สิบข้อคิด เพื่อ “คว้าโอกาส” หากตลาดพัง 2018 โดย ชัชวนันท์
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 05, 2018 9:09 pm
สิบข้อคิด เพื่อ “คว้าโอกาส” หากตลาดพัง 2018 โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
ในภาวะที่มีความเป็นไปได้ว่า market crash อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมขอเอา “สิบข้อคิด” สำหรับการ “คว้าโอกาส” หากตลาดพังครืนลงมาจริงๆ ที่เคยเขียนไว้ มาให้ท่านได้อ่านกันใหม่ในที่นี้ ดังนี้ครับ
1.เขียน Wish List ของคุณไว้ – ระบุให้ชัดเจนว่าเล็งหุ้นตัวไหนไว้บ้าง หากราคาตกลงมาถึงเท่าไรจะซื้อเป็นจำนวนเท่าไร รวมแล้วมีงบสำหรับหุ้นตัวนี้เท่าไร เป็นสัดส่วนเท่าไรของพอร์ท ลองร่างภาพรวมของพอร์ทที่ต้องการออกมาเลยยิ่งดี การเขียนรายการที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ในเวลาที่โอกาสมาถึง
2.เตรียมกระสุน – หากคุณมีเงินสด จงเตรียมไว้ให้พร้อม และให้พอ แต่หากไม่มีเงินสด และจำเป็นต้องขายหุ้นที่มีเพื่อเอาไปซื้อตัวอื่น ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตน้อยที่สุดแล้วขายตัวนั้น แต่ต้องมั่นใจว่าตัวใหม่ที่จะเข้าไปซื้อดีกว่าตัวปัจจุบันแน่ๆ ต้องระวังว่า “หญ้าอีกฝั่งหนึ่งแม้ดูเขียวกว่าแต่อาจไม่ดีเท่าหญ้าฝั่งเราก็ได้”
3.อย่าพยายามหาจุดต่ำสุด – คุณไม่มีทางรู้ว่าก้นเหวอยู่ที่ไหน จะตกลงไปถึงกี่จุด 1700, 1500 หรือ 1300 จุด ก็ไม่รู้ ดังนั้น อย่าพยายามค้นหา ไม่จำเป็นต้องฟังนักวิเคราะห์ เพราะความจริงคือ “ไม่มีใครรู้หรอก”
4.ดูหุ้นเป็นรายตัว อย่าดูทั้งตลาด – หากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ให้ศึกษาพื้นฐานของกิจการและจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบ ดีกว่าที่จะเข้าซื้อในวันที่ทั้งตลาดตก เพราะในสถานการณ์ที่ผันผวน คุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าวันต่อไปจะเป็นเช่นไร
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ – คำขวัญ “Anything is Possible” ปกติใช้ในทางบวก แต่ในที่นี้ใช้ในทางลบ คืออย่าคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้น อย่าคิดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าหุ้นตัวไหนไม่มีทางตกลงไปมากกว่าจุดนั้นจุดนี้ เพราะในเวลาวิกฤต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
6.ตามข่าวเพื่อเข้าใจภาพรวม – ปกติ VI พันธุ์แท้ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเกาะติดมากนัก เพราะเราให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการเป็นสำคัญ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เราควรเข้าใจภาพรวมของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นพื้นฐานเอาไว้ เช่น ดอกเบี้ยอเมริกาจะขึ้นอีกเท่าไร, ตัวเลขการจ้างงานเป็นอย่างไร
7.อย่าหลงไปกับการ Rebound – เวลาหุ้นถูกแรงบีบให้ลงต่ำมาเรื่อยๆ พอมีข่าวดีหรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเล็กน้อย หุ้นจะดีดกลับขึ้นแรงมากเพราะถูกอั้นไว้นาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าสถานการณ์โดยรวมมีอะไรดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด ดังนั้น หากกระโดดเข้าไปซื้ออาจพลาดพลั้งได้
8.อย่ากลัวตกรถไฟ –ในช่วงวิกฤต มักเกิด “Head & Shoulders Pattern” คือ ดัชนีตกถึงจุดหนึ่งแล้วหันหัวกลับขึ้นไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การ Rebound สั้นๆ แต่ขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้เราเชื่อว่า “คราวนี้ของจริง” แล้วกระโดดเข้าไปซื้อ จากนั้นดัชนีก็ตกลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คิดให้ดี อย่าเอาแต่กลัวที่จะพลาดโอกาสทอง จงอย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนั้นจะพาคุณไปไหน
9.ซื้อแล้วอย่าคิดมาก – เราไม่มีทางซื้อได้ที่จุดต่ำสุด ถ้าเลือกถูกตัว ยังไงก็กำไร อย่าลืมว่า VI เราถือยาวอยู่แล้ว อย่าอิจฉาถ้าใครเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ
10.เน้นหุ้นพื้นฐานดีสุดๆ – ปกติ VI เน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่กรณีวิกฤตมักมีของดีราคาถูกเต็มไปหมด จึงยิ่งต้อง “เน้นของดี” เป็นหลัก เวลาแบบนี้ คุณไม่ต้องไปเสี่ยงกับกิจการที่อนาคตไม่แน่นอนใดๆ เพราะหุ้นของกิจการที่มั่นคงมากๆ โตเร็วๆ มันก็ถูกอยู่แล้ว ในเมื่อโอกาสทองมาถึงแล้ว จะเสี่ยงไปทำไม?!!
และนี่ก็คือหลักในการ “คว้าโอกาสจากวิกฤต” 10 ประการ ของ Club VI ขอให้ทุกคนทำผลงานให้ดีที่สุดในโอกาสที่ (อาจจะ) กำลังมาถึงครับ
ในภาวะที่มีความเป็นไปได้ว่า market crash อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมขอเอา “สิบข้อคิด” สำหรับการ “คว้าโอกาส” หากตลาดพังครืนลงมาจริงๆ ที่เคยเขียนไว้ มาให้ท่านได้อ่านกันใหม่ในที่นี้ ดังนี้ครับ
1.เขียน Wish List ของคุณไว้ – ระบุให้ชัดเจนว่าเล็งหุ้นตัวไหนไว้บ้าง หากราคาตกลงมาถึงเท่าไรจะซื้อเป็นจำนวนเท่าไร รวมแล้วมีงบสำหรับหุ้นตัวนี้เท่าไร เป็นสัดส่วนเท่าไรของพอร์ท ลองร่างภาพรวมของพอร์ทที่ต้องการออกมาเลยยิ่งดี การเขียนรายการที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ในเวลาที่โอกาสมาถึง
2.เตรียมกระสุน – หากคุณมีเงินสด จงเตรียมไว้ให้พร้อม และให้พอ แต่หากไม่มีเงินสด และจำเป็นต้องขายหุ้นที่มีเพื่อเอาไปซื้อตัวอื่น ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตน้อยที่สุดแล้วขายตัวนั้น แต่ต้องมั่นใจว่าตัวใหม่ที่จะเข้าไปซื้อดีกว่าตัวปัจจุบันแน่ๆ ต้องระวังว่า “หญ้าอีกฝั่งหนึ่งแม้ดูเขียวกว่าแต่อาจไม่ดีเท่าหญ้าฝั่งเราก็ได้”
3.อย่าพยายามหาจุดต่ำสุด – คุณไม่มีทางรู้ว่าก้นเหวอยู่ที่ไหน จะตกลงไปถึงกี่จุด 1700, 1500 หรือ 1300 จุด ก็ไม่รู้ ดังนั้น อย่าพยายามค้นหา ไม่จำเป็นต้องฟังนักวิเคราะห์ เพราะความจริงคือ “ไม่มีใครรู้หรอก”
4.ดูหุ้นเป็นรายตัว อย่าดูทั้งตลาด – หากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ให้ศึกษาพื้นฐานของกิจการและจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบ ดีกว่าที่จะเข้าซื้อในวันที่ทั้งตลาดตก เพราะในสถานการณ์ที่ผันผวน คุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าวันต่อไปจะเป็นเช่นไร
5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ – คำขวัญ “Anything is Possible” ปกติใช้ในทางบวก แต่ในที่นี้ใช้ในทางลบ คืออย่าคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้น อย่าคิดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าหุ้นตัวไหนไม่มีทางตกลงไปมากกว่าจุดนั้นจุดนี้ เพราะในเวลาวิกฤต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
6.ตามข่าวเพื่อเข้าใจภาพรวม – ปกติ VI พันธุ์แท้ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเกาะติดมากนัก เพราะเราให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการเป็นสำคัญ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เราควรเข้าใจภาพรวมของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นพื้นฐานเอาไว้ เช่น ดอกเบี้ยอเมริกาจะขึ้นอีกเท่าไร, ตัวเลขการจ้างงานเป็นอย่างไร
7.อย่าหลงไปกับการ Rebound – เวลาหุ้นถูกแรงบีบให้ลงต่ำมาเรื่อยๆ พอมีข่าวดีหรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเล็กน้อย หุ้นจะดีดกลับขึ้นแรงมากเพราะถูกอั้นไว้นาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าสถานการณ์โดยรวมมีอะไรดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด ดังนั้น หากกระโดดเข้าไปซื้ออาจพลาดพลั้งได้
8.อย่ากลัวตกรถไฟ –ในช่วงวิกฤต มักเกิด “Head & Shoulders Pattern” คือ ดัชนีตกถึงจุดหนึ่งแล้วหันหัวกลับขึ้นไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การ Rebound สั้นๆ แต่ขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้เราเชื่อว่า “คราวนี้ของจริง” แล้วกระโดดเข้าไปซื้อ จากนั้นดัชนีก็ตกลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คิดให้ดี อย่าเอาแต่กลัวที่จะพลาดโอกาสทอง จงอย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนั้นจะพาคุณไปไหน
9.ซื้อแล้วอย่าคิดมาก – เราไม่มีทางซื้อได้ที่จุดต่ำสุด ถ้าเลือกถูกตัว ยังไงก็กำไร อย่าลืมว่า VI เราถือยาวอยู่แล้ว อย่าอิจฉาถ้าใครเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ
10.เน้นหุ้นพื้นฐานดีสุดๆ – ปกติ VI เน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่กรณีวิกฤตมักมีของดีราคาถูกเต็มไปหมด จึงยิ่งต้อง “เน้นของดี” เป็นหลัก เวลาแบบนี้ คุณไม่ต้องไปเสี่ยงกับกิจการที่อนาคตไม่แน่นอนใดๆ เพราะหุ้นของกิจการที่มั่นคงมากๆ โตเร็วๆ มันก็ถูกอยู่แล้ว ในเมื่อโอกาสทองมาถึงแล้ว จะเสี่ยงไปทำไม?!!
และนี่ก็คือหลักในการ “คว้าโอกาสจากวิกฤต” 10 ประการ ของ Club VI ขอให้ทุกคนทำผลงานให้ดีที่สุดในโอกาสที่ (อาจจะ) กำลังมาถึงครับ