Thai VI

คราวที่แล้วก็คุณมน อาทิตย์นี้น้อง VIB007 เขียนถึงบ้าง ระวังคนที่ลงเข้ามาในเวบแล้วผิดหวังนะครับ เขียนเชียร์ผมกันขนาดนั้น

ผมว่าไม่ผิดหวังหรอกครับ จะให้ดีให้คุณฉัตรชัย โชว์แกะงบจะจะ ซักตอนไปเลย เป็นแขกพิเศษ

น่าจะดีนะครับ เพื่อนๆ เห็นด้วยมั้ยคร้าบบบบ ขอเสียงหน่อยยยยย!!!!!

ก็ท่านฉัตรชัยประสบความสำเร็จกับแนวทางของ Graham อย่างเห็นได้ชัดนะครับ ผมก็ชื่นชมท่านฉัตรชัยในแนวทางนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการวิเคราะห์กระแสเงินสด เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากท่านฉัตรชัยมาโดยตลอดครับ

เห็นด้วยครับ ขอโชว์ WG กันแบบจะ จะ ไม่มีเซ็นเซอร์ พอจะได้มั้ยครับ ท่านฉัตรชัย

เกี่ยวกับการอบรมวิเคราะห์งบการเงิน ผมเคยได้ยินมาว่าทางคณะบัญชีจุฬา เคยเปิดสอนแก่บุคคลภายนอกไม่หรือจริงเท็จแค่ไหนครับ

ส่วน WG นั้น ผมไม่ได้วิเคราะห์อะไรมากมายหรือซับซ้อนเลยครับ ผมก็วิเคราะห์ตามที่ผมเขียนในร้อยคนร้อยหุ้นนั้นแหละครับ

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยนิยมการคำนวณอะไรที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก ถึงแม้จะมีความคำนวณไว้บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการลงทุนครับ

ฮ่าๆ เป็นแผนการอะไรของ The เฮียมน & The เฮียวิบูลย์รึเปล่า

ผมว่าคุณฉัตรชัยคงดูลักษณะธุรกิจของบริษัทมากพอสมควรนะครับว่าอย่างน้อยก็ไม่ destroy value ไม่งั้นคงไม่ถึงขนาดถือหุ้นเพียงตัวเดียว เกรแฮมส่วนใหญ่แล้วจะถือหุ้นหลายตัว เพราะไม่ได้ดูตัวธุรกิจมากนักจึงต้องกระจายความเสี่ยงไว้ก่อน หุ้นที่เกรแฮมซื้อมักจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกเมื่อดูจากตัวเลขในงบการเงิน ( หุ้นก้นบุหรี่) ไม่ใช่ถูกเมื่อดูจากอนาคตของธุรกิจ
คุณฉัตรชัยมีโครงการจะเขียนหนังสือบ้างไหมครับ เขียนเมื่อไรพิจารณาสำนักพิมพ์ผมเป็นผู้จัดพิมพ์ด้วยนะครับ ผมชวนจริงๆนะครับ ผมเองก็อยากอ่านครับ

ขอบคุณคุณ WEB นะครับที่ชวน

แต่ผมคงไม่มีความรู้ ความสามารถมากมายอะไรนักหรอกครับ เพียงแค่เอาตัวรอดจากการลงทุนได้เท่านั้นครับ กลัวคนที่รู้จริงหัวเราะเอานะครับ

Free cash flow อย่างง่ายสามารถดูได้จาก Owner's Earning ซึ่งWarren Buffett ได้ให้นิยามไว้ว่า เท่ากัีบ (Net Profit + Depreciation/Amortisation - Capex)

สำหรับ บริษัท White Group, Owner's Earning ในช่วงสามปีหลัีงสามารถสรุปได้ดังนี้

ปี2001
Revenue = 614,165,871 Baht
Net Profit = 38,579,182 Baht (Margin = 6.28%)
D/A = 39,141,936 Baht
Capex = -4,304,334 Baht
OE = 73,416,784 Baht

ปี2002
Revenue = 625,928,387 Baht
Net Profit = 52,897,001 Baht (Margin = 8.45%)
D/A = 39,450,734 Baht
Capex = -4,090,435 Baht
OE = 88,257,300 Baht (Growth of OE = 20.21%)

ปี2003
Revenue = 647,134,100 Baht
Net Profit = 65,844,613 Baht (Margin = 10.17%)
D/A = 36,750,480Baht
Capex = - 4,807,938 Baht
OE = 97,787,155 Baht (Growth of OE = 10.80%)

Conservatively, ผมสมมติให้ Growth rate of OE = 5% (เป็นเพียงตัวเลขสมมติเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการหา Intrinsic Value) และ Discount Rate = 6% โดยให้ ปี2003 เป็นปีเริ่มต้น และจะทำการคาดการณ์ออกไปอีก 10 ปี ข้างหน้า

ํYear OE OE after Discount cumulative (per share)
2004 102,676,513 96,864,635 5.43
2005 107,810,338 95,950,817 10.80
2006 113,200,855 95,045,621 16.13
2007 118,860,898 94,148,964 21.40
2008 124,803,943 93,260,766 26.63
2009 131,044,140 92,380,948 31.80
2010 137,596,347 91,509,429 36.93
2011 144,476,164 90,646,133 42.01
2012 151,699,973 89,790,981 47.04
2013 159,284,971 88,943,896 52.02

จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า ผลรวมของ OE หลังจาก discount แล้ว เท่ากับ 52 บาท ค่าดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็น Intrinsic Value ของบริษัท หากเทียบกับราคาปิด ณ วันที่ 17 ก.ย. 2547 ที่ 29.25 บาท Margin of Safety = (52-29.25)/29.25 = 77%

หากพิจารณาจาก growth rate ที่เราสมมติืไว้ที่ 5% จะเ้ห็นว่า ค่าความคาดหวังที่มีต่อ WG จะค่อนข้่างน้อย อัตราความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหุ้นก็น่าจะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน

ข้อควรระวัง ตัวเลขที่แสดงให้เห็นข้างต้นมิได้มีเจตนาที่จะชี้นำให้เกิดการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ดังกล่าว ผู้ลงทุนควรจะวิเคราะห์บริษัทให้ครบทุกแง่ทุกมุมก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือขาย

หมายเหตุ ผมมี WG อยู่ใน portfolio ประมาณ 10%

ผมอยากเสริมนิดหนึ่งครับ ตรงที่นำ กำไรสุทธิบวกค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย เป็นการพยายามหากำไรที่เป็นเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน

ตัวเลขจากการคำนวณข้างบนอาจจะมีการเบี่ยงเบนจากค่าที่เราต้องการบ้างครับ เช่น ค่าใช้จ่ายบางรายการก็ไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสดเช่นเดียวกับค่าเสื่อมราคา ( การตั้งสำรองต่างๆ หนี้สงสัยจะสูญ ค่าเสื่อมราคาของสินค้า รวมถึงการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) รวมทั้งรายได้บางรายการก็ไม่ใช่รายได้ที่เป็นเงินสด

อีกทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายบางรายการก็ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปรกติ อาจจะเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

ดังนั้นเราควรที่จะปรับรายการต่างๆเหล่านี้ออกให้หมด เราก็จะได้กำไรที่เป็นเงินสดจากการดำเนินงานปรกติที่พอจะคาดหมายได้ว่าจะได้รับเป็นประจำทุกปี ซึ่งถ้าเราใช้ตัวเลขรายการ กำไรจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียน ในงบกระแสเงินสด น่าจะใกล้เคียงกว่านะครับ

และอย่าลืมนะครับว่าถ้าเรามีสมมุติฐานที่บริษัทจะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ปรกติบริษัทก็จำเป็นต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนสุทธิเพิ่มขึ้นด้วย (ลูกหนี้การค้า+สินค้าคงคลัง-เจ้าหนี้การค้า)

ส่วนอีกจุดสำหรับ WG ผมอาจจะบวกเงินสดสุทธิเข้าไปกับมูลค่าบริษัทที่หาได้ครับ เนื่องจากเงินสดที่บริษัทมีนั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปรกติของบริษัท กล่าวคือเป็นสินทรัพย์ส่วนเกินนั้นเอง ดังนั้นถ้าเราคำนวณมูลค่าของธุรกิจแล้วจึงน่าจะบวกสินทรัพย์ส่วนเกินเข้าไปด้วย ซึ่งบังเอิญที่สินทรัพย์ส่วนเกินนั้นเป็นเงินสด เราก็จึงไม่ต้องปรับปรุงมูลค่าแต่อย่างใด

ลองไปคำนวณเล่นดูนะครับ

chatchai เขียน:คราวที่แล้วก็คุณมน อาทิตย์นี้น้อง VIB007 เขียนถึงบ้าง ระวังคนที่ลงเข้ามาในเวบแล้วผิดหวังนะครับ เขียนเชียร์ผมกันขนาดนั้น

โทษทีครับที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อน

แต่ไม่ได้ตั้งใจให้คนเข้ามาในเวป
แต่อยากยกตัวอย่างให้เห็นจริงๆว่า มีการลงทุนแนวนี้จริงๆมากกว่าครับ
และผมคิดว่าพี่Chatchai ใช้หลักการแบบ อ.เกรแฮม แน่นอน
ที่ชัดๆคือ ดูงบการเงินอย่างเดียวเป็นหลัก
ถึงแม้ อ.เกรแฮมจะถือหุ้นหลายตัวแต่ก็ไม่ใช้สาระสำคัญเท่าไหร่

ดูงบการเงินอย่างเดียว ก็ทำเงินได้จากตลาดหุ้น
ไม่ต้องใช้ Inside หรือรอหุ้นพรายกระซิบก็รวยได้
อยากจะบอกอย่างนั้นมากกว่า

ว่าแต่ว่าอ่านบทความแล้วเป็นยังไงบ้างครับ
ง่ายไปยากไป อ่านไม่รู้เรื่อง
Feedback มาได้นะครับ

ว่าแต่ว่าอ่านบทความแล้วเป็นยังไงบ้างครับ
ง่ายไปยากไป อ่านไม่รู้เรื่อง

ยากไปครับ

อยากได้แบบชื่อหุ้น ราคาที่ควรซื้อ ราคาเป้าหมาย

หุหุ

พูดเล่นนะครับ

CK เขียน: ยากไปครับ

อยากได้แบบชื่อหุ้น ราคาที่ควรซื้อ ราคาเป้าหมาย

หุหุ

พูดเล่นนะครับ

ฮา เห็งด้วยล้อยเปอเซ็ง ท่านซือแป๋วิบูงและอาจางมงมังนี่

ดีใจด้วยครับ คุณฉัตรชัย

เป็นบุคคลตัวอย่างแห่งปี 2547

บนพื้นฐานของความเป็นจริงครับ

สนับสนุนเต็นที่เลยครับ

ayethebing เขียน: ฮา เห็งด้วยล้อยเปอเซ็ง ท่านซือแป๋วิบูงและอาจางมงมังนี่

เอาไปเลยครับ N-PARK ราคาเป้าหมาย 12 บาท ชาติหน้า ฮ่า ฮ่า

เล่นแรงนะเนี่ย หุ้นเกียร์ว่าง (n-park) เลยเหรอ :lol: 8)

ขอบคุณครับพี่ปรัชญาที่ยกย่องผมขนาดนั้น

แต่ว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเป็นประโยชน์ต่อสังคมเลยนะครับ แถมหุ้นที่ผมแนะนำก็ยังไม่ได้ให้ผลตอบแทนต่อเพื่อนๆเท่าไรเลยครับ

ผมขอยกตำแหน่งนี้ให้พี่ครรชิตดีกว่าครับ

คุณวิบูลย์โพสอย่างนี้เข้าข่ายนะครับ เวลาขับรถระวังสำนักข่าวกรองตามอารักขานะครับ :lol: :lol: :lol:

WEB เขียน:คุณวิบูลย์โพสอย่างนี้เข้าข่ายนะครับ เวลาขับรถระวังสำนักข่าวกรองตามอารักขานะครับ :lol: :lol: :lol:

ดีครับ จะได้ดังเหมือนเอกยุทธบ้าง
แต่จะจับสายสืบนี่ ทำไงง่ะ บอกหน่อย

chatchai เขียน:ขอบคุณครับพี่ปรัชญาที่ยกย่องผมขนาดนั้น

แต่ว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเป็นประโยชน์ต่อสังคมเลยนะครับ แถมหุ้นที่ผมแนะนำก็ยังไม่ได้ให้ผลตอบแทนต่อเพื่อนๆเท่าไรเลยครับ

ผมขอยกตำแหน่งนี้ให้พี่ครรชิตดีกว่าครับ

หุ้นคุณฉัตรชัยต้องเงินเย็นครับ เงินจ๊าดห้ามเล่นครับ(รับปันผลคุ้มครับ)
ส่วนป๋าวิบูลย์ รอบนี้ไทยแลนด์โฟกัสคงข้าม300ล่ะครับ

ปรัชญา เขียน: หุ้นคุณฉัตรชัยต้องเงินเย็นครับ เงินจ๊าดห้ามเล่นครับ(รับปันผลคุ้มครับ)
ส่วนป๋าวิบูลย์ รอบนี้ไทยแลนด์โฟกัสคงข้าม300ล่ะครับ

สวัสดีครับ พี่ปรัชญา
ผมว่าปีนี้ยังไงก็ไม่เกิน 330
รู้สึกว่าตอนนี้กำลังจะลงแล้วนะครับ

ไม่รู้ว่าพี่ปรัชญาว่ารอบนี้ของจริงของปลอม
ผมว่า"ปลอม"นะ เดาเอา
เพราะเพื่อนขนเงินจากเก็งน้ำมันมาลงหุ้น
แล้วก็โยกจากหุ้นไปอัตราแลกเปลี่ยน
วนไปวนมา
จนรายย่อยตามไม่ทัน
แม้แต่กองทุนบ้านเรายังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
สุดท้ายก็ต้องตั้งเฮดฟันด์มาสู้กัน
จะได้รู้ดำรู้แดงไปข้างนึง