เจาะธุรกิจ ดู เดย์ ดรีม (DDD) ก่อน IPO (26 ธันวาคม 2560)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 17, 2017 11:09 pm
บริษัท ดู เดย์ ดรีม (DDD) ก่อตั้งเมื่อปี 2553 รับผลิตเครื่องสำอางแบบ OEM จากนั้นได้เริ่มเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อ SNAILWHITE ตั้งแต่ปี 2556 ก่อนตัดสินใจเข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้ เรามาทำความรู้จักหุ้นตัวนี้กันดีกว่า
- DDD ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวยี่ห้อ SNAILWHITE โดยแบ่งเป็นหกกลุ่มย่อยดังนี้ 1)ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 2) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย 3) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า 4)ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย 5) ผลิตภัณฑ์กันแดด 6) ผลิตภัณฑ์ชุดของขวัญ
- ราคาหุ้นไอพีโออยู่ที่ 53 บาทซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 76 ล้านหุ้นจากหุ้นเดิมที่มีอยู่ 240 ล้านหุ้นพาร์ 1 บาทคิดเป็นค่าพีอีที่ 54.08 เท่า (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.98 บาท)
- ราคาไอพีโอมาที่ 53 บาทมาจากบริษัททำการเปรียบเทียบกับหุ้นบิวตี้คอมมูนิตี้และ KAMART ที่มีพี่อีเฉลี่ยช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาประมาณ 42.61 เท่า (แล้วทำไมของ DDD ตั้งที่ 54 เท่า ???) เข้าใจว่าที่ตั้งสูงกว่าราคาเฉลี่ยเพราะมีอัตราการเติบโตในอนาคตมาเป็นตัวสนับสนุน
- หลักๆจะนำเงินไปขยายธุรกิจโดยจะนำมาขยายพื้นที่ในโรงงานและปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้า
- ความเสี่ยงธุรกิจ 1)บริษัทพึ่งพาผลิตภัณฑ์ตัวหลัก SNAILWHITE บำรุงรักษาผิวหน้าซึ่งคิดเป็น 78% ของรายได้ ถ้าผู้บริโภคมีความนิยมในตัวสินค้านี้น้อยลงจะกระทบต่อธุรกิจ 2)ความเสี่ยงราคาเมือกหอยทากที่เป็นวัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์ 3)พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ประมาณห้ารายในประเทศไทยและสองรายที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน
ความคิดเห็น:
- หุ้นมีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าพีอีเฉลี่ยที่ 42 เท่าแม้ว่าจะมีการให้ข้อมูลการเติบโตที่สูงในอดีตและอนาคตแต่สิ่งที่กังวลก็คือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ในอัตราที่เร็วกว่ายอดขายมาก โดยค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 60% ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแค่ 26% ช่วงเก้าเดือนของปี 59 เทียบกับปี 60
ค่าใช้จ่ายในการบริหารก็เพิ่มขึ้น 80% จึงทำให้กำไรสุทธิเก้าเดือนปีนี้ลดลงจากปีก่อนจาก 278.8 ล้านบาทเหลือ 253.5 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดและบริหารยังคงสูงอย่างต่อเนื่องหรือจะสูงแค่ช่วงนี้ โดยทางผู้บริหารอ้างว่ามีการออกสินค้าใหม่หลายตัวจึงต้องทุ่มงบประมาณในการทำโฆษณาจำนวนมาก
- ในส่วนของงบการเงินสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือลูกหนี้การค้าที่เพิ่มจาก 196.9 ล้านบาทในปี 59 เป็น 422.4 ล้านบาทในปี 60 หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 120% ทำให้งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงในช่วงเก้าเดือนของปี 59 ที่ 445.3 ล้านบาทเป็น 103.6 ล้านบาทในปี 60 หรือหายไปเกือบ 342 ล้านบาท
เมื่อไปอ่านรายละเอียดพบว่าบริษัทมีลูกหนี้การค้ากับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีนชื่อ RIYA HOME ถึง 153.2 ล้านบาทหรือประมาณ 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดไม่รู้ว่าให้เครดิตการค้าเยอะเกินไปหรือเปล่า
โดยสรุปหุ้น DDD น่าสนใจในแง่ของการเติบโตในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่เสนอขายไอพีโอในระดับที่ค่อนข้างสูงและความกังวลเกี่ยวกับ ลูกหนี้การค้าที่เติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในปีนี้ โดยส่วนตัวยังไม่ซื้อหุ้นตอนเข้าไอพีโอแต่จะใช้เวลาในการศึกษาหุ้นตัวนี้เพื่อดูผลประกอบการณ์ไปสักระยะก่อน
CR: เพจ Billionaire VI
- DDD ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวยี่ห้อ SNAILWHITE โดยแบ่งเป็นหกกลุ่มย่อยดังนี้ 1)ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 2) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย 3) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า 4)ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย 5) ผลิตภัณฑ์กันแดด 6) ผลิตภัณฑ์ชุดของขวัญ
- ราคาหุ้นไอพีโออยู่ที่ 53 บาทซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 76 ล้านหุ้นจากหุ้นเดิมที่มีอยู่ 240 ล้านหุ้นพาร์ 1 บาทคิดเป็นค่าพีอีที่ 54.08 เท่า (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.98 บาท)
- ราคาไอพีโอมาที่ 53 บาทมาจากบริษัททำการเปรียบเทียบกับหุ้นบิวตี้คอมมูนิตี้และ KAMART ที่มีพี่อีเฉลี่ยช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาประมาณ 42.61 เท่า (แล้วทำไมของ DDD ตั้งที่ 54 เท่า ???) เข้าใจว่าที่ตั้งสูงกว่าราคาเฉลี่ยเพราะมีอัตราการเติบโตในอนาคตมาเป็นตัวสนับสนุน
- หลักๆจะนำเงินไปขยายธุรกิจโดยจะนำมาขยายพื้นที่ในโรงงานและปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้า
- ความเสี่ยงธุรกิจ 1)บริษัทพึ่งพาผลิตภัณฑ์ตัวหลัก SNAILWHITE บำรุงรักษาผิวหน้าซึ่งคิดเป็น 78% ของรายได้ ถ้าผู้บริโภคมีความนิยมในตัวสินค้านี้น้อยลงจะกระทบต่อธุรกิจ 2)ความเสี่ยงราคาเมือกหอยทากที่เป็นวัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์ 3)พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ประมาณห้ารายในประเทศไทยและสองรายที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน
ความคิดเห็น:
- หุ้นมีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าพีอีเฉลี่ยที่ 42 เท่าแม้ว่าจะมีการให้ข้อมูลการเติบโตที่สูงในอดีตและอนาคตแต่สิ่งที่กังวลก็คือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ในอัตราที่เร็วกว่ายอดขายมาก โดยค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 60% ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแค่ 26% ช่วงเก้าเดือนของปี 59 เทียบกับปี 60
ค่าใช้จ่ายในการบริหารก็เพิ่มขึ้น 80% จึงทำให้กำไรสุทธิเก้าเดือนปีนี้ลดลงจากปีก่อนจาก 278.8 ล้านบาทเหลือ 253.5 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดและบริหารยังคงสูงอย่างต่อเนื่องหรือจะสูงแค่ช่วงนี้ โดยทางผู้บริหารอ้างว่ามีการออกสินค้าใหม่หลายตัวจึงต้องทุ่มงบประมาณในการทำโฆษณาจำนวนมาก
- ในส่วนของงบการเงินสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือลูกหนี้การค้าที่เพิ่มจาก 196.9 ล้านบาทในปี 59 เป็น 422.4 ล้านบาทในปี 60 หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 120% ทำให้งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงในช่วงเก้าเดือนของปี 59 ที่ 445.3 ล้านบาทเป็น 103.6 ล้านบาทในปี 60 หรือหายไปเกือบ 342 ล้านบาท
เมื่อไปอ่านรายละเอียดพบว่าบริษัทมีลูกหนี้การค้ากับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีนชื่อ RIYA HOME ถึง 153.2 ล้านบาทหรือประมาณ 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดไม่รู้ว่าให้เครดิตการค้าเยอะเกินไปหรือเปล่า
โดยสรุปหุ้น DDD น่าสนใจในแง่ของการเติบโตในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่เสนอขายไอพีโอในระดับที่ค่อนข้างสูงและความกังวลเกี่ยวกับ ลูกหนี้การค้าที่เติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในปีนี้ โดยส่วนตัวยังไม่ซื้อหุ้นตอนเข้าไอพีโอแต่จะใช้เวลาในการศึกษาหุ้นตัวนี้เพื่อดูผลประกอบการณ์ไปสักระยะก่อน
CR: เพจ Billionaire VI