MoneyTalk@SET 19 Nov 2016
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2016 1:24 am
MoneyTalk@SET 19 Nov 2016
สัมมนาหัวข้อแร หัวข้อ "จุดตัดของเส้นทางธรรมกับการลงทุนหุ้น"
1) คุณ โสรัตน์ วณิชวรากิจ
นักธุรกิจนักลงทุนเน้นคุณค่า
2) คุณ ชาย มโนภาส
นายก ส.นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
3) คุณ ณัฐพบธรรม ธนันท์เมธากรณ์
นักเขียนนักลงทุนเน้นคุณค่า
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ คุณ เมทยา ปรียานนท์ ดำเนินรายการ
เกริ่นก่อนเข้ารายการ
คุณ ณัฐ เริ่มด้วยประโยชน์ ถ้าฟังธรรมอย่างตั้งใจ จะได้บุญมาก
อจ ไพบูลย์ บอกว่า คนจัดงานจะได้บุญมากขึ้น เวลาเห็นคนไปงานมาก เราก็ได้บุญมากด้วย
การกล่าว อนุโมทนาสาธุ หรือ ไม่ต้องพูดก็ได้บุญ ไม่ต้องซีเรียสก็ได้
การมีโอกาสฟังธรรม เป็นโอกาสที่ดีมาก
สำหรับสัมมนาเรื่องธรรม คนจะมาน้อย แถวหน้าจะว่าง ถึงแม้รับเผื่อแล้ว 30 คน
ระหว่างนั่งรอ การมาด้วยความโลภ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
รายการMoneyTalk วันนี้มีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live เปิดและแชร์กันได้
ตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลอง คุณ สรวุธ อยู่เบื้องหลังการถ่ายทอดมากว่าสิบปี ก่อนมี Youtube เสียอีก
คุณชาย เคยช่วยเหลืออาจารย์ตอนลูกเรียนที่ต่างประเทศ
อจ ไพบูลย์ รู้สึกซาบซึ้งมากถ้ามีใครช่วยเหลือลูกของเรา จะจำไว้และหาทางตอบแทน
งานMoneyTalk คราวหน้า วันที่ 17 ธค 16 จองวันที่ 10 ธค 16
หัวข้อแรก แนวโน้มหุ้นไทยปี2560
วิทยากรได้แก่ ดร นิเวศน์ คุณมนตรี และ ดร ก้องเกียรติ
หัวข้อที่2 หุ้นเด่นปี60 ในใจสุดยอดนักวิเคราะห์
วิทยากรได้แก่ ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล พูดถึง การที่ทรัมป์มา
เมืองจีนจะโดนกระทบอย่างไร
และ พูดถึงหุ้นเด่น กรรมการผู้จัดการ บล ทรีนิตี้
คุณ สุกิจ อุดมสิริกุล กรรมการผู้จัดการ บล Maybank Kimeng
อจ นิเวศน์ มาวิจารณ์หุ้นที่เสนอ จาก ดร วิศิษฐ์ และ คุณสุกิจ
อจ ไพบูลย์ และ อจ เสน่ห์ ดำเนินการ
ส่วนมกราคม ปีหน้า ก็จองห้องครบแล้วรอตลาดหลักทรัพย์ตอบรับมา
หัวข้อแรกวันนี้ นี่เป็นความตั้งใจของ อจ ไพบูลย์ ว่า อย่างน้อย1ครั้งต่อปี พูดถึงเรื่องธรรม
ธรรมเป็นเรื่องที่ต้องพูด
วิชาบริหารธุรกิจ เป็นเรื่องของการหาเงิน เป็นการสร้างบาป แย่กว่าบริหารทั่วไป
สาขาการเงินเป็นสุดยอดความแย่ ของการบริหาร
คนในห้องสมัย ทำกรรมมาก่อน การลงทุนหุ้นไม่มีความสุข ลงทุนแล้วแก่ เหี่ยว
วันศุกร์หุ้นตก วันเสาร์มาพูดไม่ค่อยมีแรง ดร นิเวศน์ จะกินชาเขียวตลอดช่วยเติมพลัง
การฟังธรรม เป็นการเตือนเราตลอด
วิชาธรรมะ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
การหาคนพูดหัวข้อ ธรรมะ คือ คนพูดเป็นนักลงทุนที่เดินสายธรรมะจริงๆหานานมากจนได้ 3 ท่านนี้
ผมเคยรู้จักนักลงทุนท่านนึง ออกไปสายธรรมะ 4-5 ปี ทนยั่วยวนไม่ไหวแล้วกลับมาลงทุนใหม่ น่าเสียดายมาก
หัวข้อนี้ดีสุดของปีนี้ ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับพวกเรา
ขอแนะนำวิทยากรแต่ละท่าน คนแรกที่สนิทน้อยสุด คุณ เคน โสรัตน์ ตบมือต้อนรับก่อน
รายการ MoneyTalk ไม่เคยเชิญมาก่อน เพราะ
1. พูดเก่งกว่าผม และ 2. ไม่แน่ใจว่าของจริงหรือของปลอม
เคยเชิญคุณ ดังคฤณ ที่เดินสายธรรมเป็นหลัก คุณ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย และ พระอาจารย์ พะยอม กัลยาโน พระอาจารย์อลงกรด และ พระรักเกียรติ สุขขณะ ซึ่งเชิญตอนที่บวชมา ได้บอกว่าตอนนี้อาตมาเป็นองคุลีมาร กลับใจมา
กลับมาที่คุณเคน อยู่ในวงการหลายปี
อึดอัดที่คุณเคนพูดเก่งกว่าผม คุณเคนได้พิสูจน์ว่าไม่ได้ทำแต่ปาก ที่บริษัทที่คุณเคนนั่งสมาธิ 2 วันต่อสัปดาห์
ปีหน้าจะไม่พูดเรื่องหุ้น ถ้าไม่ได้พูดเรื่องธรรมะด้วย
ตอนนี้ยอมรับคุณเคนแล้ว เลยเชิญมาพูด
ท่านที่สองเขียนหนังสือ ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว เป็นเรื่องธรรมะ
Background จบวิศว แล้ว มาอ่านพระไตรปิฎก
คือ คุณ ณัฐพบธรรม
ท่านที่สาม คุณชาย มโนภาส เป็นนายกสมาคมไทยวีไอ ผมรู้สึกสบายใจที่สุด
ท่านพาคนอื่น เช่น คุณกานต์ คุณไม้ฟืน ตามไปวัดดอยธรรมเจดีย์
เป็นสายปฏิบัติของจริง
ส่วนผู้ดำเนินการรับเชิญ คือ น้องเมย์ จะสอบปริญญาเอกที่นิด้า วันที่ 26-27 พย 16
เราคุยถึงเรื่องเส้นทางธรรมกับการลงทุนในหุ้น
เริ่มเข้ารายการ
อจ ไพบูลย์ เริ่ม อนุโมทนากับทุกท่านที่ฟัง ขอบคุณวิทยากรทุกท่าน
จุดตัดกับเส้นทางธรรมะกับการลงทุนในหุ้น
น้องเมย์ ลงทุนในแค่พอร์ทจำลองในwebsite ยังแดงๆอยู่ เดินทางธรรมแบบอ้อม
ส่วนตัวสวดมนต์ นั่งสมาธิ
อจ ไพบูลย์ บอกว่า เป็นสมถะสมาธิ ได้แต่ท่องๆจำๆแต่ยังไม่ได้ทางธรรม คือยกระดับจิตใจ
ยังมีเวลาถ้าไม่ตายซะก่อน
คนที่ลงทุนในหุ้น ทุกคน หุ้นขึ้นก็ชอบ หุ้นลงทุกข์ หุ้นขึ้นก็ทุกข์เพราะซื้อน้อยไป
ขายไปแล้วหุ้นขึ้นเสียดาย
ตลาดหลักทรัพย์น่าต้องทำกระทะทองแดงหน้าตึก
คำถามแรกที่อยากทราบ
เส้นทางธรรมมีความเป็นมาอย่างไรจนถึงปัจจุบันได้รับเลือกมาพูดในงานวันนี้
ทุกคนอยากเล่าให้คนอื่นฟัง ได้อานิสงค์ด้วย
เริ่มที่คุณชายก่อน
คุณชาย ตอบว่า จริงๆเริ่มจากไม่รู้มาก่อน เป็นคนธรรมดาไม่ได้สนใจธรรมะมาก่อน
ตอนเด็กๆ คุณแม่สนใจธรรมมาก พาไปปฏิบัติปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ พยายามปลูกฝังเรื่องธรรมะ
ไม่ได้อินมาก พอโตเป็นวัยรุ่น กินเหล้า เฮฮา ตามเด็กวิศวะ
กลับมาบ้านหลังกินเหล้า ก็ตื่นมาสาย
คุณแม่พยายามปลูกฝังตลอด ในตอนวัยรุ่น พูดเชิงธรรมเวลามาปรึกษา เช่นมีคนมาว่าเรา ให้มีขันติ
ผมเคยบอกแม่ว่า ผมไม่ใช่พระ เป็นคนธรรมดา ทำไมต้องอดทน ทำขันติ
พอดีพาวัดปทุมวนาราม ไปกราบหลวงพ่อถาวร ท่านพึงสิ้นปีที่แล้ว
ตอนนั้นอายุ 20 ถามท่านทำสมาธิ ปฏิบัติธรรมอย่างไร
ท่านบอกว่า ตื่นนอน สวดมนต์ นั่งทำสมาธิ ก่อนนอน ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ
ไม่ต้องอะไรเพิ่มเติม ให้ทุกท่านลองทำทุกวันดู สวดมนต์สั้นๆก็ได้ตอนอยู่บ้าน
จะเห็นธรรมในตัวของท่าน เห็นธรรมคือ แต่จะมีความคิดมาบอกว่า ไม่ให้ทำ เหนื่อยแล้ว
มาขัดขวางเรา เราต้องตั้งใจ อย่าเปลี่ยน นั่งสมาธิเริ่มจาก 5 นาทีทุกวัน
ลองทำไป หลวงปู่ชาเคยพูด นั่งสมาธิไปเถอะ ถึงจิตไม่สงบก็ทำ
หลวงพ่อถาวรพูดเหมือนง่าย ที่มันยาก เพราะ สิ่งเป็นอุปสรรคคือจิตใจของเราเอง
เราเห็นจิตเปลี่ยนกลับไปมา เช่น สมัครฟิตเนต ตลอดชีพ ไปสักกี่ครั้ง
ตอนสมัครเป็นคนนึง จะไปอาทิตย์ละสามครั้ง หลังสมัครเป็นอีกคนนึง
ตอนมีความรักแรกๆ เป็นอย่างไร ผ่านไป 10 ปีเป็นอย่างไร
อนิจจังไม่เที่ยง มันเป็นความไม่เที่ยง เวลา รัก ชอบใคร สัญญาไปหมด
แต่เวลาผ่านไปก็ลืมหมด ปฏิบัติธรรมให้ชนะความโลเล ความเปลี่ยนแปลงในใจของเรา
สิ่งที่หลวงพ่อถาวรสอนให้ทำ ทำไปเรื่อยๆ จะเห็นจิตเราเอง
อุปสรรคจริงๆคือข้างในนี้
การตั้งทำอะไรจริงจัง ทำต่อเนื่องยาวนาน ฝึกให้จิตชนะ สิ่งที่ใฝ่ต่ำดึงเราไม่ให้ประสบความสำเร็จ
ตอนนั้นเริ่มลงทุน ได้บ้างเสียบ้าง ก่อนการมาทำสมาธิ ตอนนี้อายุ 44 ปี ดร บอกว่าคนปฏิบัติธรรมจะหน้าเด็ก
คุณณัฐ เจอธรรมะก่อนเจอแฟน จุดเริ่มต้นของการหาธรรมะ ไม่ต่างจากคนอื่นไม่มีศีล ไม่มีธรรม
ทำบุญปีละ2ครั้ง ช่วงที่รู้สึกซวย เช่น ทำบุญโลงศพ ทำบุญปีใหม่
จบวิศวะ เหมือนคุณชาย รู้สึกธรรมเป็นเรื่องไกลตัว นุ่งขาวห่มขาว เหมาะสำหรับคนไม่มีที่ไป คนสูงอายุ
ไม่เหมาะกับตัวเรา
ตอนนั้นไกลวัด ไกลว่า จุดเปลี่ยน เริ่มจากความอยากรวยก่อน
พอพูดถึงความรวย คิดว่าเป็คนละทางกับธรรมะ
อ่านหนังสือของฝรั่ง สอนรวย How to อ่าน 10 เล่ม
สรุปได้ว่า ต้องคิดบวก ต้องขยัน อดทน เป็นหลักการที่ดี
แต่คิดอีกทาง ว่า คนอีกด้านประสบความสำเร็จหรือเปล่า คิดลบ หรือ ขี้เกียจ
จนวันนึง มีคนมาบอกว่า ธรรมกับความรวย ส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่ผมไม่เชื่อ
แต่มาคิดว่า ทำไมไม่เปิดใจอ่านหนังสือธรรมดู เลยซื้อมา 10 เล่ม อาจเจอ
ในธรรม พบว่าพระพุทธเจ้า พูดถึงวิทยาศาสตร์ ดวงดาวและจักรวาล
รู้สึกน่าอัศจรรย์ แต่มีคำถาม พระพุทธเจ้าพูด หรือ สอนแบบนี้จริงๆหรือเปล่า
เลยอ่านพระไตรปิฏก ภาษาไทย เวลาอ่านไป
ก็searchดูว่าพระพุทธเจ้าพูดแบบนี้ใช่ไหม พออ่านไป ปรากฏว่าจริง ยิ่งสนใจ และ ยิ่งรู้สึกศรัทธามากขึ้น
โดยพื้นฐานของผม ไม่ค่อยมีความรู้เลยเลือกอ่านที่เข้าใจง่ายก่อน
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า ทำไมคนอื่นไม่รู้ แทนที่จะเล่าในเรื่องที่ดี เลยลองเขียนหนังสือ ชื่อว่า ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมะกับการลงทุนส่งเสริมกัน
คนยิ่งอยากรวย ยิ่งต้องมีธรรม เราจะได้คนรวยที่มีธรรมะ
ตอนนั้นยังไม่ลงทุนหุ้น แต่เขียนหนังสือก่อน พอเขียนไปสักพัก
คิดเรื่องหุ้น เคยดูหนังฮ่องกง เจ้าพ่อตลาดหุ้น
เราเคยมองธรรมแบบนึง แต่อ่านแล้วเป็นอีกแบบ
เลยไปซื้อหนังสือการลงทุน รวมถึงหนังสือตีแตกของดร นิเวศน์
อ่านแล้ว การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่ที่เคยคิดมาก่อน
แทนที่ลงทุน 1 ล้านบาท ไปซื้อตึกแถวและ ขายก๋วยเตี๋ยว
เราไปลงทุนธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว เอามืออาชีพมาบริหาร ดีกว่าลงทุนทำธุรกิจเอง
เจอคุณแป้ง ที่ทำงานแห่งนึง หลังจากทำงานร่วมกัน ค่อยมีความผูกพันกันมากขึ้น
พอยิ่งคบกัน ยิ่งพบธรรมะมากขึ้น เราสองคนชักชวนกันไปทำบุญ
คุณ เคน พูดด้วยน้ำเสียงที่หล่อ กล่าวขอบคุณ อจ ไพบูลย์ที่เชิญมา
ปีหน้าตั้งใจไม่พูดเรื่องความรวย ไม่พูดเพ้อเจ้อ พยายามมีสติ
อาจมีเผลอบ้าง ต้องขออภัยด้วยครับ
ตอนอายุ 12 ปี เห็นคุณแม่ทำงานหนัก อยากมาช่วย แม่บอกว่าให้เรียนเก่งก่อน ให้ไปนั่งสมาธิ
พอเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง กิจการถูกธนาคารยึด เข้าไปถามคุณแม่ แม่แนะนำให้ไปถามพระ
พระแนะนำให้ไปนั่งสมาธิ สุดท้ายประสบความสำเร็จในธุรกิจ ตอนนั้นอายุแค่ 21 ปี
เมื่อ3ปีที่ผ่านมาศึกษาธรรมะ ถึงจุดอิ่มตัวไม่รู้สึกมีอะไรที่ท้าทายบนโลกแล้ว
วิชาที่สุดยอดที่สุดในโลก คือ ชนะความตาย พระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบ
ผมอยากชนะความตายบ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่คิด มันยากมากกว่า คิดเก่ง
การทำลุกเดิน สลับนั่ง รู้สึกถึงความท้าทาย ว่าเราไปถึงแล้ว
คนทำดี กรรมดี ได้ขึ้นไปสวรรค์ แต่หลังจบจากเทวดาแต่ไม่สามารถไปต่อได้
เมื่อหมดภพภูมิ ก็จะกลับมาตกนรกเหมือนเดิม
เราไม่ได้มาทำให้สังคมมีความสุข สังสารวัฎ ภพภูมิที่มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด
พระพุทธเจ้าเกิดมา ให้รู้เกิด แก่ เจ็บ และ ตาย
หลังจากตาย วางแผนไปอยู่ภพที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพระพุทธเจ้า
เลยศึกษาอย่างเข้มข้น
การลงทุนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นศึกษาคำสอนของพระพุทธทาส
เมื่อเรามีความสุข แต่หาความสุขไม่เจอ อยากหาว่า เรามาที่นั่นทำไม
ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าให้คำตอบ การจากสังขาร(สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน)
ไปสู่อสังขาร รู้สึกว่า มันยากถึงแม้จะเป็นพระก็ตาม
แต่ปุถุชน ก็สามารถไปถึงได้
ผมพอกับการลงทุนแล้ว เราจะอยู่อีกหลายแสนโกฏล้านปี
โดยการฝึกจิต ให้อยู่ภาวะนิพพาน เป็นวีไอพันธ์แท้ที่สุด
การวัดสุตต ไม่ว่าศรัทธา กำลังทั้งห้า ไม่ยากอะไร
อริยทรัพย์ เป็นเป้าหมายของผมแล้ว
ผู้สรุปขอเสริม เรื่อง อริยทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่นำไปได้หลังตาย
อริยทรัพย์ ๗ ประการ ได้แก่
๑. ศรัทธา คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้จำแนกธรรมทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
๒. ศีล คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์, เว้นจากการลักทรัพย์, เว้นจากการผิดในกาม, เว้นจากการพูดปด, เว้นจากการดื่มสุราเมรัย
๓. หิริ คือ เป็นผู้มีความละอายต่อการกระทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ความละอายต่อการกระทำอันเป็นอกุศลกรรมทั้งปวง
๔. โอตตัปปะ คือ เป็นผู้มีความสะดุ้งเกรงกลัว ต่อการกระทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ สะดุ้งเกรงกลัวต่อการกระทำ อันเป็นอกุศลกรรมทั้งปวง
๕. สุตะ คือ พหูสูต เป็นผู้ที่ได้สดับ (ฟัง) มาก ทรงไว้ขึ้นใจ สามารถแทงตลอด ด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็นถูกตรง (สัมมาทิฎฐิ) ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมะทั้งหลาย
๖. จาคะ คือ เป็นผู้มีจิตเป็นกุศล ไม่มีความตระหนี่ ยินดีในการสละเพื่อประโยชน์สุข ของผู้อื่นและส่วนรวม
ยินดีในการให้ทานและการจำแนกทานทั้งหลาย
๗. ปัญญา คือ เป็นผู้มีความเข้าใจตามความจริงของรูปธรรมนามธรรม กำหนดรู้การเกิดดับของรูปธรรมนามธรรมตามความเป็นจริง จนสามารถประหารกิเลสเป็นสมุจเฉท บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล
สิ่งสำคัญมากกว่าทรัพย์ คือ เวลาที่ใช้ไป
คุณเคนมีภรรยา 1 คน ลูก 2 คน เจอแฟนก่อนจบการศึกษา
ยอมรับว่าคำถามอาจารย์ดีมาก ภรรยาช่วยส่งเสริม
ผมตื่นตีสี่ ภรรยามานั่งสมาธิด้วย ตอนเย็น ภรรยาดูแลลูกให้เสร็จก่อน
ค่อยมานั่งสมาธิเป็นเพื่อน
คำถามที่สอง ใช้ธรรมะในการลงทุนหุ้น มีข้อจำกัดในการลงทุนไหม
อจ ไพบูลย์ บอกว่า บางบริษัทยากต่อการลงทุน ถ้าปฏิบัติธรรม
เริ่มจาก อจ ชาย บอกว่า ธรรมะกับการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
หลังๆไปพูดเรื่องหุ้นเยอะ หลายหน่วยงานให้ไปพูด
แต่จุดเริ่มแรก ผมเอาเรื่องลงทุนเป็นหนังขายยา และ เอาเรื่องธรรมะพูด 3-4 นาทีสุดท้าย
คิดว่า ธรรมะช่วยในการลงทุน เป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อก่อน จะมุ่งเล่นการลงทุนอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องทำอะไรเลย ทิ้งทุกอย่าง
เอาเงินไปแก้ไขทุกสิ่ง หลังจากไปวัดดอนธรรมเจดีย์ พบว่าผิดที่เงินช่วยอะไรไม่ได้ในบางเรื่อง
ตัวอย่างเช่น ตอนไฟไหม้ที่ห้องเก็บของ ผมนั่งสมาธิชั้นล่างเจอพอดี
มีเพื่อนบ้านมาช่วยเหลือเยอะแยะ ไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามีกัลยาณมิตรมาช่วยเหลือ
วันนั้นคิดว่า จะเอาเงินมาแก้ไขไม่ได้ เลยรู้สึกว่า เงินไม่สามารถแก้ไขทุกสิ่งได้
ผมมาถึงจุดนึง เลยพบว่า การที่รวยไม่ใช่เส้นชัย แต่ไม่หมดทุกข์ เลยศึกษาเพิ่มเติม
เศรษฐีสมัยก่อน จักรพรรดิ เช่น เรื่องออลองเซฟ เกิดในราชวงค์โมกุล ประเทศอินเดีย
ตอนเขาตาย รู้สึกว่า ไม่รู้ว่ามาและไปเพราะอะไร มีแต่เรื่องปวดหัว ถึงแม้รวยมาก
ความมั่งคั่ง ความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องสุดท้ายของชีวิต
สิ่งที่อยากเน้นย้ำ ถ้าอยากมั่งคั่ง ทำได้ แต่อย่าลืมมนุษย์สมบัติ อย่าทิ้งความเป็นมนุษย์
ให้ดูแลพ่อแม่ อย่าโกงคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น ต้องรักษามนุษย์สมบัติไว้
ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ คือ Hardware แต่ต้องมี Software ประกอบจึงจะทำงานได้
ถ้าเราไม่มี Software เราจะเก่า คร่ำคร่า ถึงแม้มีความร่ำรวย คือ Hardware ดีทุกอย่างก็ตาม
แต่นอนไม่หลับจะมีประโยชน์อะไร
ชีวิตจะประกอบไปด้วยสองอย่างคือ
ความมั่งคั่ง และ จิตใจที่ดี ชีวิตจึงจะถือว่าสมบูรณ์ ธรรมะมาช่วยให้จิตใจ สงบ
สมัยพุทธกาล เศรษฐีรวยแต่ไม่ยอมใช้ ธรรมจะช่วยในระดับละเอียด
ทุกวัน ให้รู้ว่าความมั่งคั่ง ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ทุ่มทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาดูจะพบว่าไม่เหลืออะไรเลย
เหมือนกับ พระเจ้าอโศกมหาราช หลังชนะสงคราม พบว่าไม่เหลืออะไรเลย
ธรรมะช่วยดูแลจิตใจให้ความสุขที่แท้จริง
อจ ไพบูลย์ พูดในชั้นเรียนที่นิด้า บอกว่า ไม่ทิ้งธรรมะ รวมถึง ครอบครัวอาจารย์ เป็นตัวอย่างที่ดี
อจ เสริมว่า หลายคนไม่เจออุปสรรคที่สำคัญในชีวิต พร้อมยกตัวอย่างตัวเอง
25 ปีก่อน มีวิกฤต เป็น ตาย เท่ากัน เราจะรู้ว่าคำสอนที่เคยได้ยิน
สติสัมปชัญญะนึกออกทันที เลยปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงครั้งแรกของชีวิต
เดินมาเรื่อยๆ ช่วงแรกที่สอนหนังสือ ก็เอาประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไป
ตอนลูกคนเล็กอยู่ลอนดอน ยังเป็นห่วง ใจจะขาด ถึงแม้จะสไกด์คุยกัน ตอนนั้นจะไปหาลูก
แต่ผ่านมาได้ ภรรยาปฏิบัติธรรมทั้งวัน เดินคนละสาย อาจารย์คนละท่าน
พระอาจารย์ สุรศักดิ์ หลวงตาบัว กราบท่านเป็นอาจารย์
ทุกวันนี้แหย่พี่ๆเรื่องความเป็นตาม อาทิตย์หน้าสัมมนา เรื่องความตายจะมาพูดภายหลัง
ถามคุณณัฐ ธรรมะกับการลงทุน
คุณณัฐ บอกว่า จุดแรก เจริญสติ การมองสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ไม่ปรุงแต่ง
ส่วนที่ปรุงแต่ง หมายความว่า ปรุงแต่งมีหลายระดับ
หุ้นตก มองเห็นราคาบนจอ ไม่ปรุงแต่ง คือ หุ้นตก
แต่คิดต่อ คือการไปช้อนดีไหม เป็นการปรุงแต่ง
การมองธุรกิจตามจริง มองตัวเราตามจริง
การประเมินมูลค่าของพอร์ต หุ้นขึ้น เราขาย
แต่ว่าเราเคยประเมินตัวเราเองหรือไม่ กำไรเพราะเราคำนวณถูก หรือ หุ้นมันขึ้นไปเอง
ถ้าอย่างที่สอง น่ากลัว เราไม่รู้ว่าความจริงเรามีความสามารถแค่ไหน
ตัวอย่าง อจ เสน่ห์ มีความรู้รอบตัวมาก แต่ไม่ชอบศึกษาหุ้น เลยเลือกซื้อกองทุนแทน
ตัวเราต้องประเมินว่า เราเก่งแค่ไหนตามจริง แล้วค่อยคาดหวังผลตอบแทนที่ความเป็นจริง
การที่เราไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ เป็นการหลงผิด ถ้าเจอหนักๆ อาจหมดตัวได้
องค์ความรู้ถูกต้องไหม
กาลลามสูตรสิบ อย่าเชื่อ
โยนิโสมนสิการ ไตร่ตรองให้ดี ฟังให้เยอะ แต่อย่าเชื่อง่ายเกินไป ใช้สติปัญญา และ รวมข้อ1 ให้มองตามความเป็นจริง
รวมถึงอย่าเชื่อ รายการ Money Talk เพราะตอนท้ายรายการจะบอกว่าอย่าเชื่อ
เหมือนกับพระสาลีบุตร ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าสอน แต่เชื่อว่าท่านสอนสิ่งที่ดี
ข้อที่สาม เวลาปฏิบัติธรรม ทุกข์เกิดจากการรับรู้ พยายามจำกัดการรับรู้ที่จำเป็น
คือ ราคาหุ้นขึ้น และ ลง หนทางง่ายๆ ดูราคาหุ้นให้น้อยที่สุด ดูแต่วันละครั้งก็พอ
เหมือนกับ การตกนรกทั้งวัน ถ้าดูราคาหุ้นตลอดเวลา ทำให้เราทุกข์ตลอดว่าไม่ว่าหุ้นขึ้นหรือลง
สรุปว่าหาข้อมูล ฟังให้เยอะ แล้วมาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจ
คุณเคน พูดถึงหลักการคิดขุองทุกท่าน
หลัก อิทัปปัจจยตา หมายถึง สิ่งนี้ย่อมเกิดขึ้น
การดับของสิ่งนี้ สิ่งนี้ก็ดับไป
อวิชชาเป็นตัวหลัก
อวิชชาคือ ความไม่รู้ ในเรื่องอริยสัจสี่ ของการเกิดดับ
อิทัปปัจจยตา คือ หลักเหตุและผล พระองค์ บอกว่าสิ่งนี้คือเหตุ สิ่งนี้มา สิ่งนี้เกิดจากเหตุ
ถ้าอยากในเรื่องสิ่งไม่มี มีความทุกข์เพราะเราไปยึดติด
หยุดอยากไม่ได้ ทุกอย่างเกิดจากหตุ ละเลยความเป็นผลก่อน
ยกตัวอย่าง ชาวนามีหน้าที่หว่านข้าว แต่ข้าวจะโตหรือไม่ เป็นหน้าที่ของข้าว
การลงทุน คือการหาบริษัทที่ดี เป็นเหตุทำให้นักลงทุนวีไอ หลัก อิทัปปัจจยตา
เรามีความทุกข์ เพราะเรายึด เราต้องไปแก้ไขที่เหตุ ไม่ใช่ผล
เราไปกำหนดผลไม่ได้ เราไปหาองค์ความรู้ การไป company visit เป็นเหตุ
เรื่องที่สอง คือเรื่อง อนัตตา
จุดแรก คือ ความอนิจจา กรรมเก่าใหม่ผสม เป็นอจินไตย (อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด ,
ไม่พึงคิดหริอจำแนกตรรกะลงไปได้)
ทุกข์ขัง เกิดขึ้น จากผล หลักอนัตตา
แก้วกาแฟ อีกล้านปีไม่มีแก้วกาแฟ ดังนั้นถุกในปัจจุบัน แต่ผิดในอนาคต
อัตตา และ การไม่มีอัตตา สิ่งนี้ถูกต้อง กาแฟมีในปัจจุบัน แต่ไม่มีในอนาคต
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มันเป็นสุดขั้วเกิดไป
เป็นการเกิดตัวตนชั่วคราว เป็นโลกของสังคตา
ทุกข์เป็นจุดเริ่ม ของอนัตตา
แก้วกาแฟ ตอนเกิดไม่เป็นไร แต่เสื่อมเราจะทุกข์
Port ของเรา ถ้าเรายึดถือ ก็ทุกข์ เสื่อมสลายไม่เป็นดังใจ เป็นความทุกข์
เมื่อไรก๊ตาม เข้าใจอิทัปปัจจยตา
เมื่อมีการเกิด คือ ความเสือม ทุกขังคือความดับ
เมื่อเห็นความทุกข์
นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เข้าใจหลักธรรม สิ่งนี้ไม่ใช่ของเรา
เมื่อเรารู้แล้ว เหมือนกันการใช้ขันธ์
ใช้หลักอิทัปปัจจยตา เราวางและปล่อยกับเขา
ดีใจ เดี๋ยวก็ดับ ถ้าเราวางได้ คิดได้ความทุกข์ก็หายไป
เมื่อเรามาถีง ธรรมวิทยะ เราเริ่มเกิดอาการเบื่อหน่าย
อจ บอกว่านึกถึง อแซหวุ่นกี้ มาดูตัวพระยาจักรี ต่อไป เป็นกษัตรย์
อจ ไพบูลย์ บอกว่า ถ้าคุณเคนไปบวช จะเป็นประโยชน์ ต่อ ศาสนามาก
ถ้า port แดง จะได้ไปบวชได้
คุณเคน จบบริหารธุรกิจ อยากฝาก เห็นโทษ ไล่ตั้งแต่ อุปทาน ตัณหา
คำสุดท้าย เห็นโทษ ตราบใดก็ตาม ที่มีความสุขกับ port เขียว เราก็ยังมีความทุกข์
ตอนนี้เกิดจุดตัดที่สำคัญ เริ่มรู้สึก ว่า ความสุขสุด จะมีความทุกข์ มีความเสื่อม
ในย่านของภพภูมิ ถ้ามีศีล5 แล้วให้เน้นวาจาทั้ง4
พระพุทธเจ้าพูดถึงจิตเป็นหลัก เมือเราสึกษาถึงจุดนึง
เราต้องเห็นโทษ จากการที่เรามีความสุข จากการลงทุนที่สำเร็จ
ผมพบว่าประพฤติธรรมะ สมควรกับธรรมะ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราต้องมีความทุกข์อยู่ ถ้าไม่เห็นโทษ แต่ต้องเห็นจิตให้เห็นเกิดดับ
ฝึกไม่ให้คิด การคิด content ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
พูดถึงการหมดภพภูมิ ดูหุ้นทีไร มีจินตนาการ ดูหุ้นต่อวัน ยังเยอะไป
ยังยึดจิต ก็ยังไม่หลุดพ้น มันเป็นการพูดที่ Hard coreไปหน่อย
ข้อความมีสำคัญ เรามีโอกาสเป็นมนุษย์ เป็นชาติที่ดีที่สุด
เราเป็นเศษดินที่ปลายเล็บ บางท่านอยากให้ไปศึกษาธรรมะ
ทำไม พระพุทธเจ้า สอนวิชา ชนะความตาย เราเข้าถึงได้อย่างไร
จะรู้สึกเบื่อ ถ้าได้กำไร
ตั้งเป้าว่าอายุ 50 ปี จะบริจาคเงินส่วนนึง
ผมไม่เล่นเกมเล็ก ไม่มีวันจบ
เกมขนาดจิ๋ว (สังสารวัตร สังสารวัตร )
เอาเงินไปทำความดี ยังเป็นเกมเล็ก
ทำไมไม่เล่นเกมที่ท้าทายที่สุด
ทุกคนอย่าสนุกเกมที่ชนะแล้วชนะอีก
การเกิดมาใหม่ก็ตั้งเป้าเหมือนเดิมให้รวย ทำไมไม่ตั้งเป้าใหม่ คือ การออกจากสังสารวัฐ
ผมไม่อยากพูดถึงความรวยแล้ว อริยทรัพย์ไม่สามารถชนะจิตได้ ต้องทิ้งอริยทรัพย์ทั้งหมด
พระองค์บอกว่า จงอย่าประมาท
การทิ่มี อริยทรัพย์ และ ไปสู้ดีกว่า
กฏเกณฑ์และข้อห้ามของการลงทุน
ถาม อจชาย ผมไม่สบายใจกับหุ้นเกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์ เป็นส่วนตัวกับการซื้อหุ้นแบบนี้
คุณเชให้ถือศีลห้าให้บริบูรณ์เสียก่อน ไปคิดเรื่องหุ้นที่ซื้อ
ถ้าถือได้ครบ เจริญสมาธิพอสมควรแล้ว ค่อยไปคิดหุ้นแต่ละประเภททีหลัง
จิตของท่านตอบท่านในช่วงจิตบริสุทธ์ หลังเจริญสติ ค่อยตัดสินว่าหุ้นไหนไม่ควรซื้อ
ถ้ายังไม่ขาด อย่าพึ่งทำ ผมลงหุ้น 20 ปี ที่ไม่มีบริษัทฆ่าสัตว์ ก็ยังได้ผลตอบแทนที่ใช้ได้
เราไปศึกษา โรงแรม ธนาคาร เทคโนโลยี อันไหนไม่แน่ใจ ก็อย่าพึ่งทำ
ศีล5ข้อ เจริญสมาธิ เริ่มก่อน
คุณณัฐ เล่าที่มา ไม่ลงทุนในธุรกิจจที่ทำบาป
การทำตามหลักการมรรคมีองค์8 เราเป็นชาวบ้าน ทำมาหากิน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราลงทุนไปอยู่เส้นทางธรรม
มี2 ข้อ บวก 1 ข้อ
1. มีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยว เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อสิ่งที่ขัดแย้งกับกฎ เช่น ดูหวย
2. มีศีล5 เคร่งครัด และ เพิ่มอุสนกรรม10
3. ทำบุญ ทำทาน ชาติต่อไปไม่ต้องเริ่มต้นจาก 0
เป็นที่มาในการคัดสรรหุ้น เจ็ดกลุ่มที่ห้ามลงทุน
1. ธุรกิจฆ่าสัตว์ ขายยาฆ่าแมลง
2. ธุรกิจลักทรัพย์ ละเมิดลิกข์สิทธ์
3. หลอกลวง
4. สุรา ตู้แช่ไวน์ เป็นหนึ่งในรายได้
5. ทำบาป ทางวาจา เรื่องเป็นจริงไม่ได้ พูดให้คนโกรธกัน เช่น ธุรกิจสื่อ
6. กระตุ้น โลภะ
7. เผยแพร๋สิ่งผิด สื่อลามก สอนวิธีการฆ่าคน ทำอาหารสดๆ
ยังมีธุรกิจอีกเยอะให้ลงทุน หุ้นเช่น อยู่ในกลุ่มปัจจัยสี่ สื่อสาร น้ำตาล เป็นต้น
มันทำให้เราประหยัดเวลาไป ศึกษาธุรกิจอื่น
เวลาธุรกิจที่เติบโต ค้าปลีกหน้าปากซอย มีขายสุรา ผมเคยซื้อ แฟนผมมองเห็นว่ามีขายสุรา
เลยขายหุ้นตัวนี้ออกไปเลย บอกว่าเสียดาย แต่ไม่เคยเสียใจ ถึงแม้ย้อนไปกี่ครั้งก็ตาม
อจ ไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า
ถ้าเราเสียดาย และ ซื้อในภายหลัง เรามีโอกาสเสียดาย ดีใจที่มีโอกาสเสียดาย ยังไม่ปล่อยวาง
ช่วงที่2 สัมมนา หัวข้อ "New Gen VI"
1) คุณ กวี ชูกิจเกษม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ดีเด่น อายุ 47 ปี อยู่ในวงการนักวิเคราะห์ ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึง และ ได้รางวัล และตำแหน่งใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการ
บล กสิกรไทย ตอนนี้ไปสอนแนววีไอให้คนอื่นด้วย
2) คุณ ณัฐชาติ คำศิริตระกูล
อุปนายก สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย) อายุ 36 ปี
3) นพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์
นักลงทุนเน้นคุณค่า และ ผู้ดำเนินการร่วมรายการด้วย ยังทำอาชีพหมออยู่ อายุ 36 ปี
4) คุณ ทิวา ชินธาดาพงศ์
นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ มี่ อายุ 42 ปี ประวัติโชกโชนในสมัยก่อน และกลับมาเอาดีในที่สุด ร่ำรวย แล้วกลับมาช่วยภรรยา ยังส่งหมูยอตามร้านต่างๆ
รอให้น้องๆของคุณทิวาที่ลงทุนหุ้นให้สบายเสียก่อน ค่อยเลิกร้านหมูยอ
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
l
เกริ่นนำ
อจ ไพบูลย์ บอกว่าจะเลิกจัด ถ้า ดร นิเวศน์ ตายไปเมื่อไหร่ อจ เสน่ห์ เสริมว่าตอนนี้ก็ตายทั้งเป็น มีคนกำกับอยู่ เงินอยู่กับภรรยา มีแต่จินตนาการ
ว่ามีเงินแค่ไหน อจ นิเวศน์ บอกว่า จินตนาการเหนือความจริง
วันนี้มี super moon อยู่บนเวที อจ เสน่ห์ แซว
และ บอกว่า แต่มีเงินล้าน ก็ไม่น่าเกลียด
ดร นิเวศน์ บอกว่ามีทางแก้ แต่กลัวอย่างอื่นหาย ลดเทสโทสโซโลนลง ทำให้โฮโมนชายน้อยลง
ถามหมอเค ว่าผู้ชายมีโฮโมนผู้ชายน้อยลง จะเป็นแนวผู้หญิงเยอะใช่ไหม หมอเคตอบว่าจริง
คุณกวีสนใจมาก แต่ไม่อยากลดโฮโมนชาย ดังนั้นอยากให้ผมน้อยลง 555
ก่อนเข้ารายการ อจ เสน่ห์ บอกว่า คำว่า New Generation VI หมายถึง วีไอรุ่นใหม่
วันนี้เลือกเฉพาะหกคนมาให้ดู แต่ อจ ไพบูลย์แย้งว่าวันนี้มีแค่4คน
อจ เสน่ห์บอกว่าทำให้วีไอทั้งสี่เป็นหก สุดยอดนักพูดเลย
เริ่มเข้ารายการ
อจ เสน่ห์ เริ่มก่อนด้วยกลอน
กวีเอ๊กซ์ เด็กเก่าเขาชำนาญเจนวายกานต์ ก็เก่งเจ๋งเหลือเหลือ
เคปลายวาย หมอสู ดูเต็มเครือ
มี๋ไม่เบื่อ โลดเต้นเจนวายปลายe
บีตัวพ่อ ดร นิเวศน์ เกรดเอบวก
ส่วนไพบูลย์ ปลวกบีด้วยช่วยสหาย
เสน่ห์นั้นเจนบี มีลวดลาย
เชิญหญิงฟังวาทีคนวีไอ
คนแต่งกลอน คือ อจ เสน่ห์ เลยพูดถึงตัวเองดูดีสุด
New Gen VI 6 Gen ได้แก่
1. Genius อัจฉริยะ
2. Genome จีโนม อยู่ในยีนในโครโมโซม
3. Generous ใจกว้าง ใจดี เจนเนอรัส
4. Genuine ของจริง ของแท้ อย่าเอาแบบ AI มา
5. Gentleman สุภาพบุรุษ
6. General หลักการทั่วไป ใช้ชีวิตธรรมดา
ซึ่งสามารถส่งต่อให้ได้ดี
คำถามแรก ขอประวัติสั้นๆ ทำไมมาลงทุนหุ้น
คำถามสอง แนวทางในการลงทุน
คำถามที่สาม อุปสรรคที่เจอ
คำถามที่สี่ เป้าหมายในอนาคต
แต่เวลาหมดเลยได้ถามแค่ 2 คำถาม
เริ่มคำถามแรก
คุณกวี 6 Gen ที่ชัด Generous ใจดี ไม่ได้ตังค์
อลยจ เสงงน่ห์ บอกว่า ผมทำหลายปี ยังไม่ได้บ่นเลย
คุณกวี ลงทุนมา 20 ปี ไม่นึกว่าเป็น new gen เพราะเห็นอจ นิเวศน์ เราเลยเป็น New Gen
เริ่มจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ หลังจากจบจากต่างประเทศ สมัครไป 6 ได้งาน 1 ที่ เอง ยังไม่ได้คิดเป็นนักลงทุนอย่างเต็มตัว เราชอบงานวิเคราะห์เลยเข้ามา
เริ่มลงทุน เพราะรู้ข้อมูลมาก ตอนนั้นปี 2536 ดัชนี 1400-1700 ข่าวบวก หรือ ลบ ก็ตาม ดัชนีขึ้นตลอด ไม่รู้เรื่องฟองสบู่มาก่อน
ลงทุนไม่ใช่แบบ วีไอ เป็นเก็งกำไร พึ่งรู้ว่า การลงทุนมีหลายประเภท
ตอนนั้นวิเคราะห์กลุ่มธนาคาร เลยลงทุนหุ้นตัวแรกในธนาคารนครหลวงไทย ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นประสบการณ์ที่ดีลงทุนที่ราคา 30 ต้นๆ
มาขาย 1 บาท อจ เสน่ห์ บอกว่า ผมขายไม่ทัน แถมซื้อ ตั๋วสัญญาใช้เงินด้วย
เรารู้สึกว่าซื้อเป็น แต่ ขายของไม่เก่ง เลยต้องขายหุ้นทิ้งหมด มาศึกษาใหม่ เจอหนังสือการลงทุนก่อน อจ นิเวศน์ เขียนเสียอีก
อจ นิเวศน์ บอกว่าหนังสือตีแตก ต้องอ่านถึงแม้พิมพ์มา 20 ปีแล้ว
ตอนนั้นตลาดพีคพอดี หุ้น 1700 มีคนบอกว่าจะไป 2000 และบอกว่า หุ้น LH ราคาร้อยกว่าบาท เราตามไป จนไม่ประสบความสำเร็จ
เราเริ่มรู้ตอนดัชนี 800 และมาซื้อตอนต้มยำกุ้ง โดยนำเงินของพ่อมาลงทุน
ซื้อหุ้นตอนดัชนี 300-400 ตอนเอาเงินคุณพ่อมา 1ล้านตอนดัชนี 1700 คืนไป แค่ 3 แสนบาท ตอนนี้คืนไปหมดแล้ว
หลังจากลงทุนแบบวีไอ ศึกษาได้หลายแนวทางของวีไอ
นักวิเคราะห์ต่างกันกับการลงทุนแบบวีไอ คือ แนะนำให้ซื้อ โดยมีเป้าหมายราคาในปีหน้าเท่าไหร่ แต่ราคาที่แนะนำ อาจดูแพงในสายตาของวีไอ
เน้นซื้อๆขายๆ เราจะไม่ประมาณกำไรปีหน้าเท่าไหร่ เพราะมีโอกาสผิดเยอะ มีโอกาสโตน้อยกว่าบ่อยมาก
การลงทุนมาแนววีไอ แต่เปลี่ยนแนวทางตลอด ไอดอลไม่เหมือนกัน ผมชอบกลุ่มโรงพยาบาล
อจ นิเวศน์ ชอบ ค้าปลีก แนวทางการลงทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน สุดท้ายลงทุนจริงๆ เราต้องปรับ มาจากความแตกต่าง เรื่องนิสัย การศึกษา
พอผ่านมา 10 กว่าปี มันwork เลยมาเริ่มถ่ายทอดให้กับคนอื่นในช่วง 3-4 ปีเอง
เราเริ่มกลั่นออกมาได้ แนวทางสามารถดูจาก Youtube ทั้งหมด 19 ตอน ตอนแรก มีคนเข้าดู 4 หมื่นกว่า แต่ ตอน 19 เหลือแค่ 400 กว่าคนเอง
แนวทางที่สอน ไม่ใข่แนวทางของทุกคน แต่ให้นำไปประยุกต์
คุณกานต์ ลงทุนมา 12 ปี เรียนวิศวะ และ มาเริ่มทำงานที่ SCG ผมมีความฝัน ตอนอายุ 24 ปี อยากประสบความสำเร็จในชีวิค
ต้องรวย มีฐานะที่ดี มีความมั่นคง เราต้องหาช่องทางที่ไปถึงเป้าหมายให้ได้
คิดก่อนเรียนจบเสียอีก พยายามมองหาอยู่ตลอด ฟัง อ่าน เคสที่ประสบความสำเร็จ เช่น หนังสือ คุณทรัมป์ ทำธุรกิจอสังหา มีแนวทางที่ok แต่แนวทางไม่ใช่
มาพบแนวทางลงทุนเน้นคุณค่า แบบ Buffett
ผมไม่กล้า take risk พอเริ่มศึกษามากขึ้น เลยรู้การลงทุนแบบวีไอ มีหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ คือ หนังสือตีแตก ของ ดร นิเวศน์
มันเปลี่ยนความคิด การลงทุนในหุ้นเหมือนการลงทุนในธุรกิจ ทำให้เปลี่ยนภาพการลงทุนในอดีต ตอนนั้นมีคนลงทุนแนวนี้น้อยมาก
อจ ไพบูลย์ เสริม หนังสือเป็นส่วนกระตุ้น เพราะมีภาพคนถือไพ่
จุดดี คือ หนังสือ ออกตอนต้มยำกุ้ง บอกว่าลงทุนแนวทางแนวนี้ไม่นาน คนเริ่มลงทุนตามอจ ซึ่งได้ผลจริง
มาต่อที่คุณกานต์ คนที่อ่านก็ใช้ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง ตอนอายุ 24 ปี จบมาเงินเดือน 22,000 บาท ไม่มีทรัพย์สมบัติ ผมมีเวลา ยังไม่มีภาระ มีเวลาทุ่มเทมาก
ระยะเวลาการลงทุนนาน มีโอกาสได้ผลตอบแทนทบต้น
แต่ขาดความรู้ด้านการลงทุน ต้องสร้างเสริมเพื่อรองรับกับความคาดหวังผลตอบแทน
เริ่มลงทุนหุ้น 5 ตัวแรก แต่ขาดทุนหมด เพราะเราไม่เข้าใจธุรกิจที่แท้จริง บางตัวเป็นวัฐจักร
หลังจากเรียนรู้และปรับปรุง เงินก้อนแรก 2 แสนบาท เสียหาย 5-10% ก็เอาเงินเดือนมาชดเชยได้
แนะนำคนเริ่มต้นจาก 10% ของเงินเดือนก่อน เอาไปลงทุน
หาหนังสือทุกเล่มในร้านเกี่ยวกับการลงทุน ยิ่งศึกษามากขึ้น เลยรู้ว่าแนววีไอ เหมาะสมสุด
บางครังหุ้นขึ้นอาจมาจากเหตุผลอื่น จะไม่นับเหตุการณ์นี้ประสบความสำเร็จ
เหตุผ้ลที่คิดว่าใช่ แต่มันผิด สำคัญมาก เราต้องมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
เอาประสบการณืมาช่วยการลงทุนในครั้งหน้า
เช่นเดียวกับ Buffet ลงทุนแรกแบบ ก้นบุหรี่ ยังเคยพลาด แต่มาปรังปรุงแนวทางการลงทุน
วันนี้ยูงไม่เก่ง เพราะเราไม่รู้อยู่ตลอด มีคนเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ profile ของนักลงทุนสมัยนี้ ระดับ เกียรตินิยมเข้ามาตลาด
เราต้องพัฒนาตลอดเวลา ตอนนี้หุ้นดีๆ
PEแพง บางคนยอมลงทุน ทำให้ราคาไม่ค่อยลง
ถ้าทำเหตุที่ถูก จะได้ผลรับที่น่าพอใจ
อจ เสน่ห์ บอกว่า ดร นิเวศน์ ลงทุนนอกกรอบ เหมือน ทรัมป์ ที่กล้าแตกต่าง
หมอเค เริ่มต้นบอกว่า ดร นิเวศน์ อยู่รายการ Money talk ไม่เจ็ง แต่ค่าโฆษณาน้อยลง
ผมขึ้นกับ 1. กฎแรงดึงดูด
2. กฎแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้
ผู้สรุปก็เห็นด้วย2ข้อนี้
ตอนประถม ดูการ์ตูน เรื่อง ดร K เลยไปเรียนหมอ ผมไม่ฉลาด พอ entranceติด ไปช่วยชาวบ้าน เลยอยากเป็นหมอ บนดอย
แต่มีเหตุการณ์ใช้ทุน เลยไปที่พิษณุโลก ชอบเฉพาะทางเรื่องกระดูก ในระหว่างนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงความต้องการไปเรื่อยๆ
พอใช้ทุนหมด ไปเรียนต่อ โดยไม่ต้องขอทุน คิดว่า อยู่นี่น่าจะมีคนแนะนำ
ปรากฏว่าคนสอบ มี 8 คน , 6 คนได้ส่งเรื่องขอทุนแล้ว อีก 2 คนรวมผม ไม่ได้ขอทุน
ช่วงนั้นเปิดร้านอาหาร ก็ไปไม่รอด ระหว่างนั้นซื้อหนังสือเล่มนึง ชื่อว่า ตีแตก ผมไม่เคยรู้จักการเงิน
เราอยากประสบความสำเร็จ ยกมือไหว้ อยากมีโอกาสไปพบกราบ ดร นิเวศน์ มีแรงดึงดูดให้เป็นเกี่ยวข้องกัน
เคยดูรายการช่อง 9 ก็พบ อจ เสน่ห์
ช่วงนึง ไปอบรมเจอ ดร เลยพยายามไปหาดร ไปวิ่งเหมือน ดร นิเวศน์ จะได้ไปทำความรู้จัก
เข้าสมาคมไทยวีไอ รู้จักคนมากมาย เรียนรู้หลายแนวทาง
ปีนี้ ผลตอบแทน ขึ้นสูงสุด แต่ก็มีลง สลับกันไป เลยอยากพัฒนาความรู้ เลยไป US ประชุมที่ Berkshire
ผมเรียนรู้ว่า ว่าที่ Newyork คนที่นั่นคุยแต่ โฟสต์สวาเก้น แต่คนไทยพูดแต่ เทสล่า
เขาแปลกใจ เพราะ วีไอ ควรลงแต่ Super stock
เขาคาดหวังผลตอบแทนแค่ 5-10% ต่อปี
ต่อมาไปบอสตัน เจอฝรั่ง อายุ 60-70 ปี ถามเขาว่า ทำอะไร
คุณป้าบอกว่า เรียนภาษาอิตาลี เปรียบเทียบกับเรา ฟัง opportunity day แค่ฟังไม่นานก็ง่วงนอนแล้ว
เปรียบเทียบกับคุณป้าที่เรียนรู้ตลอดเวลา
เริ่มรู้สึกว่าคนที่นั่นเรียนรู้ตลอดเวลา มีการพัฒนาตัวเอง พัฒนาความคิด
ตอนไป ซิลิคอนวัลเลย์ คุณเผ่าจาก Jittaแนะนำไป และสามารถเข้าไปดูบริษัทใหญ่ เช่น Google , Airbnb , FB
เราได้เห็นวัฒนธรรมที่นั่น จริงๆคนไทยเก่งเยอะแต่ไปทำงานอยู่ที US แต่ละคนทุ่มเทมาก
ตื่น 6 โมง ไปวิ่ง เสร็จก็กลับมานั่งสมาธิ และ เริ่มเทำงานจนดึกดื่น
เปรียบกับเรา คนอื่นเก่งกว่ามาก เอาพลังมาปรับตัวเอง พัฒนาความคิดในการลงทุน
คุณมี่ ฉายา ตีแตกt
เล่มแรกที่อ่านคือ รวยหุ้นอย่างพอเพียง หน้าปก ดร ยืนคู่กับควาย
ผมอยากรวยตั้งแต่เด็ก แต่เรียนหนังสือแค่ ม 3 ทำธุรกิจต่างๆ
มีเงินเยอะจากการเปิด internet cafe จนมีเงิน 10 ล้านบาท ไม่นับรถและบ้านต่างหาก
ผมเป็นคนไม่ค่อยใช้เงิน ผมอยากเก็บเงิน
จุดต่างคือ หลังเก็บเงินได้ 10 ล้านบาท รู้สึกว่าตัวเอง รวยมาก เลยเลิกร้านเกม
เด็กที่ร้านเกมเลยไปเรียนหนังสือ และ หลังจบก็ไปทำงานที่ SCG แทนคุณกานต์ที่มาสอนน้องคนนี้ก่อนลาออกไป
หลังจากมีเงิน 10 ล้านบาท อยู่บ้านเฉยๆ เดินตามห้าง บอกตัวเองว่ารวยมาก
ไปช่วยภรรยาขายหมูยอ รายได้ไว้กินใช้ในบ้าน
จุดเปลี่ยน ก็คือ วันนึงมาส่งหมูยอที่ เอสพลานาด เดินเล่น ขณะที่ ดร นิเวศน์ มาโปรโมทหนังสือ คนมาฟังรวม 11 คน ช่วงปลายปี 2007
ผมฟังแล้ว มันคลิกบางอย่าง อจ นิเวศน์ เล่าถึงธุรกิจทุกอย่าง เช่น หุ้นบริษัท SF เราฝากคนอื่นทำธุรกิจ
ดร สอนว่า ถ้าเราได้ผลตอบแทน 20กว่า% จะได้ เลข 0 เติมข้างหลังทุกๆสิบปี
คุณมี่ พึ่งรู้เรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีใครพูดถึงดอกเบี้ยทบต้นมาก่อน
ตอนนั้น อจ นิเวศน์มี port 300 กว่าล้านเอง ผมเลยไปซื้อหนังสือของ ดร 10 กว่าเล่ม
หนังสืออ่านง่าย คืนนั้นมาคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้น คูณดูหลายรอบ ก็ปรากฏว่าได้จริง แต่ภรรยาไม่เห็นด้วยในเรื่องการลงทุน
เพราะคุณมี่ไม่มีคุณสมบัติอะไรเหมือนดร นิเวศน์เลย
อจ เสน่ห์ บอกว่า เหมือนกันที่ใช้รถเก่า
ผมอ่านหนังสืออาจารย์ตอนดึกๆ เลยอินมาก มันใช่เลย
หลังจากอ่านจบ มีกำลังใจ เชื่อว่าเราเป็นนักลงทุน
เลยมาเจอเหตุผลในการลงทุนแนววีไอ เลยไปบอกภรรยา ที่เหมือนกันคือมีลูกสาว และ ภรรยาที่สวยมากเหมือนผม ชื่อเก๋เหมือนกัน
ถือว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการลงทุนเหมือนดร แล้ว คุณกวี บอกว่ามีผมน้อยเหมือนดร
ตามบทความ ดร ทุกสัปดาห์ และตามฟัง FM 96.5 ด้วย มันผูกกับที่เขียนบทความ
ตอนนั้น นักลงทุนหลายคน มี port การลงทุนตอนนั้นหลายคน ไม่เยอะ แต่สนิทกันมาก เขาอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกๆ
มีคำถาม ถามคนเก่งๆ วนๆไปใน Thaivi webboard
ได้ความรู้มากมาย ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า load งบจากที่ไหน จนเข้าใจกระจ่าง
นักลงทุนวีไอ มีน้อยใน USA ไอเดียการลงทุนที่นั่นหายากมาก เช่น บัฟเฟต ก็ไม่บอกแนวทางการลงทุน
สัมมนาความรู้ ต้องเสียเงินหลายแสนบาท
แต่เลี้ยงดร นิเวศน์ ชาเขียวแค่นั้นก็บอกแล้ว
มีกูรูไอดอลในไทย ไม่หวงแหนความรู้
ตอนนี้อยู่ในเส้นทางวีไอชัดเจน โชคดี เชื่อคนง่าย และ เชื่อถูกคน
คำถามที่สอง แนวทางการลงทุนใช้แบบไหน
คุณกานต์ ตอบว่า แนวทางมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตลอด พยายามพัฒนา 3-5 ปีที่ผ่านมา มองว่าปัจจัย
1. มองที่ตัวธุรกิจ บริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ไม่มองบริษัทที่มีแนวโน้มแย่ลง หรือ แข่งขันสูงขึ้น
2. ความคาดหวังเกี่ยวกับตัวหุ้น หุ้นที่คนตามเยอะ PE สูง จะไม่ลงทุน ธุรกิจที่ดีแต่ซื้อในราคาที่แพง ก็มีความผิดพลาดสูง ก็ไม่ลงทุน
การลงทุนระยะยาว ต้องป้องกันการขาดทุนด้วย เริ่มต้นด้วยเงินไม่เยอะ อายุน้อย จะมีโอกาสมาก แต่ต้องรอเวลาเป็น 10 ปี
หมอเค ช่วงที่อยู่ US เคยพลาดการลงทุน เดิมเราเป็นหมอ port โตระดับนึง เราคิดว่าเก่งมาก
แต่พลาดหุ้นตัวนึง เพิ่มทุนเท่าตัว เปิดมาราคา Floor เลย แต่เราอยู่US ซึ่งเป็นช่วงกลางคืน เครียดมากนอนไม่ได้
เราเลยเปลี่ยนแปลง กลับมาคิดว่าเรามีจุดเด่นอย่างไร ไม่อึดเหมือนกานค์ ไม่เก่งเหมือนคุณกวี หรือ มี๋
แต่ผมมีแต้ม่ต่อ คือ ภรรยาเป็นนักวิเคราะห์ สุดท้ายทบทวนว่า เราเป็นคนชอบหนังสือ เลือกได้หนังสือได้เก่ง
มีโอกาสสัมภาษณ์ ผู้บริหารมาก สามารถแยกแยะประเภทผู้บริหารได้
ถ้าเราลงทุน เหมือนขึ้นเรือไปหาสมบัติ หน้าที่ของเราดูคนพายเรือ หรือผู้บริหารเป็นคนอย่างไร เช่น เพิ่มทุน
และอันดับที่สอง ก็ดูว่าเรือมีสภาพเป็นอย่างไร
ผู้บริหารที่เก่ง เขาพายเรือสวนทาง หรือ ไม่ทำอะไร ในภาวะวิกฤต
เลือกเรือที่เก่ง ผู้บริหารที่เก่ง
บริษัทมี 2 ประเภท คือ
1 Great company สะเทือนน้ำ บก ถึงเจอวิกฤต ก็สามารถกลับมาได้
2 Good company ราคาถูก ซื้อเสร็จแล้วหุ้นลง เพราะไม่ตั้งใจทำธุรกิจให้ดี
ดังนั้นการศึกษาผู้บริหารว่าเป็นคนอย่างไร
วิธีการเจอผู้บริหาร คือ เราทำอะไรกับการลงทุนบ้าง ผมเชื่อเรื่องกฎแรงดึงดูด มีความ passion
ว่าเราจะเจอผู้บริหาร และ บริษัทที่เราอยากเจอ ในที่สุดเราก็ได้เจอจริงๆ
รายการ opportunity day เราสามารถดูลักษณะของผู้บริหารได้ คนที่เก่ง สามารถฟันฝ่าธุรกิจได้
ถ้าเราพัฒนาตัวเอง เราจะเจอแนวทางที่ถูกกับตัวเอง
ส่วนคุณกวี หลักการแนววีไอ มี 6 เรื่อง
1. ต้องมีความรู้ในแนวถนัด
2. รอซื้อในราคาที่ถูก แต่คุณวอร์เรน บอกว่า ซื้อในราคาที่เหมาะสม ก็สามารถได้ผลตอบแทนที่ดีได้
3. ถือหุ้นระยะยาว
4. กระจายความเสี่ยง
5. ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
6. นิสัยของวีไอที่ร่วมกัน มาจากคำขวัญวันเด็ก ได้แก่ ขยัน ประหยัด อดทน ซื่อสัตย์ มีความรู้ ไฝ่ฝันแต่ความดี ถ้าปฏิบัติตามนั้นจะเป็นวีไอ
ถ้าเราไม่ซื้อ iPhone ราคาอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 24,500 บาท 30 ปีได้ 9 แสนบาท
ถ้าคุณทำดี จะได้ผลตอบแทนที่ดี สิ่งที่ยากคือ การมีนิสัยวีไอ ซึ่งวีไอทุกคนมีนิสัยร่วมกัน
ถ้าพวกเรารู้ว่า นิสัยไม่ใช่แบบวีไอ ก็หาทางอื่น เช่น Peter lynch ลงทุน ใน Growth stock ก็ได้
สำรวจนิสัยของตัวเอง ยิ่งขยันหาความรู้
สิ่งที่เสี่ยงของการลงทุน คือ ความไม่รู้ เช่น ไม่เข้าใจธุรกิจที่ดีพอ ตัวอย่างเช่น หุ้น LEE นึกว่าขายกางเกงยีนส์ , MK นึกว่าขายสุกี้
ให้รู้นิสัยก่อน จึงเลือกวิธีการลงทุนให้ถูกกับนิสัย
หมอเค เสริมว่า สิ่งเรียนรู้ เรื่อง เรือ ผู้บริหาร ROE ผู้บริหารสั่งเพิ่มทุนไปเรี่อยๆ ไม่ดี แต่เพิ่มสั้นๆพอรับได้ หรือ ROA เพิ่มทรัพย์สินไปเรื่อยๆก็ไม่ดี
ทั้งสองเคส ทำให้ผลตอบแทนต่อทุน และ สินทรัพย์ต่ำลง
เวลาในการลงทุนของแต่ละคน 24 ชม เท่ากัน ใครใช้เวลากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการลงทุน ควรแก้ไข เช่นเสียเวลาไปกับ Social
ต่อมาประสบความสำเร็จ เราเริ่มมีเงินมากขึ้น อยากซื้อบ้าน รถแพงๆ ซึ่งไม่ได้สร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ เรามีความอีโก้เกินไป
นิสัยวีไอ อยู่อย่างต่ำ ทำอย่างสูง ใช้เวลาที่คุ้มค่ามากที่สุด ตามที่ ท่านพุทธทาสพูด
คุณมี่พูดถึง แก่นวีไอ
1. ซื้อหุ้น undervalue แต่หาหุ้นยากมากๆ อาจเป็นหุ้นที่จะโตเยอะๆในอนาคต แต่ตอนนี้ดูแพง
เพื่อนสอนลงทุนว่า อะไรที่สำคัญที่สุดในการลงทุน ซึ่งก็คือ ภาพธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เหมือน คุณวอร์เรนบอกว่า ซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจ
2 ธุรกิจต้องโต
3 ราคาไม่แพง ไม่เอาเปรียบเรา
4 บริษัทน่าเชื่อถือ
เสริมที่หมอเคพูดถึงคุณวอร์เรน ชอบธุรกิจที่ผู้บริหารเป็นใครก็ได้ บริษัทโตด้วยตัวของมันเอง แต่ตอนนี้แข่งขันรุนแรงขึ้น อาจเปลี่ยนแปลงได้
วันนี้ผมเห็นธุรกิจเติบโต หรือ เห็นผู้บริหารที่มองว่าจะโต ก็จะไปร่วมธุรกิจของเขา
หมอเค เสริม คุณวอร์เรนก็มีแนวลงทุนเปลี่ยนแปลงตามเวลา ตอนนี้มาซื้อสายการบินแล้ว
คุณมี่พูดต่อ เราต้องรู้รายละเอียดของธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่ง
หาผู้บริหารที่มีความสามารถ และอยากจะรวยด้วย
ถ้าเราไปร่วมหุ้นด้วย โอกาสโตตามเขาได้
ให้ระวังเรื่อง การจำกัดความผิดพลาด และ ปิดความผิดพลาดให้ทัน
บทเรียนความผิดพลาด คือ ทำกำไรในธุรกิจเร็วๆ แต่ยอมขาดทุนในธุรกิจไม่ดี ถือในระยะเวลาที่นาน
ดร นิเวศน์ เอาความสำเร็จของ 4 ท่านว่ามีส่วนร่วมกันดังนี้
1. มีความฝันตั้งแต่เด็กๆ
2. ใฝ่หาความรู้แปลกๆ เสาะแสวงหาไปด้วย
3. เลือกเป็นวีไอ
4. มีนิสัยแบบ วีไอ เช่นนิสัยแบบ คำขวัญวันเด็ก
5. โชคดีที่เข้ามาในตลาด ในช่วงทศวรรษทองของวีไอ วีไอประเทศอื่นสู้วีไอไทยไม่ได้
ถ้าเดินตามstepที่ว่า แต่อาจใช้เวลาสัก 30 ปี ถือว่าดีกว่าแนวทางอื่น
อจ เสน่ห์ ว่า คนเกิดก่อนไม่ใช่ว่าจะเก่งกว่าคนเกิดทีหลัง
สุดท้าย อจ ไพบูลย์ สรุปว่า มิติมีหลายแบบ แบบนี้เป็นเรื่องความมั่งคั่ง ร่ำรวย แต่ sectionก่อนหน้า อยู่เหนือกว่าความร่ำรวย เราจะไม่มีความทุกข์ ถ้าเราไปได้ จะไม่มีความทุกข์
กรรมของใคร ของเขา รับเอง เป็นเรื่องของแต่ละคน
สัมมนาหัวข้อแร หัวข้อ "จุดตัดของเส้นทางธรรมกับการลงทุนหุ้น"
1) คุณ โสรัตน์ วณิชวรากิจ
นักธุรกิจนักลงทุนเน้นคุณค่า
2) คุณ ชาย มโนภาส
นายก ส.นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
3) คุณ ณัฐพบธรรม ธนันท์เมธากรณ์
นักเขียนนักลงทุนเน้นคุณค่า
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ คุณ เมทยา ปรียานนท์ ดำเนินรายการ
เกริ่นก่อนเข้ารายการ
คุณ ณัฐ เริ่มด้วยประโยชน์ ถ้าฟังธรรมอย่างตั้งใจ จะได้บุญมาก
อจ ไพบูลย์ บอกว่า คนจัดงานจะได้บุญมากขึ้น เวลาเห็นคนไปงานมาก เราก็ได้บุญมากด้วย
การกล่าว อนุโมทนาสาธุ หรือ ไม่ต้องพูดก็ได้บุญ ไม่ต้องซีเรียสก็ได้
การมีโอกาสฟังธรรม เป็นโอกาสที่ดีมาก
สำหรับสัมมนาเรื่องธรรม คนจะมาน้อย แถวหน้าจะว่าง ถึงแม้รับเผื่อแล้ว 30 คน
ระหว่างนั่งรอ การมาด้วยความโลภ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
รายการMoneyTalk วันนี้มีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live เปิดและแชร์กันได้
ตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลอง คุณ สรวุธ อยู่เบื้องหลังการถ่ายทอดมากว่าสิบปี ก่อนมี Youtube เสียอีก
คุณชาย เคยช่วยเหลืออาจารย์ตอนลูกเรียนที่ต่างประเทศ
อจ ไพบูลย์ รู้สึกซาบซึ้งมากถ้ามีใครช่วยเหลือลูกของเรา จะจำไว้และหาทางตอบแทน
งานMoneyTalk คราวหน้า วันที่ 17 ธค 16 จองวันที่ 10 ธค 16
หัวข้อแรก แนวโน้มหุ้นไทยปี2560
วิทยากรได้แก่ ดร นิเวศน์ คุณมนตรี และ ดร ก้องเกียรติ
หัวข้อที่2 หุ้นเด่นปี60 ในใจสุดยอดนักวิเคราะห์
วิทยากรได้แก่ ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล พูดถึง การที่ทรัมป์มา
เมืองจีนจะโดนกระทบอย่างไร
และ พูดถึงหุ้นเด่น กรรมการผู้จัดการ บล ทรีนิตี้
คุณ สุกิจ อุดมสิริกุล กรรมการผู้จัดการ บล Maybank Kimeng
อจ นิเวศน์ มาวิจารณ์หุ้นที่เสนอ จาก ดร วิศิษฐ์ และ คุณสุกิจ
อจ ไพบูลย์ และ อจ เสน่ห์ ดำเนินการ
ส่วนมกราคม ปีหน้า ก็จองห้องครบแล้วรอตลาดหลักทรัพย์ตอบรับมา
หัวข้อแรกวันนี้ นี่เป็นความตั้งใจของ อจ ไพบูลย์ ว่า อย่างน้อย1ครั้งต่อปี พูดถึงเรื่องธรรม
ธรรมเป็นเรื่องที่ต้องพูด
วิชาบริหารธุรกิจ เป็นเรื่องของการหาเงิน เป็นการสร้างบาป แย่กว่าบริหารทั่วไป
สาขาการเงินเป็นสุดยอดความแย่ ของการบริหาร
คนในห้องสมัย ทำกรรมมาก่อน การลงทุนหุ้นไม่มีความสุข ลงทุนแล้วแก่ เหี่ยว
วันศุกร์หุ้นตก วันเสาร์มาพูดไม่ค่อยมีแรง ดร นิเวศน์ จะกินชาเขียวตลอดช่วยเติมพลัง
การฟังธรรม เป็นการเตือนเราตลอด
วิชาธรรมะ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
การหาคนพูดหัวข้อ ธรรมะ คือ คนพูดเป็นนักลงทุนที่เดินสายธรรมะจริงๆหานานมากจนได้ 3 ท่านนี้
ผมเคยรู้จักนักลงทุนท่านนึง ออกไปสายธรรมะ 4-5 ปี ทนยั่วยวนไม่ไหวแล้วกลับมาลงทุนใหม่ น่าเสียดายมาก
หัวข้อนี้ดีสุดของปีนี้ ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับพวกเรา
ขอแนะนำวิทยากรแต่ละท่าน คนแรกที่สนิทน้อยสุด คุณ เคน โสรัตน์ ตบมือต้อนรับก่อน
รายการ MoneyTalk ไม่เคยเชิญมาก่อน เพราะ
1. พูดเก่งกว่าผม และ 2. ไม่แน่ใจว่าของจริงหรือของปลอม
เคยเชิญคุณ ดังคฤณ ที่เดินสายธรรมเป็นหลัก คุณ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย และ พระอาจารย์ พะยอม กัลยาโน พระอาจารย์อลงกรด และ พระรักเกียรติ สุขขณะ ซึ่งเชิญตอนที่บวชมา ได้บอกว่าตอนนี้อาตมาเป็นองคุลีมาร กลับใจมา
กลับมาที่คุณเคน อยู่ในวงการหลายปี
อึดอัดที่คุณเคนพูดเก่งกว่าผม คุณเคนได้พิสูจน์ว่าไม่ได้ทำแต่ปาก ที่บริษัทที่คุณเคนนั่งสมาธิ 2 วันต่อสัปดาห์
ปีหน้าจะไม่พูดเรื่องหุ้น ถ้าไม่ได้พูดเรื่องธรรมะด้วย
ตอนนี้ยอมรับคุณเคนแล้ว เลยเชิญมาพูด
ท่านที่สองเขียนหนังสือ ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว เป็นเรื่องธรรมะ
Background จบวิศว แล้ว มาอ่านพระไตรปิฎก
คือ คุณ ณัฐพบธรรม
ท่านที่สาม คุณชาย มโนภาส เป็นนายกสมาคมไทยวีไอ ผมรู้สึกสบายใจที่สุด
ท่านพาคนอื่น เช่น คุณกานต์ คุณไม้ฟืน ตามไปวัดดอยธรรมเจดีย์
เป็นสายปฏิบัติของจริง
ส่วนผู้ดำเนินการรับเชิญ คือ น้องเมย์ จะสอบปริญญาเอกที่นิด้า วันที่ 26-27 พย 16
เราคุยถึงเรื่องเส้นทางธรรมกับการลงทุนในหุ้น
เริ่มเข้ารายการ
อจ ไพบูลย์ เริ่ม อนุโมทนากับทุกท่านที่ฟัง ขอบคุณวิทยากรทุกท่าน
จุดตัดกับเส้นทางธรรมะกับการลงทุนในหุ้น
น้องเมย์ ลงทุนในแค่พอร์ทจำลองในwebsite ยังแดงๆอยู่ เดินทางธรรมแบบอ้อม
ส่วนตัวสวดมนต์ นั่งสมาธิ
อจ ไพบูลย์ บอกว่า เป็นสมถะสมาธิ ได้แต่ท่องๆจำๆแต่ยังไม่ได้ทางธรรม คือยกระดับจิตใจ
ยังมีเวลาถ้าไม่ตายซะก่อน
คนที่ลงทุนในหุ้น ทุกคน หุ้นขึ้นก็ชอบ หุ้นลงทุกข์ หุ้นขึ้นก็ทุกข์เพราะซื้อน้อยไป
ขายไปแล้วหุ้นขึ้นเสียดาย
ตลาดหลักทรัพย์น่าต้องทำกระทะทองแดงหน้าตึก
คำถามแรกที่อยากทราบ
เส้นทางธรรมมีความเป็นมาอย่างไรจนถึงปัจจุบันได้รับเลือกมาพูดในงานวันนี้
ทุกคนอยากเล่าให้คนอื่นฟัง ได้อานิสงค์ด้วย
เริ่มที่คุณชายก่อน
คุณชาย ตอบว่า จริงๆเริ่มจากไม่รู้มาก่อน เป็นคนธรรมดาไม่ได้สนใจธรรมะมาก่อน
ตอนเด็กๆ คุณแม่สนใจธรรมมาก พาไปปฏิบัติปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ พยายามปลูกฝังเรื่องธรรมะ
ไม่ได้อินมาก พอโตเป็นวัยรุ่น กินเหล้า เฮฮา ตามเด็กวิศวะ
กลับมาบ้านหลังกินเหล้า ก็ตื่นมาสาย
คุณแม่พยายามปลูกฝังตลอด ในตอนวัยรุ่น พูดเชิงธรรมเวลามาปรึกษา เช่นมีคนมาว่าเรา ให้มีขันติ
ผมเคยบอกแม่ว่า ผมไม่ใช่พระ เป็นคนธรรมดา ทำไมต้องอดทน ทำขันติ
พอดีพาวัดปทุมวนาราม ไปกราบหลวงพ่อถาวร ท่านพึงสิ้นปีที่แล้ว
ตอนนั้นอายุ 20 ถามท่านทำสมาธิ ปฏิบัติธรรมอย่างไร
ท่านบอกว่า ตื่นนอน สวดมนต์ นั่งทำสมาธิ ก่อนนอน ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ
ไม่ต้องอะไรเพิ่มเติม ให้ทุกท่านลองทำทุกวันดู สวดมนต์สั้นๆก็ได้ตอนอยู่บ้าน
จะเห็นธรรมในตัวของท่าน เห็นธรรมคือ แต่จะมีความคิดมาบอกว่า ไม่ให้ทำ เหนื่อยแล้ว
มาขัดขวางเรา เราต้องตั้งใจ อย่าเปลี่ยน นั่งสมาธิเริ่มจาก 5 นาทีทุกวัน
ลองทำไป หลวงปู่ชาเคยพูด นั่งสมาธิไปเถอะ ถึงจิตไม่สงบก็ทำ
หลวงพ่อถาวรพูดเหมือนง่าย ที่มันยาก เพราะ สิ่งเป็นอุปสรรคคือจิตใจของเราเอง
เราเห็นจิตเปลี่ยนกลับไปมา เช่น สมัครฟิตเนต ตลอดชีพ ไปสักกี่ครั้ง
ตอนสมัครเป็นคนนึง จะไปอาทิตย์ละสามครั้ง หลังสมัครเป็นอีกคนนึง
ตอนมีความรักแรกๆ เป็นอย่างไร ผ่านไป 10 ปีเป็นอย่างไร
อนิจจังไม่เที่ยง มันเป็นความไม่เที่ยง เวลา รัก ชอบใคร สัญญาไปหมด
แต่เวลาผ่านไปก็ลืมหมด ปฏิบัติธรรมให้ชนะความโลเล ความเปลี่ยนแปลงในใจของเรา
สิ่งที่หลวงพ่อถาวรสอนให้ทำ ทำไปเรื่อยๆ จะเห็นจิตเราเอง
อุปสรรคจริงๆคือข้างในนี้
การตั้งทำอะไรจริงจัง ทำต่อเนื่องยาวนาน ฝึกให้จิตชนะ สิ่งที่ใฝ่ต่ำดึงเราไม่ให้ประสบความสำเร็จ
ตอนนั้นเริ่มลงทุน ได้บ้างเสียบ้าง ก่อนการมาทำสมาธิ ตอนนี้อายุ 44 ปี ดร บอกว่าคนปฏิบัติธรรมจะหน้าเด็ก
คุณณัฐ เจอธรรมะก่อนเจอแฟน จุดเริ่มต้นของการหาธรรมะ ไม่ต่างจากคนอื่นไม่มีศีล ไม่มีธรรม
ทำบุญปีละ2ครั้ง ช่วงที่รู้สึกซวย เช่น ทำบุญโลงศพ ทำบุญปีใหม่
จบวิศวะ เหมือนคุณชาย รู้สึกธรรมเป็นเรื่องไกลตัว นุ่งขาวห่มขาว เหมาะสำหรับคนไม่มีที่ไป คนสูงอายุ
ไม่เหมาะกับตัวเรา
ตอนนั้นไกลวัด ไกลว่า จุดเปลี่ยน เริ่มจากความอยากรวยก่อน
พอพูดถึงความรวย คิดว่าเป็คนละทางกับธรรมะ
อ่านหนังสือของฝรั่ง สอนรวย How to อ่าน 10 เล่ม
สรุปได้ว่า ต้องคิดบวก ต้องขยัน อดทน เป็นหลักการที่ดี
แต่คิดอีกทาง ว่า คนอีกด้านประสบความสำเร็จหรือเปล่า คิดลบ หรือ ขี้เกียจ
จนวันนึง มีคนมาบอกว่า ธรรมกับความรวย ส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่ผมไม่เชื่อ
แต่มาคิดว่า ทำไมไม่เปิดใจอ่านหนังสือธรรมดู เลยซื้อมา 10 เล่ม อาจเจอ
ในธรรม พบว่าพระพุทธเจ้า พูดถึงวิทยาศาสตร์ ดวงดาวและจักรวาล
รู้สึกน่าอัศจรรย์ แต่มีคำถาม พระพุทธเจ้าพูด หรือ สอนแบบนี้จริงๆหรือเปล่า
เลยอ่านพระไตรปิฏก ภาษาไทย เวลาอ่านไป
ก็searchดูว่าพระพุทธเจ้าพูดแบบนี้ใช่ไหม พออ่านไป ปรากฏว่าจริง ยิ่งสนใจ และ ยิ่งรู้สึกศรัทธามากขึ้น
โดยพื้นฐานของผม ไม่ค่อยมีความรู้เลยเลือกอ่านที่เข้าใจง่ายก่อน
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า ทำไมคนอื่นไม่รู้ แทนที่จะเล่าในเรื่องที่ดี เลยลองเขียนหนังสือ ชื่อว่า ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมะกับการลงทุนส่งเสริมกัน
คนยิ่งอยากรวย ยิ่งต้องมีธรรม เราจะได้คนรวยที่มีธรรมะ
ตอนนั้นยังไม่ลงทุนหุ้น แต่เขียนหนังสือก่อน พอเขียนไปสักพัก
คิดเรื่องหุ้น เคยดูหนังฮ่องกง เจ้าพ่อตลาดหุ้น
เราเคยมองธรรมแบบนึง แต่อ่านแล้วเป็นอีกแบบ
เลยไปซื้อหนังสือการลงทุน รวมถึงหนังสือตีแตกของดร นิเวศน์
อ่านแล้ว การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่ที่เคยคิดมาก่อน
แทนที่ลงทุน 1 ล้านบาท ไปซื้อตึกแถวและ ขายก๋วยเตี๋ยว
เราไปลงทุนธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว เอามืออาชีพมาบริหาร ดีกว่าลงทุนทำธุรกิจเอง
เจอคุณแป้ง ที่ทำงานแห่งนึง หลังจากทำงานร่วมกัน ค่อยมีความผูกพันกันมากขึ้น
พอยิ่งคบกัน ยิ่งพบธรรมะมากขึ้น เราสองคนชักชวนกันไปทำบุญ
คุณ เคน พูดด้วยน้ำเสียงที่หล่อ กล่าวขอบคุณ อจ ไพบูลย์ที่เชิญมา
ปีหน้าตั้งใจไม่พูดเรื่องความรวย ไม่พูดเพ้อเจ้อ พยายามมีสติ
อาจมีเผลอบ้าง ต้องขออภัยด้วยครับ
ตอนอายุ 12 ปี เห็นคุณแม่ทำงานหนัก อยากมาช่วย แม่บอกว่าให้เรียนเก่งก่อน ให้ไปนั่งสมาธิ
พอเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง กิจการถูกธนาคารยึด เข้าไปถามคุณแม่ แม่แนะนำให้ไปถามพระ
พระแนะนำให้ไปนั่งสมาธิ สุดท้ายประสบความสำเร็จในธุรกิจ ตอนนั้นอายุแค่ 21 ปี
เมื่อ3ปีที่ผ่านมาศึกษาธรรมะ ถึงจุดอิ่มตัวไม่รู้สึกมีอะไรที่ท้าทายบนโลกแล้ว
วิชาที่สุดยอดที่สุดในโลก คือ ชนะความตาย พระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบ
ผมอยากชนะความตายบ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่คิด มันยากมากกว่า คิดเก่ง
การทำลุกเดิน สลับนั่ง รู้สึกถึงความท้าทาย ว่าเราไปถึงแล้ว
คนทำดี กรรมดี ได้ขึ้นไปสวรรค์ แต่หลังจบจากเทวดาแต่ไม่สามารถไปต่อได้
เมื่อหมดภพภูมิ ก็จะกลับมาตกนรกเหมือนเดิม
เราไม่ได้มาทำให้สังคมมีความสุข สังสารวัฎ ภพภูมิที่มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด
พระพุทธเจ้าเกิดมา ให้รู้เกิด แก่ เจ็บ และ ตาย
หลังจากตาย วางแผนไปอยู่ภพที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพระพุทธเจ้า
เลยศึกษาอย่างเข้มข้น
การลงทุนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นศึกษาคำสอนของพระพุทธทาส
เมื่อเรามีความสุข แต่หาความสุขไม่เจอ อยากหาว่า เรามาที่นั่นทำไม
ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าให้คำตอบ การจากสังขาร(สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน)
ไปสู่อสังขาร รู้สึกว่า มันยากถึงแม้จะเป็นพระก็ตาม
แต่ปุถุชน ก็สามารถไปถึงได้
ผมพอกับการลงทุนแล้ว เราจะอยู่อีกหลายแสนโกฏล้านปี
โดยการฝึกจิต ให้อยู่ภาวะนิพพาน เป็นวีไอพันธ์แท้ที่สุด
การวัดสุตต ไม่ว่าศรัทธา กำลังทั้งห้า ไม่ยากอะไร
อริยทรัพย์ เป็นเป้าหมายของผมแล้ว
ผู้สรุปขอเสริม เรื่อง อริยทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่นำไปได้หลังตาย
อริยทรัพย์ ๗ ประการ ได้แก่
๑. ศรัทธา คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้จำแนกธรรมทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
๒. ศีล คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์, เว้นจากการลักทรัพย์, เว้นจากการผิดในกาม, เว้นจากการพูดปด, เว้นจากการดื่มสุราเมรัย
๓. หิริ คือ เป็นผู้มีความละอายต่อการกระทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ความละอายต่อการกระทำอันเป็นอกุศลกรรมทั้งปวง
๔. โอตตัปปะ คือ เป็นผู้มีความสะดุ้งเกรงกลัว ต่อการกระทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ สะดุ้งเกรงกลัวต่อการกระทำ อันเป็นอกุศลกรรมทั้งปวง
๕. สุตะ คือ พหูสูต เป็นผู้ที่ได้สดับ (ฟัง) มาก ทรงไว้ขึ้นใจ สามารถแทงตลอด ด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็นถูกตรง (สัมมาทิฎฐิ) ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมะทั้งหลาย
๖. จาคะ คือ เป็นผู้มีจิตเป็นกุศล ไม่มีความตระหนี่ ยินดีในการสละเพื่อประโยชน์สุข ของผู้อื่นและส่วนรวม
ยินดีในการให้ทานและการจำแนกทานทั้งหลาย
๗. ปัญญา คือ เป็นผู้มีความเข้าใจตามความจริงของรูปธรรมนามธรรม กำหนดรู้การเกิดดับของรูปธรรมนามธรรมตามความเป็นจริง จนสามารถประหารกิเลสเป็นสมุจเฉท บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล
สิ่งสำคัญมากกว่าทรัพย์ คือ เวลาที่ใช้ไป
คุณเคนมีภรรยา 1 คน ลูก 2 คน เจอแฟนก่อนจบการศึกษา
ยอมรับว่าคำถามอาจารย์ดีมาก ภรรยาช่วยส่งเสริม
ผมตื่นตีสี่ ภรรยามานั่งสมาธิด้วย ตอนเย็น ภรรยาดูแลลูกให้เสร็จก่อน
ค่อยมานั่งสมาธิเป็นเพื่อน
คำถามที่สอง ใช้ธรรมะในการลงทุนหุ้น มีข้อจำกัดในการลงทุนไหม
อจ ไพบูลย์ บอกว่า บางบริษัทยากต่อการลงทุน ถ้าปฏิบัติธรรม
เริ่มจาก อจ ชาย บอกว่า ธรรมะกับการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
หลังๆไปพูดเรื่องหุ้นเยอะ หลายหน่วยงานให้ไปพูด
แต่จุดเริ่มแรก ผมเอาเรื่องลงทุนเป็นหนังขายยา และ เอาเรื่องธรรมะพูด 3-4 นาทีสุดท้าย
คิดว่า ธรรมะช่วยในการลงทุน เป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อก่อน จะมุ่งเล่นการลงทุนอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องทำอะไรเลย ทิ้งทุกอย่าง
เอาเงินไปแก้ไขทุกสิ่ง หลังจากไปวัดดอนธรรมเจดีย์ พบว่าผิดที่เงินช่วยอะไรไม่ได้ในบางเรื่อง
ตัวอย่างเช่น ตอนไฟไหม้ที่ห้องเก็บของ ผมนั่งสมาธิชั้นล่างเจอพอดี
มีเพื่อนบ้านมาช่วยเหลือเยอะแยะ ไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามีกัลยาณมิตรมาช่วยเหลือ
วันนั้นคิดว่า จะเอาเงินมาแก้ไขไม่ได้ เลยรู้สึกว่า เงินไม่สามารถแก้ไขทุกสิ่งได้
ผมมาถึงจุดนึง เลยพบว่า การที่รวยไม่ใช่เส้นชัย แต่ไม่หมดทุกข์ เลยศึกษาเพิ่มเติม
เศรษฐีสมัยก่อน จักรพรรดิ เช่น เรื่องออลองเซฟ เกิดในราชวงค์โมกุล ประเทศอินเดีย
ตอนเขาตาย รู้สึกว่า ไม่รู้ว่ามาและไปเพราะอะไร มีแต่เรื่องปวดหัว ถึงแม้รวยมาก
ความมั่งคั่ง ความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องสุดท้ายของชีวิต
สิ่งที่อยากเน้นย้ำ ถ้าอยากมั่งคั่ง ทำได้ แต่อย่าลืมมนุษย์สมบัติ อย่าทิ้งความเป็นมนุษย์
ให้ดูแลพ่อแม่ อย่าโกงคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น ต้องรักษามนุษย์สมบัติไว้
ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ คือ Hardware แต่ต้องมี Software ประกอบจึงจะทำงานได้
ถ้าเราไม่มี Software เราจะเก่า คร่ำคร่า ถึงแม้มีความร่ำรวย คือ Hardware ดีทุกอย่างก็ตาม
แต่นอนไม่หลับจะมีประโยชน์อะไร
ชีวิตจะประกอบไปด้วยสองอย่างคือ
ความมั่งคั่ง และ จิตใจที่ดี ชีวิตจึงจะถือว่าสมบูรณ์ ธรรมะมาช่วยให้จิตใจ สงบ
สมัยพุทธกาล เศรษฐีรวยแต่ไม่ยอมใช้ ธรรมจะช่วยในระดับละเอียด
ทุกวัน ให้รู้ว่าความมั่งคั่ง ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ทุ่มทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาดูจะพบว่าไม่เหลืออะไรเลย
เหมือนกับ พระเจ้าอโศกมหาราช หลังชนะสงคราม พบว่าไม่เหลืออะไรเลย
ธรรมะช่วยดูแลจิตใจให้ความสุขที่แท้จริง
อจ ไพบูลย์ พูดในชั้นเรียนที่นิด้า บอกว่า ไม่ทิ้งธรรมะ รวมถึง ครอบครัวอาจารย์ เป็นตัวอย่างที่ดี
อจ เสริมว่า หลายคนไม่เจออุปสรรคที่สำคัญในชีวิต พร้อมยกตัวอย่างตัวเอง
25 ปีก่อน มีวิกฤต เป็น ตาย เท่ากัน เราจะรู้ว่าคำสอนที่เคยได้ยิน
สติสัมปชัญญะนึกออกทันที เลยปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงครั้งแรกของชีวิต
เดินมาเรื่อยๆ ช่วงแรกที่สอนหนังสือ ก็เอาประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไป
ตอนลูกคนเล็กอยู่ลอนดอน ยังเป็นห่วง ใจจะขาด ถึงแม้จะสไกด์คุยกัน ตอนนั้นจะไปหาลูก
แต่ผ่านมาได้ ภรรยาปฏิบัติธรรมทั้งวัน เดินคนละสาย อาจารย์คนละท่าน
พระอาจารย์ สุรศักดิ์ หลวงตาบัว กราบท่านเป็นอาจารย์
ทุกวันนี้แหย่พี่ๆเรื่องความเป็นตาม อาทิตย์หน้าสัมมนา เรื่องความตายจะมาพูดภายหลัง
ถามคุณณัฐ ธรรมะกับการลงทุน
คุณณัฐ บอกว่า จุดแรก เจริญสติ การมองสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ไม่ปรุงแต่ง
ส่วนที่ปรุงแต่ง หมายความว่า ปรุงแต่งมีหลายระดับ
หุ้นตก มองเห็นราคาบนจอ ไม่ปรุงแต่ง คือ หุ้นตก
แต่คิดต่อ คือการไปช้อนดีไหม เป็นการปรุงแต่ง
การมองธุรกิจตามจริง มองตัวเราตามจริง
การประเมินมูลค่าของพอร์ต หุ้นขึ้น เราขาย
แต่ว่าเราเคยประเมินตัวเราเองหรือไม่ กำไรเพราะเราคำนวณถูก หรือ หุ้นมันขึ้นไปเอง
ถ้าอย่างที่สอง น่ากลัว เราไม่รู้ว่าความจริงเรามีความสามารถแค่ไหน
ตัวอย่าง อจ เสน่ห์ มีความรู้รอบตัวมาก แต่ไม่ชอบศึกษาหุ้น เลยเลือกซื้อกองทุนแทน
ตัวเราต้องประเมินว่า เราเก่งแค่ไหนตามจริง แล้วค่อยคาดหวังผลตอบแทนที่ความเป็นจริง
การที่เราไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ เป็นการหลงผิด ถ้าเจอหนักๆ อาจหมดตัวได้
องค์ความรู้ถูกต้องไหม
กาลลามสูตรสิบ อย่าเชื่อ
โยนิโสมนสิการ ไตร่ตรองให้ดี ฟังให้เยอะ แต่อย่าเชื่อง่ายเกินไป ใช้สติปัญญา และ รวมข้อ1 ให้มองตามความเป็นจริง
รวมถึงอย่าเชื่อ รายการ Money Talk เพราะตอนท้ายรายการจะบอกว่าอย่าเชื่อ
เหมือนกับพระสาลีบุตร ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าสอน แต่เชื่อว่าท่านสอนสิ่งที่ดี
ข้อที่สาม เวลาปฏิบัติธรรม ทุกข์เกิดจากการรับรู้ พยายามจำกัดการรับรู้ที่จำเป็น
คือ ราคาหุ้นขึ้น และ ลง หนทางง่ายๆ ดูราคาหุ้นให้น้อยที่สุด ดูแต่วันละครั้งก็พอ
เหมือนกับ การตกนรกทั้งวัน ถ้าดูราคาหุ้นตลอดเวลา ทำให้เราทุกข์ตลอดว่าไม่ว่าหุ้นขึ้นหรือลง
สรุปว่าหาข้อมูล ฟังให้เยอะ แล้วมาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจ
คุณเคน พูดถึงหลักการคิดขุองทุกท่าน
หลัก อิทัปปัจจยตา หมายถึง สิ่งนี้ย่อมเกิดขึ้น
การดับของสิ่งนี้ สิ่งนี้ก็ดับไป
อวิชชาเป็นตัวหลัก
อวิชชาคือ ความไม่รู้ ในเรื่องอริยสัจสี่ ของการเกิดดับ
อิทัปปัจจยตา คือ หลักเหตุและผล พระองค์ บอกว่าสิ่งนี้คือเหตุ สิ่งนี้มา สิ่งนี้เกิดจากเหตุ
ถ้าอยากในเรื่องสิ่งไม่มี มีความทุกข์เพราะเราไปยึดติด
หยุดอยากไม่ได้ ทุกอย่างเกิดจากหตุ ละเลยความเป็นผลก่อน
ยกตัวอย่าง ชาวนามีหน้าที่หว่านข้าว แต่ข้าวจะโตหรือไม่ เป็นหน้าที่ของข้าว
การลงทุน คือการหาบริษัทที่ดี เป็นเหตุทำให้นักลงทุนวีไอ หลัก อิทัปปัจจยตา
เรามีความทุกข์ เพราะเรายึด เราต้องไปแก้ไขที่เหตุ ไม่ใช่ผล
เราไปกำหนดผลไม่ได้ เราไปหาองค์ความรู้ การไป company visit เป็นเหตุ
เรื่องที่สอง คือเรื่อง อนัตตา
จุดแรก คือ ความอนิจจา กรรมเก่าใหม่ผสม เป็นอจินไตย (อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด ,
ไม่พึงคิดหริอจำแนกตรรกะลงไปได้)
ทุกข์ขัง เกิดขึ้น จากผล หลักอนัตตา
แก้วกาแฟ อีกล้านปีไม่มีแก้วกาแฟ ดังนั้นถุกในปัจจุบัน แต่ผิดในอนาคต
อัตตา และ การไม่มีอัตตา สิ่งนี้ถูกต้อง กาแฟมีในปัจจุบัน แต่ไม่มีในอนาคต
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มันเป็นสุดขั้วเกิดไป
เป็นการเกิดตัวตนชั่วคราว เป็นโลกของสังคตา
ทุกข์เป็นจุดเริ่ม ของอนัตตา
แก้วกาแฟ ตอนเกิดไม่เป็นไร แต่เสื่อมเราจะทุกข์
Port ของเรา ถ้าเรายึดถือ ก็ทุกข์ เสื่อมสลายไม่เป็นดังใจ เป็นความทุกข์
เมื่อไรก๊ตาม เข้าใจอิทัปปัจจยตา
เมื่อมีการเกิด คือ ความเสือม ทุกขังคือความดับ
เมื่อเห็นความทุกข์
นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เข้าใจหลักธรรม สิ่งนี้ไม่ใช่ของเรา
เมื่อเรารู้แล้ว เหมือนกันการใช้ขันธ์
ใช้หลักอิทัปปัจจยตา เราวางและปล่อยกับเขา
ดีใจ เดี๋ยวก็ดับ ถ้าเราวางได้ คิดได้ความทุกข์ก็หายไป
เมื่อเรามาถีง ธรรมวิทยะ เราเริ่มเกิดอาการเบื่อหน่าย
อจ บอกว่านึกถึง อแซหวุ่นกี้ มาดูตัวพระยาจักรี ต่อไป เป็นกษัตรย์
อจ ไพบูลย์ บอกว่า ถ้าคุณเคนไปบวช จะเป็นประโยชน์ ต่อ ศาสนามาก
ถ้า port แดง จะได้ไปบวชได้
คุณเคน จบบริหารธุรกิจ อยากฝาก เห็นโทษ ไล่ตั้งแต่ อุปทาน ตัณหา
คำสุดท้าย เห็นโทษ ตราบใดก็ตาม ที่มีความสุขกับ port เขียว เราก็ยังมีความทุกข์
ตอนนี้เกิดจุดตัดที่สำคัญ เริ่มรู้สึก ว่า ความสุขสุด จะมีความทุกข์ มีความเสื่อม
ในย่านของภพภูมิ ถ้ามีศีล5 แล้วให้เน้นวาจาทั้ง4
พระพุทธเจ้าพูดถึงจิตเป็นหลัก เมือเราสึกษาถึงจุดนึง
เราต้องเห็นโทษ จากการที่เรามีความสุข จากการลงทุนที่สำเร็จ
ผมพบว่าประพฤติธรรมะ สมควรกับธรรมะ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราต้องมีความทุกข์อยู่ ถ้าไม่เห็นโทษ แต่ต้องเห็นจิตให้เห็นเกิดดับ
ฝึกไม่ให้คิด การคิด content ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
พูดถึงการหมดภพภูมิ ดูหุ้นทีไร มีจินตนาการ ดูหุ้นต่อวัน ยังเยอะไป
ยังยึดจิต ก็ยังไม่หลุดพ้น มันเป็นการพูดที่ Hard coreไปหน่อย
ข้อความมีสำคัญ เรามีโอกาสเป็นมนุษย์ เป็นชาติที่ดีที่สุด
เราเป็นเศษดินที่ปลายเล็บ บางท่านอยากให้ไปศึกษาธรรมะ
ทำไม พระพุทธเจ้า สอนวิชา ชนะความตาย เราเข้าถึงได้อย่างไร
จะรู้สึกเบื่อ ถ้าได้กำไร
ตั้งเป้าว่าอายุ 50 ปี จะบริจาคเงินส่วนนึง
ผมไม่เล่นเกมเล็ก ไม่มีวันจบ
เกมขนาดจิ๋ว (สังสารวัตร สังสารวัตร )
เอาเงินไปทำความดี ยังเป็นเกมเล็ก
ทำไมไม่เล่นเกมที่ท้าทายที่สุด
ทุกคนอย่าสนุกเกมที่ชนะแล้วชนะอีก
การเกิดมาใหม่ก็ตั้งเป้าเหมือนเดิมให้รวย ทำไมไม่ตั้งเป้าใหม่ คือ การออกจากสังสารวัฐ
ผมไม่อยากพูดถึงความรวยแล้ว อริยทรัพย์ไม่สามารถชนะจิตได้ ต้องทิ้งอริยทรัพย์ทั้งหมด
พระองค์บอกว่า จงอย่าประมาท
การทิ่มี อริยทรัพย์ และ ไปสู้ดีกว่า
กฏเกณฑ์และข้อห้ามของการลงทุน
ถาม อจชาย ผมไม่สบายใจกับหุ้นเกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์ เป็นส่วนตัวกับการซื้อหุ้นแบบนี้
คุณเชให้ถือศีลห้าให้บริบูรณ์เสียก่อน ไปคิดเรื่องหุ้นที่ซื้อ
ถ้าถือได้ครบ เจริญสมาธิพอสมควรแล้ว ค่อยไปคิดหุ้นแต่ละประเภททีหลัง
จิตของท่านตอบท่านในช่วงจิตบริสุทธ์ หลังเจริญสติ ค่อยตัดสินว่าหุ้นไหนไม่ควรซื้อ
ถ้ายังไม่ขาด อย่าพึ่งทำ ผมลงหุ้น 20 ปี ที่ไม่มีบริษัทฆ่าสัตว์ ก็ยังได้ผลตอบแทนที่ใช้ได้
เราไปศึกษา โรงแรม ธนาคาร เทคโนโลยี อันไหนไม่แน่ใจ ก็อย่าพึ่งทำ
ศีล5ข้อ เจริญสมาธิ เริ่มก่อน
คุณณัฐ เล่าที่มา ไม่ลงทุนในธุรกิจจที่ทำบาป
การทำตามหลักการมรรคมีองค์8 เราเป็นชาวบ้าน ทำมาหากิน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราลงทุนไปอยู่เส้นทางธรรม
มี2 ข้อ บวก 1 ข้อ
1. มีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยว เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อสิ่งที่ขัดแย้งกับกฎ เช่น ดูหวย
2. มีศีล5 เคร่งครัด และ เพิ่มอุสนกรรม10
3. ทำบุญ ทำทาน ชาติต่อไปไม่ต้องเริ่มต้นจาก 0
เป็นที่มาในการคัดสรรหุ้น เจ็ดกลุ่มที่ห้ามลงทุน
1. ธุรกิจฆ่าสัตว์ ขายยาฆ่าแมลง
2. ธุรกิจลักทรัพย์ ละเมิดลิกข์สิทธ์
3. หลอกลวง
4. สุรา ตู้แช่ไวน์ เป็นหนึ่งในรายได้
5. ทำบาป ทางวาจา เรื่องเป็นจริงไม่ได้ พูดให้คนโกรธกัน เช่น ธุรกิจสื่อ
6. กระตุ้น โลภะ
7. เผยแพร๋สิ่งผิด สื่อลามก สอนวิธีการฆ่าคน ทำอาหารสดๆ
ยังมีธุรกิจอีกเยอะให้ลงทุน หุ้นเช่น อยู่ในกลุ่มปัจจัยสี่ สื่อสาร น้ำตาล เป็นต้น
มันทำให้เราประหยัดเวลาไป ศึกษาธุรกิจอื่น
เวลาธุรกิจที่เติบโต ค้าปลีกหน้าปากซอย มีขายสุรา ผมเคยซื้อ แฟนผมมองเห็นว่ามีขายสุรา
เลยขายหุ้นตัวนี้ออกไปเลย บอกว่าเสียดาย แต่ไม่เคยเสียใจ ถึงแม้ย้อนไปกี่ครั้งก็ตาม
อจ ไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า
ถ้าเราเสียดาย และ ซื้อในภายหลัง เรามีโอกาสเสียดาย ดีใจที่มีโอกาสเสียดาย ยังไม่ปล่อยวาง
ช่วงที่2 สัมมนา หัวข้อ "New Gen VI"
1) คุณ กวี ชูกิจเกษม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ดีเด่น อายุ 47 ปี อยู่ในวงการนักวิเคราะห์ ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึง และ ได้รางวัล และตำแหน่งใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการ
บล กสิกรไทย ตอนนี้ไปสอนแนววีไอให้คนอื่นด้วย
2) คุณ ณัฐชาติ คำศิริตระกูล
อุปนายก สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย) อายุ 36 ปี
3) นพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์
นักลงทุนเน้นคุณค่า และ ผู้ดำเนินการร่วมรายการด้วย ยังทำอาชีพหมออยู่ อายุ 36 ปี
4) คุณ ทิวา ชินธาดาพงศ์
นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ มี่ อายุ 42 ปี ประวัติโชกโชนในสมัยก่อน และกลับมาเอาดีในที่สุด ร่ำรวย แล้วกลับมาช่วยภรรยา ยังส่งหมูยอตามร้านต่างๆ
รอให้น้องๆของคุณทิวาที่ลงทุนหุ้นให้สบายเสียก่อน ค่อยเลิกร้านหมูยอ
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
l
เกริ่นนำ
อจ ไพบูลย์ บอกว่าจะเลิกจัด ถ้า ดร นิเวศน์ ตายไปเมื่อไหร่ อจ เสน่ห์ เสริมว่าตอนนี้ก็ตายทั้งเป็น มีคนกำกับอยู่ เงินอยู่กับภรรยา มีแต่จินตนาการ
ว่ามีเงินแค่ไหน อจ นิเวศน์ บอกว่า จินตนาการเหนือความจริง
วันนี้มี super moon อยู่บนเวที อจ เสน่ห์ แซว
และ บอกว่า แต่มีเงินล้าน ก็ไม่น่าเกลียด
ดร นิเวศน์ บอกว่ามีทางแก้ แต่กลัวอย่างอื่นหาย ลดเทสโทสโซโลนลง ทำให้โฮโมนชายน้อยลง
ถามหมอเค ว่าผู้ชายมีโฮโมนผู้ชายน้อยลง จะเป็นแนวผู้หญิงเยอะใช่ไหม หมอเคตอบว่าจริง
คุณกวีสนใจมาก แต่ไม่อยากลดโฮโมนชาย ดังนั้นอยากให้ผมน้อยลง 555
ก่อนเข้ารายการ อจ เสน่ห์ บอกว่า คำว่า New Generation VI หมายถึง วีไอรุ่นใหม่
วันนี้เลือกเฉพาะหกคนมาให้ดู แต่ อจ ไพบูลย์แย้งว่าวันนี้มีแค่4คน
อจ เสน่ห์บอกว่าทำให้วีไอทั้งสี่เป็นหก สุดยอดนักพูดเลย
เริ่มเข้ารายการ
อจ เสน่ห์ เริ่มก่อนด้วยกลอน
กวีเอ๊กซ์ เด็กเก่าเขาชำนาญเจนวายกานต์ ก็เก่งเจ๋งเหลือเหลือ
เคปลายวาย หมอสู ดูเต็มเครือ
มี๋ไม่เบื่อ โลดเต้นเจนวายปลายe
บีตัวพ่อ ดร นิเวศน์ เกรดเอบวก
ส่วนไพบูลย์ ปลวกบีด้วยช่วยสหาย
เสน่ห์นั้นเจนบี มีลวดลาย
เชิญหญิงฟังวาทีคนวีไอ
คนแต่งกลอน คือ อจ เสน่ห์ เลยพูดถึงตัวเองดูดีสุด
New Gen VI 6 Gen ได้แก่
1. Genius อัจฉริยะ
2. Genome จีโนม อยู่ในยีนในโครโมโซม
3. Generous ใจกว้าง ใจดี เจนเนอรัส
4. Genuine ของจริง ของแท้ อย่าเอาแบบ AI มา
5. Gentleman สุภาพบุรุษ
6. General หลักการทั่วไป ใช้ชีวิตธรรมดา
ซึ่งสามารถส่งต่อให้ได้ดี
คำถามแรก ขอประวัติสั้นๆ ทำไมมาลงทุนหุ้น
คำถามสอง แนวทางในการลงทุน
คำถามที่สาม อุปสรรคที่เจอ
คำถามที่สี่ เป้าหมายในอนาคต
แต่เวลาหมดเลยได้ถามแค่ 2 คำถาม
เริ่มคำถามแรก
คุณกวี 6 Gen ที่ชัด Generous ใจดี ไม่ได้ตังค์
อลยจ เสงงน่ห์ บอกว่า ผมทำหลายปี ยังไม่ได้บ่นเลย
คุณกวี ลงทุนมา 20 ปี ไม่นึกว่าเป็น new gen เพราะเห็นอจ นิเวศน์ เราเลยเป็น New Gen
เริ่มจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ หลังจากจบจากต่างประเทศ สมัครไป 6 ได้งาน 1 ที่ เอง ยังไม่ได้คิดเป็นนักลงทุนอย่างเต็มตัว เราชอบงานวิเคราะห์เลยเข้ามา
เริ่มลงทุน เพราะรู้ข้อมูลมาก ตอนนั้นปี 2536 ดัชนี 1400-1700 ข่าวบวก หรือ ลบ ก็ตาม ดัชนีขึ้นตลอด ไม่รู้เรื่องฟองสบู่มาก่อน
ลงทุนไม่ใช่แบบ วีไอ เป็นเก็งกำไร พึ่งรู้ว่า การลงทุนมีหลายประเภท
ตอนนั้นวิเคราะห์กลุ่มธนาคาร เลยลงทุนหุ้นตัวแรกในธนาคารนครหลวงไทย ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นประสบการณ์ที่ดีลงทุนที่ราคา 30 ต้นๆ
มาขาย 1 บาท อจ เสน่ห์ บอกว่า ผมขายไม่ทัน แถมซื้อ ตั๋วสัญญาใช้เงินด้วย
เรารู้สึกว่าซื้อเป็น แต่ ขายของไม่เก่ง เลยต้องขายหุ้นทิ้งหมด มาศึกษาใหม่ เจอหนังสือการลงทุนก่อน อจ นิเวศน์ เขียนเสียอีก
อจ นิเวศน์ บอกว่าหนังสือตีแตก ต้องอ่านถึงแม้พิมพ์มา 20 ปีแล้ว
ตอนนั้นตลาดพีคพอดี หุ้น 1700 มีคนบอกว่าจะไป 2000 และบอกว่า หุ้น LH ราคาร้อยกว่าบาท เราตามไป จนไม่ประสบความสำเร็จ
เราเริ่มรู้ตอนดัชนี 800 และมาซื้อตอนต้มยำกุ้ง โดยนำเงินของพ่อมาลงทุน
ซื้อหุ้นตอนดัชนี 300-400 ตอนเอาเงินคุณพ่อมา 1ล้านตอนดัชนี 1700 คืนไป แค่ 3 แสนบาท ตอนนี้คืนไปหมดแล้ว
หลังจากลงทุนแบบวีไอ ศึกษาได้หลายแนวทางของวีไอ
นักวิเคราะห์ต่างกันกับการลงทุนแบบวีไอ คือ แนะนำให้ซื้อ โดยมีเป้าหมายราคาในปีหน้าเท่าไหร่ แต่ราคาที่แนะนำ อาจดูแพงในสายตาของวีไอ
เน้นซื้อๆขายๆ เราจะไม่ประมาณกำไรปีหน้าเท่าไหร่ เพราะมีโอกาสผิดเยอะ มีโอกาสโตน้อยกว่าบ่อยมาก
การลงทุนมาแนววีไอ แต่เปลี่ยนแนวทางตลอด ไอดอลไม่เหมือนกัน ผมชอบกลุ่มโรงพยาบาล
อจ นิเวศน์ ชอบ ค้าปลีก แนวทางการลงทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน สุดท้ายลงทุนจริงๆ เราต้องปรับ มาจากความแตกต่าง เรื่องนิสัย การศึกษา
พอผ่านมา 10 กว่าปี มันwork เลยมาเริ่มถ่ายทอดให้กับคนอื่นในช่วง 3-4 ปีเอง
เราเริ่มกลั่นออกมาได้ แนวทางสามารถดูจาก Youtube ทั้งหมด 19 ตอน ตอนแรก มีคนเข้าดู 4 หมื่นกว่า แต่ ตอน 19 เหลือแค่ 400 กว่าคนเอง
แนวทางที่สอน ไม่ใข่แนวทางของทุกคน แต่ให้นำไปประยุกต์
คุณกานต์ ลงทุนมา 12 ปี เรียนวิศวะ และ มาเริ่มทำงานที่ SCG ผมมีความฝัน ตอนอายุ 24 ปี อยากประสบความสำเร็จในชีวิค
ต้องรวย มีฐานะที่ดี มีความมั่นคง เราต้องหาช่องทางที่ไปถึงเป้าหมายให้ได้
คิดก่อนเรียนจบเสียอีก พยายามมองหาอยู่ตลอด ฟัง อ่าน เคสที่ประสบความสำเร็จ เช่น หนังสือ คุณทรัมป์ ทำธุรกิจอสังหา มีแนวทางที่ok แต่แนวทางไม่ใช่
มาพบแนวทางลงทุนเน้นคุณค่า แบบ Buffett
ผมไม่กล้า take risk พอเริ่มศึกษามากขึ้น เลยรู้การลงทุนแบบวีไอ มีหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ คือ หนังสือตีแตก ของ ดร นิเวศน์
มันเปลี่ยนความคิด การลงทุนในหุ้นเหมือนการลงทุนในธุรกิจ ทำให้เปลี่ยนภาพการลงทุนในอดีต ตอนนั้นมีคนลงทุนแนวนี้น้อยมาก
อจ ไพบูลย์ เสริม หนังสือเป็นส่วนกระตุ้น เพราะมีภาพคนถือไพ่
จุดดี คือ หนังสือ ออกตอนต้มยำกุ้ง บอกว่าลงทุนแนวทางแนวนี้ไม่นาน คนเริ่มลงทุนตามอจ ซึ่งได้ผลจริง
มาต่อที่คุณกานต์ คนที่อ่านก็ใช้ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง ตอนอายุ 24 ปี จบมาเงินเดือน 22,000 บาท ไม่มีทรัพย์สมบัติ ผมมีเวลา ยังไม่มีภาระ มีเวลาทุ่มเทมาก
ระยะเวลาการลงทุนนาน มีโอกาสได้ผลตอบแทนทบต้น
แต่ขาดความรู้ด้านการลงทุน ต้องสร้างเสริมเพื่อรองรับกับความคาดหวังผลตอบแทน
เริ่มลงทุนหุ้น 5 ตัวแรก แต่ขาดทุนหมด เพราะเราไม่เข้าใจธุรกิจที่แท้จริง บางตัวเป็นวัฐจักร
หลังจากเรียนรู้และปรับปรุง เงินก้อนแรก 2 แสนบาท เสียหาย 5-10% ก็เอาเงินเดือนมาชดเชยได้
แนะนำคนเริ่มต้นจาก 10% ของเงินเดือนก่อน เอาไปลงทุน
หาหนังสือทุกเล่มในร้านเกี่ยวกับการลงทุน ยิ่งศึกษามากขึ้น เลยรู้ว่าแนววีไอ เหมาะสมสุด
บางครังหุ้นขึ้นอาจมาจากเหตุผลอื่น จะไม่นับเหตุการณ์นี้ประสบความสำเร็จ
เหตุผ้ลที่คิดว่าใช่ แต่มันผิด สำคัญมาก เราต้องมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
เอาประสบการณืมาช่วยการลงทุนในครั้งหน้า
เช่นเดียวกับ Buffet ลงทุนแรกแบบ ก้นบุหรี่ ยังเคยพลาด แต่มาปรังปรุงแนวทางการลงทุน
วันนี้ยูงไม่เก่ง เพราะเราไม่รู้อยู่ตลอด มีคนเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ profile ของนักลงทุนสมัยนี้ ระดับ เกียรตินิยมเข้ามาตลาด
เราต้องพัฒนาตลอดเวลา ตอนนี้หุ้นดีๆ
PEแพง บางคนยอมลงทุน ทำให้ราคาไม่ค่อยลง
ถ้าทำเหตุที่ถูก จะได้ผลรับที่น่าพอใจ
อจ เสน่ห์ บอกว่า ดร นิเวศน์ ลงทุนนอกกรอบ เหมือน ทรัมป์ ที่กล้าแตกต่าง
หมอเค เริ่มต้นบอกว่า ดร นิเวศน์ อยู่รายการ Money talk ไม่เจ็ง แต่ค่าโฆษณาน้อยลง
ผมขึ้นกับ 1. กฎแรงดึงดูด
2. กฎแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้
ผู้สรุปก็เห็นด้วย2ข้อนี้
ตอนประถม ดูการ์ตูน เรื่อง ดร K เลยไปเรียนหมอ ผมไม่ฉลาด พอ entranceติด ไปช่วยชาวบ้าน เลยอยากเป็นหมอ บนดอย
แต่มีเหตุการณ์ใช้ทุน เลยไปที่พิษณุโลก ชอบเฉพาะทางเรื่องกระดูก ในระหว่างนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงความต้องการไปเรื่อยๆ
พอใช้ทุนหมด ไปเรียนต่อ โดยไม่ต้องขอทุน คิดว่า อยู่นี่น่าจะมีคนแนะนำ
ปรากฏว่าคนสอบ มี 8 คน , 6 คนได้ส่งเรื่องขอทุนแล้ว อีก 2 คนรวมผม ไม่ได้ขอทุน
ช่วงนั้นเปิดร้านอาหาร ก็ไปไม่รอด ระหว่างนั้นซื้อหนังสือเล่มนึง ชื่อว่า ตีแตก ผมไม่เคยรู้จักการเงิน
เราอยากประสบความสำเร็จ ยกมือไหว้ อยากมีโอกาสไปพบกราบ ดร นิเวศน์ มีแรงดึงดูดให้เป็นเกี่ยวข้องกัน
เคยดูรายการช่อง 9 ก็พบ อจ เสน่ห์
ช่วงนึง ไปอบรมเจอ ดร เลยพยายามไปหาดร ไปวิ่งเหมือน ดร นิเวศน์ จะได้ไปทำความรู้จัก
เข้าสมาคมไทยวีไอ รู้จักคนมากมาย เรียนรู้หลายแนวทาง
ปีนี้ ผลตอบแทน ขึ้นสูงสุด แต่ก็มีลง สลับกันไป เลยอยากพัฒนาความรู้ เลยไป US ประชุมที่ Berkshire
ผมเรียนรู้ว่า ว่าที่ Newyork คนที่นั่นคุยแต่ โฟสต์สวาเก้น แต่คนไทยพูดแต่ เทสล่า
เขาแปลกใจ เพราะ วีไอ ควรลงแต่ Super stock
เขาคาดหวังผลตอบแทนแค่ 5-10% ต่อปี
ต่อมาไปบอสตัน เจอฝรั่ง อายุ 60-70 ปี ถามเขาว่า ทำอะไร
คุณป้าบอกว่า เรียนภาษาอิตาลี เปรียบเทียบกับเรา ฟัง opportunity day แค่ฟังไม่นานก็ง่วงนอนแล้ว
เปรียบเทียบกับคุณป้าที่เรียนรู้ตลอดเวลา
เริ่มรู้สึกว่าคนที่นั่นเรียนรู้ตลอดเวลา มีการพัฒนาตัวเอง พัฒนาความคิด
ตอนไป ซิลิคอนวัลเลย์ คุณเผ่าจาก Jittaแนะนำไป และสามารถเข้าไปดูบริษัทใหญ่ เช่น Google , Airbnb , FB
เราได้เห็นวัฒนธรรมที่นั่น จริงๆคนไทยเก่งเยอะแต่ไปทำงานอยู่ที US แต่ละคนทุ่มเทมาก
ตื่น 6 โมง ไปวิ่ง เสร็จก็กลับมานั่งสมาธิ และ เริ่มเทำงานจนดึกดื่น
เปรียบกับเรา คนอื่นเก่งกว่ามาก เอาพลังมาปรับตัวเอง พัฒนาความคิดในการลงทุน
คุณมี่ ฉายา ตีแตกt
เล่มแรกที่อ่านคือ รวยหุ้นอย่างพอเพียง หน้าปก ดร ยืนคู่กับควาย
ผมอยากรวยตั้งแต่เด็ก แต่เรียนหนังสือแค่ ม 3 ทำธุรกิจต่างๆ
มีเงินเยอะจากการเปิด internet cafe จนมีเงิน 10 ล้านบาท ไม่นับรถและบ้านต่างหาก
ผมเป็นคนไม่ค่อยใช้เงิน ผมอยากเก็บเงิน
จุดต่างคือ หลังเก็บเงินได้ 10 ล้านบาท รู้สึกว่าตัวเอง รวยมาก เลยเลิกร้านเกม
เด็กที่ร้านเกมเลยไปเรียนหนังสือ และ หลังจบก็ไปทำงานที่ SCG แทนคุณกานต์ที่มาสอนน้องคนนี้ก่อนลาออกไป
หลังจากมีเงิน 10 ล้านบาท อยู่บ้านเฉยๆ เดินตามห้าง บอกตัวเองว่ารวยมาก
ไปช่วยภรรยาขายหมูยอ รายได้ไว้กินใช้ในบ้าน
จุดเปลี่ยน ก็คือ วันนึงมาส่งหมูยอที่ เอสพลานาด เดินเล่น ขณะที่ ดร นิเวศน์ มาโปรโมทหนังสือ คนมาฟังรวม 11 คน ช่วงปลายปี 2007
ผมฟังแล้ว มันคลิกบางอย่าง อจ นิเวศน์ เล่าถึงธุรกิจทุกอย่าง เช่น หุ้นบริษัท SF เราฝากคนอื่นทำธุรกิจ
ดร สอนว่า ถ้าเราได้ผลตอบแทน 20กว่า% จะได้ เลข 0 เติมข้างหลังทุกๆสิบปี
คุณมี่ พึ่งรู้เรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีใครพูดถึงดอกเบี้ยทบต้นมาก่อน
ตอนนั้น อจ นิเวศน์มี port 300 กว่าล้านเอง ผมเลยไปซื้อหนังสือของ ดร 10 กว่าเล่ม
หนังสืออ่านง่าย คืนนั้นมาคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้น คูณดูหลายรอบ ก็ปรากฏว่าได้จริง แต่ภรรยาไม่เห็นด้วยในเรื่องการลงทุน
เพราะคุณมี่ไม่มีคุณสมบัติอะไรเหมือนดร นิเวศน์เลย
อจ เสน่ห์ บอกว่า เหมือนกันที่ใช้รถเก่า
ผมอ่านหนังสืออาจารย์ตอนดึกๆ เลยอินมาก มันใช่เลย
หลังจากอ่านจบ มีกำลังใจ เชื่อว่าเราเป็นนักลงทุน
เลยมาเจอเหตุผลในการลงทุนแนววีไอ เลยไปบอกภรรยา ที่เหมือนกันคือมีลูกสาว และ ภรรยาที่สวยมากเหมือนผม ชื่อเก๋เหมือนกัน
ถือว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการลงทุนเหมือนดร แล้ว คุณกวี บอกว่ามีผมน้อยเหมือนดร
ตามบทความ ดร ทุกสัปดาห์ และตามฟัง FM 96.5 ด้วย มันผูกกับที่เขียนบทความ
ตอนนั้น นักลงทุนหลายคน มี port การลงทุนตอนนั้นหลายคน ไม่เยอะ แต่สนิทกันมาก เขาอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกๆ
มีคำถาม ถามคนเก่งๆ วนๆไปใน Thaivi webboard
ได้ความรู้มากมาย ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า load งบจากที่ไหน จนเข้าใจกระจ่าง
นักลงทุนวีไอ มีน้อยใน USA ไอเดียการลงทุนที่นั่นหายากมาก เช่น บัฟเฟต ก็ไม่บอกแนวทางการลงทุน
สัมมนาความรู้ ต้องเสียเงินหลายแสนบาท
แต่เลี้ยงดร นิเวศน์ ชาเขียวแค่นั้นก็บอกแล้ว
มีกูรูไอดอลในไทย ไม่หวงแหนความรู้
ตอนนี้อยู่ในเส้นทางวีไอชัดเจน โชคดี เชื่อคนง่าย และ เชื่อถูกคน
คำถามที่สอง แนวทางการลงทุนใช้แบบไหน
คุณกานต์ ตอบว่า แนวทางมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตลอด พยายามพัฒนา 3-5 ปีที่ผ่านมา มองว่าปัจจัย
1. มองที่ตัวธุรกิจ บริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ไม่มองบริษัทที่มีแนวโน้มแย่ลง หรือ แข่งขันสูงขึ้น
2. ความคาดหวังเกี่ยวกับตัวหุ้น หุ้นที่คนตามเยอะ PE สูง จะไม่ลงทุน ธุรกิจที่ดีแต่ซื้อในราคาที่แพง ก็มีความผิดพลาดสูง ก็ไม่ลงทุน
การลงทุนระยะยาว ต้องป้องกันการขาดทุนด้วย เริ่มต้นด้วยเงินไม่เยอะ อายุน้อย จะมีโอกาสมาก แต่ต้องรอเวลาเป็น 10 ปี
หมอเค ช่วงที่อยู่ US เคยพลาดการลงทุน เดิมเราเป็นหมอ port โตระดับนึง เราคิดว่าเก่งมาก
แต่พลาดหุ้นตัวนึง เพิ่มทุนเท่าตัว เปิดมาราคา Floor เลย แต่เราอยู่US ซึ่งเป็นช่วงกลางคืน เครียดมากนอนไม่ได้
เราเลยเปลี่ยนแปลง กลับมาคิดว่าเรามีจุดเด่นอย่างไร ไม่อึดเหมือนกานค์ ไม่เก่งเหมือนคุณกวี หรือ มี๋
แต่ผมมีแต้ม่ต่อ คือ ภรรยาเป็นนักวิเคราะห์ สุดท้ายทบทวนว่า เราเป็นคนชอบหนังสือ เลือกได้หนังสือได้เก่ง
มีโอกาสสัมภาษณ์ ผู้บริหารมาก สามารถแยกแยะประเภทผู้บริหารได้
ถ้าเราลงทุน เหมือนขึ้นเรือไปหาสมบัติ หน้าที่ของเราดูคนพายเรือ หรือผู้บริหารเป็นคนอย่างไร เช่น เพิ่มทุน
และอันดับที่สอง ก็ดูว่าเรือมีสภาพเป็นอย่างไร
ผู้บริหารที่เก่ง เขาพายเรือสวนทาง หรือ ไม่ทำอะไร ในภาวะวิกฤต
เลือกเรือที่เก่ง ผู้บริหารที่เก่ง
บริษัทมี 2 ประเภท คือ
1 Great company สะเทือนน้ำ บก ถึงเจอวิกฤต ก็สามารถกลับมาได้
2 Good company ราคาถูก ซื้อเสร็จแล้วหุ้นลง เพราะไม่ตั้งใจทำธุรกิจให้ดี
ดังนั้นการศึกษาผู้บริหารว่าเป็นคนอย่างไร
วิธีการเจอผู้บริหาร คือ เราทำอะไรกับการลงทุนบ้าง ผมเชื่อเรื่องกฎแรงดึงดูด มีความ passion
ว่าเราจะเจอผู้บริหาร และ บริษัทที่เราอยากเจอ ในที่สุดเราก็ได้เจอจริงๆ
รายการ opportunity day เราสามารถดูลักษณะของผู้บริหารได้ คนที่เก่ง สามารถฟันฝ่าธุรกิจได้
ถ้าเราพัฒนาตัวเอง เราจะเจอแนวทางที่ถูกกับตัวเอง
ส่วนคุณกวี หลักการแนววีไอ มี 6 เรื่อง
1. ต้องมีความรู้ในแนวถนัด
2. รอซื้อในราคาที่ถูก แต่คุณวอร์เรน บอกว่า ซื้อในราคาที่เหมาะสม ก็สามารถได้ผลตอบแทนที่ดีได้
3. ถือหุ้นระยะยาว
4. กระจายความเสี่ยง
5. ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
6. นิสัยของวีไอที่ร่วมกัน มาจากคำขวัญวันเด็ก ได้แก่ ขยัน ประหยัด อดทน ซื่อสัตย์ มีความรู้ ไฝ่ฝันแต่ความดี ถ้าปฏิบัติตามนั้นจะเป็นวีไอ
ถ้าเราไม่ซื้อ iPhone ราคาอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 24,500 บาท 30 ปีได้ 9 แสนบาท
ถ้าคุณทำดี จะได้ผลตอบแทนที่ดี สิ่งที่ยากคือ การมีนิสัยวีไอ ซึ่งวีไอทุกคนมีนิสัยร่วมกัน
ถ้าพวกเรารู้ว่า นิสัยไม่ใช่แบบวีไอ ก็หาทางอื่น เช่น Peter lynch ลงทุน ใน Growth stock ก็ได้
สำรวจนิสัยของตัวเอง ยิ่งขยันหาความรู้
สิ่งที่เสี่ยงของการลงทุน คือ ความไม่รู้ เช่น ไม่เข้าใจธุรกิจที่ดีพอ ตัวอย่างเช่น หุ้น LEE นึกว่าขายกางเกงยีนส์ , MK นึกว่าขายสุกี้
ให้รู้นิสัยก่อน จึงเลือกวิธีการลงทุนให้ถูกกับนิสัย
หมอเค เสริมว่า สิ่งเรียนรู้ เรื่อง เรือ ผู้บริหาร ROE ผู้บริหารสั่งเพิ่มทุนไปเรี่อยๆ ไม่ดี แต่เพิ่มสั้นๆพอรับได้ หรือ ROA เพิ่มทรัพย์สินไปเรื่อยๆก็ไม่ดี
ทั้งสองเคส ทำให้ผลตอบแทนต่อทุน และ สินทรัพย์ต่ำลง
เวลาในการลงทุนของแต่ละคน 24 ชม เท่ากัน ใครใช้เวลากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการลงทุน ควรแก้ไข เช่นเสียเวลาไปกับ Social
ต่อมาประสบความสำเร็จ เราเริ่มมีเงินมากขึ้น อยากซื้อบ้าน รถแพงๆ ซึ่งไม่ได้สร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ เรามีความอีโก้เกินไป
นิสัยวีไอ อยู่อย่างต่ำ ทำอย่างสูง ใช้เวลาที่คุ้มค่ามากที่สุด ตามที่ ท่านพุทธทาสพูด
คุณมี่พูดถึง แก่นวีไอ
1. ซื้อหุ้น undervalue แต่หาหุ้นยากมากๆ อาจเป็นหุ้นที่จะโตเยอะๆในอนาคต แต่ตอนนี้ดูแพง
เพื่อนสอนลงทุนว่า อะไรที่สำคัญที่สุดในการลงทุน ซึ่งก็คือ ภาพธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เหมือน คุณวอร์เรนบอกว่า ซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจ
2 ธุรกิจต้องโต
3 ราคาไม่แพง ไม่เอาเปรียบเรา
4 บริษัทน่าเชื่อถือ
เสริมที่หมอเคพูดถึงคุณวอร์เรน ชอบธุรกิจที่ผู้บริหารเป็นใครก็ได้ บริษัทโตด้วยตัวของมันเอง แต่ตอนนี้แข่งขันรุนแรงขึ้น อาจเปลี่ยนแปลงได้
วันนี้ผมเห็นธุรกิจเติบโต หรือ เห็นผู้บริหารที่มองว่าจะโต ก็จะไปร่วมธุรกิจของเขา
หมอเค เสริม คุณวอร์เรนก็มีแนวลงทุนเปลี่ยนแปลงตามเวลา ตอนนี้มาซื้อสายการบินแล้ว
คุณมี่พูดต่อ เราต้องรู้รายละเอียดของธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่ง
หาผู้บริหารที่มีความสามารถ และอยากจะรวยด้วย
ถ้าเราไปร่วมหุ้นด้วย โอกาสโตตามเขาได้
ให้ระวังเรื่อง การจำกัดความผิดพลาด และ ปิดความผิดพลาดให้ทัน
บทเรียนความผิดพลาด คือ ทำกำไรในธุรกิจเร็วๆ แต่ยอมขาดทุนในธุรกิจไม่ดี ถือในระยะเวลาที่นาน
ดร นิเวศน์ เอาความสำเร็จของ 4 ท่านว่ามีส่วนร่วมกันดังนี้
1. มีความฝันตั้งแต่เด็กๆ
2. ใฝ่หาความรู้แปลกๆ เสาะแสวงหาไปด้วย
3. เลือกเป็นวีไอ
4. มีนิสัยแบบ วีไอ เช่นนิสัยแบบ คำขวัญวันเด็ก
5. โชคดีที่เข้ามาในตลาด ในช่วงทศวรรษทองของวีไอ วีไอประเทศอื่นสู้วีไอไทยไม่ได้
ถ้าเดินตามstepที่ว่า แต่อาจใช้เวลาสัก 30 ปี ถือว่าดีกว่าแนวทางอื่น
อจ เสน่ห์ ว่า คนเกิดก่อนไม่ใช่ว่าจะเก่งกว่าคนเกิดทีหลัง
สุดท้าย อจ ไพบูลย์ สรุปว่า มิติมีหลายแบบ แบบนี้เป็นเรื่องความมั่งคั่ง ร่ำรวย แต่ sectionก่อนหน้า อยู่เหนือกว่าความร่ำรวย เราจะไม่มีความทุกข์ ถ้าเราไปได้ จะไม่มีความทุกข์
กรรมของใคร ของเขา รับเอง เป็นเรื่องของแต่ละคน