เคล็ดลับเซียนหุ้นพันธ์แท้ โดย ดร นิเวศน์
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 18, 2017 11:57 am
เคล็ดลับเซียนหุ้นพันธ์แท้
เป็นหนังสือที่ ดร นิเวศน์เขียนต่อจาก ตีแตก
เป็นหนังสือเล่มแรก ที่สอนพื้นฐานการลงทุนแนววีไอ
ช่วงที่ออกตอนแรกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หาซื้อยากหน่อย เพราะไม่ค่อยมีคนรู้จัก
แนะนำสำหรับมือใหม่ ดูแนวคิดของ ดร ในช่วงลงทุนเริ่มแรกว่าคิดอย่างไร
จึงประสบความสำเร็จในการลงทุน
ตัวอย่างเช่น บทความสูตรสำเร็จของการลงทุน หน้า 103
เป็นการคัดเอาหุ้นที่ PE ต่ำ และ PB ต่ำกว่า 1 มาและลงทุนตอนต้นปี
และขายตอนสิ้นปี แล้วเลือกหุ้นโดยใช้หลักเกณฑ์เดิม
ดร ได้ใช้วิธีการนี้ไปลงทุนหุ้นเวียดนาม แต่ไม่ได้ขายออกทุกปี ยังคงถืออยู่
นอกจากนี้ยังได้พูดถึงหุ้นกลุ่มต่างๆ เช่น
หุ้นสิบสตางค์
เป็นหุ้นที่เกิดจากาการแตกพาร์ หรือ แตกหุ้น ไม่แนะนำให้ลงทุน ควรลงทุนใน
หุ้นที่มีผลประกอบการดี ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจมีการลดพาร์ลดบ้างถ้าราคาเกิน 100 บาท
หุ้นลูกครึ่ง
ลักษณะคือ 1.ต้องผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ต่างประเทศ
2.มีknow how หรือ ยี่ห้อจากบริษัทแม่ในการผลิต และ ขายสินค้าของตน
3.ผู้บริหารระดับสูงมาจากบริษัทแม่ เพื่อดูแลกิจการในไทย
4.กิจการในไทยก่อตั้งมานานแล้ว
หุ้นแบกะดิน
เป็นหุ้นที่มี PE ต่ำกว่า 5 เท่า และ PB ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งตอนนี้หายากแล้ว อาจมีการปรับตัวเลขขึ้นมาบ้าง
หุ้นกลุ่มโตเร็ว
ดร ใช้เวลาในการshopping ตามห้างสรรพสินค้า สังเกตว่าสินค้าอันไหนที่ได้รับความนิยม
เช่น สมัยนั้น จะมี มือถือ ที่มีโอกาสเติบโตมาก
หรือ หุ้นกลุ่มอุปโภค บริโภค
ในช่วงนั้น ดร ได้วิเคราะห์หุ้นหลายตัวในตลาดช่วงนั้น รวมถึง CPF , Makro และกลุ่มบริโภค
ซึ่งต่อมาน่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการซื้อหุ้น CPALL ในเวลาต่อมา
ซึ่งดร จะไม่เขียนความรู้พื้นฐานการลงทุนในเล่มหลังๆ แล้ว แต่จะเขียนถึงเกี่ยวกับ
ความรู้อะไรบ้างที่จำเป็นต่อการลงทุน เช่น การเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ เป็นต้น
ความรู้ด้านการลงทุนแนววีไอ ไม่เคยล้าสมัย และ ยังใช้ได้ถึงปัจจุบัน
ดังนั้นบทความที่ ดร เขียนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยังคงใช้ได้ในสภาวปัจจุบัน
เป็นหนังสือที่ ดร นิเวศน์เขียนต่อจาก ตีแตก
เป็นหนังสือเล่มแรก ที่สอนพื้นฐานการลงทุนแนววีไอ
ช่วงที่ออกตอนแรกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หาซื้อยากหน่อย เพราะไม่ค่อยมีคนรู้จัก
แนะนำสำหรับมือใหม่ ดูแนวคิดของ ดร ในช่วงลงทุนเริ่มแรกว่าคิดอย่างไร
จึงประสบความสำเร็จในการลงทุน
ตัวอย่างเช่น บทความสูตรสำเร็จของการลงทุน หน้า 103
เป็นการคัดเอาหุ้นที่ PE ต่ำ และ PB ต่ำกว่า 1 มาและลงทุนตอนต้นปี
และขายตอนสิ้นปี แล้วเลือกหุ้นโดยใช้หลักเกณฑ์เดิม
ดร ได้ใช้วิธีการนี้ไปลงทุนหุ้นเวียดนาม แต่ไม่ได้ขายออกทุกปี ยังคงถืออยู่
นอกจากนี้ยังได้พูดถึงหุ้นกลุ่มต่างๆ เช่น
หุ้นสิบสตางค์
เป็นหุ้นที่เกิดจากาการแตกพาร์ หรือ แตกหุ้น ไม่แนะนำให้ลงทุน ควรลงทุนใน
หุ้นที่มีผลประกอบการดี ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจมีการลดพาร์ลดบ้างถ้าราคาเกิน 100 บาท
หุ้นลูกครึ่ง
ลักษณะคือ 1.ต้องผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ต่างประเทศ
2.มีknow how หรือ ยี่ห้อจากบริษัทแม่ในการผลิต และ ขายสินค้าของตน
3.ผู้บริหารระดับสูงมาจากบริษัทแม่ เพื่อดูแลกิจการในไทย
4.กิจการในไทยก่อตั้งมานานแล้ว
หุ้นแบกะดิน
เป็นหุ้นที่มี PE ต่ำกว่า 5 เท่า และ PB ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งตอนนี้หายากแล้ว อาจมีการปรับตัวเลขขึ้นมาบ้าง
หุ้นกลุ่มโตเร็ว
ดร ใช้เวลาในการshopping ตามห้างสรรพสินค้า สังเกตว่าสินค้าอันไหนที่ได้รับความนิยม
เช่น สมัยนั้น จะมี มือถือ ที่มีโอกาสเติบโตมาก
หรือ หุ้นกลุ่มอุปโภค บริโภค
ในช่วงนั้น ดร ได้วิเคราะห์หุ้นหลายตัวในตลาดช่วงนั้น รวมถึง CPF , Makro และกลุ่มบริโภค
ซึ่งต่อมาน่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการซื้อหุ้น CPALL ในเวลาต่อมา
ซึ่งดร จะไม่เขียนความรู้พื้นฐานการลงทุนในเล่มหลังๆ แล้ว แต่จะเขียนถึงเกี่ยวกับ
ความรู้อะไรบ้างที่จำเป็นต่อการลงทุน เช่น การเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ เป็นต้น
ความรู้ด้านการลงทุนแนววีไอ ไม่เคยล้าสมัย และ ยังใช้ได้ถึงปัจจุบัน
ดังนั้นบทความที่ ดร เขียนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยังคงใช้ได้ในสภาวปัจจุบัน