หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนส์เหมือนเดิม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 02, 2016 8:06 pm
โดย Thai VI Article

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ผู้คนต่างก็คิดว่าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก  สิ่งต่าง ๆ  เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากมาย  เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและทำไม่ได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ต้องพูดถึงคนในยุคก่อน  ยิ่งถ้าเรานึกถึงคนในยุคก่อนอารยะธรรมที่ยังอาศัยอยู่ในถ้ำเมื่อกว่าหมื่นปีที่แล้วก็แทบจะเรียกว่าชีวิตและกิจกรรมของคนเปลี่ยนไปจาก “หน้ามือเป็นหลังมือ” ทีเดียว  แต่ถ้าเราคิดลึกและศึกษาชีวิตของคนจากพื้นฐานจริง ๆ  แล้วก็จะพบว่า  สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนน้อยมากในช่วงกว่าหมื่นปีมานี้ก็คือ “ยีนส์” ของมนุษย์  ยีนส์ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ในตัวเราทุกคนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก  มันมีหน้าที่หรือภารกิจที่สำคัญเพียงสองสามประการนั่นก็คือ  เอาตัวให้รอดและเผยแพร่ยีนส์ของมันต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดในโลกที่ “เต็มไปด้วยอันตรายและอยู่ได้อย่างยากลำบาก” ในช่วงกว่าหมื่นปีที่ผ่านมา  ยีนส์ได้สร้าง “ร่างกาย”  ของคนขึ้นมาเพื่อที่จะเป็น “ยานพาหนะ” ที่จะนำพาให้ยีนส์บรรลุภารกิจนั้น   ร่างกายมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมานับล้านปีมาแล้วและวิวัฒนาการมาจนเป็นคนอย่างที่เรารู้จักในวันนี้  เป็นร่างกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่จะเอาตัวรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์มาตั้งแต่หลายหมื่นปีมาแล้วที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าสัตว์อื่นทั้งมวลและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

    คนเอาตัวรอดและสามารถขยายจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะมีสมองที่ใหญ่โตและคิดเก่งกว่าสัตว์อื่น  คนมีอารมณ์ของความรัก โลภ โกรธ หลง ดีใจ  เสียใจ กล้า กลัว และอื่น ๆ อีกมากที่เป็น “สัญชาตญาณ” ที่จะทำให้เขาสามารถเพิ่มโอกาสในการเอาตัวรอดและเผยแพร่พันธุ์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ   คนสามารถคิดและสร้างเครื่องมือรวมถึงสร้างวัฒนธรรมในการร่วมมือกันเพื่อหาอาหารและปัจจัยต่าง ๆ  เพื่อเพิ่มโอกาสของความอยู่รอดและการเผยแพร่เผ่าพันธุ์ในขณะที่สัตว์อื่นทำไม่ได้  ประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เพิ่งเริ่มมาซักประมาณแค่หมื่นกว่าปีบอกให้เรารู้ว่ากิจกรรมทุกอย่างหรือพฤติกรรมของมนุษย์ตลอดมานั้นก็คือความพยายามที่จะ “เพิ่มโอกาส” การอยู่รอดและเผยแพร่พันธุ์ของตนหรือของแต่ละคน

    ภารกิจการ “เพิ่มโอกาส”  เอาตัวรอดและเผยแพร่พันธุ์นั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับหลักการที่เป็นพื้นฐานก็เหมือนเดิม  เพียงแต่วิธีการอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตาม “เทคโนโลยี” ที่ก้าวหน้าขึ้นซึ่งมักจะเป็นเรื่องของการทำได้แม่นยำขึ้น  เร็วขึ้น  และที่สำคัญ  มีประสิทธิภาพสูงขึ้น  ตัวอย่างเช่นในเรื่องของการเรียนรู้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเอาตัวรอดนั้น  การสื่อสารระหว่างคนเป็นสิ่งพื้นฐานที่จำเป็นและมันไม่เคยเปลี่ยนไป  สิ่งที่เปลี่ยนก็คือการมีตัวอักษรและภาษาเขียนที่ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น  ต่อมาการมีกระดาษและเครื่องพิมพ์ก็ทำให้การเรียนรู้ทำได้กว้างขวางรวดเร็วและประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก  จนกระทั้งล่าสุดที่มีการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตที่ทำให้การสื่อสารด้านนี้ขึ้นสู่  “จุดสูงสุด”

    เช่นเดียวกับการเรียนรู้  การสื่อสารเองนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญมากต่อการเอาตัวรอดและเผยแพร่พันธุ์  ในอดีตเราก็อาศัยเสียงพูดหรือเสียงร้องเป็นส่วนสำคัญแทบจะประการเดียว  การติดต่อกันทำได้แค่ในรัศมีแคบ ๆ  ไม่กี่เมตร  ต่อมาเราก็มีกลอง  อาจจะมีนกพิราบที่จะส่งสัญญาณติดต่อที่ไกลมากขึ้น  ต่อมาก็ใช้สายไฟและคลื่นวิทยุและสุดท้ายที่แพร่หลายกันไปทั่วโลกก็คือโทรศัพท์มือถือที่เป็น “สุดยอดของการสื่อสาร” ของมนุษย์

    การแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างคนนั้น  เป็นหลักสำคัญของการเอาตัวรอดและเผยแพร่พันธุ์  มนุษย์น่าจะทำมาตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์และมันก็เป็นภารกิจที่เป็นพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยน  เริ่มต้นคนก็อาศัยวิธีการ  “ยื่นหมูยื่นแมว”  เอาสิ่งที่ตนเองมีมากเกินไปแลกกับสิ่งที่ตนเองมีน้อยเกินไปโดยการส่งมอบให้กันและกัน  ต่อมาก็มีระบบ  “เงินตรา” ตั้งแต่สินค้าที่เป็นของกลางเช่นข้าวหรือใบยาสูบไปจนถึงเปลือกหอยถึงโลหะมีค่าเช่นแร่เงินจนถึงธนบัตรและในที่สุดก็กลายเป็น  “ตัวเลข” เงินในธนาคาร และในที่สุดก็อาจจะเป็นตัวเลขเงินในอากาศเช่น “บิทคอย”  ที่จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการคิดอัตราแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างคน  นอกจากนั้น  การยื่นหรือกระจายสินค้าแลกเปลี่ยนเองก็มีวิวัฒนาการตั้งแต่การตั้งแผงในตลาดสดไปจนถึงการเปิดร้านค้าแบบดั้งเดิม  ต่อมาก็เป็นการค้าปลีกสมัยใหม่  และล่าสุดก็คือเรื่องของ E-Commerce หรือการค้าขายผ่านอินเตอร์เน็ต  ซึ่งก็เป็นระบบที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบันสำหรับสินค้าจำนวนมาก

    การชอบเดินทางไปไกล ๆ  เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ  นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในยีนส์มนุษย์  นี่ก็วิวัฒนาการมาตั้งแต่การใช้ขาไปจนถึงการใช้ล้อเช่นเกวียนและรถม้าจนถึงรถไฟ  เรือ  รถยนต์  เครื่องบิน  ทั้งหมดทำให้การเดินทางเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ  เช่นเดียวกับความปลอดภัยและถึงที่หมายตรงเป้าที่เดิมอาจจะต้องดูดาวหรืออาศัยเข็มทิศซึ่งต่อมาพัฒนาขึ้นจนสามารถกำหนดจุดพิกัดโดยระบบ GPS ที่เป็น “ความแม่นยำสุดยอด”  ที่มาจากการพัฒนาระบบดาวเทียมที่ถูกยิงขึ้นสู่วงโคจรของโลก  พูดถึงเรื่องการเดินทางนั้นผมเห็นจะต้องพูดถึงเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวที่กำลังเริ่มเข้ามา  “แทนที่”  รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในอนาคตที่ไม่ไกลนัก  เพราะนี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิวัฒนาการที่เกิดจากเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเดินทางที่เป็นภาระกิจของมนุษย์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง  และรถยนต์ไฟฟ้าก็น่าจะกำลังกลายเป็น  “เมก้าเทรนด์”  ในเร็ว ๆ  นี้

    ความต้องการเพิ่มโอกาสเผยแพร่เผ่าพันธุ์ของยีนส์มนุษย์นั้นทำให้คนเราต้องการมีคู่และอยู่กันเป็นคู่   การเพิ่มโอกาสหาคู่ที่เหมาะสมนั้น  สำหรับเพศหญิงและชายอาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง  รูปร่างหน้าตาที่ดีนั้น แน่นอน เป็นสิ่งที่พึงประสงค์ของทั้งสองเพศ  ร่างกายที่เพศหญิงชอบนั้นก็คือชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงประเภท “ซิกแพ็ค”  ส่วนผู้ชายนั้นชอบผู้หญิงที่หน้าตา “สวย” ผิวขาวเนียนและแก้มเป็นสีชมพู  ผมสลวยสวยเก๋มีน้ำหนักไม่แตกปลาย  ส่วนรูปร่างที่ผู้ชายชอบก็คือ  ผู้หญิงที่มีหน้าอกโตเอวคอด สะโพกผาย  นอกจากร่างกายแล้ว  ผู้หญิงมักจะอยากได้ผู้ชายที่เก่ง  ใจดีและที่สำคัญ  “รวย”  ซึ่งมีความสำคัญบางทียิ่งกว่าร่างกาย ทั้งหมดนั้นมีที่มาที่ไปในเรื่องของการอยู่รอดและการเผยแพร่พันธุ์ที่ผมไม่มีเนื้อที่พอที่จะอธิบาย  แต่ประเด็นก็คือ  การเพิ่มโอกาสในการแพร่พันธุ์หรือหาคู่ที่มนุษย์ทำมาตลอด  เริ่มตั้งแต่การแต่งหน้าและแต่งตัวของหญิง  การ“โชว์พลัง” และการแข่งกีฬาของผู้ชาย  ต่อมาก็มีเรื่องของเครื่องสำอางสารพัดตั้งแต่ศีรษะจดเท้า  จนถึงเรื่องของศัลยกรรมพลาสติกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์

    ที่เขียนมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของกิจกรรมและพฤติกรรมของคนที่ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ  และดูสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ    แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้วมันมีขึ้นเพื่อเสริมภารกิจหลักเพียงสองเรื่องใหญ่ ๆ  ของยีนส์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงดังที่กล่าว  สิ่งใหม่ ๆ  ที่เกิดขึ้นและจะกลายเป็น “เมก้าเทรนด์” นั้น  ดูไปแล้วก็จะเป็นเรื่องของการทำ “ภารกิจเดิม”  ด้วยวิธีที่แม่นยำมีประสิทธิผลขึ้น  เร็วขึ้น  และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก  โดยอาศัยเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ที่มี Economies of Scale ที่ทำให้ประหยัดขึ้นมากจากปริมาณการผลิตหรือให้บริการที่มากขึ้น

    ก่อนที่จะจบ  ผมเองอยากจะเตือนให้เราตระหนักว่า  ในเรื่องของอารมณ์ซึ่งติดมากับยีนส์นั้น  ในช่วงกว่าหมื่นปีที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก  พฤติกรรมและปฏิกิริยาตอบสนองของเราต่อสิ่งแวดล้อมที่เข้ามากระทบก็ยังคล้ายกับของเดิมเมื่อคนเรายังอยู่ในป่า  เราวิ่งหนีไม่คิดชีวิตเมื่อเจอสัตว์ร้ายในยุคนั้น  ถึงปัจจุบันเราก็ยังรู้สึกต้องรีบ “หนี”  หรือขายหุ้นทันทีเมื่อหุ้นตกหนัก  เพราะนี่คือสัญชาตญาณที่ช่วย “เพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของคน”  แต่ในกรณีของหุ้นนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง  เพราะหุ้นที่ตกนั้นอาจจะไม่ใช่เวลาขาย  และนี่ก็เป็นประเด็นที่ต้องระวังว่า  เวลาลงทุน  เราจะต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงเหตุผลมากกว่าอารมณ์  เพราะโอกาสในการเอาตัวรอดของเราจะสูงกว่า
[/size]

Re: สรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนส์เหมือนเดิม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 02, 2016 8:15 pm
โดย วิมานดิน
ขอบคุณครับ

Re: สรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนส์เหมือนเดิม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 03, 2016 6:03 am
โดย prasertpra
ขอบคุณครับ

Re: สรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนส์เหมือนเดิม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 03, 2016 2:10 pm
โดย prajuvb
นึกว่าอจ.พูดถึงกางเกงยีนส์ เตรียมลุยMc

Re: สรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนส์เหมือนเดิม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2016 8:54 pm
โดย syj
prajuvb เขียน:นึกว่าอจ.พูดถึงกางเกงยีนส์ เตรียมลุยMc
คิดเหมือนกันเลยครับ ตอนเห็นหัวเรื่อง