Stock Battle the series
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 05, 2017 10:36 am
Stock Battle the series
EP1 SIS & SYNEX ตอนที่1 SIS
ที่มาของบทความเรื่องนี้ ผมได้ไอเดียจากรายการ วีไอกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งดำเนินรายการโดย กรรมการและอนุกรรมกาสมาคมไทยวีไอ ได้แก่ น้องตู้ น้องเบส น้องปริญญ์ โดยทุกเดือนจะมีการเปรียบเทียบหุ้นที่มีลักษณะคล้ายกัน ว่าแต่ละบริษัท
มีความเหมือน และ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก็เลยคิดว่าจะลองเขียนแนวนี้น่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง
เหตุที่เลือกคู่ Battle SIS & SYNEX เป็นคู่แรกนั้นส่วนนึง คืออยู่ในวงการคอมพิวเตอร์มาตลอดเลยอยากแชร์ข้อมูลที่ไปสัมผัสมา และ ข้อมูลหาได้ไม่ยากจาก Webboard Thaivi , Finomina ที่เขียนก่อนหน้านี้ ต้องขอบคุณทั้งสองแหล่งข้อมูลนะครับ
ผมจะเริ่มที่บริษัท เอสไอเอส หรือ SIS Distribution (Thailand ) ก่อนนะครับ
ข้อมูลช่วงแรกของ SIS
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจขายส่งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติต่าง ๆ โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตประมาณ 53 ราย และมีจำนวนสินค้าที่จำหน่ายมากกว่า 4,600 รายการ บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีก บริษัทผู้ค้าที่จำหน่ายเข้าภาคธุรกิจและหน่วยงานราชการ ผู้รับวางระบบ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง ฯลฯ โดยในปี 2549 มีจำนวนคู่ค้ามากกว่า 3,900 ราย
วิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจ
1.1) ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตน้อยราย
ถึงแม้บริษัทฯ จะซื้อสินค้าจากผู้ผลิต 53 ราย ในปี 2549, ร้อยละ 80 ของยอดขาย เป็นสินค้าที่มาจากผู้ผลิตเพียง 8 รายคือ Acer, Apple, Dopod, HP, IBM, Lenovo, Philips, Samsung
ผู้ผลิตที่บริษัทฯ ขายสินค้ามากที่สุดในปี 2549 คือ HP ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 45 ของสินค้าทั้งหมดเนื่องจาก HP เป็นผู้ผลิตสินค้า IT หลายประเภท ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั้งส่วนบุคคลและองค์กร รวมไปถึง HP ก็มีนโยบายที่จะจัดจำหน่ายสินค้าผ่านผู้ค้าส่งจึงทำให้บริษัทฯ มียอดจำหน่ายสินค้าของ HP เป็นสัดส่วนที่สูง อันทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงในแง่ของการพึ่งพาผู้ผลิตน้อยราย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ HP เช่นกัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และ HP เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ต่อมาเมื่อHP drop ลง ก็มาขายสินค้าของ Acer แทน ทำให้ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ แต่หลังจากแบรนด์อื่นเริ่มเข้ามาทำตลาดมากขึ้นเช่น Asus , Lenovo ทำให้ SISเข้ามาทำตลาดในสองยี่ห้อมากขึ้น ทำให้ยังมีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่น่าเสียดายว่า เทรนของTablet , Smart phoneมาแรง ทำให้ยอดขายโดยรวมdropลง
ส่วนสินค้าSmartphone ถือว่าในอดีตค่อนข้างทำได้ดี เป็นผู้นำในตลาด โดยได้นำสินค้า Dopodเข้ามาขาย ต่อมาได้
เปลี่ยนชื่อเป็นHTC ก็ยังสามารถโปรโมทแบรนด์ให้ติดอันดับหนึ่ง ต่อมาได้ทำตลาดมือถือBB ในช่วงที่ตลาดเริ่มเป็นขาลง แต่ก็พยายามทำตลาดในส่วนองค์กร โดย BB มีจุดแข็งที่สามารถchatหากันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโทรฟรีหากันในองค์กร สุดท้ายก็ไม่สามารถฝืนแนวโน้มตลาดได้ ทำให้สินค้าค้างstockมากมาย
อย่างไรก็ตาม กำไรในส่วนsmartphoneก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างกำไรให้บริษัทมากมายในช่วงที่ผ่านมา
ต่อมาทางOperatorเริ่มเข้ามาทำตลาดเอง มีการsubsidizeราคาให้กับผู้ใช้บริการ ทำให้บทบาทของSISค่อยๆลดลง
ปัจจุบัน ได้ทำตลาดมือถือWIKOจากฝรั่งเศส ยอดขายถ้าเทียบกับสมัยก่อน ถือว่าน้อยมาก ยังไม่ใช่จุดแข็งที่จะช่วยSISได้มากนัก
ส่วนตลาดเครื่องประกอบนั้น SIS ถือเป็นอันดับTOP3 ร่วมกับ DCOM, SYNEX ต่อมา DCOM เกิดปัญหาภายใน
ทำให้ต้องปิดกิจการไป ทำให้เหลือผู้เล่นรายใหญ่แค่ SIS,SYNEX ต่อมาก็มา chainstoreเข้ามาทำตลาดได้แก่ Advice , JIB เป็นต้น ถือเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูง ส่วนใหญ่จะเจาะไปที่ตลาดของคนเล่นเกม ส่วนถ้าผู้ใช้ที่ใช้งานเอกสาร ดูwebsite ส่วนใหญ่หันมาซื้อเครื่องBrand name มากกว่าเพราะราคาได้ลดลงมามาก ตลาดPantipซึ่งเป็นเครืองประกอบในสมัยก่อน ตอนนี้ก็หันไปขายเครื่องbrand nameกันมากขึ้น แต่ผู้เดินก็น้อยลง
1.2) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่กระทบต่อสินค้าคงคลัง
เนื่องจากสินค้าหลักของบริษัทฯ เป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าคงคลังของบริษัทฯ อาจจะมีการล้าสมัย สร้างความเสียหายกับบริษัทฯ ได้ เช่น สินค้ามือถือBB เป็นต้น
1.3) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
บริษัทฯ มีการสั่งซื้อสินค้าบางส่วนโดยชำระด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สินค้าทั้งหมดจะจำหน่ายในประเทศเป็นเงินบาท บริษัทฯ มีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดย มีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าบางส่วน ส่วนนี้ทางSynexทำได้ค่อนข้างดีกว่า เพราะ ตัวคุณสุทธิดามีความเชี่ยงชาญในการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี
1.4) ความเสี่ยงจากการแข่งขันและกำไรขั้นต้นต่ำ
ธุรกิจขายส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง มีกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำ แต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่และมีการเติบโตสูง โดยคาดว่ายังคงมีการเติบโตที่มากกว่า 10% ไปได้อีกหลายปี ซึ่งจากลักษณะอุตสาหกรรมแบบนี้ อาจมีคู่แข่งใช้ราคามาเป็นกลยุทธหลักในการแข่งขัน ซึ่งถ้าเกิดขึ้น บริษัทฯ อาจต้องลดราคาสินค้าเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น และอาจจะกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ บริษัทฯ ได้พยายามลดความเสี่ยงด้วยการเพิ่มประเภทสินค้า ทำให้มีการขายสินค้ากระจายมากประเภทขึ้น ส่วนนี้ถือว่า SIS ทำได้ดีกว่า SYNEX จากการสังเกตพบว่า SYNEX เน้นเรื่องการตัดราคาเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น ทำให้GPไม่ค่อยสูง
1.5) ความเสี่ยงจากลูกหนี้การค้า
บริษัทฯ มียอดขายเครดิต และลูกหนี้ส่วนใหญ่ ไม่ได้มอบหลักประกันที่ครอบคลุมหนี้สินทั้งหมดให้กับบริษัทฯ รวมไปถึงลูกค้าของบริษัทฯ หลายราย เป็นบริษัทขนาดเล็กและเป็นบริษัท ใหม่ที่ยังไม่มีเงินทุนมากนัก ดังนั้นหากลูกหนี้การค้าของบริษัทฯ เกิดปัญหาในการบริหารงาน ไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด จะส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัทซึ่งในส่วนนี้ ทั้ง SIS , SYNEX ก็เจอปัญหาหนี้เสียรายเดียวกันในช่วงปี 2556 และยังเก็บหนี้ไม่ได้
1.6) ความเสี่ยงด้านการเงิน
จากการที่ธุรกิจค้าส่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เป็นธุรกิจที่มี cash cycle อยู่ในช่วง 30 - 50 วัน ทำให้ปริมาณเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้ เพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และจากการขยายงานของบริษัทฯ ที่มีเพิ่มของยอดขายในอัตราสูงกว่าร้อยละ 10 มาตลอด ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความเสี่ยงและภาระของบริษัทฯ ที่ต้องจัดหาเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
1.7) ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบุคลากร
IT เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน เข้ามาร่วมงานจำนวนมากซึ่งนอกเหนือจากการรับพนักงานที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมงานแล้ว บริษัทฯ ยังต้องมีการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งหากบุคลากรที่มีความสามารถและความชำนาญงานได้ลาออกจากบริษัทฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานและความสามารถในการขยายงานของบริษัทฯ ในระยะสั้น และก่อให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติมที่ต้องใช้ในการฝึกอบรมบุคลากรกลุ่มใหม่ขึ้นมาทดแทน ทางSIS ผู้บริหารหลักๆจะมีคุณสมชัยและคุณสมบัติ แต่ทาง SYNEX ส่งเสริมให้ผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้มีความคิดหลากหลายมากกว่า
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับ แบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงํากิจการ (แบบ 247-3) จากบริษัท ไทยอัลลิแอนซ์จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของ SIS ที่ต่างประเทศ
ประเภทของหลักทรัพย์ และจํานวนหุ้นที่เสนอซื้อ: 350,198,655 หุ้นสามัญ ราคาที่คาดว่าจะเสนอซื้อ: 7.00 บาท วันที่คาดว่าจะยื่นคําเสนอซื้ออย่างเป็นทางการ: 6 พฤศจิกายน 2560 ผู้จัดเตรียมคําเสนอซื้อ: บริษัท อวานการ์ด แคปปิ ตอล จํากัด
ดูราคาตลาดตอนนี้ขึ้นไปสูงกว่าราคารับซื้อค่อนข้างมาก แต่ดูจากวัตถุประสงค์ของการซื้อครั้งนี้ถ้าได้จำนวนหุ้นมากพอให้ถือเกิน 50% ก็ยังมีโอกาสอยู่ รอลุ้นต่อไปว่ามีการปรับราคารับซื้อหรือไม่
ตอนต่อไปจะพูดถึง SYNEX นะครับ
EP1 SIS & SYNEX ตอนที่1 SIS
ที่มาของบทความเรื่องนี้ ผมได้ไอเดียจากรายการ วีไอกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งดำเนินรายการโดย กรรมการและอนุกรรมกาสมาคมไทยวีไอ ได้แก่ น้องตู้ น้องเบส น้องปริญญ์ โดยทุกเดือนจะมีการเปรียบเทียบหุ้นที่มีลักษณะคล้ายกัน ว่าแต่ละบริษัท
มีความเหมือน และ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก็เลยคิดว่าจะลองเขียนแนวนี้น่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง
เหตุที่เลือกคู่ Battle SIS & SYNEX เป็นคู่แรกนั้นส่วนนึง คืออยู่ในวงการคอมพิวเตอร์มาตลอดเลยอยากแชร์ข้อมูลที่ไปสัมผัสมา และ ข้อมูลหาได้ไม่ยากจาก Webboard Thaivi , Finomina ที่เขียนก่อนหน้านี้ ต้องขอบคุณทั้งสองแหล่งข้อมูลนะครับ
ผมจะเริ่มที่บริษัท เอสไอเอส หรือ SIS Distribution (Thailand ) ก่อนนะครับ
ข้อมูลช่วงแรกของ SIS
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจขายส่งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติต่าง ๆ โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตประมาณ 53 ราย และมีจำนวนสินค้าที่จำหน่ายมากกว่า 4,600 รายการ บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีก บริษัทผู้ค้าที่จำหน่ายเข้าภาคธุรกิจและหน่วยงานราชการ ผู้รับวางระบบ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง ฯลฯ โดยในปี 2549 มีจำนวนคู่ค้ามากกว่า 3,900 ราย
วิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจ
1.1) ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตน้อยราย
ถึงแม้บริษัทฯ จะซื้อสินค้าจากผู้ผลิต 53 ราย ในปี 2549, ร้อยละ 80 ของยอดขาย เป็นสินค้าที่มาจากผู้ผลิตเพียง 8 รายคือ Acer, Apple, Dopod, HP, IBM, Lenovo, Philips, Samsung
ผู้ผลิตที่บริษัทฯ ขายสินค้ามากที่สุดในปี 2549 คือ HP ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 45 ของสินค้าทั้งหมดเนื่องจาก HP เป็นผู้ผลิตสินค้า IT หลายประเภท ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั้งส่วนบุคคลและองค์กร รวมไปถึง HP ก็มีนโยบายที่จะจัดจำหน่ายสินค้าผ่านผู้ค้าส่งจึงทำให้บริษัทฯ มียอดจำหน่ายสินค้าของ HP เป็นสัดส่วนที่สูง อันทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงในแง่ของการพึ่งพาผู้ผลิตน้อยราย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ HP เช่นกัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และ HP เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ต่อมาเมื่อHP drop ลง ก็มาขายสินค้าของ Acer แทน ทำให้ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ แต่หลังจากแบรนด์อื่นเริ่มเข้ามาทำตลาดมากขึ้นเช่น Asus , Lenovo ทำให้ SISเข้ามาทำตลาดในสองยี่ห้อมากขึ้น ทำให้ยังมีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่น่าเสียดายว่า เทรนของTablet , Smart phoneมาแรง ทำให้ยอดขายโดยรวมdropลง
ส่วนสินค้าSmartphone ถือว่าในอดีตค่อนข้างทำได้ดี เป็นผู้นำในตลาด โดยได้นำสินค้า Dopodเข้ามาขาย ต่อมาได้
เปลี่ยนชื่อเป็นHTC ก็ยังสามารถโปรโมทแบรนด์ให้ติดอันดับหนึ่ง ต่อมาได้ทำตลาดมือถือBB ในช่วงที่ตลาดเริ่มเป็นขาลง แต่ก็พยายามทำตลาดในส่วนองค์กร โดย BB มีจุดแข็งที่สามารถchatหากันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโทรฟรีหากันในองค์กร สุดท้ายก็ไม่สามารถฝืนแนวโน้มตลาดได้ ทำให้สินค้าค้างstockมากมาย
อย่างไรก็ตาม กำไรในส่วนsmartphoneก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างกำไรให้บริษัทมากมายในช่วงที่ผ่านมา
ต่อมาทางOperatorเริ่มเข้ามาทำตลาดเอง มีการsubsidizeราคาให้กับผู้ใช้บริการ ทำให้บทบาทของSISค่อยๆลดลง
ปัจจุบัน ได้ทำตลาดมือถือWIKOจากฝรั่งเศส ยอดขายถ้าเทียบกับสมัยก่อน ถือว่าน้อยมาก ยังไม่ใช่จุดแข็งที่จะช่วยSISได้มากนัก
ส่วนตลาดเครื่องประกอบนั้น SIS ถือเป็นอันดับTOP3 ร่วมกับ DCOM, SYNEX ต่อมา DCOM เกิดปัญหาภายใน
ทำให้ต้องปิดกิจการไป ทำให้เหลือผู้เล่นรายใหญ่แค่ SIS,SYNEX ต่อมาก็มา chainstoreเข้ามาทำตลาดได้แก่ Advice , JIB เป็นต้น ถือเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูง ส่วนใหญ่จะเจาะไปที่ตลาดของคนเล่นเกม ส่วนถ้าผู้ใช้ที่ใช้งานเอกสาร ดูwebsite ส่วนใหญ่หันมาซื้อเครื่องBrand name มากกว่าเพราะราคาได้ลดลงมามาก ตลาดPantipซึ่งเป็นเครืองประกอบในสมัยก่อน ตอนนี้ก็หันไปขายเครื่องbrand nameกันมากขึ้น แต่ผู้เดินก็น้อยลง
1.2) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่กระทบต่อสินค้าคงคลัง
เนื่องจากสินค้าหลักของบริษัทฯ เป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าคงคลังของบริษัทฯ อาจจะมีการล้าสมัย สร้างความเสียหายกับบริษัทฯ ได้ เช่น สินค้ามือถือBB เป็นต้น
1.3) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
บริษัทฯ มีการสั่งซื้อสินค้าบางส่วนโดยชำระด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สินค้าทั้งหมดจะจำหน่ายในประเทศเป็นเงินบาท บริษัทฯ มีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดย มีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าบางส่วน ส่วนนี้ทางSynexทำได้ค่อนข้างดีกว่า เพราะ ตัวคุณสุทธิดามีความเชี่ยงชาญในการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี
1.4) ความเสี่ยงจากการแข่งขันและกำไรขั้นต้นต่ำ
ธุรกิจขายส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง มีกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำ แต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่และมีการเติบโตสูง โดยคาดว่ายังคงมีการเติบโตที่มากกว่า 10% ไปได้อีกหลายปี ซึ่งจากลักษณะอุตสาหกรรมแบบนี้ อาจมีคู่แข่งใช้ราคามาเป็นกลยุทธหลักในการแข่งขัน ซึ่งถ้าเกิดขึ้น บริษัทฯ อาจต้องลดราคาสินค้าเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น และอาจจะกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ บริษัทฯ ได้พยายามลดความเสี่ยงด้วยการเพิ่มประเภทสินค้า ทำให้มีการขายสินค้ากระจายมากประเภทขึ้น ส่วนนี้ถือว่า SIS ทำได้ดีกว่า SYNEX จากการสังเกตพบว่า SYNEX เน้นเรื่องการตัดราคาเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น ทำให้GPไม่ค่อยสูง
1.5) ความเสี่ยงจากลูกหนี้การค้า
บริษัทฯ มียอดขายเครดิต และลูกหนี้ส่วนใหญ่ ไม่ได้มอบหลักประกันที่ครอบคลุมหนี้สินทั้งหมดให้กับบริษัทฯ รวมไปถึงลูกค้าของบริษัทฯ หลายราย เป็นบริษัทขนาดเล็กและเป็นบริษัท ใหม่ที่ยังไม่มีเงินทุนมากนัก ดังนั้นหากลูกหนี้การค้าของบริษัทฯ เกิดปัญหาในการบริหารงาน ไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด จะส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัทซึ่งในส่วนนี้ ทั้ง SIS , SYNEX ก็เจอปัญหาหนี้เสียรายเดียวกันในช่วงปี 2556 และยังเก็บหนี้ไม่ได้
1.6) ความเสี่ยงด้านการเงิน
จากการที่ธุรกิจค้าส่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เป็นธุรกิจที่มี cash cycle อยู่ในช่วง 30 - 50 วัน ทำให้ปริมาณเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้ เพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และจากการขยายงานของบริษัทฯ ที่มีเพิ่มของยอดขายในอัตราสูงกว่าร้อยละ 10 มาตลอด ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความเสี่ยงและภาระของบริษัทฯ ที่ต้องจัดหาเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
1.7) ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบุคลากร
IT เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน เข้ามาร่วมงานจำนวนมากซึ่งนอกเหนือจากการรับพนักงานที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมงานแล้ว บริษัทฯ ยังต้องมีการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งหากบุคลากรที่มีความสามารถและความชำนาญงานได้ลาออกจากบริษัทฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานและความสามารถในการขยายงานของบริษัทฯ ในระยะสั้น และก่อให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติมที่ต้องใช้ในการฝึกอบรมบุคลากรกลุ่มใหม่ขึ้นมาทดแทน ทางSIS ผู้บริหารหลักๆจะมีคุณสมชัยและคุณสมบัติ แต่ทาง SYNEX ส่งเสริมให้ผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้มีความคิดหลากหลายมากกว่า
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับ แบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงํากิจการ (แบบ 247-3) จากบริษัท ไทยอัลลิแอนซ์จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของ SIS ที่ต่างประเทศ
ประเภทของหลักทรัพย์ และจํานวนหุ้นที่เสนอซื้อ: 350,198,655 หุ้นสามัญ ราคาที่คาดว่าจะเสนอซื้อ: 7.00 บาท วันที่คาดว่าจะยื่นคําเสนอซื้ออย่างเป็นทางการ: 6 พฤศจิกายน 2560 ผู้จัดเตรียมคําเสนอซื้อ: บริษัท อวานการ์ด แคปปิ ตอล จํากัด
ดูราคาตลาดตอนนี้ขึ้นไปสูงกว่าราคารับซื้อค่อนข้างมาก แต่ดูจากวัตถุประสงค์ของการซื้อครั้งนี้ถ้าได้จำนวนหุ้นมากพอให้ถือเกิน 50% ก็ยังมีโอกาสอยู่ รอลุ้นต่อไปว่ามีการปรับราคารับซื้อหรือไม่
ตอนต่อไปจะพูดถึง SYNEX นะครับ