Thai VI

หนังสือเรื่อง Narrative and Numbers,The Value of stories in business

โดย Aswath Damodaran

โดยปกติ เท่าที่เคยอ่านหนังสือของ อจ Damodaran จะเป็นเกี่ยวกับการ ประเมินหามุลค่าของธุรกิจ หรือ การประเมินหามูลค่าหุ้น โดยวิธี DCF เป็นหลัก
ซึ่งหนังสือเล่มที่เคยอ่านของ อจ. คือ The Little book of valuation ซึ่งดีมากๆ

หนังสือเล่มที่แนะนำคือ ชื่อเรื่อง Narrative and Numbers เป็นงานเขียนเล่มล่าสุดของ อาจารย์ Damodaran
หนังสือเล่มนี้ ผมอ่านแล้ว น่าสนใจมากๆครับ เป็นหนังสือที่เขียนถึง มุมมองของ อาจารย์ ที่แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่เล่าเรื่องหรือสร้าง สตอรี่ (storyteller) กับ กลุ่มคนที่เป็นพวกใช้ตัวเลขคำนวณ (number cruncher ) ซึ่ง อาจารย์บอกว่า คน2 กลุ่มนี้ เสมือนกับอยู่ตรงข้ามกัน คนที่เล่าเรื่องเก่ง ก็มักไม่เก่งเรื่องคำนวณ คนที่ใช้ตัวเลขคำนวณเก่ง ก็เล่าเรื่องไม่เก่ง

การประเมินมูลค่าธุรกิจให้ดี ต้องเชื่อมทั้ง 2 ฝั่งให้ดี (ตัวอาจารย์ Damodaran เองยอมรับก็ว่าเป็นกลุ่ม number cruncher)

จุดมุ่งหมายหนังสือเล่มนี้คือ การแปลงจาก Story ให้มาเป็นตัวเลข และนำตัวเลขนั้นมาใช้ในการ Valuation หุ้น

โดยอาจารย์ยกตัวอย่างในหนังสือเยอะมาก ทั้ง Amazon,Facebook,Apple,Ferrari,Exxonmobil,Uber,Alibaba,Yahoo,JCpenny,Vale,Gopro

เราที่เป็นนักลงทุน เวลาผู้บริหาร ออกข่าว เล่าเรื่อง (Story) หน้าที่นักลงทุนคือ การวิเคราะห์ Story เหล่านั้นว่ามี ความน่าเชื่อถือไหม และ อาจารย์แนะนำว่า นอกจากวิเคราะห์ Story ของ ผู้บริหารแล้ว เรายังต้องสร้าง Story ในมุมของเรามาเปรียบเทียบ และมาใช้ในการ Valuation เอง โดย ในหนังสือแยกแยะละเอียด ทั้ง เรื่องเล่าที่ใหญ่ อาจเปลี่ยนแปลง มูลค่าธุรกิจ หรือ เรื่องเล่าที่พบประจำ เช่น การประกาศผลรรายไตรมาส การกู้เงิน การคืนเงิน การจ่ายปันผล เรื่องเล่าเหล่านี้ มีวิธีการนำมาปรับ Valuation ยังไง

หนังสือดีครับ ใครสนใจ อยากทราบรายละเอียด model การแปลงเรื่องเล่าเป็นตัวเลข ลองหาอ่านดูครับ

สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

มีอีกเรื่องนึง ที่คิดว่าได้เรียนรู้จากการอ่าน นอกเหนือจากจุดมุ่งหมายหลักของหนังสือคือ

อาจารย์ Damodaran วิเคราะห์ผิดเยอะมาก

แต่สิ่งที่เรียนรู้ ไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์วิเคราะห์ผิดนะครับ แต่เป็นแนวคิดที่ใหญ่กว่านั้น

เรื่องการประเมินธุรกิจ เป็น Dynamic ไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงตลอด การใช้เรื่องเล่า มาแปลงเป็นตัวเลข ต้องอาศัยการใช้ข้อมุลหลายอย่างมาก รวมถึงปัจจัยทาง macro (ซึ่งเป็นการเดา มากกว่า คาดการณ์) หากสถานการณืมีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องทำ Re-valuation ใหม่ เพื่อปรับมูลค่า และ อาจารย์ทำ Valuation ในหุ้นตัวนึง หลายครั้งมากครับ

การยอมรับสิ่งที่ผิดคือการเรียนรู้ ตัวแกเป็น Prof ทีสอนด้านนี้โดยตรง การยอมรับว่า ตัวเองทำ Valuation ผิด เป็นสิ่งที่น่ายกย่องมากๆ (ไม่เคยเห็นในนักวิเคราะห์) เพราะเป็นเครื่องเตือนใจว่า ใครๆก็ผิดได้ ที่สำคัญ อจ.แนะนำว่า หากต้องการเป็นนักลงทุนที่ดี ต้อง เปิดใจไว้ รับฟังข้อมูลแย้งที่แตกต่าง เพื่อการพัฒนาและนำมา Revaluation ในหุ้นที่วิเคราะห์ครับ

kotaro เขียน:มีอีกเรื่องนึง ที่คิดว่าได้เรียนรู้จากการอ่าน นอกเหนือจากจุดมุ่งหมายหลักของหนังสือคือ

อาจารย์ Damodaran วิเคราะห์ผิดเยอะมาก

แต่สิ่งที่เรียนรู้ ไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์วิเคราะห์ผิดนะครับ แต่เป็นแนวคิดที่ใหญ่กว่านั้น

เรื่องการประเมินธุรกิจ เป็น Dynamic ไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงตลอด การใช้เรื่องเล่า มาแปลงเป็นตัวเลข ต้องอาศัยการใช้ข้อมุลหลายอย่างมาก รวมถึงปัจจัยทาง macro (ซึ่งเป็นการเดา มากกว่า คาดการณ์) หากสถานการณืมีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องทำ Re-valuation ใหม่ เพื่อปรับมูลค่า และ อาจารย์ทำ Valuation ในหุ้นตัวนึง หลายครั้งมากครับ

การยอมรับสิ่งที่ผิดคือการเรียนรู้ ตัวแกเป็น Prof ทีสอนด้านนี้โดยตรง การยอมรับว่า ตัวเองทำ Valuation ผิด เป็นสิ่งที่น่ายกย่องมากๆ (ไม่เคยเห็นในนักวิเคราะห์) เพราะเป็นเครื่องเตือนใจว่า ใครๆก็ผิดได้ ที่สำคัญ อจ.แนะนำว่า หากต้องการเป็นนักลงทุนที่ดี ต้อง เปิดใจไว้ รับฟังข้อมูลแย้งที่แตกต่าง เพื่อการพัฒนาและนำมา Revaluation ในหุ้นที่วิเคราะห์ครับ

ขอบคุณครับ น่าสนใจมากๆ

kotaro เขียน:

หนังสือเรื่อง Narrative and Numbers,The Value of stories in business

โดย Aswath Damodaran

โดยปกติ เท่าที่เคยอ่านหนังสือของ อจ Damodaran จะเป็นเกี่ยวกับการ ประเมินหามุลค่าของธุรกิจ หรือ การประเมินหามูลค่าหุ้น โดยวิธี DCF เป็นหลัก
ซึ่งหนังสือเล่มที่เคยอ่านของ อจ. คือ The Little book of valuation ซึ่งดีมากๆ

หนังสือเล่มที่แนะนำคือ ชื่อเรื่อง Narrative and Numbers เป็นงานเขียนเล่มล่าสุดของ อาจารย์ Damodaran
หนังสือเล่มนี้ ผมอ่านแล้ว น่าสนใจมากๆครับ เป็นหนังสือที่เขียนถึง มุมมองของ อาจารย์ ที่แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่เล่าเรื่องหรือสร้าง สตอรี่ (storyteller) กับ กลุ่มคนที่เป็นพวกใช้ตัวเลขคำนวณ (number cruncher ) ซึ่ง อาจารย์บอกว่า คน2 กลุ่มนี้ เสมือนกับอยู่ตรงข้ามกัน คนที่เล่าเรื่องเก่ง ก็มักไม่เก่งเรื่องคำนวณ คนที่ใช้ตัวเลขคำนวณเก่ง ก็เล่าเรื่องไม่เก่ง

การประเมินมูลค่าธุรกิจให้ดี ต้องเชื่อมทั้ง 2 ฝั่งให้ดี (ตัวอาจารย์ Damodaran เองยอมรับก็ว่าเป็นกลุ่ม number cruncher)

จุดมุ่งหมายหนังสือเล่มนี้คือ การแปลงจาก Story ให้มาเป็นตัวเลข และนำตัวเลขนั้นมาใช้ในการ Valuation หุ้น

โดยอาจารย์ยกตัวอย่างในหนังสือเยอะมาก ทั้ง Amazon,Facebook,Apple,Ferrari,Exxonmobil,Uber,Alibaba,Yahoo,JCpenny,Vale,Gopro

เราที่เป็นนักลงทุน เวลาผู้บริหาร ออกข่าว เล่าเรื่อง (Story) หน้าที่นักลงทุนคือ การวิเคราะห์ Story เหล่านั้นว่ามี ความน่าเชื่อถือไหม และ อาจารย์แนะนำว่า นอกจากวิเคราะห์ Story ของ ผู้บริหารแล้ว เรายังต้องสร้าง Story ในมุมของเรามาเปรียบเทียบ และมาใช้ในการ Valuation เอง โดย ในหนังสือแยกแยะละเอียด ทั้ง เรื่องเล่าที่ใหญ่ อาจเปลี่ยนแปลง มูลค่าธุรกิจ หรือ เรื่องเล่าที่พบประจำ เช่น การประกาศผลรรายไตรมาส การกู้เงิน การคืนเงิน การจ่ายปันผล เรื่องเล่าเหล่านี้ มีวิธีการนำมาปรับ Valuation ยังไง

หนังสือดีครับ ใครสนใจ อยากทราบรายละเอียด model การแปลงเรื่องเล่าเป็นตัวเลข ลองหาอ่านดูครับ

สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

ไม่ทราบว่า มีแปล ไทย ออกจำหน่าย หรือยัง ครับ

รวมถึง หนังสือ the little book of valuation ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

purinat95 เขียน:
ไม่ทราบว่า มีแปล ไทย ออกจำหน่าย หรือยัง ครับ

รวมถึง หนังสือ the little book of valuation ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

Narrative and Numbers ยังไม่น่ามีแปลนะครับ เพราะหนังสือเพิ่งออก

ส่วน The little book of valuation เห็นมีสำนักพิมพ์ Fidelity กำลังแปลอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าเสร็จหรือยังครับ

kotaro เขียน:

purinat95 เขียน:
ไม่ทราบว่า มีแปล ไทย ออกจำหน่าย หรือยัง ครับ

รวมถึง หนังสือ the little book of valuation ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

Narrative and Numbers ยังไม่น่ามีแปลนะครับ เพราะหนังสือเพิ่งออก

ส่วน The little book of valuation เห็นมีสำนักพิมพ์ Fidelity กำลังแปลอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าเสร็จหรือยังครับ

ขอบคุณมากๆครับ