค์จะมีแผนเปิดสาขาเพิ่ม
จะวิเคราะห์ได้อย่างไรว่าบริษัทไหนกลยุทธ์ถูก เป็นเรื่องยากมาก
ดังนั้น นักลงทุนต้องมีเวลา เข้าใจ ใส่ใจ อ่านงบเป็น เข้าใจ sensitivity, feasibility โครงการที่ขายฝันไว้เป็นจริงไหม
บทบาท กลต. เมื่อเกิดปัญหาทุจริต?
กลต.ไม่มีอำนาจให้สั่งจัดประชุม แต่ผู้ถือหุ้นสามารถรวมตัวกัน ร้อยละ 10 ที่สั่งให้จัดประชุมได้
หลายบริษัทผู้ถือหุ้นกระจายเบี้ยหัวแตก จึงไม่ง่ายที่จะรวมตัวกันดำเนินการกับผู้บริหาร
หากพบว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ผู้สอบบัญชีจะเป็นคนแรกที่จะค้นพบ ก็อาจมีการฟ้องกลต. หรือไม่รับรองงบการเงิน
โดย กลต.ก็สามารถสั่งให้ทำตรวจสอบเพิ่มเติม และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรู้
ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นได้ข้อมูลเท่าเทียมกันหรือไม่?
ไม่เท่าแน่นอน ผู้บริหารบริษัทเห็นงบรายเดือน ก็ต้องเห็นข้อมูลมากกว่า
แต่ถ้านำไปใช้ประโยชน์เมื่อไรก็ผิดกฏหมายทันที คือ insider trading ซึ่งที่ผ่านมามีการถูกปรับบ่อยมาก และห้ามเป็นผู้บริหาร
หลายบริษัทจะมีกำหนดช่วงเวลาที่ห้ามกรรมการซื้อขายหุ้น (blackout period) เพื่อไม่ให้ได้เปรียบคนอื่น
การแก้ไขกฏหมายให้กลต.มีอำนาจเพิ่มเติม?
กฏหมายไทยไม่ได้ต่างกับต่างประเทศ แต่โครงสร้างนักลงทุนต่างกัน
ในตลาดหุ้นที่พัฒนาไปมาก แทบไม่มีนักลงทุนรายย่อย เพราะคนซื้อขายหุ้นผ่านกองทุนรวม
รวมถึงการใช้โปรแกรมเทรดดิ้ง เพราะนักลงทุนซื้อขายไม่ทัน
ในต่างประเทศก็มีการปั่นหุ้นเหมือนกัน และใช้เวลาสอบสวนหรือตัดสินนานเป็นปีเหมือนกัน
เครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง ที่นำมาใช้ในวงการซื้อขาย เช่น robot trade ที่ตัดหน้าซื้อขายได้เร็วกว่า
หรือการซื้อ block trade ที่โบรกเกอร์เข้ามาซื้อหุ้นเพื่อให้ครบสัญญาเราผิดไหม?
ไม่ผิดกฏหมาย เพราะโบรกเกอร์ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงตัวเอง
โดยเป็นข้อมูลที่เปิดเผยตลาดเวลา สามารถดู position ในตลาด TFEX ได้
ทำอย่างไร ให้ข้อมูลเท่าเทียมกันมากขึ้น เช่น รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกาศปีละครั้ง ทำไมไม่เปลี่ยนทุกอาทิตย์ จะได้ยุติธรรม?
ถ้าเป็นกรรมการบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุกครั้งในการซื้อขายต้องมีการรายงานและเปิดเผยด้วย
โดยการที่จะปรับความถี่ในการปิดสมุดจดทะเบียนเป็นอำนาจของตลาดหลักทรัพย์
กระบวนการ กลต. เข้าไปดูแลบริษัท เมื่อมั่นใจว่ามีปัญหาชัดเจน จะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น?
เจ้าของบริษัท ถ้าไม่ไว้ใจผู้บริหารก็ต้องมีการเรียกประชุม
โดย กลต.ก็หน้าที่ให้แจงข้อมูลให้ถูกต้อง หรือส่งฟ้องคดีตามที่ได้เล่าไปแล้ว
กรรมการการอิสระถูกเลือกโดยบริษัทเอง อาจไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบร้องเรียนได้ไหม?
สามารถร้องเรียน กรรมการบริษัทได้ ว่าทำผิดกฏหมาย
แต่อำนาจ หรือบทบาท กลต.ที่ทำได้มากสุดคือการให้เปิดเผยข้อมูล
เช่น กรรมอิสระ 3 คน เป็นใครไม่รู้ ไม่เคยมีประวัติ หรือบทบาท
ซึ่งหากเราไม่ไว้ใจ กรรมการที่เป็นผู้บริหารบริษัทที่เป็นเจ้าของ ทำไมเราถึงลงทุนบริษัทนี้ ?
มีคนพบข้อมูลความผิดสามารถฟ้องกลต.ได้ไหม?
ใช้ได้ต่อเมื่อ อาจมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
ถ้าหากไม่มีหลักฐาน แล้วจะขอไปตรวจสอบไม่ได้
ผู้บริหารก็มีอิทธิผล เคยถูกฟ้องหรือถูกขู่ไหม?
ทุกวันนี้ก็ถูกฟ้องหลายเรื่อง เช่น ใช้อำนาจไม่ถูกต้อง
หรือถูกขู่ให้ระวังตัวดีๆ
ปิดท้าย
อ.นิเวศน์ สรุปใครซื้อแล้วขาดทุนบริษัทฉ้อฉล เจ็บตัวก็ต้องยอมรับ
จะหวังให้ กลต. มาช่วยก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย ไม่ใช่เขาจะแก้ปัญหาให้ได้
อ.ไพบูลย์ เงินทองจะเอาไปลงที่ไหน ต้องคิดให้ลึกให้มากให้มั่นใจ ไม่เช่นนั้นก็เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
การลงทุนมีความเสี่ยงศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ช่วง 2 “หุ้นเด่นและกองทุนธรรมาภิบาล”
1. คุณ วรวรรณ ธาราภูมิ / ผู้สนับสนุนหลักของกองทุนธรรมาภิบาล
2. ดร.สมจินต์ ศรไพศาล / กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย
3. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค / ที่ปรึกษา แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม
อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และ นพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ ดำเนินรายการ
อ.เสน่ห์ ธรรมาภิบาล กลต.มีการกำหนดกรอบให้ผู้บริหาร,กรรมการ,พนักงาน ปฏิบัติตาม
1.มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ (Accountability)
2.มีสำนึกหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ (Responsibility)
3.เคารพต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกันและสร้างความมีส่วนร่วม (equitable treatment and participation)
4.เปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานด้วยความโปร่งใส (transparency)
5.ควบคุมภายในและตรวจสอบ(Internal control & internal audit)
6.เพิ่มมูลค่าให้กับตลาดทุนทั้งระยะสั้นและยาว (Value creation)
7.มีการวางกรอบคุณธรรมและจริยธรรม (Code of conduct & code of ethics)
ที่มาที่ไปของโครงการกองทุนธรรมาภิบาล?
คุณตู่ เมื่อ 2 ปีก่อน บัวหลวงจัดตั้งกองทุน CG+ ลงทุนในบริษัทที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบต่อสังคม
กองทุนรวมคนไทยใจดี (B-kind) เป็น ESG Fund(Environment, Social Responsibility, Good Governance)
พบว่าพนักงานหรือผู้คนมีความตอบรับในสิ่งที่ดี ที่ทำให้สังคม หลังจากนั้นผ่านมา 2 ปี จึงชักชวนเพื่อนในอุตสาหกรรมมาร่วมทำ
ตอนที่ทำโครงการก็เป็นความริเริ่มอยากทำขึ้นมาเอง จนตอนหลังมาอ่านเจอว่าในต่างประเทศก็มีการทำเช่นกัน
เรามีบลจ. 11 แห่งมาร่วมกันจัดทำกองทุน Thai CG โดยเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดไทย และกลั่นกรองว่าเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี
มี Stock universe(ตะกร้าหุ้นที่ลงทุนได้) เดียวกัน โดยแต่ละบลจ. บริหารแยกกัน
เกณฑ์การคัดเลือกคือ
1. ได้รับอันดับ CG ที่กลั่นกรองโดย IOD (ระดับ 1-5 ดาว) เราคัด 4 ดาวขึ้นไป (จาก 600 เหลือ 200-300 บ.)
2. บริษัทต้องรับแนวปฏิบัตินโยบายต่อต้านคอรัปชั่นไปทำจริง
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการจากบลจ.สามารถให้ความเห็นเพื่อคัดออกจากบริษัทหรือผู้บริหารที่มีแนวโน้มไม่เข้าข่าย
อ.สมจินต์ เสริมว่ายังมีการมองในเรื่องการต่อต้าน corruption
โดยบริษัทต้องมีการยอมรับมาใช้ด้วยจึงอยู่ใน stock universe
ซึ่งนโยบายการต่อต้าน corruption เป็นเรื่องที่ขึ้นกับความสมัครใจของบริษัท
ตอนนี้มี stock universe 173 บริษัท จาก 600 ร้อยกว่าบริษัท
เปรียบเทียบกับปี 60 คิดเป็น 49% ของ Mkt cap แต่ตอนนี้เป็น 60% ของ Mkt cap แล้ว
โดยสิ่งที่พวกเราทำจะเป็นการนำให้บริษัทสนใจและเอาจริงเอาจังกับการต่อต้าน corruption และ CG
บริษัทใน SET 50 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28 ->34 บริษัท
บริษัทใน SET 100 (ไม่นับ SET50) 8 ->16 บริษัท
บริษัทนอก SET 100 จาก 62-> 112 บริษัท
ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุนคืออะไร ?
คุณตู่ เหมือนการซื้อกองทุนหุ้นทั่วไป ซึ่งตรงนี้จะเป็นการติดแบรนด์ไว้ว่าเป็นหุ้นที่มีการคัดหุ้นเพิ่มเติม
ค่าใช้จ่ายกองทุนไม่ได้เสียอะไรเพิ่ม แต่ได้หุ้นที่มีธรรมาภิบาล และเงินที่กองทุนได้จากการบริหารจะแบ่ง 40% อุทิศให้กับโครงการสังคมต่างๆที่ยั่งยืน
อ.สมจินต์ เสริมว่า CG เป็นเรื่องไก่กับไข่ บริษัทที่บริหารจัดการดี จะมีโอกาสผลตอบแทนดีด้วย
บริษัทที่ผลตอบแทนดี ก็จะมีโอกาสลงทุนให้ CG ดีด้วย ดังนั้น universe ที่แคบลงของเราไม่ได้กระทบกับผลตอบแทนการลงทุน
โดยที่ 40% ที่นำไปทำความดี ไม่ได้ไปทำให้ต้นทุนในการบริหารการจัดการของผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น
ค่าธรรมเนียมที่แบ่งไปทำความดี แบ่งให้องค์กรไหนบ้าง?
ดร.สมจินต์ ส่วนที่เป็น 40% ทางยุวภัทร เป็นผู้ช่วยเหลือแนะนำ ว่ามีมูลนิธิ หรือสิ่งดีๆอะไรที่จะทำได้
โดยนอกจากนี้ บลจ.ทหารไทย มีมูลนิธิไฟฟ้าของธนาคาร tmb จะมีศูนย์การเรียนรู้ 4 แห่งให้กรุงเทพ
ให้เยาวชนด้อยโอกาส มาเรียนหรือฝึกอาชีพ และยังมีการรณรงค์ให้พนักงานทำความดี จึงทำให้เรามีการแบ่งเงินเพิ่มเติมอีก 10% รวมเป็น 50%
คุณตู่เสริม ขนาดกองทุนรวม 11 แห่ง ราว 5,500 ล้านบาท
โดยเฉลี่ย 5,500 x 1.x% จะได้เงินราว 70 กว่าล้านบาท
โดย 40% จะเป็นเงิน 20-30 ล้านที่จะไปบริจาคเพื่อทำโครงการดีๆ ซึ่งก็จะมีคณะกรรมการช่วยพิจารณา
ดร.ต่อภัสสร์
แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นหน่วยงานที่อยากแก้ปัญหาหรือพัฒนาสังคม
แต่รอเงินบริจาคจะไม่ยั่งยืน จึงต้องมี business model และมีเป้าหมายแก้ไขปัญหาสังคมด้วย
แฮนด์ มีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านคอรัปชั่น
โดยภารกิจสำคัญคือการสร้างเชื่อมโยงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลและต่อต้านคอรัปชั่นทั้งหลาย
ที่จริงในไทย มีองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นกว่า 30 องค์กร
หลายหน่วยงานไปได้ดี สร้างาผลกระทบทางสังคมได้ดี แต่บางหน่วยงานก็มีความคิดที่ดี
แต่ขาดการสนับสนุน ดังนั้นเมื่อเกิดCG Fund จึงเป็นจุดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคม เชื่อมกับผู้ลงทุน และหน่วยงานผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาสังคม
Corruption perception index (CPI) ลำดับที่ 96 จากปีก่อนลำดับที่ 101
ได้คุยกับคุณพ่อสมัย 20 ปีก่อนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
แต่ทุกวันนี้สามารถทำได้ เป็นนักวิชาการต่อต้านคอรัปชั่น ปัจจุบันเริ่มมีคนทำงานเต็มไปหมด
ถ้าหาก 30 องค์กรนี้สามารถร่วมมือกันได้ จะไปช่วยสนับสนุนองค์กรที่ขาดอยู่ในบางด้าน
จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมและเป็นพลังในการแก้ไขคอรัปชั่น
โดยกระบวนการ,ระบบ และเทคโนโลยีที่เข้ามา จะเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยต่อไป
โครงการหลักๆ มีที่พอรู้จักไหม?
ดร.ต่อภัสสร์ โครงการหมาเฝ้าบ้าน Watch dog ทำการเปิดโปงโครงการต่างๆ เช่น อาหารกลางวัน
ซึ่งจะมีการประสานงานต่อกับตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตราบใดที่สามารถดึงองค์กรต่างๆมาทำงานเป็นระบบได้
จะช่วยสร้างระบบนิเวศน์ในการต่อต้านคอรัปชั่น
คุณตู่ เสริม ชื่นชมสำนักข่าวอิสรา ที่ให้ข่าวคอรัปชั่นโดยไม่ได้มาด่า แต่เอาข้อมูลความจริงมาเปิดเผย
คนที่จะทำเรื่องคอรัปชั่นได้สำเร็จไม่ใช่ภาครัฐ ทุกคนเป็นพลเมือง รอบตัวมีเรื่องอะไรไม่ดี
เราต้องตื่นรู้ เป็น active citizen มี social media ที่จะส่งข้อมูลถึงกันได้ง่าย พลเมืองร่วมมือกันจะมีผลได้มากสุด
ในต่างประเทศระยะยาวพิสูจน์แล้วว่ากองทุนแบบนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนทั่วไป
ดร.ต่อภัสสร์ การคัดเลือกโครงการหรือเข้าไปค้นหา
โดยชวนคุยแนวทางแก้ไขปัญหา ว่าสอดคล้องกันเกี่ยวข้องกับการต่อต้านคอรัปชั่น หรือการพัฒนาตลาดทุน
การสร้างผลกระทบและความเป็นไปได้
นำเสนอสู่คณะกรรมการเพื่อคัดเลือกต่อไป
ในครั้งที่ 1 ที่ตกลงกัน คณะกรรมการตัดสินใจ สนับสนุน 2 โครงการ
โครงการ 1 CAC for sme (Collective Action Coalition against corruption)
เป็นการสร้างหลักเกณฑ์และให้ sme เข้ามาร่วมแสดงเจตจำนงค์และรับรอง เหมือนได้ฉลากต้านโกง
โดยมีเป้าหมายในปีแรก 50 บริษัท ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทสนใจแล้วกว่า 20 บริษัท
มีหลักเกณฑ์ทั้งหมด 17 ข้อ
มีการส่งหลักฐานเข้ามาตรวจสอบ
พนักงานบริษัทนั้นต้องเข้ามาอบรม เป็น e-learning
โดยมีการคอยตรวจสอบหรือคัดออกได้
โครงการ 2 Open dream เมื่อก่อนจะมีหลักสูตรสอนว่าห้ามโกงนะ บางหลักสูตรก็ได้ผล บางทีก็ไม่ได้ผล
เด็กสมัยนี้ชอบเล่นเกม บริษัทจึงพัฒนาเกมเพื่อช่วยแก้ปัญหาสังคม ชื่อ Corrupt the game
เป็นเกมพาเข้ามาอยุ่ในสถานการณ์จำลอง ว่าจะตัดสินใจแบบไหน ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ได้มาจากใครมาบอก
มีคนดาวน์โหลดไปกว่า 7 หมื่นคนแล้ว ต่อไปถ้ากระจายเข้าไปในห้องเรียนได้
จับมือร่วมกับสถาบันต่างๆ มีการวัดประเมินผล เช่น เด็กเลือกทำดีไม่ทำดีเพราะอะไร ใช้เวลาตัดสินใจนานแค่ไหน?
มีการวัดผลโครงการอย่างไร?
คุณต่อภัสสร์ มีดัชนีชี้วัด หรือการทำวิจัยเปรียบเทียบ และนำไปชี้แจงต่อคณะกรรมการหรือสังคม
บางทีผู้อำนวยการในโรงเรียนที่เป็นผู้นำต่อต้านคอรัปชั่น กลับเป็นคนคอรัปชั่นเอง จะทำอย่างไร ?
ดร.ต่อภัสสร์ เป็นประเด็นที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับ CG Fund มาก
ที่ผ่านมาประชาชนเชื่อมั่นกับองค์กรหรือผู้นำ แต่ที่จริงแล้วคนแก้ปัญหาคือ ผู้ปกครอง กับนักเรียน
เช่นเดียวกับสังคมไทย คนแก้ปัญหาคือ ประชาชน
การลงทุนในกองทุน CG ก็เป็นเหมือนมีองค์กรมาช่วยทำให้เงินงอกเงยและแก้ปัญหาสังคมไปด้วยกัน
แนะนำกองทุน?
ดร.สมจินต์ TMB ชื่อกองทุนรวมหุ้น TMB ธรรมาภิบาลไทย(TMB-ThaiCG)
มี 1 กองทุน ขนาด 1.6 พันล้านบาท
นโยบายลงทุนในบริษัทที่อยู่ใน universe 173 บริษัท โดยเลือกตาม fundamental
เช่น การเติบโต,ความคุ้มค่าของราคา,มองสภาพคล่องต่างๆ คาดหวังผลตอบแทนเหมือนกับการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วไป
การลงทุนไม่ซื้อขายบ่อย มีมุมมองการลงทุนในระยะยาวหน่อย
ซื้อได้ที่ธนาคาร tmb ทุกสาขา Tel.1725
คุณตู่ บัวหลวงมี 4 กองทุน
บัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล(BSIRICG), คนไทยใจดี(BKIND),
กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาลเพื่อการเลี้ยงชีพ(BSIRIRMF),
บัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย (B-Thai CG)
วิธีบริหารมองการลงทุนข้างหน้า, mega trend ซึ่งระหว่างที่มองยังไม่เห็นผล แต่เราจะมี theme
เช่น 2555 บินแหลก บริโภคไม่อั้น, 2556 ทุกอย่างสว่างไสว คุ้มกันภัยในชีวิตทรัพย์สิน
2557 มีตรายั่งยืนโปร่งใสมีชัยไปกับAEC, 2558 วิถีไหมเชื่อมโยงสายไหมเครือข่ายออนไลน์แสนสะดวก
2559 สูงวัยสุดสำราญบริการปัจจัย4 ,2560 ชีวิตสบายด้วยเทคโนโลยีชีวิตดีด้วยพลังงานสะอาด
2561 ตลอดสาย supply chain ตามtrend ecommerce และรถไฟฟ้า
มันไม่ได้เห็นผลทันที ต้องอาศัยเวลาถึงจะเห็น อาจไม่ใช่ของฮิตในเวลานั้น
ซึ่งการมี theme ใหม่ก็ไม่ได้ทิ้ง trend เก่า เป็นเหมือนการก่ออิฐบล็อคขึ้นไป แต่หากอันไหนไม่ดีก็จะทยอยทิ้งออกไป
ช่วงที่ 3 “ตอบปัญหาคาใจเรื่องหุ้น”
1. คุณ ธันวา เลาหศิริวงศ์ / อดีตนายกสมาคมไทยวีไอ
2. คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง / อดีตนายกสมาคมไทยวีไอ
3. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร / ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
มองหุ้นตอนนี้อย่างไร?
ดร.นิเวศน์ มีนัดกินข้าวกับ VI หลายกลุ่ม ทุกครั้งที่ประชุมมีการเสนอหุ้น เลือกหุ้นคนละตัวแล้วมาดูอีก 3 เดือน เป็นอย่างไร
แต่ระยะหลังไม่ค่อยมีหุ้นจะเลือก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ทุกคนมีความมั่นใจ
คุณธันวา ค่อนข้างเห็นด้วยกับอ.นิเวศน์ ช่วงเวลาที่ดีสุดในการให้ผลตอบแทนสูง ได้ผ่านไปแล้ว
อาจจะด้วยโครงสร้างนักลงทุนที่เปลี่ยนไป,ตลาดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ส่วนตัวใช้มืออาชีพลงทุนแทน คิดว่าผลตอบแทนไม่แตกต่างกัน จึงเอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน
คุณโจ มีข้อสังเกตที่ครั้งนี้มีคนมาฟังครึ่งห้อง หรือไปดูออนไลน์
ที่หาดใหญ่ก็เหมือนกัน ตอนที่ตลาดดีๆเสียงดังคึกคัก ทุกวันนี้เสียงเงียบกริบ
ผลตอบแทนหุ้นไทยปีนี้ YTD หุ้นที่บวก 170 ตัว ที่เหลือ ไม่ขาดทุนน้อยก็ขาดทุนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะหดหู่
ซึ่งเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่ดี ถ้าตลาดเป็นอย่างไรให้คิดตรงกันข้าม จะเป็นคนส่วนน้อยของตลาด
ในวงการหุ้นคนส่วนน้อยถึงจะรวย ดังนั้นหุ้นลงอย่าซึมเหงาหงอย ให้อ่านเยอะๆ หุ้นขึ้นก็ให้ระมัดระวัง
สภาวะนี้ควรเอาเงินใส่ในตลาดหุ้นหรือเอาออกมาก่อนดีกว่า?
อ.นิเวศน์ เสริมที่คุณโจพูดก็ถูกต้องตามหลักจิตวิทยา แต่วันนี้หุ้นยังไม่ตกหนักๆ ทุกคนหมดหวัง
แต่หุ้นไม่ลง จากต้นปี หุ้นลงแค่ 3% รวมปันผลแทบไม่ตก ตอนนี้ก็รอว่าถ้าหุ้นตกหนักก็เป็นเวลาที่จะเข้าลงทุนได้
แต่ก็ดูคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากขายหุ้น ดอกเบี้ยก็ต่ำมาก ก็ยังไม่มีอะไรที่ดีกว่าหุ้นที่ชัดเจน
คุณธันวา ส่วนตัวยังถือหุ้นมากกว่า 90% อยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้มีแบ่งพอร์ตลงทุนที่เวียดนามและอเมริกา
โดยที่อเมริกาถือว่าดีกว่าประเทศไทยเยอะ
คุณโจ ขอแสดงความเห็นต่าง ว่าหุ้นที่ลงไม่มากคือหุ้นที่ ดร. ถือ แต่หุ้นที่ถือลงมาก
ที่หุ้นไม่ลงเยอะ Market Cap สูงมีผลกับ SET สูง ตัวที่ใหญ่สุดคือ PTT ซึ่งหุ้นใหญ่ๆส่วนมากขึ้นเพราะราคาน้ำมันขึ้น
ส่วนหุ้นตัวเล็กๆ ลงเยอะ บางตัวลง 50-60% ก็มี
ที่ผ่านมาทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ให้มองไปข้างหน้าว่า ถ้าอีก 1-2 ปีข้างหน้า กำไรเพิ่มขึ้น
แล้วราคาปัจจุบันไม่แพง มั่นใจว่าท่านจะไม่ขาดทุน เช่น ปีนี้ PTT,HMPRO ที่กำไรเติบโต ราคาหุ้นก็ยืนอยู่ได้
ส่วนตัวถือเงินสด -1% พอดีหุ้นลงเยอะเลยใช้ margin ไป 1%
อ.นิเวศน์ ถือเงินสดราว 10%
การลงทุนที่เวียดนาม ยังแนะนำเหมือนเดิมไหม?
อ.นิเวศน์ ถ้าอยากรวย มีเวลา มีความรู้ ก็ยังแนะนำให้ไป
แต่ถ้าสมัครเล่น ก็ไม่แนะนำเพราะรู้ว่ามันไม่ง่าย
ถ้าเก่งจริงแล้วอยากรวยแบบ VI เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ยังเป็นโอกาส
แต่สภาพแวดล้อมการทำธุรกิจต่างๆไม่เหมือนกัน ทั้งการบริหารงาน วิธีการทำธุรกิจ
พวกหุ้นที่ขึ้นในเวียดนามเป็นหุ้น Popular ที่กองทุนเล่น แต่หุ้นถูกๆแบบ VI ไม่มีคนเล่น
คนรวยเวียดนามไม่ได้เล่นหุ้น ทำธุรกิจรวยได้เร็ว คนไม่อยากเล่นหุ้น
คุณธันวา มีการลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล 3 ปีแล้ว
ก็ค่อนข้างดี จน ม.ค.61 แต่หลังจากนั้นก็ลดลงมาจนปี 61 เท่าทุนแล้ว แต่รวมแล้ว3ปี ผลตอบแทน 34%
คุณโจ ลงทุนเวียดนามราว 10% เป็นการกระจายความเสี่ยง มีอยู่ช่วงที่หุ้นไทยลงหนัก
แต่เวียดนามไม่ลงเลย ก็รู้สึกว่าดีมาก เป็นข้อดีของการกระจายความเสี่ยง
ซึ่งการลงทุนที่เวียดนามยากกว่าที่คาด แต่ก็มีโอกาส เช่น ซื้อหุ้น 20% ของ BV
,หุ้นปันผล 13% ต่อเนื่อง ,หุ้นบางตัวกำไรดี pe ต่ำ ไม่จ่ายปันผล
ทุกวันนี้เข้าใจความรู้สึกว่าไปเป็นต่างชาติในตลาดเวียดนาม
ก็จะเสียเปรียบนักลงทุนเวียดนาม เหมือนที่ต่างชาติมาลงทุนในไทย
กำไรหรือขาดทุนหุ้นอยู่ทำอย่างไร?
คุณธันวา ทำใจก่อน ตัวที่ขาดทุนดูว่าอนาคตยังดีอยู่ไหม
ระยะสั้นยังไม่มีแนวโน้มว่าดีอาจต้องคิดเพิ่มเติม ว่าในตลาดปัจจุบันมีหุ้นที่น่าสนใจกว่าไหม
เปรียบเทียบจาก upside/downside บริษัทที่ถือ
คุณโจ คนที่ทนขาดทุนไม่ได้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จะเอาแต่เขียวอย่างเดียวไม่ได้ หุ้นไม่ขึ้นก็ลง
ช่วงที่ตลาดไม่เอื้อเป็นธรรมดาที่จะแดงบ้าง ก็ต้องอดทน
ถ้าขายตอนดัชนี 1600-1700 เปรียบเทียบกับตอน 1800 ไปขายตอนแพงๆไม่ดีกว่าหรอ
เกิด snake bite effect จะขาดทุนจากกำไรเยอะเหลือน้อย พอขาดเสร็จก็เด้งขึ้นมา
แต่ถ้าอนาคตไม่ดี พื้นฐานเปลี่ยน ก็ควรขายไปซื้อตัวใหม่ที่ดีกว่า
อ.นิเวศน์ ขอเสริมการขายหุ้นไม่ขึ้นกับขาดทุนหรือกำไร
ประเด็นคือ เราจะเล่นเฉพาะหุ้นที่กำไร หุ้นที่ขาดทุนก็จะขายไปเรียบร้อยแล้ว
เราจะขายเพราะมันไม่ดี ไม่คุ้มกับราคาของมันแล้ว
มนต์ขลังการใช้ชื่อเมียซื้อหุ้นยังใช้ได้ไหม?
ดร.นิเวศน์ ที่จริงตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเอากลับมา พอหุ้นตกหนักก็ไม่มีเงินสด
แต่พื้นฐานหุ้นหลายตัวยังดี อยากใช้ margin ก็เลยได้ซื้อมาในชื่อตัวเอง
สมัยก่อนตอนย้ายที่ทำงาน หลักลอย และต้องมีเซ็น confirm เลยใช้ชื่อภรรยา
ถ้าเจอหุ้นที่ดีควรตีแตกควรยังทำอยู่ไหม?
คุณโจ หุ้นตีแตกหาได้ไม่ง่าย ถ้ามันดีจริง ไม่ช้าก็เร็วจะมีคนเจอหุ้นตัวนี้
ฆ่าควายอย่าเสียดายเกลือห้ามรอ ถ้าช้าต่อราคาแต่คนอื่นมาเห็น หุ้นจะวิ่งไปเร็วมาก
เคยมีหุ้นนิคมต้วหนึ่ง รู้สึกว่าดีก็ซื้อมานิดหน่อย แล้วก็ไปคุยให้พี่ที่พอร์ตใหญ่ฟังดู
วันถัดไปหุ้นขึ้น 10% แต่ก็ยังยึกยักๆ ภายใน 1 ปีขึ้นไป 2 เท่ากว่า
ถึงแม้จะมั่นใจว่าหุ้นตีแตกได้ แต่ก็อย่าประมาท สิ่งที่คิดว่าชัวร์มันอาจไม่ชัวร์
ดังนั้นจะไม่ซื้อเกิน 40% แม้จะพลาดตัวนี้ก็ยังเหลืออีก 60%
คุณธันวา ส่วนตัวคิดว่าโอกาสเจอหุ้นตีแตกยาก สำหรับคนที่ลงทุนมามีประสบการณ์ก็สนับสนุน
แต่ก็อยากให้ทบทวนดูว่า ทำไมเราเห็นแต่คนอื่นไม่เห็น
ดร.นิเวศน์ สถานการณ์แบบนี้เกิดยากมาก เพราะถ้าดีก็ขึ้นไปเยอะแล้ว
ที่เคยตีแตกหรือลงทุนเยอะ เป็นภาวะหุ้นเงียบเหงา หรือวิกฤติคนไม่สนใจหุ้น
สมัยบัฟเฟตต์ตีแตกแต่ละตัวก็เป็นหุ้นที่เกิดวิกฤติเช่น AMEX ที่มีปัญหาใหญ่โต
ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะบางอย่าง
บางทีอาจพบหุ้นมีสมบัติเยอะ มี mos
แต่หากไม่ unlock ก็ตีแตกไม่ได้อยู่ดี จะเป็นหุ้นถูกอยู่อย่างนั้น
เลือกหุ้น มี mos มีพื้นฐานรองรับ ดูอย่างไร?
คุณโจ ซื้อหุ้นที่ถูกกว่าคุณภาพ ถ้าไม่ศึกษาก็ไม่รู้ ศึกษากราฟเทคนิค
ใส่ตัวเลขเข้าไปก็รู้แล้วว่าหุ้นตัวนี้ควรซื้อหรือขาย มันตอบสนองความง่ายเร็ว
VI กว่าจะรู้ว่าหุ้นนี้มีคุณภาพอย่างไร มีคุณค่าเท่าไรต้องใช้เวลา แต่ไม่ยากเกินคนทั่วไปทำได้
ส่วนตัวที่ผ่านมาเรียนก็ได้ 2 กว่าๆ มาตลอด หลักการไม่ได้ยาก แต่ทัศนคติมันยาก
ถ้าราคาลงควรขายดีไหม แสดงว่าผิดตั้งแต่ต้น แต่ VI บอก focus ที่ธุรกิจ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่มูลค่าธุรกิจแต่เป็นราคาหุ้นในกระดาน เป็นวิกฤติราคาหุ้น แต่ไม่ใช่วิกฤติบริษัท
เมื่อไรที่เราแยกสองอย่างนี้ได้ นั่นคือเราผ่านแล้ว
คุณธันวา ชอบลงทุนหุ้นที่แข็งแกร่ง โอกาสได้ผลตอบแทนสูงคงไม่มาก
แต่ก็พอใจผลตอบแทน และเราเข้าใจธุรกิจ อยากเน้นว่าทฤษฎีกับปฏิบัติมีความยากต่างกัน
สิ่งที่ชี้ว่าใครผลตอบแทนดีกว่าคือคนที่ปฏิบัติได้ดีกว่า เอาชนะตัวเองในการตัดสินใจนั่นยากที่สุด
ใช้สติใช้เหตุผลในการตัดสินใจลงทุน
อ.นิเวศน์ ต้องเริ่มจาก marketing ของสินค้า ถ้าเริ่มจากการเงิน ประมาณการณ์อะไรมันยาก
ใช้ เซนส์ว่าสินค้านี้จะเป็นอย่างไร ใช้บริการเขาได้ยิ่งดี ถ้ามันโดดเด่น ดีกว่าคนอื่น คนรุ่นใหม่ก็ใช้กันไม่ตกยุค
ราคาหุ้นถูกหรือแพงบางทีดูยาก ถ้าตลาดหุ้นไม่ได้บูมหนัก ราคาหุ้นไม่ได้หวือหวามาก
ก็ลงทุนยาวได้ ซื้อซัก 4-5 สินค้า น่าจะได้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลซัก 10% ขึ้นไป หรือถ้าโชคดีก็รวยไปเลย
ดู PE ดูหนี้ เงินสดหมุนเวียน ยังติดหุ้นทำผิดตรงไหน?
อ.นิเวศน์ ตัวเลขทางบัญชีเป็นช่วงสั้นๆ ถ้าถือระยะยาวสินค้าดีขึ้นเรื่อยๆวันหนึ่งจะปรับตัวขึ้นได้
หุ้นที่ตอนนี้ขึ้นดีๆ เป็นหุ้นที่สินค้าเป็นผู้ชนะ facebook, google บริษัทที่เป็นผู้แพ้สุดท้ายจะไปไหนไม่รอด
ไม่สามารถบอกได้ว่า pe เท่าไรเหมาะสม ถ้าซื้อในภาวะหุ้นปกติ ก็ถือไปในระยะยาว
ภาวะตลาดหุ้นตอนนี้ปกติไหม?
อ.นิเวศน์ ตลาดหุ้นปกติ แต่หุ้นบางตัวอาจผิดปกติ ถ้าผิดปกติขาลงก็เป็นโอกาสซื้อ แต่ถ้าเป็นผิดปกติขาขึ้นก็รอก่อน
อย่างการลงทุนในต่างประเทศ ก็มี e-commerce, fintech มีความเห็นอย่างไร?
คุณธันวา เราเคยได้ยินเรื่อง Disruption ได้ยินคำว่า ฟินเทค
แต่เคยได้ยินคำว่า เทคฟินไหม? ความหมายกลับกันนิดเดียว
เทคฟิน คือ บริษัท finance เอา เทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บริการลูกค้า
อย่างเช่น Travel card ของกรุงไทย เป็นตัวอย่าง debit card
ซึ่งใช้แลกเปลี่ยนเงินตราใช้ต่างประเทศใน Rate ใกล้เคียงกับ super rich ซึ่งจะถูกกว่าบัตรเครดิต 5-6%
เรามักจะได้ยินว่าบริษัทเทคโนโลยีจะมา disrupt แบงค์
ซึ่งสิ่งที่แบงค์ได้เปรียบคือ ฐานลูกค้า และมีผลิตภัณฑ์ด้านการเงินอยู่แล้ว
ฟินเทค คือใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการด้านการเงิน
เช่น Peer to peer lending platform ระหว่างคนต้องการเงิน กับคนให้กู้
ตัวอย่าง บริษัท lending club ในต่างประเทศ Market cap ก็ไม่ค่อยโต และราคาขาลงด้วยซ้ำ
ต้องประเมินว่าโมเดลความสำเร็จบริษัทนั้นเป็นไปได้แค่ไหน
E-commerce – ตัวอย่างบริษัท Costco ซึ่งคล้าย Makro บ้านเรา
มีอยู่ช่วงที่ Amazon ประกาศจะทำธุรกิจเดียวกัน หุ้นก็ตกลงมามาก แต่ทุกวันนี้ costco ทำ new high
ผู้บริหาร สามารถปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ได้หรือไม่?
ถ้าหากยังสามารถปรับตัวได้ตรงใจกับลูกค้า บริษัทนั้นก็สามารถอยู่ได้
อีกบริษัท VISA ลงทุนไม่สบายใจ มี e-wallet, การจ่ายเงินผ่านมือถือ ตอนนี้ VISA ทำ new high
สิ่งที่เขาพัฒนา หรือนำเสนอ สามารถเข้ากับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในอนาคตได้หรือไม่?
Trend e-commerce, Technology, Start-up มาแน่นอน แต่บริษัทที่เราลงทุนสามารถปรับตัวได้ทันหรือไม่
อยากให้เล่าประสบการณ์ล้มเหลว?
คุณโจ ความผิดพลาดเลี่ยงไม่ได้ อย่าไปกลัว เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
ไม่มีคนที่ชนะตลอด ผิดพลาดอย่างมาก ต้องแค่สลบ แต่ไม่ตาย
ไม่งั้นคือเราบริหารไม่รอบคอบ สิ่งที่ VI มักพลาด 2 ประเด็น
1.ซื้อหุ้นแพง ปีนี้ฟองสบู่หุ้น high pe แตก หลายตัวลง 50-60%
อย่างไรก็ตามต้องดูคุณภาพ คู่กับราคาเสมอ เวลาลงไม่มีก้นเหว
2.ซื้อหุ้น pe ต่ำ แต่ขาดทุนยับเยิน มีหุ้นโรงงานน้ำตาล ซื้อ pe 10 เท่า
บริษัทขยายกำลังผลิตเท่าตัว ปีหน้าถ้าทำกำไรได้เท่าโรงเก่า pe 5 เท่า
ซื้อเต็มที่ ผ่านไป 2 ปีต้อง cut loss จาก 10 บาท เหลือ 5 บาทปลายๆ
เพราะไปซื้อหุ้นที่เป็นวัฏจักร เป็นช่วงดีเกินปกติ
หรือ หุ้นค้าเหล็ก ปีที่แล้วกำไร 20 ล้าน ถัดมาไตรมาสเดียวกำไร 100 ล้าน
มั่นใจมาก ซื้อเยอะเลย ถัดมา ไตรมาส 2 กำไร ขาดทุน 80 ล้าน ไตรมาส 3 ขาดทุนไปอีก 30 ล้านบาท
ทุกวันนี้ที่ยังขาดทุนกับหุ้นที่ดีชั่วคราว
หุ้นที่มีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ผันผวน หุ้นพวกนี้จะสเถียร ถ้าอยู่ๆกำไรขึ้นมาให้ระวังไว้
อีกอย่าง หุ้น ipo คือหุ้นวัฏจักร มีบางช่วงกำไรมหาศาล เขาเอาหุ้นเข้าตลาด
เช่น บริษัทผลิต packaging วัตถุดิบเป็นเม็ดพลาสติก ช่วงที่ต้นทุนตกต่ำ
กำไรเพิ่มมหาศาล เข็นบริษัทเข้าตลาดหุ้น
พอเวลาผ่านไปราคาน้ำมันขึ้นมา margin ที่เคยได้สูง 15% ก็ลดเหลือ 2% หุ้นลงมหาศาล
คุณธันวา ลงทุนโฟกัสไม่กี่ตัว ข้อผิดพลาด คือโฟกัสมากไป บางตัวถือ 70% ก็มี รักหุ้นมากไป
หากมีเหตุการณ์ต้อง switch หุ้นก็จะไม่ขาย แต่มันก็เป็นธุรกิจที่เข้าใจ ยอมรับความเสี่ยงได้
แม้บางปีกำไรมากบ้างน้อยบ้าง ก็จะไม่ขาดทุน อาจไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนสูง
ถ้า balance port ได้ดีกว่านี้ ผลตอบแทนก็อาจดีกว่านี้
อ.นิเวศน์ หุ้นทุกตัวที่มีก็กำไรหมด เคยเจอที่ผิดพลาดคือขายหุ้นดีก่อนเวลา เพราะกลัวอะไรบางอย่าง
ถ้ามาคิดวันนี้ จะเข้าใจว่า ถ้าเราคิดว่ามันดี และทำดีมาหลายปี มันก็ไม่น่าจะแย่ได้เร็วๆ
บริษัทที่ดีเยี่ยมไม่ได้มีปัจจัยเดียว เหมือนคนที่เก่งทุกอย่าง ป่วยขึ้นมาแต่ไม่ตาย วันหนึ่งฟื้นขึ้นมาก็จะกลับขึ้นมาดี
ซื้อหุ้นตามเซียนดีไหม?
คุณโจ เชื่อว่าถ้าซื้อหุ้นตามเซียนหลังวันแรกที่ซื้อน่าจะได้กำไร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อเซียนหุ้นว่าซื้อตามแล้วได้กำไร
ขึ้นกับเลือกซื้อหุ้นตามใคร ข้อจำกัดมีหลายอย่าง เช่น เซียนขายไปเมื่อไรเราก็ไม่รู้
คุณธันวา นอกจากถูกคนแล้วอาจต้องถูกตัว หลายปีที่ผ่านมาเซียนหุ้นก็ลงเยอะ
ที่ผ่านมาก็ได้คุยกับเพื่อนวงเล็กๆ พบว่าไม่ค่อยสำเร็จเท่าไร ถ้าซื้อหุ้นตามคนอื่น
อาจเพราะเราไม่ได้รู้ ไม่ได้เข้าใจมากเหมือนขาย จึงไม่กล้าซื้อเยอะ จึงไม่แตกต่างอะไรจากเดิม
ดร.นิเวศน์ ส่วนใหญ่เราไม่รู้ว่าเขาซื้อหรือขายตอนไหน อาจไม่ได้อะไร ไม่มีใครไปบอกให้คุณซื้อก่อน ขายก่อนหรอก
อีกส่วนสไตล์ของเซียนที่ไปลอก บางคนเล่นช้า เล่นเร็ว เล่นโมเมนตัม มันแล้วแต่ ถ้าไม่เข้าใจก็มีโอกาสเจ๊งสูงกว่า
อ.ไพบูลย์ เสริม ถ้าดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ วันนี้ ที่จริงวันปิดสมุดอาจจะอยู่ มี.ค.หลายเดือนแล้ว
ซึ่งเขาอาจจะซื้อมาตั้งนานมากแล้ว หรือบางคนไม่อยากให้ซื้อตามก็จะไม่ซื้อชื่อเดียว
ดังนั้นซื้อหุ้นตามเซียนก็คิดให้ดีก่อน บางทีเซียนก็ขาดทุนได้เหมือนกัน แต่เราอาจไม่รู้
ขอบพระคุณ อ.ไพบูลย์ อ.นิเวศน์ อ.เสน่ห์ พี่หมอเค
ทีมงาน Moneytalk และแขกรับเชิญ ทุกๆท่านที่ร่วมในการจัดงานสัมมนาให้ความรู้และข้อคิดในการลงทุน
วันนี้กลับถึงบ้านดึกไปหน่อย หากมีความผิดพลาดอย่างไรขออภัยไว้ที่นี้ด้วยครับ
สามารถติดตามสัมมนาฉบับเต็มได้ทางทีวี หรือทาง internet ย้อนหลังครับ
Moneytalk@SET ครั้งถัดไป
เสาร์ 22 ก.ย. เปิดจอง FB Moneytalk เสาร์ 15 ก.ย. 7.00 น.
1.4บริษัทจดทะเบียน BCH,BCPG,UNIQ,PRIMA
2.ย้อนวิกฤติพิชิตโอกาส คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง,คุณมนตรี ศรไพศาล,ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร,คุณวรวรรณ ธาราภูมิ