กลต.สั่งปรับเงิน-ขึ้นแบล็กลิสต์ กลุ่ม"โสภณพนิช"กรณีใช้ข้อมูล
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 16, 2017 8:48 pm
กลต.สั่งปรับเงิน-ขึ้นแบล็กลิสต์ กลุ่ม "โสภณพนิช" กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น BLA
updated: 16 มิ.ย. 2560 เวลา 17:25:30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (BLA) และผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 5 ราย ได้แก่ (1) นายฉัตรชัย โชตนาการ (2) นายเชิดชู โสภณพนิช (3) บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด (4) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ (5) นายชัย โสภณพนิช กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น BLA โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 3,765,000 บาท และส่งคืนผลประโยชน์รวม 1,750,150 บาท
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2557 BLA ได้รับผลกระทบจากการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการในเดือนมีนาคม 2557 ทำให้ BLA ต้องเพิ่มเงินสำรองเบี้ยประกันชีวิตให้เพียงพอตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด ซึ่งการตั้งสำรองเงินเพิ่มดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบต่อฐานะการเงินของ BLA อย่างมีนัยสำคัญ คือทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2557 เหลือเพียงจำนวน 168.79 ล้านบาท โดยลดจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 1,096.04 ล้านบาท และทำให้บริษัทขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2557 จำนวน 880.59 ล้านบาท ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินทั้งสองงวดต่อประชาชนทั่วไปผ่านระบบของ ตลท.
ขณะที่ปรากฏหลักฐานว่า กรรมการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BLA หลายราย ซึ่งล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ขายหุ้น BLA ในบัญชีตนเองหรือสั่งให้ขายในบัญชีของนิติบุคคลที่ตนเองมีอำนาจจัดการ โดยพบว่า ก่อนการเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 2/2557 นายฉัตรชัย ที่ปรึกษาของกรรมการผู้จัดการใหญ่ BLA ได้ขายหุ้น BLA รวม 29,000 หุ้น นายเชิดชู ประธานกรรมการบริหารของ BLA ขายหุ้น BLA จากบัญชีตนเอง รวม 800,000 หุ้น และจากบัญชีบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด รวม 200,000 หุ้น ในขณะที่ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 3/2557 นายชัย กรรมการของ BLA ได้สั่งให้ขายหุ้น BLA จากบัญชีของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 200,000 หุ้น
อย่างไรก็ตามการกระทำของบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 5 ราย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษอาญาตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559
โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย และผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้ (1) นายฉัตรชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท (2) นายเชิดชู ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 350,900 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,000,000 บาท (3) บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 299,250 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท (4) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 1,100,000 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,265,000 บาท และ (5) นายชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามมิให้นายฉัตรชัย นายเชิดชูและนายชัย เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น[1] เป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งสั่งห้ามนายเชิดชูและนายชัยมิให้เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน[2] เป็นเวลา 3 ปีด้วย ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม 2560 และตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ. 8/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2557
จาก: http://m.prachachat.net/news_detail.php ... 1497608825
updated: 16 มิ.ย. 2560 เวลา 17:25:30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (BLA) และผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 5 ราย ได้แก่ (1) นายฉัตรชัย โชตนาการ (2) นายเชิดชู โสภณพนิช (3) บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด (4) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ (5) นายชัย โสภณพนิช กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น BLA โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 3,765,000 บาท และส่งคืนผลประโยชน์รวม 1,750,150 บาท
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2557 BLA ได้รับผลกระทบจากการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการในเดือนมีนาคม 2557 ทำให้ BLA ต้องเพิ่มเงินสำรองเบี้ยประกันชีวิตให้เพียงพอตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด ซึ่งการตั้งสำรองเงินเพิ่มดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบต่อฐานะการเงินของ BLA อย่างมีนัยสำคัญ คือทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2557 เหลือเพียงจำนวน 168.79 ล้านบาท โดยลดจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 1,096.04 ล้านบาท และทำให้บริษัทขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2557 จำนวน 880.59 ล้านบาท ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินทั้งสองงวดต่อประชาชนทั่วไปผ่านระบบของ ตลท.
ขณะที่ปรากฏหลักฐานว่า กรรมการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BLA หลายราย ซึ่งล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ขายหุ้น BLA ในบัญชีตนเองหรือสั่งให้ขายในบัญชีของนิติบุคคลที่ตนเองมีอำนาจจัดการ โดยพบว่า ก่อนการเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 2/2557 นายฉัตรชัย ที่ปรึกษาของกรรมการผู้จัดการใหญ่ BLA ได้ขายหุ้น BLA รวม 29,000 หุ้น นายเชิดชู ประธานกรรมการบริหารของ BLA ขายหุ้น BLA จากบัญชีตนเอง รวม 800,000 หุ้น และจากบัญชีบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด รวม 200,000 หุ้น ในขณะที่ก่อนที่ BLA จะเปิดเผยงบการเงินไตรมาส 3/2557 นายชัย กรรมการของ BLA ได้สั่งให้ขายหุ้น BLA จากบัญชีของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 200,000 หุ้น
อย่างไรก็ตามการกระทำของบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 5 ราย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษอาญาตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559
โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย และผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้ (1) นายฉัตรชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท (2) นายเชิดชู ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 350,900 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,000,000 บาท (3) บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 299,250 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท (4) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งคืนผลประโยชน์ จำนวน 1,100,000 บาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,265,000 บาท และ (5) นายชัย ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 500,000 บาท
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามมิให้นายฉัตรชัย นายเชิดชูและนายชัย เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น[1] เป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งสั่งห้ามนายเชิดชูและนายชัยมิให้เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน[2] เป็นเวลา 3 ปีด้วย ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม 2560 และตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ. 8/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2557
จาก: http://m.prachachat.net/news_detail.php ... 1497608825