หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สรุปจากงานสัมมนา 8 เซียนหุ้นหมื่นล้านสัญจรหาดใหญ่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2016 7:58 pm
โดย dojii
ขอโพสต์ในห้องรวมอีกทีครับ ของเดิมโพสต์ในห้อง VI หาดใหญ่

สรุปจากงานสัมมนา 8 เซียนหุ้นหมื่นล้านสัญจรหาดใหญ่ "ฟัง วิเคราะห์การลงทุน เพื่อให้คุณคิดได้อย่างเซียน" วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559 ช่วง "เลือกสุดยอดหุ้น เพื่อนักลงทุนภาคใต้" โดยมี คุณสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเทคโนเมดิคัลจำกัด (มหาชน) (TM) คุณธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอกชีทเม็ททัลจำกัด (มหาชน) (BM) คุณปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอทีพี30จำกัด (มหาชน) (ATP30) ร่วมเสวนา

ATP30 - ทำธุรกิจให้บริการขนคนให้กับโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมไม่สามารถพักอาศัยอยู่ภายในได้ พนักงานกับโรงงานอยู่ห่างกันจึงเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ อีกทั้งเดิมวงจรธุรกิจขนคนโรงงานไม่ค่อยมีใคร Happy ทั้งพนักงานบริษัท คนขับรถ เจ้าของรถ เจ้าของธุรกิจ ทาง ATP30 จึงปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อให้ทุกคน Happy

รูปแบบธุรกิจเป็นการทำสัญญาระยะยาว 5 ปีกับโรงงานในการขนบุคคลากรของโรงงาน รายได้ส่วนใหญ่รับตรงจากโรงงาน ปัจจัยสำคัญของธุรกิจคือการควบคุมต้นทุน

หลังเข้าตลาดได้มีการพัฒนาธุรกิจ VVS (VIP Van Services) เพื่อรองรับบุคคลากรระดับสูงของโรงงานที่ต้องหารถเช่าจากที่อื่นใช้บริการ นอกจากนี้มีการร่วมกับคอนโดแสนสิริทดลอง Shuttle Bus Services ขนลูกค้าคอนโดวิ่งรับส่งไปกลับระหว่างคอนโดกับสถานีรถไฟฟ้า

BM - ปีนี้ครบรอบปีที่ 21 ของบริษัท สินค้าดั้งเดิมเป็นพวกรางเดินสายไฟ ท่อร้อยสายไฟ พัฒนาต่อมาเป็นสินค้าแปรรูปโลหะ มีรับทำตู้สื่อสารทำ OEM ให้กับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (ตู้บุญเติม) นอกจากนี้ยังมีงานเชื่อมประกอบขนอุปกรณ์ยานยนต์ไปต่างประเทศ ทำชิ้นส่วนให้กับคูโบต้า เช่น รถเกี่ยวข้าว รถตัดอ้อย ชิ้นส่วนแอร์เทรน

สินค้าแบ่งเป็นหมวดหลักๆ ได้ 2 หมวด คือ หมวดงานระบบ จำพวก Metal Tanking, ตู้สวิทซ์บอร์ด กับหมวด B2B จำพวกงานกับคูโบต้า ตู้สื่อสาร

จุดเด่นของบริษัท คือ บริการดี มีคุณภาพ ส่งของตรงเวลา ในราคาที่จับต้องได้

ตั้งเป้าการเติบโต 10 - 20% แม้ปัจจุบันโครงการเมกะโปรเจ็คของภาครัฐจะล่าช้า แต่ยังคงเป้าไว้เหมือนเดิม

TM - ประกอบธุรกิจนำเข้า จัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ รวมถึงสินค้าใช้แล้วทิ้ง ใช้ทุกวัน ให้กับโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนประมาณ 500 แห่ง

สินค้าหลักมีทั้ง สินค้าสำหรับห้องผ่าตัด ได้แก่ มีดผ่าตัด ถุงมือผ่าตัด เครื่องมือผ่าตัด สินค้าทำให้ปราศจากเชื้อ ได้แก่ ซองใส่เครื่องมือ น้ำยาล้างเครื่องมือ สินค้าสำหรับห้องบริจาคเลือด และสินค้ากลุ่มที่ใช้ผ่าตัดหัวใจ ได้แก่ ปอดเทียม เครื่องฟอกปอดเทียม ลิ้นหัวใจ

บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปี 2545 ยอดขายประมาณ 20 ล้านบาท ปี 2558 ยอดขาย 510 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี ตั้งเป้าปี 2559 เติบโต 20%

ปัจจุบันบริษัททำหน้าที่เป็น Distributor เริ่มมีการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองในบางสินค้า เช่น ซองปราศจากเชื้อ จุกสเตอร์ไลน์ Tube ปราศจากเชื้อ โดยการสั่ง OEM ให้ผลิตแบรนด์ของบริษัท

ต่อจากนี้จะมีสินค้าผู้สูงวัยเพิ่มเข้ามา ต้องการให้มีสินค้าสำหรับผู้สูงวัยแบบครบวงจรตั้งแต่น้ำยาทำความสะอาด แพมเพิร์ส จนกระทั่งเตียงผู้ป่วย สำหรับเตียงอาจทำเป็นระบบเช่าด้วยเพราะเตียงบางแบบราคาสูงมากหลักแสนบาท

ATP30 - ปัจจุบันบริษัทโฟกัสอยู่ที่ภาคตะวันออกมี Market Share น้อยกว่า 5% จากโรงงานอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกมากกว่า 5,000 โรงงาน

เงินที่ได้จาก IPO ส่วนหนึ่งนำไปลดหนี้ แล้วซื้อสินทรัพย์ (รถ) เพิ่ม นอกจากนี้ยังได้เพิ่มระบบการติดตามการเดินรถรวมถึงการซ่อมบำรุง สามารถควบคุมต้นทุนซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจได้ดีขึ้น GPM และ NPM มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

BM - เงิน IPO นำไปขยายโรงงาน ปรับปรุงเครื่องจักรและคลังสินค้า ปัจจุบันพยายามหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีการพัฒนารถไฟฟ้า (EV) ร่วมกับลาดกระบังและมหานคร ทำตุ๊กๆ 3 ล้อ

TM - เงิน IPO ช่วยลดภาระดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังนำไปเพิ่มไลน์สินค้าและขยายกลุ่มลูกค้าจากกลุ่มโรงพยาบาลขนาด 300 เตียง ไปยังโรงพยาบาลขนาด 100 เตียงเพิ่มขึ้น เริ่มผลิตเครื่องมือแพทย์ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง มองโอกาสขยายไปยังประเทศในอาเซียนต่อไป

Re: สรุปจากงานสัมมนา 8 เซียนหุ้นหมื่นล้านสัญจรหาดใหญ่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 27, 2016 7:59 pm
โดย dojii
สรุปจากงานสัมมนา 8 เซียนหุ้นหมื่นล้านสัญจรหาดใหญ่ "ฟัง วิเคราะห์การลงทุน เพื่อให้คุณคิดได้อย่างเซียน" วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559 ช่วง "เซียนรุ่นใหญ่ ไขความลับลงทุน" โดยมี ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร คุณอนุรักษ์ บุญแสวง (โจ ลูกอีสาน) และคุณโสรัตน์ วณิชวรากิจ (เคน) ร่วมสัมมนา

ดร.นิเวศน์ - ชอบมองภาพใหญ่หากมองจากกราฟ SET Index ระยะยาวคิดว่าตลาดหุ้นช่วงนี้น่าจะอยู่ในช่วงยอดดอยของตลาดครั้งที่ 2 ครั้งแรกตอนปี 2536 - 2537 ที่ดัชนี 1,700 กว่าจุด เป็นช่วงที่น่าหวาดเสียวเริ่มรู้สึกกลัว

ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าไม่ถูก PE สูงกว่าปกติ ปกติ PE ตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 10 ต้นๆ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา 2 - 3 ปีชะลอตัวอย่างรวดเร็วจาก 5% เหลือเพียง 2 - 3% คนไทยแก่ตัวลงเรื่อยๆ โอกาสที่จะโตเร็วเหมือนในอดีตยากขึ้น

2 ปีที่ผ่านมา ดร.นิเวศน์ ตัดสินใจลดพอร์ตลงจากที่เคยถือหุ้น 99% ปัจจุบันเหลือประมาณ 50% เป็นหุ้นเวียดนามประมาณ 9% (หุ้นเวียดนามเติบโตจาก 5 - 6% เป็น 9%) เงินสดมากกว่า 40% สถานการณ์ปัจจุบันเป็นภาวะที่มีเงินแต่ไม่รู้จะซื้อหุ้นตัวไหน

ด้านตลาดหุ้นเวียดนามเห็นได้ชัดว่าเวียดนามกำลังโตไวมาก ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาน่าทึ่งน่าประทับใจ เวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอีกไม่นานการส่งออกของเวียดนามจะแซงเมืองไทย ในขณะที่ไทยกับเวียดนามถือว่าเป็นคู่แข่งกันโดยตรง

การลงทุนในไทยโอกาสที่จะเติบโตเร็วๆ ในอนาคตอาจจะไม่ได้แล้ว กำลังทบทวนว่าอย่าไปลงทุนในหุ้นมากเกินไป

คุณเคน - กลยุทธ์การลงทุนปีนี้ลดพอร์ตตั้งแต่ต้นปี ขายมาเรื่อยๆ ขึ้นก็ขาย ลงก็ขาย มองว่า Fundamental แพง แต่เนื่องจากสภาพคล่องมีเยอะมากหุ้นจึงขึ้นต่อ สภาพตลาดปัจจุบันเริ่มเพี้ยนจากตลาดลงทุนเป็นตลาดเก็งกำไรใกล้จบรอบ

ปัจจุบันมีพอร์ตหุ้น 60% เงินสด 40% จากที่ไม่เคยถือเงินสด ตอนนี้โยน Wealth ไปลงที่ดินคิดเป็นสัดส่วน 70 : 15 : 15 คือมีที่ดิน 70% หุ้น 15% กิจการที่ทำ 15%

คุณโจ - ตอนนี้ลดพอร์ตลงเหมือนกัน ช่วงกลางปีถือเงินสด 40% จากที่ไม่เคยถือเลย กลัวว่าถ้ามีอะไรกระทบกับตลาดมันอาจจะตกอย่างรวดเร็ว ผลตอบแทนถึงปัจจุบันแพ้ตลาดอยู่นิดหน่อย ช่วงหุ้นตกที่ผ่านมากลับเข้าไปซื้อส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าหุ้นบางตัวเริ่มมีความปลอดภัยสูง ปัจจุบันเหลือเงินสด 20% และลงทุนในเวียดนาม 10%

ตอนนี้ถือหุ้นไทย 50 ตัว หุ้นเวียดนาม 40 ตัว ตั้งใจว่าจะไม่ให้มีหุ้นเกิน 100 ตัว

ดร.นิเวศน์ - จะกลับเข้าซื้อหุ้นไทยก็ต่อเมื่อราคาลงมามาก เน้นกิจการที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะเกิดอะไรก็สามารถซื้อได้

หลักการเลือกหุ้นของ ดร.นิเวศน์ ใช้หลัก 3 คำ 3 ปี และ PE3
- 3 คำ คือ ให้เลือกบริษัทที่ รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม
- 3 ปี คือ เมื่อมองไป 3 ปีข้างหน้าบริษัทนั้นจะต้องมี รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม
- PE3 คือ อีก 3 ปีข้างหน้า PE ของบริษัทต้องไม่เกิน 20 เท่า

ถ้าได้ตามเกณฑ์นี้ก็ซื้อได้แต่ต้องมั่นใจมากและมีเหตุผลยืนยันชัดเจน ในการลงทุนต้องมั่นใจว่าไม่ขาดทุน ถ้ามีโอกาสขาดทุนก็ไม่ควรลง

สไตล์ของ ดร.นิเวศน์ มีหุ้นไม่กี่ตัวแล้วถือยาวๆ เน้นความปลอดภัยสูง หุ้นตัวไหนที่ไม่มั่นใจก็จะเลี่ยงๆ ไป

คุณเคน - เวลาอยากซื้อหุ้นให้พยายามถามตัวเองว่า เหตุใดจึงจะซื้อหุ้นตัวนั้น เพราะอะไร ตั้งคำถามไปเรื่อยๆ จนเจอข้อที่ตอบไม่ได้แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คำตอบ ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เริ่มต้น เราจะเริ่มหาหุ้นเก่งขึ้น

ที่สำคัญต้องมีจุดยืนในเชิงกลยุทธ์ ถ้าตลาดขึ้นก็ขึ้น ถ้าตลาดลงก็ดีใจ อะไรก็ตามที่ถือแล้วไม่ค่อยสบายใจก็เอาออกมาบางส่วน หากพลาดต้องพลาดด้วยตัวเองแล้วจะจำ จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรก็ต้องลงทุนอาจลงสักเล็กน้อยก็ได้ เพราะเราจะได้เรียนรู้

คุณโจ - เหตุที่กระจายหุ้นมากเพราะเมื่อผิดพลาดจะไม่ตาย กลยุทธ์ที่ใช้เป็นเต่าที่เดินช้าแต่เต่าไม่เคยหยุดเดิน ซื้อหุ้นคุณภาพพอใช้ราคาไม่แพงเลยทำให้หาหุ้นได้เยอะ ระยะเวลาการถือหุ้นนานสุด 3 ปี เร็วสุด 6 - 7 เดือน เฉลี่ยปีกว่าๆ

หลักการ VI
- ให้มองว่าการซื้อหุ้นคือการซื้อธุรกิจ ไม่ใช่เก็งกำไรราคา
- หามูลค่าของบริษัทนั้นๆ ให้ได้
- ซื้อหุ้นที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) ยิ่งเยอะยิ่งดี
- แยกตัวเองออกจากนายตลาด (Mr. Market)

ดร.นิเวศน์ - มองเมกะเทรนด์เป็นเมกะเทรนด์ของโลก เป็นความสัมพันธ์ของ 3 - 4 เรื่อง
- เรื่องคนแก่ตัว ต้องการตายช้าลง เพื่อการอยู่รอดของมนุษย์
- เงินท่วมโลก เพราะรายได้ต่อหัวดีขึ้น
- เทคโนโลยีเป็น Mass ที่คนทั่วไปใช้ได้จริง ราคาถูก

เช่น การท่องเที่ยวเกิดจากความต้องการอยู่รอดของมนุษย์ อยู่ในยีนของมนุษย์เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดีคนก็เดินทางท่องเที่ยว แต่เมื่อมีเงินเพิ่มขึ้นรายได้เพิ่มขึ้นประกอบกับเทคโนโลยีการเดินทางถูกลงเรื่อยๆ ก็ยิ่งส่งเสริมให้คนท่องเที่ยวมากขึ้นไปอีก

เทรนด์ด้านโรงพยาบาลหรืออาหารก็เกิดจากเหตุต้องการอยู่รอด มีเงินมากขึ้น และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการรักษาใหม่ๆ มีอาหารการกินที่ช่วยให้ชีวิตอยู่ได้นานขึ้น คนเราต้องการของที่ดีขึ้น ของที่ใหม่ขึ้น เพื่อการอยู่รอดต่อไป

คุณเคน - เงินที่จะนำมาลงทุนต้องเป็นเงินเย็น ปัจจัยที่สำคัญแห่งความสำเร็จอยู่ที่การใช้เวลาไปกับสิ่งที่เป็นสาระมากกว่าสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เช่น การนั่งมองราคาหุ้นทุกวันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เอาเวลานั้นมาศึกษาข้อมูลบริษัทดีกว่า

ให้ติดตามหุ้นแบบเจ้าของกิจการอย่าตามแบบลูกจ้าง ให้ติดตามในภาพรวมของกิจการอย่าเอาประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ส่งผลต่อภาพใหญ่มาพิจารณาเป็นหลัก

ให้รู้สึกพอ ถ้าได้กำไรที่พอใจก็ขายแล้วพอ อย่าเอาเงินมาเป็นตัวตั้ง

คุณโจ - ปิดท้ายด้วยสมการการทบต้น ที่ไอน์สไตน์บอกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก โดยเน้นในเรื่องของระยะเวลาเนื่องจากผู้เข้าฟังจำนวนหนึ่งเป็นนักศึกษา ยิ่งมีเวลาในการลงทุนมากผลตอบแทนก็จะเพิ่มมหาศาล แต่ให้ระวังเรื่องการใช้เงิน อย่าใช้เงินที่ก่อให้เกิดการทบต้นในด้านลบเพราะจะก่อให้เกิดผลเสียหายมากเช่นกัน

Re: สรุปจากงานสัมมนา 8 เซียนหุ้นหมื่นล้านสัญจรหาดใหญ่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 28, 2016 3:01 pm
โดย Suphat
ขอบคุณมากครับ ที่นำข้อมูลดี ๆ มาแบ่งปัน :D