หน้า 1 จากทั้งหมด 2

CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 9:55 am
โดย pakapong_u
CHIC : บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
ศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)”

ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ บริการ / พาณิชย์
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO
360,000,000 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย ) แบ่งเป็น
1) เสนอขายต่อประชาชน 270,000,000 หุ้น
2) เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณบริษัท 54,000,000 หุ้น

3) เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทและพนักงานบริษัท 36,000,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น
n/a

ราคา IPO
n/a

ราคา PAR
0.50 บาท

วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)


ข้อมูล Filing

http://www.chicrepublicthai.com/

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 9:56 am
โดย pakapong_u
http://market.sec.or.th/public/ipos/IPO ... sID=175783

หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : -
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) / นาย วิชา โตมานะ

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 12:30 pm
โดย pakapong_u
"ชิค รีพับบลิค"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 360 ล้านหุ้น เข้า SET ใช้ขยายสาขา-คืนเงินกู้ยืมระยะยาว
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)

Monday, December 18, 2017 10:40

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 60)--บมจ. ชิค รีพับบลิค (CHIC) ยื่นไฟลิ่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็น 270 ล้านหุ้นเสนอขายต่อประชาชน, จำนวน 54 ล้านหุ้นเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท และจำนวน 36 ล้านหุ้นเสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทและพนักงานของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนขยายสาขาในปี 61-62, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวกับสถาบันการเงินในปี 61 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทฯเป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone" หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)" และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)"
CHIC ได้มีการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้าไว้อย่างชัดเจนเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อและต้องการที่อยู่อาศัยใหม่หรือปรับปรุงที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและอาคารสูง ปัจจุบัน CHIC มีสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ 1) สาขาประดิษฐ์มนูธรรม 2) สาขาพัทยา 3) สาขาบางนา 4) สาขาราชพฤกษ์ และมีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ซึ่งได้ว่าจ้างบริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) จำกัด (DHL) เป็นผู้บริหารคลังสินค้าให้บริษัทที่ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ
โครงการในอนาคต บริษัทมีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ (Website) ใหม่ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารองรับการจำหน่ายผ่านช่องทางการขายแบบออนไลน์ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้มีการซื้อขายแบบ E-Commerce โดยวางแผนงานร่วมกับธนาคาร บริษัทตัวแทนชำระเงิน และบริษัทจัดส่งสินค้าไว้แล้ว ช่วงแรกจะเน้นการขายสินค้าภายใต้ตราสินค้า “RINA HEY" ก่อน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 1/61 ใช้งบประมาณในการพัฒนาเว็บไซต์ประมาณ 2 ล้านบาท
ส่วนโครงการขยายสาขาเพิ่ม ดังนี้ 1. สาขารามอินทรา บริษัทได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินแล้ว โดยมีระยะเวลาเช่า 30 ปี คาดเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/61 คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปี 61 ใช้งบลงทุนประมาณ 250-300 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนจะมาจากการขอรับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินร่วมกับกระแสเงินสดภายในกิจการ และเงินระดมทุน IPO
นอกจากนั้น บริษัทมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งภาคเนือ เช่น เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุดรธานี และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น โดยที่ จ.อุดรธานี เช่าที่ดินา 30 ปี ออกแบบโครงสร้างอาคาร 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ขายประมาณ 6,500 ตารางเมตร และมีร้านค้าเช่าพื้นที่ 4 ร้านค้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุน ซึ่งบริษัทอาจลงทุนเองหรือร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
ผลการดำเนินงานในช่วงปี 57-59 มีรายได้จากการขายและบริการ 651.91 ล้านบาท 835.03 ล้านบาท และ 806.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 28.09%, -3.45% โดยในปี 59 รายได้จากการขายและบริการลดลงตามยอดขายหน้าร้าน เป็นผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของการซื้อสินค้า และบริษัทมีการทำการตลาดส่งเสริมการขายโดยให้ส่วนลดเพิ่มเติมแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่กำไรในปี 57 อยู่ที่ 30.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 69.03 ล้านบาทในปี 58 และ ลดลงเหลือ 51.78 ล้านบาทในปี 59
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 60 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,149.05 ล้านบาท หนี้สินรวม 602.06 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 564.99 ล้านบาท รายได้รวม 559.10 ล้านบาท ต้นทุนรวม 290.59 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11.05 ล้านบาท
บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 680 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,360 ล้านหุ้น โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ ครอบครัวนายกิจจา ปัทมสัตนาสนธิ รวมถือหุ้น 1,000 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 73.53%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลโดยพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และจะต้องไม่เกินกำไรสะสมที่ปรากฏอยู่ในงบการเงิน

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 12:49 pm
โดย pakapong_u
บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”, “CHIC”) เป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)” ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย หรือ The First Home Fashion Store in Thailandที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน มาตรฐานยุโรปและอเมริกา ด้วยแนวคิด “Home Fashion Living”การอยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่อการพักอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่อย่างมีสไตล์ มีรสนิยม และมีดีไซน์หรือ “Living is not just to live but to live Fashionably” เพื่อตอกย้ำความเป็นตัวตน (Uniqueness) ที่แตกต่างและนำสมัย

โดยสร้างเทรนด์เฟอร์นิเจอร์แนวใหม่ในแบบ Modtrad Style (Modern Style + Traditional Style) ที่ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิคของวัฒนธรรมแบบต่าง ๆ ทั้งตะวันออกและตะวันตกผสมผสานเข้ากับการใช้ชีวิตที่ทันสมัยในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ให้อิสระแห่งการเลือกสรร บนพื้นที่ขายตั้งแต่ 6,500 – 12,000 ตารางเมตร กับความหลากหลายของสไตล์ทั้ง Romantic Vintage หรือ Country French Vintage, Modern Chic, American Colonial, English Classic,Industrial Chic, Beach & Garden รวมไปถึงสินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน

บริษัทจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 3,000,000 บาท โดยผู้ก่อตั้งบริษัท คือ นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ เคยเป็นหนึ่งในผู้บริหารของบริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่ง มอลล์ จำกัด และเป็นผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในการออกแบบ จัดหา จัดจำหน่าย ผลิตเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ยาวนานกว่า 30 ปี

CHIC ได้มีการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้าไว้อย่างชัดเจนเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อและต้องการที่อยู่อาศัยใหม่หรือปรับปรุงที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและอาคารสูง โดย CHIC มีการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้าตามแบรนด์ (Brand Positioning) เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับต่าง ๆ โดยปัจจุบันสินค้าของบริษัทมี 2 แบรนด์ ได้แก่

สินค้าภายใต้แบรนด์ “CHIC” เพื่อรองรับลูกค้าระดับกลางถึงบน และ “RINA HEY” หรือ ริน่า เฮย์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง (Mass Market) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ CHIC สามารถครอบคลุมส่วนแบ่งการตลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ CHIC ให้ได้มากที่สุด โดย CHIC ได้ริเริ่มสร้างแบรนด์RINA HEY เมื่อปี 2559
สินค้าภายใต้แบรนด์ “CHIC” และ “RINA HEY” มีการวางจำหน่ายสินค้าในร้าน CHIC ทุกสาขา แต่จะมีแบ่งแยกโซนของแบรนด์ “CHIC” และ “RINA HEY” อย่างชัดเจน

ปัจจุบัน CHIC มีสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ 1) สาขาประดิษฐ์มนูธรรม 2) สาขาพัทยา 3) สาขาบางนา 4) สาขาราชพฤกษ์ และมีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ซึ่งได้ว่าจ้างบริษัท ดีเอชแอลซัพพลายเชน (ประเทศไทย)จำกัด (DHL) เป็นผู้บริหารคลังสินค้าให้บริษัท โดยคลังสินค้าตั้งอยู่ที่อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ

นอกเหนือจากการขายผ่านหน้าร้านของตนเอง CHIC ยังมีการรับงานโครงการ โดยเป็นการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้ง ในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in)และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (Loose Furniture) และสินค้าตกแต่งบ้าน ให้กับโครงการห้องชุด คอนโดมีเนียม โครงการบ้านจัดสรร

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2561 บริษัทวางแผนจะเปิดช่องทางการขายตามกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ O2O (โอทูโอ) หรือ ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ทู ออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง และ ออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง ทู ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง (Online Marketing to Offline Marketing และ Offline Marketing to Online Marketing) เป็นการจำหน่ายสินค้าด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดแบบใหม่ โดยเป็นการทำการตลาดแบบผสมผสานที่สามารถเจาะตลาดได้ทั้งตลาดออนไลน์และตลาดออฟไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีทั้งในตลาดออนไลน์และตลาดออฟไลน์
กลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทในการลงทุนขยายสาขา คือ บริษัทจะมีการแบ่งพื้นที่เช่าให้กับร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ในเกือบทุกสาขาของ CHIC โดยวัตถุประสงค์ในการแบ่งพื้นที่เช่าเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโฮมแฟชั่นสโตร์เพิ่มขึ้น รวมถึง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกสรรสินค้าภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของ CHIC และ RINA HEY

ลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. การขายสินค้าผ่านหน้าร้านของบริษัท บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) เป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)” ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย หรือ The First Home Fashion Store in Thailandด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” การอยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่อการพักอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่อย่างมีสไตล์ มีรสนิยม และมีดีไซน์หรือ “Living is not just to live but to live Fashionably”บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเลือกทำเลที่ตั้งในการเปิดโฮมแฟชั่นสโตร์ในทุกสาขา โดยจะอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตของที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ สถานที่มองเห็นและเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ 1) สาขาประดิษฐ์มนูธรรม 2) สาขาพัทยา 3) สาขาบางนา 4) สาขาราชพฤกษ์

สำหรับเหตุผลที่บริษัทคัดเลือกทำเลที่ตั้งของ 4 สาขานี้ มีเหตุผลประกอบดังนี้ ที่ตั้งของสาขาประดิษฐ์มนูธรรม สาขาบางนา และสาขาราชพฤกษ์ อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชน ที่มีการขยายตัวของที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ จำนวนมาก เส้นทางคมนาคมสะดวก พื้นที่ที่ใช้ในการเปิดโฮมแฟชั่นสโตร์จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอ โดยเฉลี่ยจะมีพื้นที่ขายตั้งแต่ 6,500 – 12,000 ตารางเมตรเพื่อให้บริษัทสามารถสร้างแนวคิดในการตกแต่งบ้าน ด้วยการสร้างห้องตัวอย่าง (Room Setting) มีการจำลองการตกแต่งห้องต่างๆ ไว้ภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ให้มีบรรยากาศเหมือนบ้านเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกค้า พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ (Inspirationand Experience) เพื่อให้ลูกค้าได้คัดสรรสินค้าได้ตรงตามความต้องการ และสร้างแนวคิด (Idea) ที่หลากหลาย ดังนั้น พื้นที่ในการเปิดโฮมแฟชั่นสโตร์จะต้องมีพื้นที่มากเพียงพอที่จะสร้างแนวคิดในการตกแต่งบ้านดังกล่าว

เหตุผลที่บริษัทเลือกเปิด สาขาพัทยา เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่า พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และมีการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของสาขาพัทยา สามารถเดินทางได้สะดวกสำหรับลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง เช่น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นต้น


การขายสินค้าผ่านหน้าร้านของบริษัท มีการจำหน่ายสินค้า 2 ประเภท คือ 1) สินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท คือ “CHIC” และ “RINA HEY”2) สินค้าที่บริษัทร่วมบริหารกับคู่ค้า โดยใช้แบรนด์ของเจ้าของตราสินค้า เป็นสินค้าที่บริษัทสั่งซื้อมาจากเจ้าของตราสินค้า โดยมีทั้งสินค้าที่วางจำหน่ายหน้าร้านของบริษัท อาทิ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Décor) และของใช้ในบ้าน เป็นต้น และสินค้าที่บริษัทสั่งซื้อเมื่อลูกค้ามาจองซื้อสินค้ากับบริษัท โดยบริษัทไม่ต้องจัดเก็บสินค้าไว้ อาทิ ที่นอน เป็นต้น

2. การขายงานโครงการ เป็นการขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้งให้กับโครงการต่าง ๆ ในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in) และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (Loose Furniture) และสินค้าตกแต่งบ้านให้กับโครงการห้องชุด คอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร เป็นต้น โดยบริษัทจะนำเสนองานตามความต้องการของลูกค้าโครงการรายนั้น ๆ โดยทีมงานของบริษัทจะนำเสนอสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทก่อน หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนวัสดุ ขนาดสินค้า หรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับสินค้า บริษัทจะดำเนินการให้ แต่หากลูกค้ามีรูปแบบสินค้าอยู่แล้ว บริษัทจะให้ Product Designer ของบริษัทออกแบบตาม Concept ที่ได้จากลูกค้า และการได้มาซึ่งงานโครงการของบริษัททุกโครงการบริษัทจะใช้วิธีการประมูลงานเพื่อให้ได้มาซึ่งงานโครงการนั้น สำหรับเหตุผลที่บริษัทมีการขายสินค้าให้กับงานโครงการ เนื่องจาก เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัทไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น และทำให้สินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น

3. การให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าเช่า เป็นการแบ่งพื้นที่ให้เช่าภายในสาขาของบริษัทสำหรับร้านค้าเช่าต่าง ๆ การแบ่งพื้นที่ให้เช่าภายในสาขาของบริษัท ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทที่แตกต่างจากผู้ประกอบการอื่นๆ และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลงทุนขยายสาขาต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการแบ่งพื้นที่เช่าภายในสาขาของบริษัทเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโฮมแฟชั่นสโตร์เพิ่มขึ้น รวมถึง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกสรรสินค้าภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของ CHIC และ RINA HEY สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เช่าพื้นที่ ทางบริษัทจะคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีการประกอบธุรกิจที่ตรงกับคอนเซ็ปต์ของ CHIC คือ มีสไตล์ มีรสนิยม มีดีไซน์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Uniqueness) ไม่ซ้ำใคร อาทิ ร้านอาหาร จะเป็นร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากทาง CHIC เป็นร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสาขาไม่มากนัก เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านอาหารที่เปิดบริการในสาขาของ CHIC เป็นต้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 12:49 pm
โดย pakapong_u
ผลการดำเนินงาน

รายได้จากการขายและบริการของบริษัทในปี 2557 – ปี 2559 และงวด 9 เดือนแรกปี 2560 มีมูลค่าเท่ากับ 651.91 ล้านบาท 835.03 ล้านบาท 806.20 ล้านบาท และ 537.32 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 97.53 ร้อยละ 97.72 ร้อยละ 96.55 และร้อยละ 96.10 ของรายได้รวม ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 28.09 และร้อยละ (3.45) สำหรับปี 2558 และปี 2559 ตามลำดับ ส่วนสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2560 มีอัตราเติบโตลดลงร้อยละ 14.23 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายและบริการของบริษัทในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 เนื่องจากการขายสินค้าหน้าร้าน รายได้ค่าเช่า และการขายงานโครงการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาบางนาและการที่บริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีทั้งมูลค่าสูงมากกว่าปี 2557 รายได้จากการขายและบริการในปี 2559 ลดลงจากการลดลงของยอดขายหน้าร้านเป็นผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของการซื้อสินค้าและบริษัทมีการทำการตลาดส่งเสริมการขายโดยให้ส่วนลดเพิ่มเติมแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการมูลค่าเท่ากับ 537.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 14.23เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 อันเป็นผลมาจากรายได้งานโครงการที่ลดลงสืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 ที่บริษัทไม่ได้เข้าแข่งขันทางด้านราคาในการขายงานโครงการและมุ่งเน้นการขายสินค้าหน้าร้านที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าตามนโยบายที่วางไว้

นอกจากนี้นโยบายการกำหนดราคาของบริษัทนั้นเป็นการกำหนดโดยใช้ราคาต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มในสินค้าแต่ละประเภท โดยมีการคำนึงถึงความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเข้าไปในการกำหนดราคาสินค้าของบริษัทด้วย ดังนั้นบริษัทสามารถกำหนดราคาขายของสินค้าให้สามารถครอบคลุมต้นทุนของค่าสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด โดยต้นทุนค่าสินค้านั้นจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตและความยากง่ายในการผลิต ซึ่งรูปแบบของสินค้าก็จะเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าและเทรนด์ที่มีความนิยมในตลาด

ในปี 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2557 จากการที่มีกำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากยอดขายและบริการเพิ่มขึ้นและมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ส่วนในปี 2559 มีอัตรากำไรสุทธิลดลงจากปี 2558 จากการที่บริษัทมีกำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากการทำการตลาดส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นโดยให้ส่วนลดเพิ่มเติมแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย
สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิมูลค่าเท่ากับ 11.05 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.98 ลดลงเมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 2559 ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 10.06 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานโครงการที่ลดลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงปลายปี 2559 เช่น ค่าเสื่อมราคาของอาคารและอุปกรณ์ ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเปลี่ยนแปลงประมาณการอายุใช้งานของสินทรัพย์ประเภทค่าตกแต่งภายใน เช่น งานฝ้าเพดาน ผนัง งานตกแต่งภายใน พื้น ถนน และลานจอดรถ เป็นต้น ของสาขาบางนา และ สาขาราชพฤกษ์ ที่บริษัทประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์ไว้ 5 ปี ซึ่งบริษัทได้พิจารณาในรายละเอียดของสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวของทั้ง 2 สาขา เปรียบเทียบกับสาขาประดิษฐ์มนูธรรมที่เป็นสาขาแรกที่เปิดตั้งแต่ปี 2554 และที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยทำการซ่อมแซมหรือปรับปรุงครั้งใหญ่เลย บริษัทจึงได้ปรึกษากับวิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้างในเบื้องต้นและพบว่าในความเป็นจริงแล้วเครื่องตกแต่งติดตั้งข้างต้นสามารถมีอายุใช้งานที่ยาวนานถึง 10 – 25 ปี แล้วแต่ประเภทของสินทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทต้องได้รับคำรับรองจากผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในเรื่องอายุการใช้งานของสินทรัพย์ส่วนต่าง ๆ ของสาขา บางนา และ สาขาราชพฤกษ์ ประกอบกับได้รับหนังสืออนุญาตจากกรมสรรพากรในการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานสินทรัพย์ จึงจะสามารถเปลี่ยนประมาณการอายุการใช้งานได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้หนังสือตอบรับจากกรมสรรพากรภายในเดือนธันวาคม 2560 โดยบริษัทจะเริ่มใช้อายุการใช้งานที่ประเมินใหม่จากผู้ประเมินในการคำนวณค่าเสื่อมราคา ด้วยอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 และ มูลค่าสุทธิทางบัญชีของสินทรัพย์ ณ วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นค่าเสื่อมราคาสำหรับปี 2560 เป็นต้นไป โดยบริษัทจะปรับปรุงค่าเสื่อมราคาในงบการเงินปี 2560 มีผลทำให้ค่าเสื่อมราคาลดลง และผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2560 เพิ่มขึ้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 7:23 pm
โดย pakapong_u
ฐานะการเงิน

บริษัทมีสินทรัพย์รวมณ สิ้นปี 2557-2559 และ ณ 30 กันยายน 2560 มีมูลค่าเท่ากับ955.35 ล้านบาท 993.28 ล้านบาท 1,273.61 ล้านบาท และ 1,149.05 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมากในปี 2558 จะมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและลูกหนี้การค้าเกิดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ปี 2559 มีสินทรัพย์เพิ่มจากปี 2558 จากอาคาร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจและสินค้าคงเหลือเป็นผลจากการขยายสาขาใหม่ในปี 2559 สำหรับ ณ 30 กันยายน 2559 สินทรัพย์รวมลดลงจาก ณ สิ้นปี 2559 จากลูกหนี้การค้าที่ลดลงตามยอดขายงานโครงการ รวมไปถึงสินค้าคงเหลือและเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าที่ลดลง

ณ สิ้นปี 2557-2559 และ ณ 30 กันยายน 2560 หนี้สินรวมมีจำนวนเท่ากับ 695.06 ล้านบาท 568.96 ล้านบาท 707.67 ล้านบาท และ 602.06 ล้านบาท ตามลำดับ ณ สิ้นปี 2558 ลดลงเนื่องจากเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกันลดลง สำหรับปี 2559 เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น ส่วน ณ 30 กันยายน 2560 หนี้สินรวมลดลงจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นที่ลดลงตามงานโครงการที่ลดลง

ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2557-2559และ ณ 30 กันยายน 2560 มีมูลค่าเท่ากับ 260.28ล้านบาท 424.32ล้านบาท 565.94 ล้านบาท และ 546.99 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นทุกปี และ ณ 30กันยายน 2560 ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลดเนื่องจากการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 7:54 pm
โดย pakapong_u

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 18, 2017 10:45 pm
โดย pakapong_u
efinanceThai - `ชิค รีพับบลิค`ยื่นไฟลิ่งเข้า SET ขาย IPO 360 ล้านหุ้น ใช้ลงทุนขยายสาขา-คืนเงินกู้-เป็นเงินทุนหมุนเวียน

  บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น เพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
  วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน 1. เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนขยายสาขา ภายในปี 2561 และปี 2562 2. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวกับสถาบันการเงิน ภายในปี 2561 3. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
  จำนวนหุ้นที่เสนอขาย 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่ง 270 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชน คิดเป็น 19.58% และ 54 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท อีก 36 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท
   ประเภทธุรกิจ ศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)” ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย หรือ The First Home Fashion Store in Thailand ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน มาตรฐานยุโรปและอเมริกา ด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” การอยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่อการพักอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่อย่างมีสไตล์ มีรสนิยม และมีดีไซน์ หรือ “Living is not just to live but to live Fashionably” เพื่อตอกย้ำความเป็นตัวตน (Uniqueness) ที่แตกต่างและนำสมัย โดยสร้างเทรนด์เฟอร์นิเจอร์แนวใหม่ในแบบ Modtrad Style (Modern Style + Traditional Style) ที่ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิคของวัฒนธรรมแบบต่าง ๆ ทั้งตะวันออกและตะวันตกผสมผสานเข้ากับการใช้ชีวิตที่ทันสมัยในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ให้อิสระแห่งการเลือกสรร บนพื้นที่ขายตั้งแต่ 6,500 – 12,000 ตารางเมตร กับความหลากหลายของสไตล์ทั้ง Romantic Vintage หรือ Country French Vintage, Modern Chic, American Colonial, English Classic, Industrial Chic, Beach & Garden รวมไปถึงสินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน
  ปัจจุบัน CHIC มีสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ 1) สาขาประดิษฐ์มนูธรรม 2) สาขาพัทยา 3) สาขาบางนา 4) สาขาราชพฤกษ์ และมีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ซึ่งได้ว่าจ้างบริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) จำกัด (DHL) เป็นผู้บริหารคลังสินค้าให้บริษัท โดยคลังสินค้าตั้งอยู่ที่ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ
  นอกเหนือจากการขายผ่านหน้าร้านของตนเอง CHIC ยังมีการรับงานโครงการ โดยเป็นการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้ง ในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in) และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (Loose Furniture) และสินค้าตกแต่งบ้าน ให้กับโครงการห้องชุด คอนโดมีเนียม โครงการบ้านจัดสรร
  นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2561 บริษัทวางแผนจะเปิดช่องทางการขายตามกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ O2O (โอทูโอ) หรือ ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ทู ออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง และ ออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง ทู ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง (Online Marketing to Offline Marketing และ Offline Marketing to Online Marketing) เป็นการจำหน่ายสินค้าด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดแบบใหม่ โดยเป็นการทำการตลาดแบบผสมผสานที่สามารถเจาะตลาดได้ทั้งตลาดออนไลน์และตลาดออฟไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีทั้งในตลาดออนไลน์และตลาดออฟไลน์
  กลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทในการลงทุนขยายสาขา คือ บริษัทจะมีการแบ่งพื้นที่เช่าให้กับร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ในเกือบทุกสาขาของ CHIC โดยวัตถุประสงค์ในการแบ่งพื้นที่เช่าเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโฮมแฟชั่นสโตร์เพิ่มขึ้น รวมถึง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกสรรสินค้าภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของ CHIC และ RINA HEYผลการดำเนินงาน
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ก่อนการเสนอขาย IPO อันดับ 1. นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ถือ 554,619,980 หุ้น คิดเป็น 55.46% หลังการเสนอขาย IPO เหลือถือ 40.78%
  รายได้จากการขายและบริการของบริษัทในปี 2557 – ปี 2559 และงวด 9 เดือนแรกปี 2560 มีมูลค่าเท่ากับ 651.91 ล้านบาท 835.03 ล้านบาท 806.20 ล้านบาท และ 537.32 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 97.53 ร้อยละ 97.72 ร้อยละ 96.55 และร้อยละ 96.10 ของรายได้รวม ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 28.09 และร้อยละ (3.45) สำหรับปี 2558 และปี 2559 ตามลำดับ ส่วนสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2560 มีอัตราเติบโตลดลงร้อยละ 14.23 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายและบริการของบริษัทในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 เนื่องจากการขายสินค้าหน้าร้าน รายได้ค่าเช่า และการขายงานโครงการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาบางนาและการที่บริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีทั้งมูลค่าสูงมากกว่าปี 2557 รายได้จากการขายและบริการในปี 2559 ลดลงจากการลดลงของยอดขายหน้าร้านเป็นผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของการซื้อสินค้าและบริษัทมีการทำการตลาดส่งเสริมการขายโดยให้ส่วนลดเพิ่มเติมแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย
  สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการมูลค่าเท่ากับ 537.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 14.23 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 อันเป็นผลมาจากรายได้งานโครงการที่ลดลงสืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 ที่บริษัทไม่ได้เข้าแข่งขันทางด้านราคาในการขายงานโครงการและมุ่งเน้นการขายสินค้าหน้าร้านที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าตามนโยบายที่วางไว้นอกจากนี้ นโยบายการกำหนดราคาของบริษัทนั้นเป็นการกำหนดโดยใช้ราคาต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มในสินค้าแต่ละประเภท โดยมีการคำนึงถึงความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเข้าไปในการกำหนดราคาสินค้าของบริษัทด้วย ดังนั้นบริษัทสามารถกำหนดราคาขายของสินค้าให้สามารถครอบคลุมต้นทุนของค่าสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด โดยต้นทุนค่าสินค้านั้นจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตและความยากง่ายในการผลิต ซึ่งรูปแบบของสินค้าก็จะเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าและเทรนด์ที่มีความนิยมในตลาด
  สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิมูลค่าเท่ากับ 11.05 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.98 ลดลงเมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 2559 ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 10.06 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานโครงการที่ลดลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงปลายปี 2559 เช่น ค่าเสื่อมราคาของอาคารและอุปกรณ์ ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 17, 2018 12:55 am
โดย pakapong_u
“CHIC” แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น กางแผนระดมทุนขยายสาขาหนุนโต
วันที่ 16 มีนาคม 2561 - 18:53 น.



สัมภาษณ์

CHIC กำลังเป็นหุ้นน้องใหม่ป้ายแดงอีก 1 บริษัท ที่เตรียมนับถอยหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปีนี้ สำหรับ CHIC หรือ บมจ.ชิค รีพับบลิค ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการนับหนึ่งไฟลิ่งจากสำนักงาน ก.ล.ต.เท่านั้น

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ทัพใหญ่ “กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ” กรรมการผู้จัดการ CHIC ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “CHIC” และ “RINA HEY” ซึ่งเขารับอาสาจะมาฉายภาพบริษัทและทิศทางของธุรกิจว่า

นายกิจจาได้เริ่มปลุกปั้นแบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” หรือ CHIC ตั้งแต่ช่วง 7 ปีที่แล้ว เพราะเห็นโอกาสจากกลุ่มลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ในประเทศที่มีความต้องการอยู่จำนวนมาก แต่ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อย เพราะบ้านเรามีแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดัง ๆ 2-3 ราย และส่วนใหญ่จับตลาด mass ตนจึงใช้ประสบการณ์จากที่เคยเป็นซีอีโอของ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ซึ่งเห็นช่องว่างในตลาดเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มระดับกลางถึงบนที่สามารถทำราคาสินค้าเหนือกว่าขึ้นมาขายได้

ความต่างของเฟอร์นิเจอร์ CHIC ที่ไม่เหมือนเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป จะอยู่ที่การใช้วัสดุที่เป็น “ไม้จริง” เป็นหลัก ส่วนรูปแบบดีไซน์จะมีความหลากหลายสไตล์ของสินค้าถึง 4 แบบ ซึ่งเริ่มต้นจากสินค้าสไตล์วินเทจ ถัดมาสไตล์คลาสสิกและอเมริกันโคโลเนียล รวมถึงสไตล์โมเดิร์น ซึ่งสินค้าของบริษัทจะมีดีไซน์ที่ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ถึงแม้ว่า สินค้าบริษัทจะราคาสูงกว่าตลาดประมาณ 20-30% ก็ตาม แต่ฐานลูกค้าอยู่กลุ่มระดับกลางถึงบน จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายขึ้นมาได้

โดยสินค้าต่าง ๆ จะวางขายกระจายถึง 4 สาขาหลักของบริษัท ซึ่งสาขาแรกจะอยู่ตรงข้ามคริสตัล ปาร์ค ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ก่อนที่จะขยายสาขาที่ 2 ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพราะต้องการจับตลาดลูกค้าต่างชาติ เช่น คนรัสเซียและจีนที่มาซื้อบ้านในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก และขยายไปสาขาที่ 3 ทำเลบางนา และสาขาที่ 4 ทำเลถนนราชพฤกษ์

หลังจากที่แบรนด์ชิค รีพับบลิค ได้รับการตอบรับที่ดีและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทก็แตกไลน์อีกแบรนด์ออกมาคือ “ริน่า เฮย์” หรือ “RINA HEY” เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคนเพิ่งเริ่มทำงานหรือลูกค้าอนโดมิเนียม ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ราคาอยู่ระดับกลาง ๆ จะไม่สูงเท่า CHIC พร้อมกับจะส่ง “RINA HEY” ปูพรมเจาะตลาดลูกค้าในจังหวัดใหญ่ ๆ ด้วย และภายในไตรมาส 2 นี้ จะขยายช่องทางขายผ่านทางออนไลน์ด้วย ขณะนี้ทำแพลตฟอร์มเรียบร้อยแล้ว น่าจะเริ่มขายได้ในช่วงเดือน เม.ย. 2561 นี้

กิจจายังกล่าวว่า นอกเหนือจากการขายเฟอร์นิเจอร์ผ่านหน้าร้านของตัวเองแล้ว อีกช่องทางที่สร้างยอดขายให้แก่บริษัท คือ การรับงานป้อนให้กับโครงการคอนโดมิเนียมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้งผนังและแบบลอยตัว สินค้าตกแต่งบ้านให้กับโครงการที่เป็นคอนโดฯและบ้านจัดสรร ซึ่งปัจจุบันมีการรับงานให้กับกลุ่มบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่หลายราย โดยบริษัทจะมีงานในมือ (backlog) แต่ละปีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางค้าปลีก 75% และงานโครงการ 25%

สำหรับภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ เขามั่นใจว่า ยังขยายตัวได้ตามอุตสาหกรรมอสังหาฯที่ยังมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะส่วนของการขยายโครงการตามระบบรถไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัทไปด้วย

“กิจจา” กล่าวถึงแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เงินที่ได้ส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนเปิดสาขาใหม่ ซึ่งปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ที่กรุงเทพฯ 1 สาขา และ จ.อุดรธานีอีก 1 สาขา ขณะที่บริษัทได้ตั้งงบฯลงทุนในปีนี้ราว 300 ล้านบาท

เขากล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปีนี้ว่า ธุรกิจค้าปลีกยังคงจะเติบโตต่อเนื่อง และงานโครงการก็น่าจะเติบโตด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯก็คาดหวังว่าปีนี้เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น จึงตั้งเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปีนี้เติบโตประมาณ 20% จากปี 2560

“ยอมรับว่ายอดขายบางปีของบริษัทก็อาจขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจด้วย ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางการขาย 2 ขา ซึ่งมีทั้งรีเทลกับงานโครงการ ซึ่งหากปีไหนธุรกิจอสังหาฯชะลอตัวก็อาจฉุดให้งานโครงการเราดรอปลงไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะผลักดันรายได้โตปีละไม่ต่ำกว่า 15-20% ในระยะข้างหน้า” นายกิจจากล่าว

แม่ทัพใหญ่ CHIC ปิดท้ายด้วยเป้าหมายธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะขยายการเติบโตของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละไม่น้อยกว่า 15-20% และมีแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ ๆ ในทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ รวมถึงกำลังศึกษาการไปเปิดสาขาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาและเวียดนาม) ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสตอรี่ที่จะเอามาเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงหลังเข้าตลาดหุ้นอีกด้วย

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 20, 2018 9:26 pm
โดย pakapong_u
CHIC จ่อเข้าตลาดหุ้น ระดมทุนขยาย 2 สาขา

“ชิค รีพับบลิค” (CHIC) เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย 360 ล้านหุ้น ระดมทุนขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯและอุดรธานี เน้นธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบอย่างแตกต่างเจาะตลาดบน และเพิ่มแบรนด์ริน่าเฮย์เน้นลูกค้าวัยทำงานและคอนโดฯ

บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่(Stand Alone) ภายใต้ชื่อแบรนด์ ชิค รีพับบลิค (CHIC) และ ริน่าเฮย์ (RINA HEY) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นจำนวน 360 ล้านหุ้น หรือ 26.47% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด

ชิค รีพับบลิค ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย (The First Home Fashion Store in Thailand) ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้านโคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน มาตรฐานยุโรปและอเมริกา ด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” การอยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่อการพักอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่อย่างมีสไตล์ มีรสนิยม และมีดีไซน์ หรือ “Living is not just to live but to live Fashionably” เพื่อตอกยํ้าความเป็นตัวตน (Uniqueness) ที่แตกต่างและนำสมัย

กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ
กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ


นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานในวงการเฟอร์นิเจอร์กว่า 30 ปี จึงได้เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดว่า สินค้าที่มีจำหน่ายในท้องตลาด 10 ปี ก่อนหน้าที่ ชิค รีพับบลิค จะเกิดนั้น เป็นสินค้าสไตล์โมเดิร์นที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศที่มุ่งเน้นผลักดันสินค้าที่ตัวเองผลิต (Push Marketing) เข้าสู่ตลาด โดยสินค้าแต่ละบริษัทที่นำมาแข่งขันจะเป็นแบบที่คล้ายกัน ลอกเลียนแบบกัน ในขณะที่ลูกค้ามีความต้องการทางเลือกมากกว่านั้น

เป็นโอกาสที่เราได้เล็งเห็นว่าควรนำเสนอสินค้าที่แตกต่างโดยการนำสินค้าที่มีดีไซน์ วัสดุที่แตกต่างกว่ามานำเสนอ จึงได้มีการพัฒนามาเป็น ชิค รีพับบลิค ซึ่งเน้นการออกแบบหรูหรา มีความคลาสสิกสไตล์ยุโรปและอเมริกา มีความทันสมัยและใช้วัสดุจากไม้จริง เน้นลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ ริน่าเฮย์ที่เน้นลูกค้าวัยทำงาน ลูกค้าคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ รวมถึงในต่างจังหวัดและกลุ่มประเทศ CLMV

สินค้าของบริษัทมีทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ สินค้าที่ออกแบบเองและจ้างผลิตโดยผู้ผลิตที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการซื้อมาขายไป นอกจากการขายปลีกแล้วก็ยังมีการรับงานโครงการโดยจำหน่ายเฟอร์ นิเจอร์พร้อมติดตั้งในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in) ให้กับโครงการห้องชุด คอนโด มิเนียม และบ้านจัดสรรอีกด้วย ธุรกิจ จัดอยู่ในกลุ่มพาณิชย์ (Commerce)

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์ปัจจุบันบริษัทมีสาขา 4 แห่ง คือ 1.สาขาประดิษฐ์มนูธรรม 2. สาขาพัทยา 3. สาขาบางนา 4. สาขาราชพฤกษ์ มีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง การระดมทุนครั้งนี้เพื่อลงทุนขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ 1 แห่ง และในจังหวัดอุดรธานี 1 แห่งภายในปี 2561-2562 โดยบริษัทมีแผนในอนาคตที่จะขยายสาขาในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต การขยายสาขาในหัวเมืองรอง รวมถึงขยายไปในประเทศกลุ่ม CLMV

บริษัทจะเสนอขายหุ้นจำนวน 360 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน 1. เสนอขายประชาชนทั่วไป 270 ล้านหุ้น 2.เสนอขายผู้มีอุปการคุณของบริษัท 3.เสนอขายพนักงานบริษัทและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่าหุ้นตามบัญชี ณ 30 กันยายน 2560 อยู่ที่ 0.55 บาท

ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 1,149 ล้านบาท หนี้สินรวม 602 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 565 ล้านบาท รายได้รวม 559 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.01 บาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 17, 2018 12:37 pm
โดย pakapong_u
ชิค รีพับบลิคเผยก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งเตรียมขาย IPO 360 ล้านหุ้นเข้าตลาด mai ระดมทุนขยายสาขาในประเทศ-ตปท.

--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 17 เมษายน 2561 12:04:44 น.
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชิค รีพับบลิค (CHIC) ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ"ริน่า เฮย์" (RINA HEY) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัตินับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อเพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท และนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ CHIC และ RINA HEY

สำหรับานค้าของบริษัทเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประดิษฐ์มนูธรรม,บางนา และราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด คือ พัทยา ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน ที่จำหน่ายเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยแนวคิด "Home Fashion Living" ซึ่งสินค้าแบรนด์ CHIC และ RINA HEY จะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบ ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม

นอกจากนี้บริษัทยังมีการให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกสาขา

ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CHIC เปิดเผยว่า ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHIC จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

ทั้งนี้ CHIC มีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการขายแบบ E-Commerce คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 และมีแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อันได้แก่ 1) สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3/61 2) สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3) สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 17, 2018 4:05 pm
โดย pakapong_u
ส่อง 2 หุ้นน้องใหม่ เตรียม IPO ตลาด เอ็มเอไอ
Update: 15.17 น. 17 เม.ย. 61 หมวด StockPick

มาติดตามความเคลื่อนไหวของ 2 บริษัท เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ

บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) (CHIC) ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค”และ“ริน่า เฮย์” ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และได้อนุมัตินับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอต่อไป โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ "ชิค รีพับบลิค" บอกว่า สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

โดยรูปแบบร้านค้าของบริษัทเป็นลักษณะโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประดิษฐ์มนูธรรม,บางนา และราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด คือ พัทยา


ทั้งนี้ CHIC มีแผนพัฒนาเว็บไซต์สำหรับการขายแบบ E-Commerce คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 และมีแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวมกับ 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการได้แก่ สาขาประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส3/61 และสาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี62 ส่วนสาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63

มาที่ด้าน บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) (TPLAS) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอภายในปีนี้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารภายใต้ตรา “หมากรุก” เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี เป็นบริษัทปรึกษาทางการเงิน


นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า สำหรับวัตถุประสงค์จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนสินทรัพย์ ในการขยายอาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก และปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม และสำนักงานของบริษัท เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากถุงพลาสติก และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 18, 2018 10:07 am
โดย pakapong_u
CHICเผยก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมไอพีโอ360ล้านหุ้นเข้าตลาดmai
Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th)

Wednesday, April 18, 2018 09:54


ระดมทุนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาช่องทางขายผ่าน E-Commerce รองรับฐานลูกค้าขยายตัวในอนาคต ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม บล.ฟิลลิป ที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจโอกาสเติบโตสูง ธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องหลังระดมทุน
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ"ริน่า เฮย์" (RINA HEY) เปิดเผยว่า บริษัทที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50บาท และนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้อนุมัตินับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ "ริน่า เฮย์" (RINA HEY)
โดยร้านค้าของบริษัทเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประดิษฐ์มนูธรรม,บางนา และราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด คือ พัทยา ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน ที่จำหน่ายเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยแนวคิด "Home Fashion Living" ซึ่งสินค้าแบรนด์ CHIC และ RINA HEY จะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบ ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครอบคลุมนอกจากนี้บริษัทยังมีการให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกสาขา
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CHIC เปิดเผยว่า ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHIC จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ CHIC มีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการขายแบบ E-Commerce ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 และมีแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อันได้แก่ 1) สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส3/61 2) สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3) สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63 นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น

ที่มา: www.bangkokbiznews.com

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 18, 2018 4:07 pm
โดย pakapong_u
CHIC เผย ก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมไอพีโอ 360 ล้านหุ้นเข้าตลาด mai
Update: 10.30 น. 18 เม.ย. 61 หมวด Entrepreneur


CHIC เผย ก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมไอพีโอ 360 ล้านหุ้นเข้าตลาด mai ระดมทุนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาช่องทางขายผ่าน E-Commerce รองรับฐานลูกค้าขยายตัวในอนาคต โชว์จุดเด่นธุรกิจโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน แบรนด์ CHIC และ RINA HEY ดีไซน์มีเอกลักษณ์ ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม บล.ฟิลลิป ที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจโอกาสเติบโตสูง ธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องหลังระดมทุน
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ“ริน่า เฮย์” (RINA HEY) เปิดเผยว่า บริษัทที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท และนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้อนุมัตินับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ “ริน่า เฮย์” (RINA HEY)
โดยร้านค้าของบริษัทเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประดิษฐ์มนูธรรม,บางนา และราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด คือ พัทยา ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน ที่จำหน่ายเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” ซึ่งสินค้าแบรนด์ CHIC และ RINA HEY จะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบ ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม นอกจากนี้บริษัทยังมีการให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกสาขา
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CHIC เปิดเผยว่า ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHIC จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ CHIC มีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการขายแบบ E-Commerce ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 และมีแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อันได้แก่ 1) สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส3/61 2) สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3) สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63 นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 02, 2018 11:32 pm
โดย pakapong_u
`ชิค รีพับบลิค(CHIC)`คาดเสนอขายหุ้น IPO 360 ล้านหุ้น-เข้าเทรด mai ภายใน Q2/61 ระดมทุนขยายสาขา - efinanceThai

  นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC เปิดเผยกับ"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ CHIC ตั้งแต่ 12 เม.ย.61 และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 2/61
  นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC กล่าวว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการะดมทุน เพื่อขยายสาขา 3 แห่ง ได้แก่ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ใช้เงิน 30 ล้านบาท โดยจะเปิดในห้างสรรพสินค้า คาดเปิดบริการปลายไตรมาวส 3/61,สาขารามอินทรา ใช้เงิน 250 ล้านบาท คาดเปิดไตรมาส 3/62 และสาขาอุดรธานี ใช้เงิน 200 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการปี 63 โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขาภายในระยะเวลา 5 ปี นับรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างดำเนินการนี้แล้ว โดยบริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ สำหรับตลาดต่างประเทศยังมองกลุ่ม CLMV ในการขยายสาขาเพิ่มเติม
  ใช้สำหรับโครงการพัฒนาเว็บไซต์สำหรับการขายแบบ E-Commerce ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/61 ตั้งเป้ายอดขายปีแรกราว 4 ล้านบาท โดยจะเน้นขายออนไลน์สำหรับสินค้าภายใต้แบรนด์ RINA HEY เป็นหลักก่อน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของ RINA HEY มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น
  บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 61 กลับมาเติบโต 20% จากปี 61 ที่รายได้รวม 629.61 ล้านบาท การเติบโตมาจากการขยายตัวของสาขาที่เพิ่มขึ้นซึ่งตามแผนจะเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 1 สาขา การกลับมาของการขายงานโครงการ ซึ่งปัจจุบันมี backlog งานโครงการคอนโดมิเนียมที่ 120 ล้านบาท ส่วนใหญ่รับรู้ในปีนี้
  "ถ้าเศรษฐกิจดี ตลาดที่อยู่อาศัยดี การขยายสาขาจำนวนมากพอ การรับรู้แบรนด์ CHIC และ แบรนด์ RINA HEY กว้างขวางขึ้นก็จะหนุนยอดขายให้กลับมาโตดี" นายกิจจากล่าว
  ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการขายสินค้าผ่านหน้าร้าน 70% งานโครงการ 20% และค่าเช่าร้านอาหาร 10% สินค้าหลักเป็นเฟอร์นิเจอร์ 60% เครื่องนอน 20% อื่นๆ 20%
  บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ชิค รีพับบลิค (CHIC) และ ริน่า เฮย์ (RINA HEY)
  ทั้งนี้ ร้านค้าของบริษัทเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพฯ ประกอบด้วยสาขาประดิษฐ์มนูธรรม บางนา และราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัดคือพัทยา ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอนที่จำหน่าย เน้นความมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยแนวคิด Home Fashion Living ซึ่งสินค้าแบรนด์ CHIC และ RINA HEY จะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบ ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม
  บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2018 11:31 pm
โดย pakapong_u

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2018 6:15 pm
โดย pakapong_u
CHIC : บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
ศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ “Stand Alone” หรือ ร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ชิค รีพับบลิค (CHIC)” และ “ริน่า เฮย์ (RINA HEY)”
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
กลุ่มอุตสาหกรรม
บริการ
สถานะ Approved
จำนวนหุ้นที่ IPO
360,000,000 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย ) แบ่งเป็น
1) เสนอขายต่อประชาชน 270,000,000 หุ้น
2) เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณบริษัท 54,000,000 หุ้น
3) เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทและพนักงานบริษัท 36,000,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น n/a
ราคา IPO n/a
ราคา PAR 0.50 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล Filing http://www.chicrepublicthai.com/

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2018 10:25 am
โดย pakapong_u
คอลัมน์: IPO Reviews: 2 หุ้นใหม่ IPO TPLAS-CHIC เข้าตลาด mai
Source - การเงินธนาคาร (Th)

Thursday, May 17, 2018 10:13


แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นขาขึ้นซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี แน่นอนว่าในสภาวะที่ตลาดมีสภาพคล่องค่อนข้างสูงคาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนเข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2561 นี้อย่างคึกคัก
วารสารการเงินธนาคาร ได้รวบรวมข้อมูลบริษัทที่อยู่ระหว่างการยื่นพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในแต่ละเดือน เพื่อให้นักลงทุนใช้ในการพิจารณาถึงความน่าสนใจลงทุนของหุ้น IPO ตลอดจนแผนการระดมทุนและผลดำเนินงานที่ผ่านมา
ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
CHIC : บมจ.ชิค รีพับบลิค (หมวดธุรกิจบริการ)
บมจ.ชิค รีพับบลิค ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจรในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ “ริน่า เฮย์” (RINA HEY) ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท
โดยการระดมทุนครั้งนี้ มีหุ้นที่เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 360 ล้านหุ้น มูลค่าราคาที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งได้แต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชิค รีพับบลิค (CHIC) ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ CHIC และ RINA HEYเปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filling) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2561 ที่ผ่านมาพร้อมได้รับอนุมัตินับหนึ่ง Filling เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“การระดมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายสาขาเพิ่มเติม รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ อีกทั้งยังเตรียมแผนการขยายสาขาในต่างจังหวัด และขยายไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ในอนาคต”
สำหรับ "ชิค รีพับบริค" เป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย (The First Home Fashion Store in Thailand) ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน มาตรฐานจากประเทศยุโรปและสหรัฐฯ มีความหรูหราทันสมัยและใช้วัสดุจากไม้จริงเป็นหลักด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกันจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป
โดยรูปแบบของสินค้ามีให้เลือก 4 สไตล์ ได้แก่ สินค้าสไตล์วินเทจ สินค้าสไตล์คลาสสิก สินค้าสไตล์อเมริกันโคโลเนียล และสินค้าสไตล์โมเดิร์น เน้นตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งปัจจุบันมีสาขาหลักทั้งหมด 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและเป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย สาขาประดิษฐ์มนูธรรม สาขาบางนา สาขาราชพฤกษ์ และอีกหนึ่งสาขาอยู่ที่จังหวัดชลบุรีในเมืองพัทยา เนื่องจากต้องการเข้าถึงตลาดลูกค้าต่างชาติที่มาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในพื้นที่
ส่วนแบรนด์สินค้าของ "ริน่า เฮย์" สินค้าจะมีราคาอยู่ในระดับกลาง เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ทั้งนี้บริษัทได้มีพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกสาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาเว็บไซต์สำหรับการขายแบบ E-Commerce ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 2 ปี 2561 และมีแผนการขยายอีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยขณะนี้มี 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ สาขาที่ประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall SenSok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ สาขารามอินทรา คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการภายในปี 2562 และสาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2563 และบริษัทยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ตามหัวเมืองใหญ่ในแต่ละภูมิภาคของประเทศทั้งภาคเหนือและภาคใต้ เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น
กลยุทธ์ในการลงทุนขยายสาขาที่สำคัญของบริษัทคือ บริษัทจะมีการแบ่งพื้นที่เช่าให้กับร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่มในเกือบทุกสาขาของ CHIC เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาเลือกสรรสินค้าภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของ CHIC และ RINA HEY โดยการแบ่งพื้นที่เช่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท รวมทั้งยังเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโฮมแฟชั่นสโตร์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ด้านผลดำเนินงานของบริษัทปี 2560 มีกำไรสุทธิมูลค่าเท่ากับ 32.48 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5.16% ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามีอัตรากำไรสุทธิที่ 7.33% เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานโครงการที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ธนาคาพาณิชย์เข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ซบเซา การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการชะลอตัวไป ทำให้บริษัทได้รับงานโครงการลดลง รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงปลายปี 2559 ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง

TPLAS : บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (หมวดธุรกิจอุตสาหกรรม)
บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงบรรจุอาหาร ถุงร้อนที่ผลิตจากพลาสติกชนิด PP ถุงขุ่น และถุงหูหิ้ว ผลิตจากพลาสติกชนิด HDPE ภายใต้ตรา “หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหารผลิตจากพลาสติกชนิด PVC ภายใต้ตรา “Vow Wrap” ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 100 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยมีครอบครัวธีระรุจินนท์ถือหุ้น 100%
แผนการระดมทุนครั้งนี้มีหุ้นที่เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น มูลค่าราคาที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO จะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 135 ล้านบาท หรือคิดเป็น 270 ล้านหุ้น ขณะที่ครอบครัวธีระรุจินนท์ จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 74.07% พร้อมแต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ เออีซี เป็นบริษัทปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นบริษัทเข้าจดทะเบียน
นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความน่าเชื่อถือและการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารที่ทันสมัยและศักยภาพสูง
“บริษัทมีวัตถุประสงค์ระดมทุนเพื่อลงทุนสินทรัพย์ที่เป็นการขยายอาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก และปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม รวมถึงสำนักงานของบริษัท เพื่อรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากถุงพลาสติก และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าอัตรา 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น”
สำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทจะผลิตสินค้าขนาดที่ใช้ทั่วไปในตลาดแบบ Mass Production เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกและฟิล์มถนอมอาหารที่มีมากในชีวิตประจำวัน โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ถุงพลาสติกบรรจุอาหารประเภทโพลีโพรพิลีน (PP) ถุงพลาสติกบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภทโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Vow Wrap ประเภทโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC)
“ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตถุงพลาสติกรวม 10,281.60 ตันต่อปี แบ่งเป็น ถุงพลาสติกประมาณ 850 ตันต่อเดือน ในขณะที่กำลังการผลิตฟิล์มถนอมอาหาร (PVC) อยู่ที่ 1,411.20 ตันต่อปี หรือประมาณ 120 ตันต่อเดือน ด้วยศักยภาพด้านเทคโนโลยีการผลิตทำให้บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558-2560 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 35.47, 18.79 และ 28.84 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายอยู่ที่ 7.25%, 3.94% และ 5.49% ตามลำดับ โดยการลดลงของอัตรากำไรจากการดำเนินงานในปี 2559 เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรจากการดำเนินงานในปี 2560 เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง

--การเงินธนาคาร ฉบับที่ 433 พฤษภาคม 2561----จบ--

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 22, 2018 5:00 am
โดย pakapong_u
รู้ความต้องการลูกค้า หัวใจสำคัญทำให้ ธุรกิจสำเร็จ !
.
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมีปัจจัยต่างๆ มากมาย และหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ ธุรกิจสำเร็จ ได้คือ รู้ความต้องการของลูกค้า
.
Jeff Bezos มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เจ้าพ่อ E-commerce แห่งค่าย Amazon เคยถูกตั้งคำถามว่า
.
“ในเมื่อ Amazon เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันจะมีอะไรบ้างหรือไม่ ที่ไม่เปลี่ยน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม”
.
นี่เป็นคำถามที่ผมชอบมากเลยครับ เฮีย Jeff ตอบสั้นๆว่า “ลูกค้าครับ”
-----------------------------
.
Jeff อธิบายเพิ่มเติมว่า คนส่วนใหญ่มัวแต่คอยคิดว่า คู่แข่งทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ออกโปรโมชั่นไหม หรือขยายตลาดไปที่ไหนแล้วเราก็ทำตาม ในท้ายที่สุดก็จบลงด้วยสงครามตัดราคา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะจบไม่สวยทุกคน
.
หรือมัวแต่หาเครื่องมือเจ๋งๆ เทคโนโลยีล้ำๆ มาใช้ในร้าน จนทำให้หลายครั้งลืมคนที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ นั่นคือ “ลูกค้า”
.
ลูกค้ามีความต้องการสินค้า บริการที่ดีกว่า ในราคาที่คุ้มค่า นั่นคือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นด้วยไหมครับ?
.
เคล็ดลับความสำเร็จคือการทำความเข้าใจของลูกค้า
.
“เทคนิคความสำเร็จของผมคือ ดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ในมุมลูกค้าเขาอยากได้อะไร”
.
นี่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จที่ คุณกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ผู้บุกเบิกอาณาจักร Chic Republic ศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์อย่างครบวงจร เล่าให้ผมฟังอย่างภาคภูมิใจ
.
สไตล์การออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ที่มีกลิ่นอายของความทันสมัยและกลิ่นอายของความคลาสสิค ดูแล้วไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เป็นจุดขายที่ผมสัมผัสได้ตอนที่เดินเข้ามาสู่อาณาจักร Chic Republic
.
แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เน้นลูกค้าตกแต่งบ้านเท่านั้นนะครับ แต่กลุ่มลูกค้า Horeca ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ก็เริ่มมาซื้อสินค้าจากที่นี่ไปตกแต่งสถานที่ สร้างความโดดเด่นให้กับร้าน มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
.
เรารู้ความต้องการของลูกค้าแล้วหรือยัง?
.
“ตัวผมเองยังกลัวเลย คือ บางครั้งเราคิดว่า อันนี้ดี แต่มันคือสิ่งที่ดีในมุมของเรา แต่จริงๆแล้วลูกค้าส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้ชอบเหมือนเราก็ได้”
.
นี่เป็นคำเตือนของชายที่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของประเทศยาวนานกว่า 30 ปี ก่อนที่จะมาเริ่มสร้างอาณาจักร Chic Republic แห่งนี้
.
“แล้วพยายามหาข้อมูลจริงของลูกค้า แบบลึกๆ ว่าเขาชอบเพราะอะไร ต้องเข้าใจให้ชัดเจน”
.
คุณกิจจา ใช้เทคนิค ไปเดินตามสาขาต่างๆ คุยกับพนักงานขายเพราะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด หลังจากนั้นก็คุย supplier เพื่อให้รู้เทรนด์ และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาแรงบันดาลใจ
-----------------------
.
เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็มาดูยอดขายของทางร้าน เพื่อดูว่าข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ กับยอดขายที่เราขายได้จริง มันตรงกันหรือไม่ (Chic republic จัดเก็บข้อมูลรายละเอียดเลยว่า โซฟาแบบไหนขายดี สีไหนที่กำลังมาแรง แบบไหนที่ขายไม่ออก เป็นต้น)
.
ถ้าคำตอบคือ “ไม่” ก็ลองปรับสินค้าล็อตใหม่ๆ ให้ใกล้เคียงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ยังให้ทีมงานมานำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ในทุกๆเดือน เพื่อให้ทีมงานเปิดหูเปิดตา และอัพเดทเทรนด์ตลอดเวลา
.
1. สินค้าและบริการต้องมีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคู่แข่ง
.
“การจะทำสินค้าให้ติดตลาด จำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์ให้ได้” การสร้างเอกลักษณ์ ความแตกต่าง ก็เริ่มตั้งแต่การสร้างบรรยากาศภายในร้าน และการจัดวางสินค้าให้ดูหรูหรา ตามกำลังซื้อของลูกค้า (ถ้าหรูมากไป ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่กล้าเดินเข้าร้าน)
.
คุณกิจจา รู้ว่าบางทีลูกค้าเห็นสินค้าว่าสวย แต่ไม่รู้ว่าถ้าตกแต่งแล้วจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรเลยเป็นที่มาว่า ทำไมต้องสร้าง Chic Republic ให้มีขนาดใหญ่ในทุกๆ สาขาเพื่อให้ลูกค้าตื่นเต้น และอยากได้การตกแต่งแบบนั้นบ้าง (อันนี้มีผลมากครับ พอเราเห็นว่าโคมไฟ อยู่บนโต๊ะอาหาร แล้วมันสวยดี เราอาจจะอยากซื้อทั้งสองชิ้นคู่กัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกเราอาจจะอยากได้โคมไฟอย่างเดียว)
.
“ผมจะ say no ไม่ยอมให้ทีมงาน copy คัดลอกสินค้ามาจากที่อื่นเด็ดขาด แม้ว่าคู่แข่งจะขายสินค้านั้นได้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่เราจะรับฟังความเห็นของทีมงานที่สามารถพัฒนาสินค้าให้ดีกว่าที่มีอยู่ในตลาด” (จุดนี้ต้องเริ่มจาก คนที่เป็นหัวหน้า ถ้ายืนยันหนักแน่น ก็จะไม่มีปัญหาคัดลอกสินค้า แม้ว่าคนอื่นจะคัดลอกเราก็ตาม)
.
“นอกจากดูดี มีสไตล์ แล้วสินค้าต้องมีคุณภาพด้วย” และแนวทางการสร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้าที่ดีของที่นี่ คือ การเลือก supplier ที่เก่งที่สุดในแต่ละด้านจากทั่วโลก เช่น ทำเบาะต้องให้โรงงานนี้ทำเท่านั้น หรือถ้าจะทำโต๊ะ ต้องเป็นโรงงานอีกแห่ง เป็นต้น (เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเงิน ถ้าสินค้ามีคุณภาพสมราคา)
.
2. ราคาที่ลูกค้าจ่าย คุ้มค่าหรือไม่?
.
เรื่องการตั้งราคาเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ครับ ที่ Chic Republic มีจุดยืนเลยว่า “เราจะตั้งราคาที่คิดว่าลูกค้าสามารถจ่ายได้ แต่ต้องเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องการ”
.
สไตล์คุณกิจจา แนะนำให้มองคู่แข่งบ้างว่า ถ้าเค้าขายโซฟา 1 หมื่นบาท แล้วสินค้าของเรามีคุณค่าอะไรที่จะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายมากกว่าคู่แข่ง 2-3 พันบาท
.
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเรามีของดี ที่มีคุณค่าแล้ว เราต้องบอกลูกค้าด้วยครับ เช่น อาจจะให้พนักงานขายอธิบาย หรือให้ลูกค้าลองทดสอบสินค้าของเรา หรืออย่างน้อยๆ ควรมีป้ายบอกความแตกต่าง
.
3. ลูกค้าเป็นคนขี้เบื่อ
.
ถ้าเราเดินเข้าไปร้านใด ร้านหนึ่งแล้วเจอแต่สิ่งเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ ครั้งหน้าเราก็อาจจะไม่อยากมาแล้วจริงไหมครับ แต่ที่ Chic Republic ทำคือ เปลี่ยนสินค้าใหม่ๆ ทุกๆ 3-4 เดือน ให้ลูกค้ารู้สึกว่า เข้ามาทุกครั้งก็มีสินค้าใหม่ให้เลือกชมเสมอ
.
แต่คำว่าใหม่ ไม่จำเป็นต้อง เปลี่ยนหมดทั้งร้านนะครับ คุณกิจจาเลือกที่จะเพิ่มสินค้าใหม่ 10-20% และใช้วิธีการจัดร้านให้ดูเหมือนใหม่เสมอ เช่น จัดแสง จัดมุมใหม่ หรือจัดเรียงสินค้าคู่กับสินค้าอื่น ผสมผสานกันไป (ครั้งนี้โซฟา อาจจะคู่กับโคมไฟ แต่ครั้งหน้าอาจจะลองจัด โซฟาคู่กับเตียงนอน เป็นต้น)
------------------------
.
สรุปข้อคิดจาก ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
.
จะเห็นว่า คุณกิจจา นายใหญ่ แห่งค่าย Chic Republic ใช้หลักคิดเหมือน Jeff Bezos ที่ก่อนจะออกสินค้าใหม่ ปรับร้านรูปแบบใหม่ ต้องย้อนมาถามตัวเองทุกครั้งว่า ความต้องการของลูกค้าคืออะไรกันแน่
.
อย่าลืมครับ “เทคโนโลยีเปลี่ยนไปแทบจะทุกวัน แต่ความต้องการของลูกค้า ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ลูกค้าต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นในราคาที่คุ้มค่า”
.
แต่สิ่งที่ SMEs หลายคนยังขาดคือ ไม่รู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่แท้จริงของเรา คือใครกันแน่
.
ถ้าเรายังไม่รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร แล้วเราจะรู้ความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร
ถ้าเรายังไม่รู้ความต้องการของลูกค้า เราจะขายของให้ได้ดี ได้อย่างไร จริงไหมครับ?
------------------------

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 3:14 pm
โดย pakapong_u
*"ชิค รีพับบลิค"เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 360 ล้านหุ้น พร้อมเข้าตลาด mai ใน Q4/61
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)

Tuesday, October 09, 2018 14:31


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 61)--นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ชิค รีพับบลิค (CHIC) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนของ CHIC แล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงไตรมาส 4/61 นี้
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ชำระคืนหนี้กับสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ "ริน่า เฮย์" (RINA HEY)
ขณะที่ นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ CHIC เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อันได้แก่ 1) สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4/61 2) สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3) สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ประดิษฐ์มนูธรรม บางนา ราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด ได้แก่ พัทยา
สำหรับเป้าหมายการเติบโตบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ทรงตัวจากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในปี 62 เนื่องจาก มองแนวโน้มกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น ประกอบการงานโครงการขยายตัวเพิ่มขึ้น ณ มิ.ย.61 บริษัทมีงานในมือ ( Backlog ) 156 ล้านบาท จากลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายราย โดยจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 63



--อินโฟเควสท์ โดย วิทวัส โพธิ์มูล/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 3:32 pm
โดย pakapong_u
“CHIC"ชูโฮมแฟชั่นสโตร์ดันเข้าตลท.ไตรมาส4/61
Source - เว็บไซต์สยามรัฐ (Th)

Tuesday, October 09, 2018 15:17


CHIC เตรียมไอพีโอ 360 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ช่วงไตรมาส 4/61 ตั้งเป้า 5 ปี ขยาย 5 สาขาทั้งในและต่างประเทศ คาดรายได้ปีนี้ทรงตัว และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในปี 62 ชี้กำลังซื้อฟื้น งานโครงการขยายตัวเพิ่ม ตุนแบ็กล็อก 156 ล้านบาท บล.ฟิลลิป ที่ปรึกษาทางการเงิน การันตีจุดเด่นธุรกิจโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย มั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่องหลังระดมทุน
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ชิค รีพับบลิค หรือ CHIC ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ชิค รีพับบลิค (CHIC)และริน่า เฮย์(RINA HEY) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการได้แก่ 1.สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4/61 และ2.สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3. สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63
ทั้งนี้บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้เช่น ภูเก็ต หรือหาดใหญ่ เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพฯคือ ประดิษฐ์มนูธรรม,บางนา,ราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัดได้แก่ พัทยา
สำหรับเป้าหมายการเติบโตบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ทรงตัวจากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในปี 62 เนื่องจาก มองแนวโน้มกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น ประกอบการงานโครงการขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงมองว่าเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้รับงานมากขึ้นตามไปด้วย และ CHIC ยังมีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการขายแบบ E-Commerce ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ในไตรมาส 2/61 เพื่อสนับสนุนช่องทางขายออนไลน์และส่งเสริมกลยุทธ์ Online to Offline ที่จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของ CHIC ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีการให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ขณะที่สัดส่วนค้าปลีกและงานโครงการเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (58-60) ค้าปลีก 68% งานโครงการ 32% และตั้งเป้าเพิ่มงานโครงการให้มากขึ้น โดยงานโครงการ ณ เดือนมิ.ย.61 บริษัทมีงานในมือ 156 ล้านบาทจากลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายราย โดยจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 63
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงไตรมาส 4/61 นี้
สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ชำระคืนหนี้กับสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยบริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ชิค รีพับบลิค(CHIC) และริน่า เฮย์(RINA HEY)
ทั้งนี้ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHIC จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
“CHIC เป็นร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโดดเด่นเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงาม ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และมีโอกาสในการขยายสาขาเข้าไปในหัวเมืองต่างๆที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกเป็นจำนวนมาก ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการดำเนินงานยาวนานมากกว่า 10 ปี”

ที่มา: www.siamrath.co.th

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 3:32 pm
โดย pakapong_u
'ชิค รีพับบลิค'จ่อเข้าตลาดmai ระดมทุนขยายธุรกิจทั้งใน-ตปท.
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา (Th)

Monday, July 02, 2018 03:15

ผู้จัดการรายวัน360 - ชิค รีพับบลิค รอโอกาสเหมาะเทรดในตลาด MAI หลังตลาดหุ้นผันผวนจากปัจจัยลบ คาดไม่เกินสิ้นปี หวังระดมลงทุนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี เปิดเพิ่ม 5 สาขาทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดนำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังจากอิตาลี "คอมโพแสด" เจาะตลาดคนไทย
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด(มหาชน)หรือ CHIC ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ "ริน่า เฮย์" (RINA HEY) เปิดเผยว่า บริษัทจึงมีแผนที่นำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว โดยต้องการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 0.50 บาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดได้รับผลกระทบต่อปัจจัยลบภายนอก อาทิ ความหวาดกลัวสงครามการค้า จึงชะลอการซื้อขายหุ้นออกไปจนกว่าภาวะตลาดจะดีขึ้น โดยคาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้น ได้ภายในปี 2561 นี้
ในช่วงปี 2558-2560 ที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากค้าปลีก 68% และจากงานโครงการ 32% และตั้งเป้าเพิ่มงานโครงการให้มากขึ้น เพื่อให้บริษัทมีรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ จากปี 2560 ที่ผ่านมาที่มีรายได้ 622.13 ล้านบาท
นายกิจจา กล่าวต่อว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำไปลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองในต่างจังหวัดและในต่างประเทศภายใน 5 ปี โดยจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มปีละ 1 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 4 สาขา ในกรุงเทพฯ 3 สาขา และพัทยา 1 สาขา ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 3 สาขาคือ 1.สาขารามอินทรา ใกล้โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ซึ่งเป็นการเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี บนพื้นที่ 7 ไร่ ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 3/2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2562
2.สาขาอุดรธานี เป็นการเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี บนพื้นที่ 6 ไร่ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในระยะเวลา 1-1.5 ปี และจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2563 และ 3.สาขากัมพูชา ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 ห้าง Aeon Mall Sen Sok City สาขา 2 กรุงพนมเปญ พื้นที่ 3,500 ตารางเมตร สัญญาเช่า 9 ปี งบลงทุน 30-40 ล้านบาท (เฉพาะตกแต่งภายใน) ซึ่งจะเปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ "ชิค ลีฟวิ่ง" คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3/2561 ซึ่งในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกจะคัดสินค้าทั้งแบรนด์ "ชิค รีพับบลิค" (CHIC) และ"ริน่า เฮย์" (RINA HEY)เข้าไปทดลองตลาด หากแบรนด์ไหน ได้รับความนิยมมากที่สุด จึงจะนำแบรนด์นั้นเข้าไปจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
"สาเหตุที่ขยายสาขามาที่ จ.อุดรธานี เพราะมืองว่าตลาดหัวเมืองใหญ่ในอนาคตยังมีอัตราการเติบโตและมีศักยภาพ เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่มีการขายตลาดไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และสนามบินแต่ละแห่งก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ส่วนที่กัมพูชา นั้นถือเป็นหนึ่งในประเทศแถบ CLMV ที่เรามีแผนจะขยายตลาดมาอยู่แล้ว และมองว่าปัจจุบันตลาดอสังหาฯที่นี่มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ผู้บริโภคมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์มากขึ้น นอกจาก 3 สาขานี้แล้วเรายังมีแผนที่จะเปิดสาขาในหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคต่างๆของประเทศ ทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น รวมไปถึงมองตลาด CLMV เพิ่มเติมด้วย" นายกิจจา กล่าว
นายกิจจา กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยที่ผู้ประกอบการต่างเร่งเปิดโครงการกันมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดกลาง-บน ทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม ส่งผลให้ในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯสามารถรับงานโครงการได้มากกว่า 100 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อก (Backlog) ในมือมูลค่า 120 ล้านบาท โดยจะสามารถส่งมอบและรับรู้รายได้ภายใน 8-15 เดือนนับจากนี้ หรือคิดเป็น 25% ของยอดขายรวมในปีนี้ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15% และคาดว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ในครึ่งปีหลังนี้จะมีอัตราการเติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับครึ่ง ปีหลัง 2560
ล่าสุดบริษัทได้จับมือบริษัท Composad S.R.L ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ คอมโพแสด (Composad) จากประเทศอิตาลี เพื่อนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ คอมโพแสดมาจำหน่ายในไทย เนื่องจากคอมโพแสดมองเห็นโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตของตลาดในประเทศ ไทยและกลุ่มประเทศ AEC มีแนวโน้มความต้องการใช้งานเฟอร์นิเจอร์และมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือกับ CHIC ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ มีฐานลูกค้าตรงกัน จะช่วยส่งเสริมการขยายตลาดใหม่ให้เกิดการตอบรับที่ดี ทั้งนี้คอมโพแสด มีประสบการณ์ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่นำการผสมผสานสไตล์ผ่านพื้นผิวตกแต่ง และชิ้นงานสำเร็จที่ออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการผลิตที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม มายาวนานกว่า 18 ปี ปัจจุบันส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก.--จบ--

ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 3:33 pm
โดย pakapong_u
เฟอร์นิเจอร์คึกท้ายปี
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)

Monday, July 02, 2018 04:14


โพสต์ทูเดย์ - ชิค รีพับบลิค มั่นใจ ครึ่งปีหลังตลาดเฟอร์นิเจอร์ขยายตัว รับ อสังหาฯ เร่งโอน-เปิดตัวโครงการ
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ ชิค รีพับบลิค และริน่า เฮย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยที่ผู้ประกอบการต่างเร่งเปิดโครงการกันมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดกลาง-บน ทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมที่มีการเร่งโอน
"ตลาดเฟอร์นิเจอร์เมื่อปี 2560 ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดจากการที่ ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งภาระหนี้ครัวเรือนที่มีสูงขึ้น แต่ครึ่งปีหลังภาระหนี้ครัวเรือนแม้จะไม่ได้ ลดลงมากนัก แต่พฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยเริ่มดีขึ้น ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มที่สร้างครอบครัวใหม่ยังมีอยู่มาก" นายกิจจา กล่าว
สำหรับในช่วงเดือน ธ.ค. 2560 จนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถรับงานโครงการได้มากกว่า 100 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อก หรืองานในมือมูลค่า 120 ล้านบาท โดยจะส่งมอบและรับรู้รายได้ภายใน 8-15 เดือนนับจากนี้ หรือคิดเป็น 25% ของยอดขายรวมในปี 2561 ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 10-15% จากปี 2560 บริษัทมีรายได้ 622 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 360 ล้านหุ้น คาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำไปลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองในต่างจังหวัด และในต่างประเทศ ภายใน 5 ปี โดยจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มปีละ 1 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 4 สาขา ในกรุงเทพฯ 3 สาขา และพัทยา 1 สาขา ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 3 สาขา คือ 1.รามอินทรา ใกล้โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี บนพื้นที่ 7 ไร่ เงินลงทุน 250 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จไตรมาส 3/2562 2.จ.อุดรธานี เป็นการเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี บนพื้นที่ 6 ไร่ ใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในระยะเวลา 1-1 ปีครึ่ง และจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2563 และ 3.สาขากัมพูชา ตั้งอยู่ในห้างอิออน มอลล์ สาขา 2 กรุงพนมเปญ พื้นที่ 3,500 ตารางเมตร งบลงทุน 40 ล้านบาท จะเปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ชิค ลีฟวิ่ง ในไตรมาส 3/2561
นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือบริษัท คอมโพแสด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์คอมโพแสด (Composad) จากอิตาลี มาจำหน่ายในไทย เนื่องจากคอมโพแสดมองเห็นโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตของตลาดในไทยและกลุ่มประเทศเออีซี ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ มีฐานลูกค้าตรงกัน ซึ่งปัจจุบันส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

บรรยายใต้ภาพ
กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 5:09 pm
โดย pakapong_u
‘ชิค รีพับบลิค’ ไอพีโอ 360 ล้านหุ้นเข้า mai ไตรมาส 4 นี้

09/10/2018CHIC, ชิค รีพับบลิค
CHIC เตรียมไอพีโอ 360 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ไตรมาส 4/61 ตั้งเป้า 5 ปี ขยาย 5 สาขาทั้งในและต่างประเทศ คาดรายได้ปีนี้ทรงตัวและมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในปี 62 บล.ฟิลลิป ที่ปรึกษาทางการเงิน การันตีจุดเด่นธุรกิจโฮมแฟชั่น สโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย มั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่องหลังระดมทุน

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค (CHIC) ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ในบ้านในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ“ริน่า เฮย์” (RINA HEY) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการขยายสาขาให้ได้อีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 61 โดยรวม 3 สาขาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อันได้แก่ 1) สาขาประเทศกัมพูชา โดยจะเปิดบริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4/61 2) สาขารามอินทรา คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 62 และ 3) สาขาอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 63



นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเปิดสาขาใหม่ในหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้ เช่น ภูเก็ต หรือ หาดใหญ่ เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 4 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยมีสาขาในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ประดิษฐ์มนูธรรม บางนา ราชพฤกษ์ ส่วนสาขาต่างจังหวัด ได้แก่ พัทยา

สำหรับเป้าหมายการเติบโตบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ทรงตัวจากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในปี 62 เนื่องจาก มองแนวโน้มกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น ประกอบการงานโครงการขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงมองว่าเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้รับงานมากขึ้นตามไปด้วย และ CHIC ยังมีโครงการพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการขายแบบ E-Commerce ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ในไตรมาส 2/61 เพื่อสนับสนุนช่องทางขายออนไลน์และส่งเสริมกลยุทธ์ Online to Offline ที่จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของ CHIC ได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้บริษัทยังมีการให้บริการพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ขณะที่สัดส่วนค้าปลีกและงานโครงการเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (58 – 60) ค้าปลีก 68% งานโครงการ 32% และตั้งเป้าเพิ่มงานโครงการให้มากขึ้น โดยงานโครงการ ณ มิ.ย.61 บริษัทมีงานในมือ ( Backlog ) 156 ล้านบาท จากลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายราย โดยจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 63

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงไตรมาส 4/61 นี้

สำหรับวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายสาขา รองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ชำระคืนหนี้กับสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ “ริน่า เฮย์” (RINA HEY)

ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHICจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ทั้งนี้บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

“CHIC เป็นร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโดดเด่นเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงาม ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และมีโอกาสในการขยายสาขาเข้าไปในหัวเมืองต่างๆที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกเป็นจำนวนมาก ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการดำเนินงานยาวนานมากกว่า 10 ปี” นายวิชากล่าว

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2018 9:55 pm
โดย pakapong_u
TIGER เคาะไอพีโอ 3.65 บ./หุ้น-CHIC ลั่น!พร้อมเข้า mai

efinanceThai.com
หุ้นไอพีโอตบเท้าเข้าตลาด เอ็ม เอ ไอ นำโดย"บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง" ผู้รับเหมาก่อสร้างทุกประเภท เคาะราคาไอพีโอ 3.65 บ./หุ้น เตรียมเปิดจองซื้อ 10-12 ต.ค. พร้อมเข้าเทรด 24 ต.ค.นี้ โชว์รายได้โตเฉลี่ย 30% ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เตรียมนำเงินระดมทุนรองรับงานโครงการที่มีมูลค่าสูง ด้าน"ชิค รีพับบลิค"จ่อขายไอพีโอ พร้อมเข้าเทรด Q4/61 นำเงินขยายสาขา

***TIGER เคาะไอพีโอ 3.65 บ./หุ้น เทรด 24ต.ค.นี้

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 122.28 ล้านหุ้น ที่ 3.65 บาท/หุ้น ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 30% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายในบทวิเคราะห์ โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 10 - 12 ต.ค และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ในกลุ่ม "อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง"
สำหรับผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายมีทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด / บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) / บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

***แย้มโรดโชว์ผลตอบรับดี รับพื้นฐานแกร่ง

นายรัฐชัย เผยต่อว่า ผลจากการเดินสายนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์) ในจังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจากการเป็นผู้รับเหมารายเล็กที่มีการเติบโตสูง และสามารถรับงานก่อสร้างได้หลายประเภท ทั้ง โครงการภาครัฐ โรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียม และบ้านสำหรับลูกค้ากลุ่มไฮแอนด์ ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้านทำให้เป็นหุ้น High Growth High Margin
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16 - 18% ต่อปี เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างดี เทียบกับบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันที่มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ถึง 10% ขณะที่ช่วงครึ่งแรกปีนี้มีรายได้ 353.90 ล้านบาท โต 34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้น 11.58% สูงกว่างวดเดียวปีก่อน 25%

***เล็งนำเงินระดมทุนเพิ่มความสามารถรับงาน

นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIGER ระบุเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนขยายขีดความสามารถในการรับงาน โดยเฉพาะการเข้ารับงานประมูลภาครัฐ และเอกชนที่มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจในช่วง 3 - 5 ปีข้างหน้าเติบโตได้อีกมาก และยังมีความสนใจเข้าประมูลงานภาครัฐในการวางโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)

***"ชิค รีพับบลิค" เตรียมเข้า mai Q4/61

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC เผยเตรียมขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในไตรมาส 4/61 โดยมีบริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปใช้ขยายสาขาเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าขยายสาขา Chic Republic ทั้งหมด 5 สาขา ภายใน 5 ปี ข้างหน้า ตามหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ จากปัจจุบันที่มีสาขาแล้วทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม บางนา ราชพฤกษ์ และพัทยา
โดยปัจจุบันมีสาขาที่อยู่ระหว่างการพัฒนาแล้วทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขากัมพูชาคาดเปิดบริการในไตรมาส 4/61 สาขารามอินทราเปิดบริการปี 62 และสาขาอุดรธานีเปิดให้บริการปี 63 และส่วนที่เหลือจากการเปิดสาขาจะนำไปใช้หนี้ระยะยาวจากสถาบันการเงินที่มีอยู่ 300 ล้านบาท

***คาดรายได้ปี 62 โตเด่น รับอสังหาฯขยายตัว

คาดรายได้ในปีนี้จะทำได้ทรงตัวจากปีก่อน ราว 622.13 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในปี 62 รายได้จะโตเด่น เนื่องจากแนวโน้มกำลังซื้อจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น ประกอบกับงานโครงการต่างๆกลับมาขยายตัว ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 156 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 63นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่ขยายช่องทางจำหน่ายไปยัง E-Commerce เพิ่มเติม จากที่เริ่มดำเนินงานมาแล้วในไตรมาส 2/61
ด้านผลประกอบการย้อนหลังปี 58 - 60 รับรายได้หดตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ 747.93 ล้านบาท 698.34 ล้านบาท และ 622.13 ล้านบาทตามลำดับ

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2018 10:45 am
โดย pakapong_u
IPO Stock: "CHIC" ราคาเป้าหมาย 1.61 บาท/หุ้น - บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
Source - บมจ.หลักทรัพย์ แลนด์ & เฮ้าส์ (Th)

Thursday, November 01, 2018 10:09


Chic Republic Plc.
บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน)

RATING N/A CLOSE IPO VALUE N/A TICKER CHIC
CHANGE INITIATION TARGET 1.61 MOMENTUM N/A INDUSTRY Service
UPSIDE N/A VALUATION 2.05X 20F BV ACTION N/A MARKET mai

ประเด็นการลงทุน
CHIC ถือเป็นศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์ครบวงจร ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น CHIC ถือเป็น Home fashion store ที่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งอาคารที่ออกแบบอย่างโดดเด่น และสินค้าที่มีสไตล์ ในเทรนด์เฟอร์นิเจอร์แบบใหม่ Modtrad Style (Modern +Tradition Style) เจาะลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง ราคาสมเหตุสมผล ซึ่ง CHIC วางตำแหน่งการตลาดของสินค้าไว้อย่างชัดเจน โดยมีทั้งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและสินค้าที่บริษัทออกแบบสินค้าเอง โดยจ้าง supplier กว่า 50 ราย ภายใต้แบรนด์ของตนเอง
เพิ่ม ASHLEY Home Store ในสาขาเดิม และเน้นรับขายงานโครงการมากขึ้น CHIC เตรียมนำพื้นที่ขาย 1000 ตรม. ทั้ง 4 สาขา มาเปิด ASHLEY Home Store เพื่อขายสินค้านำเข้าเฟอร์นิเจอร์สไตล์อเมริกัน ภายใต้ ASHLEY แบรนด์ดังโลก โดยทยอยเปิดให้บริการทั้ง 4 สาขาเริ่มตั้งแต่ 4Q61 เป็นต้นไป หนุนการเติบโตยอดขายสาขาเดิม นอกจากนี้ยังเน้นเข้าร่วมประมูลขายงานตกแต่งโครงการอสังหาฯ มากขึ้น เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากในขณะนี้ โดยเฉพาะรอบแนวรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ในเส้นทางใหม่ ๆ
ขยายสาขาต่อเนื่องอีก 5 สาขาหนุนการเติบโตในระยะยาว บริษัทตั้งเป้าขยาย 5 สาขา ในช่วงปี 2561-65หนุนการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่วนกลางส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้นการเติบโตของยอดขายที่ดีจะทำให้เกิด economy of scale นอกจากนี้การสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากรองรับสาขาที่มากขึ้น จะทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองกับ suppliers ทำให้ GPM และ NPM ของบริษัทสูงขึ้น
ภาระหนี้ลดลงหลัง IPO อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ CHIC จะลดลงเหลือ 0.3X ในปี 61 จากระดับ 1.1X ณ สิ้นปี 60 เงินเพิ่มทุนที่ได้รับครั้งนี้จะนำไปลงทุนขยายสาขา และช่วยลดหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ยังสามารถก่อหนี้ ขยายสาขาเพิ่มศักยภาพการเติบโตได้อีก 2-3 ปีข้างหน้า
คาดกำไรปี 2562 เติบโตก้าวกระโดด และสูงต่อเนื่องในปี 2563 เริ่มเห็นยอดขายและกำไรฟื้นตัวตั้งแต่งวด 2Q61 บวกกับการรุกขายงานโครงการ และประสิทธิภาพการควบคุมค่าใช้จ่าย คาดจะช่วยให้กำไร 2H61 ดีขึ้นชัดเจนจาก 1H61 และคาดจะหนุนให้กำไรทั้งปี 2561 เพิ่มขึ้น 6% YoY ขณะปี 2562 คาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นจาก Ashley Home Store งานขายโครงการ และสาขาราชพฤกษ์ที่คาดจะพลิกมามีกำไรตั้งแต่ 2H62 บวกกับประหยัดดอกเบี้ยจ่ายในปี 2562 ค่อนข้างมาก จึงคาดกำไรปี 2562 และปี 2563 จะเติบโต 137% และ 34% ตามลำดับ

การประเมินมูลค่า
ประเมินราคาเป้าหมายที่ 1.61 บาท ด้วยวิธี GGM โดยใช้ ROE ปี63F 10%, COE 8%, LTG 6% ได้ Forward PBV63F ที่ 2.05X อิง BV ปี 63F จะได้ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 1.71 บาทและคิดลดกลับมาปี 62 โดยใช้ Discount rate ที่ 6% จะได้ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 1.61 บาท เทียบเท่า Implied P/E 62F ที่ 26.8 เท่า ยังต่ำกว่า Implied P/E62F ของค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ 27.1 เท่า และของ HMPRO ที่ 30 เท่า

ปัจจัยเสี่ยง
งบลงทุนสูง แต่ยอดขายอาจไม่เติบโตตามคาด งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 200-250 ล้านบาทซึ่งค่อนข้างสูง หากการขยายสาขาเพิ่ม แต่ยอดขายอาจไม่เติบโตได้ตามคาด จะทำให้มีกำไรไม่มากพอ ซึ่งการก่อหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต จะติดเงื่อนไข covenant D/E กับสถาบันการเงินได้

นักวิเคราะห์:กวี มานิตสุภวงษ์
Fundamental Analyst
[email protected]
02 352 5155

โดย บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 1 พ.ย. 2561

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น มิใช่การชักจูงให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ที่กล่าวถึงในรายงานนี้
บริษัทเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“LH Bank”) ข้อมูลใดๆ ที่มีการอ้างอิงถึง LH Bank ในรายงานนี้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับหลักทรัพย์อื่นๆ เท่านั้น
ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยได้พิจารณาแล้วว่ามาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง และ/หรือ มีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่อาจรับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าว บริษัทขอสงวนสิทธิในการใช้ดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงฝ่ายเดียวในการแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
รายงานฉบับนี้จัดส่งให้แก่เฉพาะบุคคลที่กำหนด ห้ามมิให้มีการทำซ้ำ ดัดแปลง ส่งต่อ เผยแพร่ ขาย จำหน่าย พิมพ์ซ้ำ หรือแสวงหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ไม่ว่าในลักษณะใดๆ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท
การลงทุนในหลักทรัพย์มีความเสี่ยง อีกทั้งบริษัทและ/หรือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของ LH Bank อาจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์ใดๆ กับบริษัทใดๆ ที่ถูกกล่าวถึงในรายงาน/บทความนี้ก็ได้ นักลงทุนจึงควรใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการพิจารณาตัดสินใจก่อนการลงทุน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการนำข้อมูลหรือความเห็นในรายงานฉบับนี้ไปใช้ในทุกกรณี

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2018 11:02 am
โดย pakapong_u
https://portal.settrade.com/brokerpage/ ... 7-CHIC.pdf

บทวิเคราะหุ้น CHIC ของ บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2018 2:10 pm
โดย pakapong_u
IPO Stock: "CHIC" ราคาเป้าหมาย 1.60 บาท/หุ้น - บล. ทิสโก้
Source - บจ.หลักทรัพย์ ทิสโก้ (Th)

Thursday, November 01, 2018 11:32


IPO Report| CHIC

บมจ. ชิค รีพับบลิค

ผู้บุกเบิก Home Fashion เฟอร์นิเจอร์ในไทย

Rating IPO
12 month Target Price Bt1.60
IPO Price n.a.
Upside/Downside n.a.
CG Rating n.a.
Thai CAC n.a.
Sector MAI(SERVICE)

เน้นสร้างความแตกต่างและเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน
บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC เป็นผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้านครบวงจร ซึ่งเน้นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งมีแบรนด์ CHIC เน้นกลุ่ม Upper-Middle-High และ RINA HEY เจาะกลุ่มตั้งแต่ระดับ Mass รวมทั้งยังมีความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการจำหน่ายสินค้าในสาขา ซึ่งปัจจุบันมี 4 สาขาในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และมีแผนเพิ่มสาขาอีก 5 สาขาใน 5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งเราคาดจะเห็นผลประกอบการมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR 2 ปี 2019-21F) ที่ 31% ตามการขยายสาขาและการเพิ่มสินค้าที่วางจำหน่ายในสาขา

เพิ่มสาขา 5 สาขาภายในปี 2022F และเพิ่มสินค้าวางจำหน่าย
ปัจจุบัน CHIC มี 4 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑลและพัทยา โดยแต่ละสาขาใกล้แหล่งชุมชนและกลุ่มลูกค้า และมีแผนการที่จะขยายสาขาอีก 5 สาขาในปี 2022F และขยายไปยังต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้คาดพื้นที่ขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 66,000 ตารางเมตร ในปี 2022F จาก 32,661 ตารางเมตร ในปี 2017 นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ ASHELY มาเปิดเป็น shop-in-shop ในทุกสาขาของบริษัท และเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Built-in ให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการ ซึ่งจะเริ่มใน 4Q18 และเพิ่มการเติบโตและกระจายรายได้ผ่านการขายงานโครงการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมี Backlog 156 ล้านบาท ณ สิ้น 2Q18 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2020F และบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่มูลค่ารวมราว 502 ล้านบาท ซึ่งคาดจะเริ่มรับรู้ผลการประมูลในช่วงปลายปี 2018-ต้นปี 2019 เป็นต้นไป

คาดรายได้และผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 16% และ 31% ต่อปี
จากการขยายสาขาและสินค้าใหม่ที่จะเข้ามาจำหน่าย เราคาดรายได้และผลประกอบการมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR 2 ปี 2019-21F) ที่ 16% และ 31% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2018-20F อยู่ที่ 36 ล้านบาท 73 ล้านบาทและ 101 ล้านบาท ตามลำดับ จากการรับรู้รายได้จากการเปิดสาขาใหม่และคาดรายได้จากการขายโครงการจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น คาดอัตรากำไรขั้นต้นของ CHIC อยู่ที่ระดับ 61.1% ในปี 2018-19F และคาดค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 50.9% และ 48.6% ตามลำดับ

มูลค่าที่เหมาะสม 1.60 บาท
เราประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ CHIC ที่ 1.60 บาท อิงจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF บนสมมติฐาน WACC ที่ 9.2% จาก Risk Free Rate ที่ 2.3 %, Risk Premium 8.7%, Beta 1x ปัจจัยเสี่ยง 1) การขยายสาขาไม่เป็นไปตามแผนการ 2) การเปลี่ยนแปลงความนิยมของสินค้า 3) ความไม่ต่อเนื่องของรายได้จากการรับงานโครงการ และ 4) ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

ประเด็นการลงทุน
บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งในปี 2009 บริษัทดำเนินธุรกิจโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย หรือ The First Home Fashion Store in Thailand เป็นผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ "Stand Alone" ภายใต้ชื่อ "ชิค รีพับบลิค (CHIC)" และ "ริน่า เฮย์ (RINA HEY)" โดยเจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับ Upper-Middle-High สำหรับแบรนด์ CHIC และตลาด Mass สำหรับแบรนด์ RINA HEY นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการนำสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายในสาขา โดยล่าสุดร่วมมือกับแบรนด์ ASHLEY ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกโดยจะเริ่มเปิดภายใน 4Q18 นี้เป็นต้นไป
จุดเด่นของ CHIC ได้แก่ 1) เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง จากแบรนด์สินค้า CHIC, RINA HEY ครอบคลุมทั้งตลาด Mass และตลาด Middle-High 2) เพิ่มพาร์ทเนอร์และสินค้าใหม่ จากนำแบรนด์ ASHELY มาเปิดเป็น shop-in-shop ในทุกสาขาของบริษัท และเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Built-in ให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการ ซึ่งคาดจะเห็นใน 4Q18 เป็นต้นไป เพื่อสอดคล้องกับนโยบายในการนำเสนอสินค้าใหม่ทุก 4-6 เดือน 3) ขยายสาขาเพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้า โดยปัจจุบันมี 4 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑลและพัทยา โดยแต่ละสาขาอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพใกล้แหล่งชุมชนและกลุ่มลูกค้า และมีแผนการที่จะขยายสาขาอีก 5 สาขาในปี 2022F และขยายไปยังต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 66,000 ตารางเมตรในปี 2022F จาก 34,912 ตารางเมตรในปี 2017 4) กระจายรายได้ผ่านการขายงานโครงการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมี Backlog 156 ล้านบาท ณ สิ้น 2Q18 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2020F และบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่มูลค่ารวมราว 502 ล้านบาท ซึ่งคาดจะเริ่มรับรู้ผลการประมูลในช่วงปลายปี 2018-ต้นปี 2019 และ 5) นำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและมีความยืดหยุ่นในการนำเสนอขายสินค้า จากการผลิตในรูปแบบ ODM (Original Design Manufacturing) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการผลิตตามที่บริษัทออกแบบ (Exclusive Design) ไม่มีโรงงานของบริษัท
เราคาดผลประกอบการมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR 2 ปี 2019-21F) ที่ 31% โดยคาดกำไรสุทธิปี 2018-20F อยู่ที่ 36 ล้านบาท (+10% YoY) 73 ล้านบาท (+101%YoY) 101 ล้านบาท (+40% YoY) และ 124 ล้านบาท (+22% YoY) ตามลำดับ เราคาดรายได้ของ CHIC จะเติบโตด้วย CAGR 2 ปี (2019-21F) ที่ 16% สำหรับปี 2018F เราคาดรายได้ของ CHIC ในปีนี้อยู่ที่ 590 ล้านบาท ซึ่งหดตัว -5.2% YoY เป็นผลมาจากรายได้จากโครงการที่หดตัวลงจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เลื่อนการโอน ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 33% YoY ในปี 2019F มาอยู่ที่ 782 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากการเปิดสาขาใหม่และคาดรายได้จากการขายโครงการจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น คาดอัตรากำไรขั้นต้นของ CHIC อยู่ที่ระดับ 61.1% ในปี 2018F-19F จากการขายหน้าร้านซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมีสัดส่วนที่สูงขึ้น เราคาดค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 50.9% และ 48.6% ตามลำดับ จากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่

ประเมินมูลค่า
เราประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ CHIC ที่ 1.60 บาท อิงจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF บนสมมติฐาน WACC ที่ 9.2% จาก Risk Free Rate ที่ 2.3 %, Risk Premium 8.7%, Beta 1x เนื่องจากเรามองว่าการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF เป็นการสะท้อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาวตามการขยายสาขา

ปัจจัยเสี่ยง
1) การขยายสาขาไม่เป็นไปตามแผนการที่จะขยาย 5 สาขาภายใน 5 ปี เพื่อให้รายได้และผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย 2) สินค้าของบริษัทเป็นสินค้าที่เป็นสไตล์ของบริษัท และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวดังนั้นจึงมีความเสี่ยงหากมีการเปลี่ยนแปลงของความนิยม 3) ความไม่ต่อเนื่องของรายได้จากการรับงานโครงการ หากไม่มีงานโครงการใหม่เข้ามารองรับ และ 4) ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

ประเมินมูลค่า
มูลค่าเหมาะสม 1.60 บาทต่อหุ้น
CHIC มีการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ซึ่งรายได้หลักกว่า 80 % เป็นการรับรู้รายได้ผ่านการขายผ่านสาขาทั้งสินค้าของบริษัทเองและสินค้าของคู่ค้า รวมทั้งมีรายได้จากการบริการพื้นที่ให้เช่า และการเติบโตมาจากการขยายสาขาจากปัจจุบันมีจำนวน 4 สาขา และวางแผนจะขยายสาขาอีก 5 สาขาภายใน 5 ปี โดยเรามองว่าการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF เป็นการสะท้อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาวตามการขยายสาขา ดังนั้น มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 1.60 บาท/หุ้น บนสมมติฐาน WACC ที่ 9.2 % จาก Risk Free Rate ที่ 2.3 %, Risk Premium 8.7%, Beta 1x, Debt : Equity ที่ 70 %: 30%

ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PER Multiple ได้ 1.33 บาท/หุ้น
สำหรับการประเมินค่าที่เหมาะสมของ CHIC ด้วยวิธี PER Multiple โดยอ้างอิงจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านและงานปรับปรุงและตกแต่งบ้าน อาทิ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO) , บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLOBAL) และบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MODERN) ซื้อขายด้วย PER เฉลี่ย 25 เท่า ดังนั้นมูลค่าที่เหมาะสมของ CHIC อยู่ที่ 1.33 บาท/หุ้น

ปัจจัยเสี่ยง

การขยายสาขาไม่เป็นไปตามแผน
บริษัทมีแผนการขยายสาขา 5 สาขาภายใน 5 ปี เพื่อให้รายได้และผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยกระทบต่อการพิจารณาการขยายสาขาของบริษัท อาทิ ภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้นกว่าประมาณการซึ่งใช้เงินลงทุนเฉลี่ยต่อสาขา 200-250 ล้านบาทต่อสาขา อาจจะส่งผลต่อการเลื่อนการขยายสาขา ซึ่งจะมีผลต่อรายได้และผลประกอบการของบริษัท

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความนิยมของผู้บริโภค
สินค้าของบริษัทเป็นสินค้าที่เป็นสไตล์ของบริษัท และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวดังนั้นจึงมีความเสี่ยงหากมีการเปลี่ยนแปลงของความนิยม ซึ่งบริษัทมีการบริหารความเสี่ยงนี้โดยการจัดหาสินค้าใหม่เข้ามาต่อเนื่องโดยจะมีสินค้าใหม่เข้ามาทุก 4-6 เดือนและมีการเปลี่ยนแปลง collection เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านทุก 4-6 เดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงความนิยมลูกค้า

การบริหารสินค้าคงคลัง
สินค้าคงคลังของบริษัท (inventory day) อยู่ที่ 96 วันในปี 2017 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนานเนื่องจากบริษัทมีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งต้องสั่งสินค้าจำนวนหนึ่งเพื่อบริหารต้นทุนการขนส่ง และมีการกำหนดการสั่งผลิตแบบมีจำนวนผลิตขั้นต่ำ (minimum order) ทั้งจากผู้ผลิตในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทมีการสั่งผลิตสินค้าสำหรับการขายโครงการ ทำให้บริษัทต้องมีการจัดเตรียมสินค้าให้พร้อมกับการส่งมอบงานได้ทันเวลา ดังนั้น หากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ จะส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัทจากเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสำหรับสินค้าที่เคลื่อนไหวช้า โดยบริษัทจะมีการตรวจสอบสินค้าคงเหลือและพิจารณายอดขายในทุกเดือนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบายสินค้า

ความไม่ต่อเนื่องของรายได้จากการรับงานโครงการ
ปี 2015-17 CHIC มีรายได้จากการรับงานโครงการในสัดส่วน 36.6%, 39.2% และ 17.28% ของรายได้รวมตามลำดับ สัญญาซื้อขายเฟอร์นิเจอร์สำหรับงานโครงการมีอายุประมาณ 1-1.5 ปีต่อโครงการ บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานโครงการเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงจากความไม่ต่อเนื่องของรายได้จากโครงการ หากไม่มีงานโครงการใหม่เข้ามารองรับ โดยบริษัทมีการเข้าประมูลโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีการกระจายลูกค้าโครงการเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
CHIC มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 17.5%, 25.54% และ 22.05% สำหรับปี 2015-17 ตามลำดับ ซึ่งต้องชำระเงินเป็นสกุลต่างประเทศ เงินสกุลหลักที่ใช้คือ ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหากมีความผันผวน โดยบริษัทมีการบริหารโดยทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (forward contract) บางส่วนและติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

ประมาณการเติบโตผลประกอบการ

คาดผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย (CAGR 2019-21F) 31% ต่อปี
เราคาดผลประกอบการปี 2018F อยู่ที่ 36 ล้านบาท เติบโต 11% YoY สำหรับปี 2019-21F เราคาดผลประกอบการมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR 2 ปี 2019-21F) ที่ 31% โดยคาดกำไรสุทธิปี 2019-21F อยู่ที่ 73 ล้านบาท (+101%YoY) 101 ล้านบาท (+40% YoY) และ 124 ล้านบาท (+22% YoY) ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ตามการขยายสาขาและช่องทางการจำหน่าย

คาดรายได้หดตัวในปีนี้ ก่อนจะกลับมาเติบโต 33% ในปี 2019F
เราคาดรายได้ของ CHIC จะเติบโตด้วย CAGR 2 ปี (2019-21F) ที่ 16% สำหรับปี 2018F เราคาดรายได้ของ CHIC ในปีนี้อยู่ที่ 590 ล้านบาท ซึ่งหดตัว -5.2% YoY เป็นผลมาจากรายได้จากโครงการที่หดตัวลงจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เลื่อนการโอน ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 33% YoY ในปี 2019F มาอยู่ที่ 782 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากการเปิดสาขาใหม่และคาดรายได้จากการขายโครงการจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

คาดรายได้จากการขายเติบโตตามการขยายสาขา
เราคาดรายได้จากการขายในปี 2018F จะอยู่ที่ 485 ล้านบาท ซึ่งลดลง -7.5% โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงสำหรับการจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้าน(Store Sale) และรายได้สินค้าจากบริษัทคู่ค้า ในรูปแบบของ consignment จากผลกระทบการชะลอตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์ สำหรับปี 2019-20F เราคาดจะเห็นการกลับมาเติบโตมากยิ่งขึ้น คาดรายได้อยู่ที่ 643 ล้านบาท และ 799 ล้านบาทในปี 2019-20F ตามลำดับ จาก 1)พื้นที่ขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47,000 ตารางเมตรในปี 2019F : CHIC มีแผนเปิดสาขากัมพูชาใน 4Q18 ด้วยขนาดพื้นที่ 3,500 ตารางเมตร และมีแผนที่จะเปิดสาขารามอินทราในปี 2019 พื้นที่ 8,600 ตารางเมตร ทำให้พื้นที่ขายโดยรวมเพิ่มขึ้นกว่า +22% YoY ในปี 2019F และ +14% YoY ในปี 2020F จากมีแผนจะเปิดสาขาอุดรธานี ขนาด 6,500 ตารางเมตร 2)คาดการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ASHLEY และสินค้าใหม่เริ่มเห็นผลในปีหน้า : ใน 4Q18F CHIC จะเริ่มเปิด
Shop-in-Shop สำหรับพาร์ทเนอร์แบรนด์ ASHLEY ใน 4 สาขาของบริษัท และเริ่มนำเสนอสินค้าในกลุ่ม Builtin เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเราคาดในปี 2018F จะมีรายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากเริ่มในปลายปี แต่คาดจะเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นในปี 2019F เป็นต้นไป คาดรายได้อยู่ที่ 108 ล้านบาท และ 137 ล้านบาทในปี 2020F

คาดรายได้จากการขายงานโครงการดีขึ้นในปี 2019F จาก backlog 156 ล้านบาท และโอกาสได้งานเพิ่ม
ปี 2018F เราคาดรายได้จากการขายงานโครงการจะอยู่ที่ 87 ล้านบาท ลดลง -20% YoY เป็นผลมาจาก Backlog ที่น้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากโดยปกติแล้วงานโครงการจะมีอายุสัญญา 1-1.5 ปี ดังนั้นงานที่ส่งมอบในปี 2018F จะเป็นสัญญาที่ได้รับในปี 2016-17 ซึ่งบริษัทมีการรับงานโครงการที่น้อยจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร สำหรับปี 2019-20F เราคาดจะเห็นรายได้จากการขายงานโครงการเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมี backlog ณ 2Q18 อยู่ที่ 156 ล้านบาท ซึ่งมีอายุสัญญา 1-2.7 ปี จะทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2018-ปี 2020F และบริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานโครงการใหม่ใน 4Q18 รวมทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 502 ล้านบาท โดยบริษัทมีสถิติในการรับงานประมูลที่ 47% ของงานที่เข้าประมูล ดังนั้นจาก Backlog ปัจจุบันและโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มเติม เราคาดรายได้จากการขายงานโครงการสำหรับปี 2019-20F อยู่ที่ 116 ล้านบาท และ 137 ล้านบาท ตามลำดับ

รายได้จากการบริการเติบโตจากการเปิดโครงการใหม่
รายได้จากการบริการของบริษัทเป็นรายได้จากการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าและร้านอาหาร เช่น ร้านลูกไก่ทอง ร้าน MAGURO ร้านแมคโดนัลด์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งรูปแบบค่าเช่าและส่วนแบ่งรายได้ ณ 2Q18 CHIC มีพื้นที่ให้เช่า 2,250 ตารางเมตร โดยเราคาดรายได้จากการบริการจะเติบโตต่อเนื่อง ปี 2018F คาดอยู่ที่ 18 ล้านบาท (+0.2% YoY) 22 ล้านบาท (+25.1% YoY) ในปี 2019F และ 26 ล้านบาท (+17.7% YoY) ในปี 2020F

คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับ 61% ในปี 2018F
เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของ CHIC อยู่ที่ระดับ 61.1% ในปี 2018F และ 61.1% ในปี 2019F จากอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60.7% และ 61.0% ตามลำดับ จากการขายหน้าร้านซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมีสัดส่วนที่สูงขึ้น และการขายงานโครงการลดลง สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับงานบริการคาดจะยังคงรักษาระดับอัตรากำไรไว้ที่ 74-75% ได้

ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลงจากการลดค่าการตลาดและค่าบริหาร
ในปี 2017 บริษัทมีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/sale) อยู่ที่ 49% หรือมูลค่า 305 ล้านบาท สำหรับปี 2018-20F เราคาดค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 50.9% , 48.6% และ 48% ตามลำดับ หรือ 300 ล้านบาท, 380 ล้านบาท และ 462 ล้านบาท ตามลำดับ จากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่

ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังจากชำระคืนเงินกู้
ปี 2017 CHIC มีค่าใช้จ่ายทางการเงินจำนวน 19 ล้านบาท จากภาระหนี้สิน 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ยืมสำหรับการขยายสาขาใหม่ สำหรับปี 2019-20F เราคาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงหลังจากบริษัทชำระคืนเงินกู้หลังจากระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ CHIC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ย ประมาณ 130-200 ล้านบาทต่อปี

วิเคราะห์ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
ในปี 2015-17 กำไรสุทธิอยู่ที่ 69 ล้านบาท 52 ล้านบาทและ 32 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของบริษัทที่ลดลงในปี 2016-17 สอดคล้องกับรายได้ สำหรับปี 2016 รายได้ลดลงมาอยู่ที่ 698 ล้านบาทจากการปิดสาขาหัวหินและ เมกาบางนา โดยหันมาเน้นการขยายสาขาแบบ Stand alone สำหรับรายได้ในปี 2017 ลดลงมาอยู่ที่ 622 ล้านบาท หลักๆ เนื่องมาจากรายได้จากการขายงานโครงการที่ลดลงจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่รายได้จากการขายหน้าร้านปรับตัวดีขึ้นทั้งสินค้าของบริษัทเองและสินค้า consignment และรายได้จากบริการ ตามการเปิดสาขาราชพฤกษ์ในปลายปี 2016 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทขึ้นอยู่กับสัดส่วนรายได้แต่ละช่องทาง โดยอัตรากำไรขั้นต้นระหว่างปี 2015-17 อยู่ที่ 54.8% 48.8% และ 57.8% ตามลำดับ โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาในปี 2017 จากรายได้จากการขายหน้าร้านเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาราชพฤกษ์และเปิดตัวสินค้าใหม่ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายระหว่างปี 2015-16 อยู่ระดับ 38-40% แต่ปรับตัวขึ้นสูง 49% ในปี 2017 จากค่าใข้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นเงินเดือน จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการขยายสาขาและค่าเช่าคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายสาขาในอนาคต
กำไรสุทธิของ CHIC ใน 6M18 อยู่ที่ 13.7 ล้านบาท ลดลง 40% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลงมาอยู่ที่ 263 ล้านบาท จาก 327 ล้านบาทใน 6M17 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาอยู่ที่ 65.3% จาก 56.4% จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่อัตรากำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 5.2% จาก 6.9% จากค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและปรับขึ้นเงินเดือนพนักงาน

แนวโน้มบริษัท

ขยายฐานลูกค้า จับตลาดทั้ง Mid to High-End และ Mass Market
รายได้ของ CHIC กว่า 83% มาจากการขายผ่านหน้าร้านของบริษัท (Store sale) โดยสินค้าจะประกอบด้วย 1)สินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง ได้แก่ CHIC จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน (upper-middle to high) ที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์หรูหรา เหมาะสำหรับบ้านเดี่ยวหรือบ้านที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งแบรนด์ CHIC มีสัดส่วนรายได้ 83% ของรายได้จากการขายผ่านหน้าร้าน และแบรนด์ RINA HEY ซึ่งเริ่มเปิดตัวใน 4Q16 จับตลาด Mass (economy-middle) โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กสำหรับพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม เป็นต้น ซึ่งรายได้ส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วน 84% ของยอดขายผ่านหน้าร้าน
2) สินค้าจากบริษัทคู่ค้า ในรูปแบบของ consignment สินค้าหลักเช่น ที่นอน เครื่องนอน โซฟาปรับนอนได้ และกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor) และของใช้ในบ้าน อาทิแบรนด์ Sealy, SANTAS, Omazz, TEMPUR, LOTUS,IMG, Bedgear และ Ocean เป็นต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายสินค้าของบริษัท โดยรายได้ในส่วนนี้คิดเป็น 16% ของยอดขายผ่านหน้าร้าน
ใน 4Q18 บริษัทจะมีการจัดจำหน่ายสินค้าของพาร์ทเนอร์แบรนด์ ASHLEY ซึ่งเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 70 ปี ในลักษณะของ American Living Lifestyle "ASHLEY HOME STORE" รูปแบบ Shop in Shop ขนาดประมาณ 1,000 ตารางเมตรใน 4 สาขาของบริษัทได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม สาขาบางนา สาขาราชพฤกษ์และสาขาพัทยา ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Built-in ให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการ บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ขายหน้าร้านสำหรับงาน Built-in โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 และคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 4Q18

วางแผนขยายสาขาอีก 5 สาขาภายใน 5 ปี เจาะตลาดหัวเมืองใหญ่
ปัจจุบัน CHIC มีสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ 1) สาขาประดิษฐ์มนูธรรม พื้นที่ขายสุทธิ 6,404 ตารางเมตร 2) สาขาพัทยา ขนาด 7,059 ตารางเมตร 3) สาขาบางนา ขนาด 7,586 ตารางเมตร และ 4) สาขาราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุด ด้วยขนาด 11,610 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่ขายสุทธิรวม 32,659 ตารางเมตร CHIC อยู่ระหว่างการขยายสาขาใหม่อีก 5 สาขา ได้แก่
1) สาขาประเทศกัมพูชา : เป็นร้านค้าในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขนาดพื้นที่ 3,500 ตารางเมตร คาดว่าเปิดดำเนินการได้ภายใน 4Q18 นี้ โดยใช้งบลงทุน 30 ล้านบาท
2) สาขารามอินทรา : ขนาดพื้นที่ 8,600 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินแล้วระยะเวลา 30 ปี (ตั้งแต่ 11 พฤษภาคม 2017 - 10 พฤษภาคม 2047) โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ใน 2019F ใช้งบลงทุนราว 250 ล้านบาท
3) สาขาอุดรธานี : ขนาดพื้นที่ 6,500 ตารางเมตร โดยบริษัทได้ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2020 ด้วยงบลงทุน 196 ล้านบาท
4) สาขาเชียงใหม่ : ขนาดพื้นที่ 6,500 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหาพื้นที่
5) และอีก 1 สาขาใหม่ : บริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาทำเลที่เหมาะสม
หากการขยายสาขาเป็นไปตามแผนการ พื้นที่รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 32,659 ตารางเมตรในปี 2017 มาอยู่ที่ 36,159 ตารางเมตรในปี 2018F และ 64,258 ตารางเมตรในปี 2022F หรือเพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR 5 ปี 2017-2022F) 14%

เพิ่มการเติบโตโดยรับงานโครงการเพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากการขายผ่านหน้าร้านของตนเอง CHIC ยังมีการรับงานโครงการ โดยเป็นการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้ง ในลักษณะเฟอร์นิเจอร์แบบติดผนัง (Built in) และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (Loose Furniture) และสินค้าตกแต่งบ้าน ให้กับโครงการห้องชุด คอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 17% ในปี 2017 และ 18% ใน 1H18 โดยปัจจุบันมี Backlog 156 ล้านบาท ณ สิ้น 2Q18 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2020F และบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่มูลค่ารวมราว 502 ล้านบาท ซึ่งคาดจะเริ่มรับรู้ผลการประมูลในช่วงปลายปี 2018-ต้นปี 2019 ซึ่งจากข้อมูลในอดีต บริษัทมีโอกาสชนะการประมูล 47% ของงานที่เข้าประมูล
ตัวอย่างบริษัทที่ CHIC ทำงานโครงการให้ เช่น บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอรตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2015) จำกัด เป็นต้น

เริ่ม O2O (Online to Offline) เพิ่มตลาด Mass
ใน 2Q18 CHIC เริ่มการตลาดแบบ O2O หรือ Online Marketing to Offline Marketing และ Offline Marketing to Online Marketing โดยกลุ่มเป้าหมายตลาดออนไลน์สามารถเข้ามาซื้อสินค้าในตลาดออฟไลน์ (ซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านของบริษัท) ได้ ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตลาดออฟไลน์ อาจเปลี่ยนไปซื้อสินค้าในตลาดออนไลน์ได้ สำหรับกลยุทธ์การทำการตลาดแบบออนไลน์ (Online) โดยเน้นการขายออนไลน์สำหรับสินค้าภายใต้แบรนด์ "RINA HEY" เป็นหลักก่อน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ RINA HEY จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มเริ่มทำงาน กลุ่มเพิ่งสร้างครอบครัว มีไลฟ์สไตล์ที่มีความเป็นอิสระ ไม่ปิดกั้นความคิดตัวเอง ต้องการความแปลกใหม่ และใช้ความ creative ในการเลือกซื้อสินค้า และมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าทางสื่อออนไลน์มากขึ้น

ODM สร้างความยืดหยุ่นในการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย
สินค้า House Brand ของบริษัททั้ง CHIC และ RINA HEY เป็นสินค้าที่มีการผลิตในรูปแบบ ODM (Original Design Manufacturing) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการผลิตตามที่บริษัทออกแบบ (Exclusive Design) ซึ่งเรามองว่าการที่บริษัทไม่มีโรงงานผลิตเป็นของบริษัทเองเป็นข้อดีในแง่การสร้างความยืดหยุ่นในการจัดหาสินค้าในการจำหน่ายและสามารถคัดเลือกผู้ผลิตที่มีความชำนาญเฉพาะได้ และทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าใหม่ให้แก่ลูกค้าได้ถี่ ทุก 4-6 เดือนได้ ซึ่งมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

แนวโน้มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เติบโตตามอสังหาริมทรัพย์

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง และยังมีอุปทานเหลือในตลาด
จากข้อมูลของบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) รายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพและปริมณฑล ปี 2017 มีจำนวนทั้งสิ้น 114,500 ยูนิต เพิ่มขึ้น 3.53% YoY โดยคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนสูงสุดประมาณ 56% ของโครงการที่เปิดใหม่ ในขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 5.5% YoY มาอยู่ที่ 103,579 ยูนิต โดยส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมสัดส่วน 54.7% ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสม ณ สิ้นปี 2017 อยู่ที่ 195,200 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.91% YoY โดยอสังหาริมทรัพย์ที่เหลือเยอะสุดคือคอนโดมิเนียม 76,790 ยูนิต รองลงมาได้แก่ ทาวน์เฮาส์ 62,571 ยูนิต และบ้านเดี่ยว 36,971 ยูนิต และในช่วง 1H18 จำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลทั้งโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและอาคารชุดมีประมาณ 180,635 ยูนิต ลดลง 7.6% จากสิ้นปี 2017 ซึ่งเป็นสัญญาที่ดีที่เริ่มเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ในแง่ของมูลค่าโครงการที่เปิดขายในปี 2017 เพิ่มขึ้น 14.2% YoY มาอยู่ที่ 436,300 ล้านบาท จากราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2017 เพิ่มขึ้น 11.6% มาอยู่ที่ 3.858 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ 3.456 ล้านบาท จากการพัฒนาสินค้าระดับราคาปานกลาง-สูงของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
จากข้อมูลโครงการอสังหาริมทรัพย์รอการขายทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ณ กลางปี 2018 พบว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีราคาเฉลี่ย >3 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ CHIC ดังนั้น CHIC จึงมีโอกาสการเติบโตจากอสังหาริมทรัพย์นี้

เริ่มเห็นการโอนที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก
จากข้อมูลของบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) รายงานการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เฉพาะจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2018 มีจำนวน 64,944 หน่วย เพิ่มขึ้น 29.2% YoY สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น 20% YoY

สต๊อกอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นโอกาสของ CHIC
จากจำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสมที่ยังอยู่ในจำนวนที่สูง รวมทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง น่าจะส่งผลให้มีกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น เช่น กลยุทธ์การแจกของสมนาคุณ อาทิ แถมเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้น เราว่าจะส่งผลดีต่อ CHIC เนื่องจากการที่บริษัทเริ่มเข้าสู่การรับงานโครงการ น่าจะเห็นการที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถมเฟอร์นิเจอร์ให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้นเพื่อระบายสต๊อก

คาดอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ฟื้นตัวดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีทิศทางฟื้นตัว
เราคาดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะเติบโตมากยิ่งขึ้น จากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีการโอนมากยิ่งขึ้น และทิศทางการบริโภคภาคเอกชนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นจาก 73.7 ในปี 2016 เป็น 79.2 ในปี 2017 โดยปัจจัยหลักมาจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และสถานการณ์การเมืองที่คาดว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต

ข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญ
CHIC เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 360 ล้านหุ้น ด้วยพาร์ 0.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โดยจำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านหุ้นมาอยู่ที่ 1,360 ล้านหุ้น

วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ (ภายหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ไปใช้ตามแผนงานของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) ใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขา 2) เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวกับสถาบันการเงิน และ 3) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ภาพรวมธุรกิจ
บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) (CHIC) เป็นผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ในรูปแบบ "Stand Alone" หรือร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ "ชิค รีพับบลิค (CHIC)" และ "ริน่า เฮย์ (RINA HEY)"
บริษัทจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2009 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 3,000,000 บาท โดยผู้ก่อตั้งบริษัท คือ นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้บริหารของบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จำกัด โดยนายกิจจาได้ขายหุ้นของบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จำกัด ที่นายกิจจาถือครองหุ้นออกทั้งหมด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ นับตั้งแต่ที่คุณกิจจาก่อตั้งบริษัท นายกิจจาเป็นผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการออกแบบ จัดหา จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร (One Stop Shopping) ยาวนานกว่า 30 ปี

โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2018 บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) มีการลงทุนในบริษัทย่อย 1 บริษัท โดยบริษัทลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชา คือ CHIC REPUBLIC CO., LTD. โดยบริษัทถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของ CHIC REPUBLIC CO., LTD.

บริษัทย่อย
CHIC REPUBLIC CO., LTD. : จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นศูนย์รวมจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน อย่างครบวงจร (One Stop Shopping) .ในประเทศกัมพูชา ภายใต้ชื่อ CHIC REPUBLIC โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ Room 3, No. 6R, Street 208, Sangkat Boeung Raing, Khan Duan Penh, Phnom Penh ปัจจุบันมีทุนชำระแล้วเท่ากับ 20,000,000 เรียล หรือประมาณ 156,328 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20,000 เรียล หรือ 156.33 บาท โดยบริษัทเข้าถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของ CHIC REPUBLIC CO., LTD. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา คาดว่าเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561

2 แบรนด์ของบริษัท CHIC และ RINA HEY
สินค้าของบริษัทมี 2 แบรนด์ ได้แก่ สินค้าภายใต้แบรนด์ "CHIC" เพื่อรองรับลูกค้าระดับกลางถึงบน และ "RINA HEY" หรือ ริน่า เฮย์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง (Mass Market) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ CHIC สามารถครอบคลุมส่วนแบ่งการตลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ CHIC ให้ได้มากที่สุด โดย CHIC ได้เริ่มสร้างแบรนด์ RINA HEY เมื่อปี 2016

CHIC : รองรับลูกค้าระดับกลาง - บน
บริษัทวางตำแหน่งทางการตลาดของ CHIC สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูง ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระต่างๆ มีไลฟ์สไตล์ในการซื้อสินค้าที่แสดงถึงความภูมิฐาน สะท้อนตัวตนที่หรูหรา ไม่เหมือนใคร ใช้เวลากับครอบครัวเป็นหลัก ลูกค้าของ CHIC จะเน้นมาเลือกซื้อสินค้าที่ร้าน ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เน้นวัสดุที่ทำจากไม้จริง มีรูปแบบเท่ห์ เก๋ไก๋ (CHIC) มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (UNIQUE) มีสไตล์เป็นของ CHIC ไม่เหมือนใคร โดยมีการจัดหาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ ODM (Original Design Manufacturing) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการผลิตตามที่บริษัทออกแบบ (Exclusive Design) และมีสัดส่วนประมาณ 80% ของจำนวนสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายทั้งหมด นอกจากนี้ สินค้าในแบรนด์ "CHIC" ยังรวมถึง สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน โดยสัดส่วนของสินค้าเฟอร์นิเจอร์จะมีสัดส่วนมากที่สุด ประมาณ 70% ของยอดขาย ทั้งนี้ จุดแข็งที่สำคัญของบริษัท คือ บริษัทมีผู้รับจ้างผลิตสินค้า (Supplier) ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเภทของสินค้า (Category) อยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ สินค้ารูปแบบเดียวกัน บริษัทสามารถสั่งผลิตได้จาก Supplier หลายราย ส่งผลให้บริษัทสามารถคัดเลือกผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และราคาสินค้ามีความสมเหตุสมผลและสามารถแข่งขันในตลาดได้

ตัวอย่างสินค้าเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ CHIC

สไตล์/ลักษณะผลิตภัณฑ์/ตัวอย่างสินค้า

Romantic Vintage หรือCountry French Vintage
เฟอร์นิเจอร์จะเป็นแนวคลาสสิค ทำจากวัสดุไม้จริงเป็นส่วนใหญ่ เน้นงานฝีมือ ทำให้บ้านมีลักษณะเป็นศิลปะสมัยโบราณ (Antique) หูจับจะทำจากทองเหลือง เฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้จะสามารถใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ล้าสมัย (Timeless)

English Classic
เฟอร์นิเจอร์มีดีไซน์แบบยุโรป เน้นเส้นลายโค้งมน มีการแกะสลัก ส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์ สีขาว มีความเป็นหลุยส์อยู่ในตัว วัสดุทำจากไม้จริง เฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้จะสามารถใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ล้าสมัย (Timeless)

American Colonial
เฟอร์นิเจอร์มีขนาดใหญ่ หรูหรา สง่างามเหมาะกับบ้านหลังใหญ่ วัสดุส่วนใหญ่ทำจากไม้จริง เน้นวัสดุสีเข้ม ขาของเฟอร์นิเจอร์กลึงกลม ดูเรียบ ไม่มีการแกะสลัก เฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้จะสามารถใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ล้าสมัย (Timeless)

Modern Chic
เฟอร์นิเจอร์จะมีความทันสมัย ดีไซน์จะเป็นเส้นตรง เป็นเหลี่ยม เน้นความเรียบง่าย เน้นวัสดุที่มีความทันสมัย โดยเฉพาะใช้โลหะเงา เช่น อลูมิเนียม ทั้งนี้ จะมีการเปลี่ยนวัสดุตามสมัยนิยม และเน้นกระจกสี วัสดุสีขาว วัสดุที่มีความวาว

Industrial Chic
ถือเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ จะเน้นผิวไม้มีลายเส้นบนผิว (Scratching) เพื่อให้ดูเก่า ใช้โลหะที่ขาโต๊ะ เหมือนดึงเอาโครงสร้างของโรงงานมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ วัสดุจะเน้นไม้สีเข้ม ผิวขรุขระ เพื่อให้มองว่าเป็นการนำวัสดุในโรงงานมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์
ที่มา: CHIC, TISCO Research

RINA HEY : รองรับลูกค้าตลาด Mass
RINA HEY สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีที่อยู่อาศัยที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ อพาร์ทเม้นต์ เป็นต้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการพื้นที่ทำงานชั่วคราวแก่บุคคลทั่วไป หรือ Co-Working Space กลุ่มเป้าหมายลูกค้าของ RINA HEY จะเลือกซื้อสินค้าที่ร้าน และมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ดังนั้น บริษัทวางแผนการเปิดช่องทางการขายแบบออนไลน์ (Online) โดยบริษัทได้พัฒนาระบบให้มีการซื้อขายแบบ E-Commerce แล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 โดยเน้นการขายออนไลน์สำหรับสินค้าภายใต้แบรนด์ "RINA HEY" เป็นหลักก่อน ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบ Knock Down วัสดุที่ใช้ทำจากปาร์ติเกิ้ลบอร์ดปิดผิวด้วยเมลามีน มีรูปแบบเรียบง่าย เป็นสไตล์แบบ Loft โดยมีการจัดหาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ ODM มีสัดส่วนประมาณ 70% ของจำนวนสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายทั้งหมด นอกจากนี้ สินค้าในแบรนด์ "RINA HEY" ยังรวมถึง สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง และที่นอนและเครื่องนอน โดยสัดส่วนของสินค้าเฟอร์นิเจอร์จะมีสัดส่วนมากที่สุด ประมาณ 85% ของยอดขาย
สินค้าภายใต้ตราสินค้า RINA HEY จะเป็นสไตล์แบบ Loft เน้นรูปแบบ Open Space ซึ่งลักษณะผลิตภัณฑ์ จะดูเรียบง่าย มีความทันสมัยในตัวเอง เน้นการผสมผสานของสไตล์ต่าง ๆ (Mix and Match) สินค้าของ RINA HEY จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก เหมาะกับพื้นที่ที่จำกัด

สินค้า 4 กลุ่มหลัก

สินค้าที่จำหน่ายภายในโฮมแฟชั่นสโตร์ของ CHIC และ RINA HEY สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก
1. กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ (Furniture) เป็นสินค้าที่มีการจัดหาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ ODM (Original Design Manufacturing) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการผลิตตามที่บริษัทออกแบบ (Exclusive Design) สำหรับ CHIC และ RINA HEY
กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ (Furniture) สามารถแบ่งกลุ่มย่อยได้ดังนี้
1) เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนั่งเล่น (Living Room)
2) เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องอาหาร (Dining Room)
3) เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน (Bedroom)
4) เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องทำงาน (Home Office)
5) เฟอร์นิเจอร์สำหรับภายนอกอาคาร (Outdoor)
2. กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor) และของใช้ในบ้าน เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์และแจกัน เครื่องหอม - เทียนหอม
น้ำหอม รูปปั้น อุปกรณ์ในห้องน้ำ เช่น ที่ใส่สบู่ Dispenser ตะกร้าลวดที่ใช้ในห้องน้ำ เป็นต้น
3. กลุ่มโคมไฟ (Lighting) เช่น โคมไฟเพดาน โคมไฟตั้งพื้น และโคมไฟตั้งโต๊ะ
4. กลุ่มที่นอนและเครื่องนอน (Mattress and Bedding Accessories) ตัวอย่างแบรนด์สินค้า ได้แก่ Sealy, Tempur, Omazz, Lotus, Bedgear, Santas, Nice และ Dunloppillo เป็นต้น

Sirilak Konwai (ID: 051012)
(66) 2633 6422
[email protected]

โทรศัพท์: (66) 2633-6999 โทรสาร: (66) 2633-6490 E-mail: [email protected]

โดย สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประจำวันที่ 1 พ.ย. 2561

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2018 5:11 pm
โดย pakapong_u
https://www.settrade.com/C17_ResearchLi ... ype=SETmai

บทวิเคราะห์หุ้น CHIC บล.เมย์แมงก์กิมเอ็ง

Re: CHIC

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 05, 2018 1:31 pm
โดย pakapong_u
CHICมั่นใจเข้าเทรดQ4นี้ จ่อขายไอพีโอ360ล้านหุ้น
Source - ข่าวหุ้น (Th)

Monday, November 05, 2018 04:11

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ข่าวหุ้น

CHIC เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 360 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรดตลาด mai ไตรมาส 4/2561 หลังระดมทุนขยายกิจการในไทย-ต่างประเทศ ล่าสุด เปิดสาขาใหม่ที่กัมพูชา พร้อมวางเป้ายอดขายปี 2561 โต 5%
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/2561 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ หุ้นไอพีโอ 360 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้จะทำให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนไปขยายสาขาเป็นหลัก โดยในระยะ 5 ปี (ปี 2561-2565) บริษัทจะขยายใหม่ จำนวน 5 สาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ (เน้นกลุ่มประเทศ CLMV เป็นหลัก) งบลงทุนเฉลี่ย 200-250 ล้านบาทต่อสาขา โดยในปี 2561 ได้มีการลงทุนพัฒนาสาขาใหม่ไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ 1. สาขาประเทศกัมพูชา เปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ เมื่อปลายเดือน ต.ค. 2561
2. สาขารามอินทรา บนพื้นที่ 8,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตอกเสาเข็มคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2562 และ 3. สาขาอุดรธานี ปัจจุบันมีที่ดินรองรับ พร้อมได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2563 และอยู่ระหว่างการเจรจาเช่าที่ดินใน จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต รวมถึงนำไปชำระคืนหนี้กับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการเปิดบริการสาขาใหม่ ในห้างสรรพสินค้า Aeon Mall 2 Sen Sok City กรุงพนมเปญ ซึ่งมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากเป็นประเทศที่ค่อนข้างมีรสนิยมคล้ายกับคนไทย ประกอบกับมองว่าในอนาคตจะมีการเติบโตที่ดีจากภาพรวมตลาดแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ เพราะยังไม่มีเจ้าใดเข้าไปทำการตลาดและสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง
โดยปัจจุบัน CHIC ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการดำเนินงานยาวนานมากกว่า 10 ปี ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน โคมไฟตกแต่ง ที่นอนและเครื่องนอนอย่างครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ “ริน่า เฮย์” (RINA HEY) ที่มีความโดดเด่นเน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงาม ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และมีโอกาสในการขยายสาขาเข้าไปในหัวเมืองต่าง ๆ ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขาเปิดให้บริการรวม 4 แห่ง โดยตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ แบ่งเป็น สาขาในกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาประดิษฐ์มนูธรรม, สาขาบางนา และสาขาราชพฤกษ์ ส่วนสาขาในต่างจังหวัด จำนวน 1 สาขา ได้แก่ เมืองพัทยา
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2561 จะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2560 ที่มีรายได้ 629.61 ล้านบาท พร้อมทั้งมองว่าจะมีสัดส่วนรายได้มาจากงานค้าปลีก 70% และงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ 30% เนื่องจากคาดว่ายอดขายเฟอร์นิเจอร์หน้าร้านจะขยายตัวประมาณ 5% และการมียอดขายเฉลี่ยต่อบิลที่ค่อนข้างสูง--จบ--