การลงทุนต่อตารางเมตรที่คุ้มค่าที่สุด
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2018 2:28 pm
“ตารางเมตรที่มีคุณค่ามากที่สุด”
.
ในโลกของการลงทุนเราคงจะตกใจถ้ามีคนบอกว่าจะลงทุนทำเมกะโปรเจ็คขนาดใหญ่หลายพันล้านบาท ทั้งที่รู้ว่าอนาคตอาจจะต้องขาดทุนแน่ๆ แต่นั่นโลกของการลงทุนที่มองไปยัง “มูลค่า” โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเงินต้นและสร้างผลกำไร แต่ในประเทศไทยของเรายังมีการลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่มองไปยัง “คุณค่า” และมีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป เพราะการลงทุนนี้ทำไปเพื่อ “รักษาชีวิตและสร้างความหวัง”
.
โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงต้องการให้มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่เพื่อบำบัดทุกข์ให้พสกนิกร ในช่วงเวลาที่เตรียมก่อสร้างโรงพยาบาลนั้น เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระโอรสของพระองค์ได้สิ้นพระชมน์ด้วยโรคบิดตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระองค์จึงโปรดให้นำเครื่องโรงเรือนในพระเมรุรวมทั้งสมบัติส่วนตัวของเจ้าฟ้าศิริราชมาให้เป็นทุนในการสร้างโรงพยาบาล และพระราชทานนามให้ว่า “โรงพยาบาลศิริราช”
.
ศิริราชเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการแก่ผู้คนป่วยเกือบปีละสี่ล้านคนและยังเป็นโรงเรียนการแพทย์ที่แต่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น หมอ พยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ เนื่องจากต้องดูแลผู้ป่วยเป็นจำนวนมากทำให้แต่ละปีศิริราชต้องรับภาระขาดทุนอยู่ปีละหลายร้อยล้านบาทโดยที่เงินสนับสนุนของรัฐบาลไม่เพียงต้องอาศัยเงินบริจาคเพื่อมาช่วยกลบตัวเลขขาดทุน
.
นอกจากเรื่องการเงินแล้ว เรื่องใหญ่อีกเรื่องก็คือเรื่องสถานที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ผู้ป่วยที่จะไปรักษาที่ศิริราชมักจะพบกับปัญหาว่าห้องพักไม่เพียงพอหรือต้องรอคิวนาน ซึ่งเรื่องนี้ก็รวมไปถึงห้องตรวจหรือสถานที่ที่จะให้คนไข้ได้พักระหว่างรอพบหมอ เมื่อติดข้อจำกัดเรื่องสถานทีเช่นนี้ ปัจจุบันคนไข้และญาติก็ต้องอาศัยระเบียงและเก้าอี้เป็นที่นอนเพื่อคอยให้มีคิวห้องว่าง ซึ่งบางคนก็ต้องรออยู่หลายวันกว่าจะได้ห้องจากทางโรงพยาบาล
.
ทางศิริราชก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหานี้เพราะทางโรงพยาบาลได้จัดสร้าง “อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อาคารแห่งนี้เป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 25 ชั้น พื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกได้อีกห้าแสนคนต่อปี รวมทั้งรองรับผู้ป่วยในได้มากขึ้นอีกสองหมื่นคน ถ้าคิดเป็นการลงทุนก็จะทำให้รองรับคนไข้ได้มากกว่าเดิมประมาณ 12% ถ้าดูจากตัวเลขผลการดำเนินงานที่ขาดทุนแล้ว เมื่ออาคารนี้สร้างเสร็จและเปิดรับผู้ป่วยได้ตัวเลขขาดทุนของศิริราชอาจจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่หลักสี่ร้อยล้านบาทเสียอีก แต่ศิริราชก็ยังคงลงมือทำ เพราะนี่เป็นการลงทุนเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยและสร้างความหวังให้กับคนไข้รวมทั้งญาติพี่น้อง
.
ต้นทุนในการก่อสร้างอาคารแห่งนี้อยู่ที่ประมาณห้าพันล้านบาท เมื่อรวมอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ก็จะสูงเกือบเจ็ดพันล้านบาทในส่วนที่เหลือก็ยังคงรอเงินบริจาคจากประชาชนมาสมทบทุนสร้างซึ่งศิริราชก็มีการจัดกิจกรรมออกมาเรื่อยๆ เช่น การแลกกระปุกออมสิน จากที่ผมได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทราบได้ว่าระยะเวลาก่อสร้างยังอีกนานและยังต้องใช้เงินอีกสูง
.
ในทางตัวเลขอาจจะมีผลประกอบการที่สวนทางกับเงินลงทุนแต่ในทางจิตใจแล้วผมมองว่านี่เป็นการลงทุนที่มีคุณค่ามากเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนได้รับโอกาส ได้รักษาชีวิต ให้คนไข้ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และทำให้ญาติผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อจะมีแรงมาคอยให้กำลังใจและดูแลคนไข้ในแต่ละวัน แม้จะวัดผลคุณค่าทางจิตใจเป็นตัวเลขไม่ได้แต่ผมก็เชื่อว่าโครงการนี้เป็นการลงทุนทีทำให้หนึ่งตารางเมตรมีคุณค่ามากที่สุด
-----------------------------------------------------------------------------
บทความจากเพจ UP Idea
https://www.facebook.com/22644231791968 ... 371968148/
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามช่องทางการบริจาคได้จาก facebook ของโครงการ https://www.facebook.com/navamindrapobitr84/
สำหรับใครที่อยากเห็นภาพบรรยากาศที่ผมได้เล่าไปสามารถชมได้จากคลิปนี้ครับ “ทำดีได้ด้วยปลายนิ้ว”
https://www.youtube.com/watch?v=1v0oaAMHMxo&t=5s
Reference
http://donationthailand.com/3017
https://www.matichon.co.th/…/apple-top- ... per-square…/
.
ในโลกของการลงทุนเราคงจะตกใจถ้ามีคนบอกว่าจะลงทุนทำเมกะโปรเจ็คขนาดใหญ่หลายพันล้านบาท ทั้งที่รู้ว่าอนาคตอาจจะต้องขาดทุนแน่ๆ แต่นั่นโลกของการลงทุนที่มองไปยัง “มูลค่า” โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเงินต้นและสร้างผลกำไร แต่ในประเทศไทยของเรายังมีการลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่มองไปยัง “คุณค่า” และมีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป เพราะการลงทุนนี้ทำไปเพื่อ “รักษาชีวิตและสร้างความหวัง”
.
โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงต้องการให้มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่เพื่อบำบัดทุกข์ให้พสกนิกร ในช่วงเวลาที่เตรียมก่อสร้างโรงพยาบาลนั้น เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระโอรสของพระองค์ได้สิ้นพระชมน์ด้วยโรคบิดตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระองค์จึงโปรดให้นำเครื่องโรงเรือนในพระเมรุรวมทั้งสมบัติส่วนตัวของเจ้าฟ้าศิริราชมาให้เป็นทุนในการสร้างโรงพยาบาล และพระราชทานนามให้ว่า “โรงพยาบาลศิริราช”
.
ศิริราชเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการแก่ผู้คนป่วยเกือบปีละสี่ล้านคนและยังเป็นโรงเรียนการแพทย์ที่แต่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น หมอ พยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ เนื่องจากต้องดูแลผู้ป่วยเป็นจำนวนมากทำให้แต่ละปีศิริราชต้องรับภาระขาดทุนอยู่ปีละหลายร้อยล้านบาทโดยที่เงินสนับสนุนของรัฐบาลไม่เพียงต้องอาศัยเงินบริจาคเพื่อมาช่วยกลบตัวเลขขาดทุน
.
นอกจากเรื่องการเงินแล้ว เรื่องใหญ่อีกเรื่องก็คือเรื่องสถานที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ผู้ป่วยที่จะไปรักษาที่ศิริราชมักจะพบกับปัญหาว่าห้องพักไม่เพียงพอหรือต้องรอคิวนาน ซึ่งเรื่องนี้ก็รวมไปถึงห้องตรวจหรือสถานที่ที่จะให้คนไข้ได้พักระหว่างรอพบหมอ เมื่อติดข้อจำกัดเรื่องสถานทีเช่นนี้ ปัจจุบันคนไข้และญาติก็ต้องอาศัยระเบียงและเก้าอี้เป็นที่นอนเพื่อคอยให้มีคิวห้องว่าง ซึ่งบางคนก็ต้องรออยู่หลายวันกว่าจะได้ห้องจากทางโรงพยาบาล
.
ทางศิริราชก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหานี้เพราะทางโรงพยาบาลได้จัดสร้าง “อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อาคารแห่งนี้เป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 25 ชั้น พื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกได้อีกห้าแสนคนต่อปี รวมทั้งรองรับผู้ป่วยในได้มากขึ้นอีกสองหมื่นคน ถ้าคิดเป็นการลงทุนก็จะทำให้รองรับคนไข้ได้มากกว่าเดิมประมาณ 12% ถ้าดูจากตัวเลขผลการดำเนินงานที่ขาดทุนแล้ว เมื่ออาคารนี้สร้างเสร็จและเปิดรับผู้ป่วยได้ตัวเลขขาดทุนของศิริราชอาจจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่หลักสี่ร้อยล้านบาทเสียอีก แต่ศิริราชก็ยังคงลงมือทำ เพราะนี่เป็นการลงทุนเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยและสร้างความหวังให้กับคนไข้รวมทั้งญาติพี่น้อง
.
ต้นทุนในการก่อสร้างอาคารแห่งนี้อยู่ที่ประมาณห้าพันล้านบาท เมื่อรวมอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ก็จะสูงเกือบเจ็ดพันล้านบาทในส่วนที่เหลือก็ยังคงรอเงินบริจาคจากประชาชนมาสมทบทุนสร้างซึ่งศิริราชก็มีการจัดกิจกรรมออกมาเรื่อยๆ เช่น การแลกกระปุกออมสิน จากที่ผมได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทราบได้ว่าระยะเวลาก่อสร้างยังอีกนานและยังต้องใช้เงินอีกสูง
.
ในทางตัวเลขอาจจะมีผลประกอบการที่สวนทางกับเงินลงทุนแต่ในทางจิตใจแล้วผมมองว่านี่เป็นการลงทุนที่มีคุณค่ามากเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนได้รับโอกาส ได้รักษาชีวิต ให้คนไข้ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และทำให้ญาติผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อจะมีแรงมาคอยให้กำลังใจและดูแลคนไข้ในแต่ละวัน แม้จะวัดผลคุณค่าทางจิตใจเป็นตัวเลขไม่ได้แต่ผมก็เชื่อว่าโครงการนี้เป็นการลงทุนทีทำให้หนึ่งตารางเมตรมีคุณค่ามากที่สุด
-----------------------------------------------------------------------------
บทความจากเพจ UP Idea
https://www.facebook.com/22644231791968 ... 371968148/
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามช่องทางการบริจาคได้จาก facebook ของโครงการ https://www.facebook.com/navamindrapobitr84/
สำหรับใครที่อยากเห็นภาพบรรยากาศที่ผมได้เล่าไปสามารถชมได้จากคลิปนี้ครับ “ทำดีได้ด้วยปลายนิ้ว”
https://www.youtube.com/watch?v=1v0oaAMHMxo&t=5s
Reference
http://donationthailand.com/3017
https://www.matichon.co.th/…/apple-top- ... per-square…/