หน้า 1 จากทั้งหมด 1

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 8:45 pm
โดย chatchai
มาตราการตั้งสำรองของ ธปท. เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ

ถึงวันนี้ เพื่อนๆนักลงทุนลองกลับไปพิจารณาถึงเหตุการณ์ในอดีตดูครับ

ปีสองปีก่อน เมื่อธนาคารพาณิชย์ออกมาปล่าวประกาศถึงฐานะอันมั่นคงของตน ประกาศว่าไม่ต้องมีการเพิ่มทุนอีกแล้ว มีการตั้งสำรองสูงกว่าเกณฑ์มากมาย นักวิเคราะห์ตามหลักทรัพย์ต่างๆก็ออกมาเชียร์ซื้อหุ้นธนาคารเป็นแถว โดยเฉพาะช่วงปลายปีก่อน โดยเก็งกำไรว่าธนาคารจะมีกำไรเพิ่มจากการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายจาก SLIP และ CAPS ที่ครบกำหนดในปีนี้

นักลงทุนรายย่อยหรือแม้แต่ บลจ.ต่างๆก็ซื้อหุ้นธนาคารกันเป็นจำนวนมาก แต่ราคาก็ไม่ไปไหนซักที

นับตั้งแต่วันนั้น ธปท.ได้ออกมาตราการการตั้งสำรองที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆกี่มาตราการแล้วครับ ธปท.เองก็บอกว่าที่เข้มงวดขึ้นก็เนื่องจากเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีฐานะดีขึ้นแล้ว

นั่นก็คงเหมือนว่า พอฐานะธนาคารเริ่มที่จะแข็งแกร่ง ก็จะมีธปท.คอยบั่นทอนลง แล้วเมื่อไรก็เติบโตได้มากๆละครับ

นักลงทุนรายย่อยคนไทย ถึงบางอ้อหรือยังครับ ว่าทำไมหุ้นธนาคารถึงไม่ไปไหน

แล้วตอนนี้ละซื้อได้หรือยัง เราคงต้องหาคำตอบให้ได้ว่า มาตราฐานการตั้งสำรองและการบันทึกบัญชีต่างๆของธนาคารเรานั้นได้ตามหลักสากลแล้วหรือยัง ธปท.จะมีมาตราการอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 9:10 pm
โดย นักดูดาว
การตั้งสำรองหนี้สูญ ทั้งธนาคารและธุรกิจอื่นๆ...ธุรกิจไม่ได้เสียเงินสดออกไปไม่ใช่หรือครับ เพียงแต่กำไรต่องวดจะลดลง การตั้งสำรองจะเป็นผลเสียต่อการดำเนินการอย่างไรครับ

แล้วมาตราฐานสากลที่ว่านี่เค้าตั้งสำรองกันอย่างไรครับ ขอความรู้ด้วยครับคุณฉัตรชัย

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 9:16 pm
โดย Stock Broker
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ตกลงแล้วธนาคารขนาดใหญ่ๆ ของเรานี่ ถ้าเทียบกับระดับโลกแล้วมันแค่ไหนกัน รู้สึกว่า Credit Rating ส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ BBB นะ (แสดงว่าเป็นแค่เกรดสอง)

ผมว่าจนกว่าจะขยับเป็นเกรดหนึ่ง (ซึ่งคงต้องผ่านการจัดคุณภาพสินเชื่อกันอีกสักครั้ง และเพิ่มทุนกันอีกสักที) อย่าเพิ่งไปลงทุนกับมันจริงจังดีกว่าครับ

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 9:20 pm
โดย Stock Broker
นักดูดาว เขียน:การตั้งสำรองหนี้สูญ ทั้งธนาคารและธุรกิจอื่นๆ...ธุรกิจไม่ได้เสียเงินสดออกไปไม่ใช่หรือครับ เพียงแต่กำไรต่องวดจะลดลง การตั้งสำรองจะเป็นผลเสียต่อการดำเนินการอย่างไรครับ
ขอมีส่วนร่วมด้วยคนนะครับ ผมว่าเรื่องตั้งสำรองหนี้เราต้องสนใจในแง่การบริหารความเสี่ยงของธนาคารครับ การจัดชั้นลูกหนี้ก็เหมือนกับการมองความน่าจะเป็นในการได้เงินคืนจากผู้ยืม

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 9:59 pm
โดย chatchai
ธุรกิจธนาคารนั้นไม่เหมือนธุรกิจการผลิต หรือการจัดจำหน่าย เพราะเงินสดเป็นสินค้าหลักของธนาคารครับ

การตั้งสำรองนั้นกระทบต่อเงินสดที่จะนำไปให้สินเชื่อ หรือว่านำไปขายนั้นเอง และกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ทั้งหลายเวลาคำนวณราคามักจะคำนวณจาก P/BV ดังนั้นถ้า BV ต่ำลง ราคาก็ลดลง

การตั้งสำรองมากขึ้นย่อมกระทบต่อ เงินกองทุนของธนาคารครับ ถ้าเงินกองทุนน้อยก็ปล่อยกู้ได้น้อย หรือขายสินค้าได้น้อย

บริษัททั่วไป การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญย่อมไม่กระทบต่อเงินสด เราสามารถคำนวณหาเงินสดจริงจากการดำเนินงานได้ แต่ธุรกิจธนาคาร สินค้าคือเงินสด ถ้าการตั้งสำรองไม่สอดคล้องกับหนี้เสียที่เกิดขึ้นจริง เราก็คงลำบากในการคำนวณหาเงินสดรับจากการดำเนินงานครับ

และแล้วมาตราการการตั้งสำรองใหม่ของ ธปท.ก็ออกมาเพิ่ม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2004 10:48 pm
โดย ลูกอิสาน
ผมไม่กล้าซื้อ KTC ก็เพราะเหตุผลนี้ละครับ
แม้ว่าหุ้นจะน่าสนใจมาก
ดูเค้าจะตั้งสำรอง ยังไม่เข้มงวดครับ :roll: