Thai VI

อยากทราบว่า ปกติช่วงเวลาที่เศรษฐกิจย่ำแย่ในอดีต NPL จะอยู่ประมาณเท่าไรครับ ไม่นับช่วงต้มยำกุ้งที่รุนแรงมาก ผมค้นเจอว่า NPL ช่วงหนักที่สุด40-60 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
ที่อยากทราบเพราะตามๆNPLแบงค์อยู่ เห็นว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาทีละน้อยในช่วงสองสามปีนี้

sakkaphan เขียน:อยากทราบว่า ปกติช่วงเวลาที่เศรษฐกิจย่ำแย่ในอดีต NPL จะอยู่ประมาณเท่าไรครับ ไม่นับช่วงต้มยำกุ้งที่รุนแรงมาก ผมค้นเจอว่า NPL ช่วงหนักที่สุด40-60 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
ที่อยากทราบเพราะตามๆNPLแบงค์อยู่ เห็นว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาทีละน้อยในช่วงสองสามปีนี้

ปัจจุบันแบงค์แก้ไขโดยขายหนี้ NPL ให้พวก สถาบันบริหารหนี้ จัดการเรื่อยครับ
เมื่อขายก็ลด NPL ลง เหมือน แยกหนี้สินดี ออกจากหนี้สินเน่า ตัวหนี้สินเน่าก็ให้ สถาบันบริหารหนี้จัดการ
แบงค์ก็สามารถดำเนินการกิจการต่อไปได้ โดยที่ขายให้ สถาบันบริหารหนี้ ออกไป ข่าวจะลงว่า มูลค่าหนี้ทั้งหมดเท่าไร
แต่ต้องอ่านดีๆๆ ว่าเป็นยอดหนี้ หรือ ยอดหนี้ที่สามารถเก็บได้ หากเป็นยอดหนี้ (มูลค่าหนี้ตอนต้น) โดยทั่วไปมันจะเก็บได้ 10% ของยอดหนี้ เพราะหนี้พวกนี้ ธนาคารตามแล้วตามอีก ก็ไม่สามารถจัดเก็บได้ (เหนียวหนี้ หรือ ล้มบนฟูก หรือไม่มีจ่ายจริง)
ถ้าแย่หน่อย ก็ต้องเพิ่มทุนกับธนาคาร (เคสล่าสุดคือ ธนาคารอิสลาม ที่ขายหนี้เน่าแล้วตั้ง AUM ใหม่เพื่อจัดการ จากนั้นคลังเพิ่มทุน แล้วหาพันธมิตรใหม่เข้าบริหาร) หากย้อนไป ต้มยำกุ้งก็ปิด 56 ไฟแนนต์ แล้วก็ตั้ง ปรส และ ไทยธนาคาร โดยหนี้เน่าก็อยู่ที่ ปรส และ หนี้ดีไปตั้งธนาคารใหม่นั้นเอง

โดย AUM ก็ประมูลกัน ไปว่า NPL ที่ขายออกมานั้นให้เจ้าของเดิมเท่าไร หรือแบ่งสัดส่วนในการจัดเก็บเท่าไร
ถ้าหาก AUM ให้มากไป ผลดีตกอยุ่ที่ เจ้าของเดิม แต่หาก AUM ให้น้อยไป ผลประโยชน์ตกที่ AUM เอง

วงจรก็เป็นแบบนี้แหละ

เพิ่มเติมในเรื่องนี้ ทางบัญชีนั้นดูที่สิทธิ์ว่าอยู่ที่ใคร
ในการลงบัญชี ดังนั้น ล่าสุดธนาคารสีส้มขาย NPL ออกมา งบดีขึ้นทันตาเห็นเลย
เพราะสิทธิ์ได้ขายให้กับ AUM แล้วนั้นเอง ทำให้ งบดีขึ้นล้างของเน่าออกไปนั้นเอง