Thai VI

ขอไอเดียหน่อยครับ ถ้าเลือกหุ้น/กองทุน 20 ตัวสำหรับลงทุน 20 ปี สมมุติฐาน ห้ามขาย
มีปันผลเอามาลงในพอร์ตต่อเนื่อง มีไอเดียอย่างไรกันบ้างครับ

ผมเริ่มก่อนนะ

1 ผมคิดว่าหุ้นต้องมีปันผลพอสมควรดังนั้น ผมจัดแถวหลังเป็นปันผลที่จะมีสภาพคล่องมาเติม

1. SPF
2. TMT
3. Impact
4. BTSGIF
5. AYUD

2. กองกลางหุ้นที่เน้น Moat เนื่องจากเราลงทุนระยะยาว ดังนั้น พวกธุรกิจผูกขาดหรือกึ่ง ๆ ผูกขาดนี่ต้องเก็บไว้

1. SCC
2. AOT
3. CPN
4. KTB
5. BEM
6. MTI
7. BDMS
8. Centel
9. BAFS
10. MINT

3. กองหน้าตัวจี๊ด เน้นหุ้นเติบโต

1. Beauty
2. SPA
3. TACC
4. RP
5. SWC

พอร์ตนี้พอไหวหรือไม่ครับ ใครมีอะไรที่นำเสนอ ขอไอเดียด้วยนะครับ

มีสำรอง อีก คือ EASTW ครับ

ขอเดาว่าพี่ NB. ตั้งใจจะจัดพอร์ตออมหุ้นไว้ให้ลูกหรือป่าวครับ ... ผมก็กำลังปั้นอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่เน้นหุ้นแข็งแกร่ง มีปันผลพอสมควร ประมาณ 8-10 ตัวครับและที่สำคัญสามารถซื้อขั้นต่ำได้ทุกตัวในทุกๆ ไตรมาส โดยส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นที่ราคาต่ำกว่าร้อยครับ .. เนื่องจากความรู้ยังน้อยจึงไม่มีอะไรแนะนำ จึงขอติดตามไอเดียลงทุนดีๆจากพี่ๆ เพื่อนๆ ต่อไปก่อนครับ

astro345 เขียน:ขอเดาว่าพี่ NB. ตั้งใจจะจัดพอร์ตออมหุ้นไว้ให้ลูกหรือป่าวครับ ... ผมก็กำลังปั้นอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่เน้นหุ้นแข็งแกร่ง มีปันผลพอสมควร ประมาณ 8-10 ตัวครับและที่สำคัญสามารถซื้อขั้นต่ำได้ทุกตัวในทุกๆ ไตรมาส โดยส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นที่ราคาต่ำกว่าร้อยครับ .. เนื่องจากความรู้ยังน้อยจึงไม่มีอะไรแนะนำ จึงขอติดตามไอเดียลงทุนดีๆจากพี่ๆ เพื่อนๆ ต่อไปก่อนครับ

พี่ astro345 ช่าง ๆ ๆ เป็น ผู้ที่หยั่งรู้ ข้าน้อยขอคำนับหมื่นครั้ง

แม่นละครับ

สนใจ เอา dcc แทน tmt ไหมคับ

nut776 เขียน:สนใจ เอา dcc แทน tmt ไหมคับ

สนสิครับพี่นัท

พี่สนใจจะเขี่ยตัวไหนออก จัดตัวไหนเข้า ขอไอเดียเต็มที่เลยครับพี่

ทำไมถึงต้องเป็น 20 ตัวครับ มีเหตุผลในการfixจำนวนหุ้นรึป่าวครับ

แล้วก็ อยากทราบเรื่องผลตอบแทนที่คาดหวัง และ ความเสี่ยงที่รับได้ ก็เป็นปัจจัยในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตด้วย อยากทราบเช่นกันครับ

ยากจัง ถ้าจะใ้ช้กลยุทธ์ buy and hold กับพอร์ตหุ้นในมุม20ปี ผมคงไม่คาดหวังกับหุ้นกลุ่ม3เท่าไร

เพราะ20ปีอนาคตมันคาดการณ์ลำบากจริง

ผมคงเลือกหุ้นผูกขาดที่มี moat แบบกลุ่ม2ซะเยอะนะครับ(แนวพี่NB.อยู่แล้วนิครับ)

ผมเลือกแบงค์รวงข้าว ที่มีดราม่าเมื่อเร็วๆนี้ไปตัวนึงครับ ชอบเรื่องการบริหารงานแบบเป็นระบบ ไม่ขึ้นกับบุคคลนัก เขาน่าจะพาธุรกิจผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านทุกอย่างไปได้

sakkaphan เขียน:ทำไมถึงต้องเป็น 20 ตัวครับ มีเหตุผลในการfixจำนวนหุ้นรึป่าวครับ

5% rule ครับ

sakkaphan เขียน:แล้วก็ อยากทราบเรื่องผลตอบแทนที่คาดหวัง และ ความเสี่ยงที่รับได้ ก็เป็นปัจจัยในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตด้วย อยากทราบเช่นกันครับ

ไม่แพ้ SET ครับ

ช่วยแนะนำให้ไม่ได้ ช่วยสนับสนุนข้อมูลละกันครับ
อาทิตย์ที่ผ่านมาอดนอนรวบรวมข้อมูลจากหน้า SET อยู่หลายวัน เพิ่งเสร็จเมื่อเช้า เลยดึงของหุ้นตัวพูดถึงในกระทู้นี้มาให้

ก็ดูกว้างๆ จะเอาละเอียด ประเมินมูลค่ากิจการก็ต้องไปดูต่อในงบอยู่แล้ว (ใส่ link ทางไปหน้า profile ใน web set ของหุ้นแต่ละตัวมาแล้ว ไม่ต้องคีย์หาทีละตัว)
ยิ่งกองทุน ดึงมาตรง ratio มันไม่เหมือนหุ้น เปรียบเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ ยิ่งต้องไปดูต่างหาก
บังเอิญอาทิตย์ก่อนอ. imerlot บอก web barron มาด้วย เลยเพิ่งแถมให้ไว้ แต่ตอนนี้ได้แค่เอา link มาได้ เดี๋ยวต่อไปจะดึงมาลง excel ไว้คำนวณด้วย จะส่งให้อีกรอบ

ลองดูนะครับ ผมเพิ่งทำ version แรก ยังไม่ได้ลองให้ใครดูเลย จริงๆคิดว่าไม่น่าดูยาก เพราะก็ดึงจาก set เป็นหลัก ข้อมูลพื้นฐานที่น่าจะเคยเห็นกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังเผื่อใจไว้ไม่รู้ว่าเรียงใหม่แบบนี้จะหลงผิดไปว่าเข้าใจง่ายเพราะทำเองหรือเปล่า (พยายามทำมาเรียงบรรทัดเดียวของแต่ละกิจการ เผื่อเอาไปเปรียบเทียบกันแต่ละบริษัทจะได้ง่าย) สงสัยตรงไหนที่จัดเรียงวกวนหน่อยก็ถามได้นะครับ จะได้รู้ด้วย ว่าควรปรับปรุง

ถ้าโจทย์คือ20ปี ผมบอกตรงๆว่าไม่กล้าเลือกครับ หลายๆบ.ของไทยโตได้ต่อเนื่อง5ปีรึป่าวยังไม่รู้เลย แต่ถ้าเป็นบ.ตปท.ผมคิดว่ามีโอกาสอย่างgoole alibaba transdigm nike under armour starbucks disney pandora etc.

ถ้าระยะยาวมากๆ ผมชอบกลุ่มสองนะครับ
เน้นที่มี moatมากๆ หรืออาจจะเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่างๆ
แต่ 20ตัวนี่อาจจะเยอะไปหน่อยดูแลมะไหว

ถือ 20 ปี ห้ามขาย หุ้น growth

น่าจะเป็นกิจการที่วิเคราะห์ง่าย แข็งแรงมาก และ growth สูง เท่าที่คิดออก มีตัวนึง ชื่อ space x แต่เสียดายที่ไม่อยู่ในตลาด

นอกนั้น คิดไม่ออกว่าจะหาหุ้นอะไรที่โตได้ระดับ 20 ปี

ตามที่ พี่ NB ให้โจทย์มา ถ้าเลือกหุ้น/กองทุน 20 ตัวสำหรับลงทุน 20 ปี สมมุติฐาน ห้ามขาย
มีปันผลเอามาลงในพอร์ตต่อเนื่อง ผมคิดว่าหุ้นที่เหมาะสมควรมีลักษณะ

1. มีราคาต่ำกว่า fair value ในระยะยาว เพื่อที่ว่า เงินปันผลที่เราเอาไป Reinvest จะยิ่งทวีค่า
2. บริษัท ต้องมี Business unit ที่ เลี้ยงทั้งบริษัท ให้กระแสเงินสด เป็นบวก อยู่เสมอ และควรมี อีก Business unit ที่มีศักยภาพ และอยู่ในช่วงกำลังจะเจริญเติบโตและถูกมองข้าม
3. บริษัทเลือกลงทุนเฉพาะโครงการที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวดี และควรมีปันผลสม่ำเสมอ
4. มี Moat สูง
5. มีธรรมาภิบาลดี

ผมหาได้แค่ 3 ตัว สำหรับ 20 ปี
1. Bland
2. AOT
3. LRH
แต่ถ้าระยะเวลาอยู่ที่ 5 ปี ผมขอเพิ่มอีก 2 ตัว
4. FORTH
5. HFT

LRH ขอมุมมองหน่อยครับ สนใจอยู่เหมือนกันครับ แต่การแข่งขันน่าจะแรงและรอการปลดล็อคที่ดินซึ่งอาจจะใช่เวลานาน ตามมุมมองผมครับ

ขอแชร์ไอเดียนะครับ
ถ้าเอาตามโจทย์ที่ให้มาเลย ก็เป็นตามนี้
กองหลัง ขึ้นชื่อว่ากองหลัง ถึงจะเป็นหุ้นเน้นปันผล ก็ควรมีโมเดลกิจการแข็งแกร่ง อย่างโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นที่โมเดลดูแล้วไม่น่าไว้วางใจควรตัดออกอย่างเช่น TMT

กองกลาง ควรเป็นได้ทั้งรุกและรับ คือแข็งแกร่ง และหวังเติบโตได้พอควร เน้นอุตสาหกรรมที่เป็นmegatrend เช่น ท่องเที่ยว หรือ โรงพยาบาล เห็นด้วยกับ aot bdms mint รวมถึงพวกแนวผูกขาดเช่น bem bafsนี่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับน้ำมัน แต่อาจจะเพิ่มพวกสาธารณูปโภคเช่น หุ้นไฟฟ้า หุ้นประปา ลงไป รวมถึง หุ้นที่เป็นmegatrend ก็อาจจะใส่ไปได้มากกว่าหนึ่งตัวอย่างเช่นพวกโรงพยาบาลมีให้เลือกเพียบ

กองหน้า ขึ้นชื่อว่ากองหน้า วิ่งจี๊ด ยิงตูม ถ้าเข้าเป้าก็ได้เฮ แต่อาจกระดูกเปราะ วิ่งหัวคะมำเองได้ แต่ไม่เป็นไรเพราะเรามีกองหลังกะกองกลางกันความเสี่ยงไว้แล้ว แต่ถ้าพูดถึงหวังโตระยะยาว 20 ปี ควรเลือกหุ้นที่ดูมี room ให้โตได้อีกเยอะ และเป็นโมเดลธุรกิจที่อาจจะไม่ได้เด่นในวันนี้แต่อาจดีในอนาคตอย่างพวกค้าขายonline หรือไม่ก็โมเดลแบบที่ยังไงก็ต้องกินต้องใช้ เช่น อาหาร เป็นผมผมคงตัด swc ออก ดูไม่แน่ใจในroomที่เหลืออยู่ หรืออย่าง rp ก็เช่นกัน ผมไม่รู้ว่ามันโตได้ขนาดไหนกันกับการทำท่าเรือ ส่วน beauty กับ spa ดูเป็นไปได้ แต่ ณ วันนี้ได้ผลบวกเพราะการท่องเที่ยวจากจีนอยู่ อาจจะต้องระวังเรื่องนี้

comment :
1. ผมว่าโจทย์ลงหุ้น 20 ตัว ตัวละ 5 เปอร์เซนต์ ดูเป็นการบีบบังคับไปหน่อย ทำให้ภาพของพอร์ตที่อยากจะเห็น ดูไม่ค่อยชัดเจน ผมว่าหากลองตั้งโจทย์โดยเริ่มจากภาพใหญ่ของพอร์ตก่อน เช่น อยากได้พอร์ตที่หวังเติบโตได้เยอะและรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างมากหน่อย ก็อาจจะเน้นที่กองหน้ามากขึ้น แต่ถ้าอยากได้พอร์ตที่ปลอดภัยไว้ก่อน หวังโตพอควร ความเสี่ยงไม่มาก ก็เน้นที่กองกลางกับกองหลังมากขึ้น
2. การกระจายความเสี่ยง อาจจะกำหนดเป็นอัตราส่วนของหุ้นแต่ละแบบในพอร์ตแทนที่จะกำหนดเป็นจำนวนตัว อย่างเช่น กองหลัง:กองกลาง:กองหน้า 30:50:20 อะไรทำนองนี้ หากตัวที่คิดว่าดีมากแข็งแกร่งมาก ก็อาจจะซื้อในสัดส่วนที่สูงหน่อย อย่างเช่นชอบbdmsมาก ก็จัดสัก8-10 เปอร์เซนต์ ผมไม่รู้กฏ 5 เปอร์เซนต์นะครับว่าคืออะไร แต่คิดว่าบีบเกินไป ทำให้เราต้องซื้อหุ้นที่เราคิดว่าดีมากที่ 5 เปอร์เซนต์ และกลับกัน ต้องกระจายไปลงในตัวที่เราคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไร 5 เปอร์เซนต์ซะอีก จาก diversification ก็อาจจะกลายเป็น diWORSTได้ ปีเตอร์ ลินช์ ว่ามา

สำหรับยุคนี้ ผมว่าไม่มีอะครับ หุ้นโตที่ถือได้ 20 ปี ห้ามขาย ห้ามดู

ถ้าต้องใช้กลยุทธ์นี้ ผมคงเลือกกองทุนดัชนี
เอาอเมริกา SPDR S&P500 กับ จีน SPDR S&P China อย่างละครึ่งแล้วกันครับ

ผมว่า ถ้ายังไง พี่ลอง ให้อภัย bla อีกสักทีไหมคับ
5% เอง
ที่ผ่านมา ผมกะไม่ได้ขายตอน peak เหมือนกัน
แต่เชื่อว่า ระยะยาวๆ ยังน่าสนใจอยู่ ยิ่งบีบโจทย์ 20 ปี ด้วย


อีกตัว ก็ cpall ถ้าพี่ทำใจได้เรื่อง governance
การกระจายตัว แบบกองโจร แถมผูกขาด ทำให้
cpall น่าจะมีลูกเล่นได้อีกหลายอย่าง ม้ันจะไม่เหมือน
modern trade แบบเมืองนอกมั้ง ผมมโน

ขอบคุณ คุณนัท มาก ๆ ครับ ผมขอปรับนิดนะครับ

1 ผมคิดว่าหุ้นต้องมีปันผลพอสมควรดังนั้น ผมจัดแถวหลังเป็นปันผลที่จะมีสภาพคล่องมาเติม

1. SPF
2. DCC
3. Impact
4. BTSGIF
5. AYUD

2. กองกลางหุ้นที่เน้น Moat เนื่องจากเราลงทุนระยะยาว ดังนั้น พวกธุรกิจผูกขาดหรือกึ่ง ๆ ผูกขาดนี่ต้องเก็บไว้

1. SCC
2. AOT
3. CPN
4. KBANK
5. BLA
6. MTI
7. BDMS
8. CPALL
9. BAFS
10. MINT

3. กองหน้าตัวจี๊ด เน้นหุ้นเติบโต

1. Beauty
2. SPA
3. TACC
4. BEM
5. EASTW

พอร์ตนี้พอไหวหรือไม่ครับ ใครมีอะไรที่นำเสนอ ขอไอเดียด้วยนะครับ

พอร์ตนี้ดูดีขึ้นเยอะ

ผมคิดคล้ายๆ พี่ๆ หลายท่านว่า 20 ปีกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในโลกตอนนี้ เป็นอะไรที่คาดการณ์ได้ยากมาก ขออนุญาตยกตัวอย่างในบางอุตฯ จากมุมมองส่วนตัวนะครับ (ถ้าสอนจระเข้ว่ายน้ำ ต้องขออภัยด้วยครับ)

1. กลุ่ม Auto >> ผมเชื่อว่าอันนี้คงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลอด 5-10 ปีนี้ EV หรือ Self-driving คงเปลี่ยนโฉมของอุตฯ มากกว่า ช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (2005-2015) นี้อย่างเทียบกันไม่ได้ บริษัท ICE car ในยุคปจบ.คงล้มหายตายจากไปไม่น้อย ผมเชื่อว่าปริมาณของอุบัติเหตุจะลดลง และปริมาณของจำนวนรถบนท้องถนนจะน้อยลง ซึ่งจะส่งผลไปถึงความเปลี่ยนแปลงของอุตฯ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
1.1 บริษัทผลิต part ต่างๆ 1.2 บริษัทประกันภัย 1.3 Taxi และขนส่งมวลชน 1.4 ธุรกิจไฟแนนซ์รถยนต์ และการเปลี่ยนแปลงของอุตฯ ที่ว่าเหล่านี้คงเป็นแค่ tier แรก มีโอกาสที่จะชิ่งไปยัง tier 2-3 ต่อตามมา

2. กลุ่ม bank >> ผมไม่ได้ศึกษา Fin tech มากพอ เลยไม่กล้าจะบอกว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างใน 20 ปีนี้ แต่เทรนด์ใหญ่ที่พอจะเห็นอยู่บ้างคงเป็นเรื่องของการลดจำนวนสาขาและพนักงานของ bank และคนหันมาใช้ธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงการใช้เงินบนอากาศอย่าง Mobile Wallet มากขึ้น ซึ่งถ้ากฎหมายเปลี่ยนแปลงไปทันกันเทคโนโลยี ผมเชื่อว่าการแข่งขันในโลกการเงินจะไร้พรมแดน เรามีโอกาสเห็นบัตร Rabbit, PayPal, Alipay, เจ้าของ OS (Google, Apple), Chat app (Facebook, LINE, WeChat), กระทั่งร้านกาแฟอย่าง Starbucks ลงมาเป็น player ในธุรกิจนี้ และมีโอกาสจะทำให้ DCA ของแบงก์มีการเปลี่ยนแปลงไป

3. กลุ่มโฆษณา >> ผมเชื่อว่าคงมีการโยกย้ายเม็ดเงินจากสื่อดั้งเดิมอย่างทีวีไปลงใน Online channel มากขึ้น Eye ball ของคนรุ่นใหม่คงใช้เวลากับทีวีน้อยลง แต่บริโภค content ผ่าน platform อย่าง moblie มากขึ้นเรื่อยๆ

4. กลุ่มโรงพยาบาล >> ผมมองคล้ายๆ FinTech ว่ามีโอกาสที่ player หน้าใหม่ที่มาจากอุตฯ เทคโนโลยีมีโอกาสจะ disrupt โรงพยาบาลได้ เพราะเดิมโรงพยาบาลมี network effect ที่แข็งแรงมาก โดยเฉพาะในขาของ supply นั่นคือตัวแพทย์ แต่หาก AI ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงแรกมันน่าจะเข้ามาช่วยส่งเสริมแพทย์ แต่สุดท้ายแล้วก็มีโอกาสจะเข้ามาทดแทนแพทย์ได

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไป โอกาสเป็นโรค/เกิดอุบัติเหตุของคน มีโอกาสจะลดลง โดยคนดูแลสุขภาพมากขึ้นและธุรกิจอย่าง Genome editing น่าจะทำให้เราเปลี่ยนจาก "เป็นโรคแล้วค่อยรักษา" มาเป็น prevent หรือป้องกันก่อนจะเกิดโรคมากขึ้น

5. Humanless trend >> ผมว่าภาพโดยรวมๆ ของโลกจะเป็นเทรนด์ที่ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตและสังคมของเรามากขึ้น ประสิทธิภาพของ AI ในบางมิติตอนนี้คงยังเหมือนมนุษย์วัยเด็กที่ทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ AI จะฉลาดขึ้น โตขึ้น และทดแทนมนุษย์ได้มากขึ้น ความจำเป็นของแรงงานในระบบจะน้อยลง

6. Global >> อันนี้ผมมองว่าการแข่งขันในอนาคตจะไร้พรมแดนมากขึ้น คล้ายกับเรื่อง Wallet ที่ Globla player อาจลงมาแข่งกับธุรกิจในประเทส หรืออย่าง Google, Apple, Tesla อาจลงมาแข่งในธุรกิจรถแท็กซี่ หรืออีกตัวอย่าง เช่น Mobile operator อย่าง AIS, True อาจถูกคุกคามจาก Google, Facebook, Samsung, SpaceX ที่สามารถให้บริการเครือข่ายผ่านทางบอลลูนหรือดาวเทียมราคาถูก

Trend ต่างๆ นี้จะส่งผลให้สังคมและการแข่งขันในอุตฯ ต่างๆ ในอีก 20 ปีต่อจากนี้ไปเปลี่ยนจากวันนี้ไปมากมาย จนตัวผมเองเชื่อว่าผมคาดการณ์ภาพที่ว่านั้นไม่ได้แน่

กลับมาที่คำถามของพี่ NB ถ้าถามว่าธุรกิจใดที่อีก 20 ปี จะยัง 1. ไม่เจ๊ง 2. มี Growth ผมมองไปที่ธุรกิจที่ผูกขาดอย่าง CPALL หรือ AOT แต่ว่ากันตามตรง ถึงจะเป็นไปได้ยากแต่ CPALL ก็อาจถูก disrupt โดยธุรกิจ Online grocery shopping ในขณะที่ AOT ก็อาจถูก Hyperloop เข้ามา disrupt ได้เหมือนกัน

ถ้าบังคับว่า Time frame ต้องเป็น 20 ปี ผมคงจัดพอร์ตแบบมั่วๆ คือ CPALL, MINT, GOOG, FB, DIS, TLSA, BABA, tencent ประมาณนี้ครับ

nut776 เขียน: 5% เอง

5% ของพอร์ต พี่มันก็เป็นเงิน เอิ่ม เกือบ ๆ
.
.
.
.
.

นายมานะ เขียน:
2. กลุ่ม bank >> ผมไม่ได้ศึกษา Fin tech มากพอ เลยไม่กล้าจะบอกว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างใน 20 ปีนี้ แต่เทรนด์ใหญ่ที่พอจะเห็นอยู่บ้างคงเป็นเรื่องของการลดจำนวนสาขาและพนักงานของ bank และคนหันมาใช้ธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงการใช้เงินบนอากาศอย่าง Mobile Wallet มากขึ้น ซึ่งถ้ากฎหมายเปลี่ยนแปลงไปทันกันเทคโนโลยี ผมเชื่อว่าการแข่งขันในโลกการเงินจะไร้พรมแดน เรามีโอกาสเห็นบัตร Rabbit, PayPal, Alipay, เจ้าของ OS (Google, Apple), Chat app (Facebook, LINE, WeChat), กระทั่งร้านกาแฟอย่าง Starbucks ลงมาเป็น player ในธุรกิจนี้ และมีโอกาสจะทำให้ DCA ของแบงก์มีการเปลี่ยนแปลงไป

คนไทยกู้บ้าน แทบกราบเท้าแบงค์. เชคต้องซื้อ. ระบบโทเคน ความปลอดภัยไม่มี แบงคไม่ลงทุน
แต่สาขามากมาย

เคยได้ยิน ที่เมกา ไม่แน่ใจ ทุกรัฐไหม. ลงความต้องการไว้ +profile. เด๋วแบงค์ มายื่น offer แข่งกันให้กู้. เชค print เองที่บ้าน. ธุรกรรม online ปลอดภัยสุดๆเพราะ แบงค์ ลงทุน แล้ว แชร อินฟรากัน. สาขาไม่ค่อยมี


ถ้าเปิดให้ แข่งขันเสรี แบงค์ ไทย เหนื่อยคับ. เพราะผูกขาดมานานมาก

ขอเล่นด้วยคนครับพี่ nb

จากโจทย์พี่ NB บอกน่าจะต้องถือหุ้นไทย 20 ตัว 20 ปี ไม่แพ้ SET

20 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุครองเมือง นวัตกรรมเลิศล้ำ
น้ำไฟ ของกินของใช้ บ้านที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ยังไงก็ต้องใช้
ท่องเที่ยวพักผ่อน ก็ต้องมี มั่วๆ มาได้ประมาณนี้ครับ

1. Intuch holding ด้านสื่อสาร มีคนที่รู้เรื่องเทคโนโลยีทางนวัตกรรมใหม่ๆ พอร์ตการลงทุนดี น่าจะได้ไปต่อ
2. Aot สนามบิน คนจะเดินทางไกลๆ ยังไง ก็ยังหาอะไรมาแทนยาก รถไฟความเร็วสูงถึงมีแล้ว คนก็ยังอยากบินได้อยู่
3. Kbank bank ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอด น่าจะจับไปกับ fintech ได้มั้ง
4. bdms โรงพยาบาลมากมาย หมอไทย แม้ไม่มีเทคโนโลยีเอง แต่ก็ใช้เครื่องมือเก่งที่สุดระดับโลก
5. beauty หญิงชายไม่ยอมหยุดสวย ผู้บริหารยังมีไฟ หวังว่าจะผสมผสาน ความหลากหลายทางชีวไปกับความงามยุคหน้าได้
6. bem รถไฟฟ้า ทางด่วน ในเมือง เมืองมีแต่ขยายตัว ยังไงก็ต้องมีคนใช้
7. bh โรงพยาบาลอีกสักตัว คนแก่ไม่อยากตายเร็ว ยังไงก็ต้องไปหาหมอ
8. cpn ตระกูลจิราธิวัฒน์น่าจะมีคนเก่งๆ มาทำให้ไปต่อได้
9. pylon บ้านเมืองต้องพัฒนา บริษัทก่อสร้างรุ่นใหม่ ที่กำลังเติบโต
10. gpsc โรงไฟฟ้า รถไฟฟ้า รถ ev อุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย ไม่มีไฟก็จบกัน
11. hmpro บ้านคือสรวงสวรรค์ของคนส่วนใหญ่ การปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่ คือสร้างสวนสวรรค์ได้ด้วยมือเรา
12. ttw น้ำคือชีวิต
13. mint จะเป็นเจ้าของโรงแรมทั่วโลก ต้องมีคนมาพักบ้างละ Airbnb ก็แข่งกันไป ของกินของใช้ก็มีขายนะ
14. arrow ธุรกิจก่อสร้างรุ่นใหม่อีกตัว คนมีไฟ สายไฟมีเยอะ สายโทรศัพท์รกเมือง ยังไงก็ต้องลงดิน ท่อต่างๆ ก็ต้องใช้
15. tpch โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน สู้โว้ย
16. spcg โรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ โซลาร์เซล ยังไงก็ต้องมา
17. scc องค์กรที่มีนวัตกรรม อยู่ได้ด้วยคนดีระบบดี
18. cpall ธุรกิจที่มีทำเลชั้นยอด อยู่ทุกซอกมุม
19. lh มี port การลงทุนชั้นดีในมือ ผู้รอดมาแล้วหลายยุค
20. malee ของกินน้ำผลไม้ น้ำสุขภาพ ที่น่าจะต่อยอดได้ ในยุคหน้าได้

ประมาณนี้ครับพี่

ขอบคุณมากเลยครับน้องเดช

VAEEEEE เขียน:LRH ขอมุมมองหน่อยครับ สนใจอยู่เหมือนกันครับ แต่การแข่งขันน่าจะแรงและรอการปลดล็อคที่ดินซึ่งอาจจะใช่เวลานาน ตามมุมมองผมครับ

เรื่องของการปลดล็อคมูลค่าที่ดิน ผมคิดจะไปถามให้แน่ใจ ในวันประชุม AGM

ที่ผ่านมา อ่าน งบการเงิน รายงานการประชุม รายงานประจำปี ย้อนหลังหลายปี หลายรอบ ก็พอมีมุมมองอยู่บ้าง แต่ยังไม่แน่ใจถึงขั้นจะมา share ให้ฟังกันครับ กลัวทำให้คนอื่นเข้าใจผิด

เรื่องการแข่งขันที่รุนแรงนั้นผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ผมว่าของเขาดีใช้ได้ครับ กำไรก็ไม่ได้ขี้เหร่

http://www.paksabuy.com/banyan-tree-phu ... tao-beach/
http://www.paksabuy.com/angsana-laguna- ... tao-beach/

บริษัทเคยปรับปรุงมูลค่า PPE เพิ่มมาพอสมควร ดังนั้น เวลาดูค่า ROA ROE มันก็เลยดูต่ำกว่าเงินที่ลงทุนจริง อีกทั้ง mark to market ของหลักทรัพย์เผื่อขาย TWPC แสดงอยู่ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ คนส่วนใหญ่เลยมองไม่เห็น


ข้อได้เปรียบของบริษัทคือ มี facility ที่หาดบางเทาอยู่แล้ว เช่น ระบบความปลอดภัย ดังนั้นเวลาจะพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ค่าใช้จ่ายโดยรวมน่าจะต่ำกว่าเจ้าอื่นๆครับ

20 ปี มันยากเกินความสามารถ สายตาของข้าน้อยครับท่าน NB ขอติดตามชมอย่างเดียวเน้อ

ไม่มีใครสนใจ xo เลยเหรอครับ ผมว่าน่าจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากmegatrendอย่างการท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะคงอยู่ต่อไปอีกนานระดับสิบปี ทำให้ทั่วโลกมีความต้องการอาหารจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาหารไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น และxoก็ดูมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะทำให้ลูกค้าต่างประเทศเมื่อนึกถึงอาหารไทยต้องนึกถึง xo ถ้า ผบห ทำได้จริงก็เป็นตัวหนึ่งที่หวังลุ้นในระยะยาวได้นะ คหสต ปล.มีหุ้นนะครับ

คิดได้ 10 ตัวครับ

1.EASTW,EGCO,KBANK,BKI
2.CPN,BDMS,AOT,SCC,KCE
3.MINT