Thai VI

การที่เรากรองหุ้นจาก Roe เป็นอันดับแรก ถือว่ามีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
หากเรามองว่า Roe คือ Growth ดีๆนี่เอง เพราะเป็นกำไรที่เข้าส่วนผู้ถือหุ้นโดยตรง (ยังไม่พูดถึง Payout Ratio นะครับ)
การคัดกรองเช่นนี้ จะเป็นการปิดตาเราจากหุ้นดีๆ อื่นๆหรือเปล่าครับ
หรือเรามาถูกทางแล้ว เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็นการกรองหุ้นที่มี growth ดีในระดับหนึ่ง

รบกวนพี่ๆช่วยไขข้อสงสัยสำหรับคนประสบการณ์น้อยอย่างผมด้วยนะครับ

ต้องดูสัดส่วนD/E ratioประกอบด้วย. และดูว่ากำไรโตอย่างสม่ำเสมอและมีcash flowเป็นบวกก็ยิ่งดีครับ

ผมไม่ชอบหุ้นที่มี ROE สูงๆ
ROE = กำไร/ส่วนผู้ถือหุ้น มีค่าสูง
แปลว่า กำไรสูงมากเมื่อเทียบกับส่วนผู้ถือหุ้น หรือ แปลว่า ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำมากเมื่อเทียบกับกำไร
ตอนซื้อ ผมไม่เคยซื้อหุ้นที่มี ROE สูงๆเลย แต่เมื่อซื้อแล้ว ผมชอบให้ ROE ขึ้นไปสูงๆ

เหมือนมีเถียงกันมาหลายรอบแล้วเรือ่ง roe
ส่วนตัว ไม่เคยดูเลยคับ

แต่เรื่องนี้มันแล้วแต่ ผลตอบแทนที่คาดหวัง
และ การวางแผน การลงทุนที่ต่างกันออกไป
เช่น ถ้าคุณ เป็น นลท ที่มุ่งเน้น return ไม่สูงมาก 8-10%ต่อปี
เน้นปันผล หรือ ถือยาวใน well estabished company
การดู roe ถือว่า สมเหตุสมผล

แต่ถ้าคุณต้องการลงทุนให้ได้ ผลตอบแทน ระดับ 30-100%
การดู roe ที่สวยงาม มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
เพราะสิ่งที่เราต้องการ คือ เราต้องการ dynamic ของมัน
คุณก็ต้องหันไปมอง พวก roe ต่ำ ว่ามันจะสูงขึ้นจากอะไร
สิ่งที่คุณต้องสนใจมันก็คือ dupont formular
หรือ มองหาปรากฏการณ์ ผิดปกติต่างๆ เช่น
roe สูง แต่ pbv ต่ำ ซึ่งการแสกนหุ้นแบบนี้ สำหรับ
bargain hunter มันเสียเวลากว่ามาก และมักไม่เจอ


ถ้าถามผมคือ เราถูกสอนกันมาผิดทางคับ
เราลงทุน เราควร เริ่มด้วย ผลตอบแทนที่คาดหวัง
คุณถึงจะบอกตัวเองได้ ว่า จะวาง แผน วางกลยุทธยังไง
อะไร คือ factor ที่ต้องดู แต่ถ้า เป้าใหญ่ผิด
เวลาคุยกันมัน จะเถียงกันไม่จบ เพราะ ต่างคนต่าง factor
แต่พูดเฉพาะ มุมตัวเอง


ปล ถ้าแรงไป ขออภัย และ ส่วนตัวผมไม่เคยสนใจดู pe roe เลยคับ
และ ผมรู้ว่าผมไม่ดูเพราะอะไร (ไม่ได้หมายถึงให้ไม่ดูตามนะคับ แต่หมายถึง
ผมคิดว่าผมรู้จักมันมากพอสมควรแล้ว)

อาจจะแล้วแต่มุมมองครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็มักอยากให้ธุรกิจของเรามีการลงทุนที่ต่ำแต่ผลตอบแทนที่สูง ซึ่งหมายความว่าพอตีเป็นตัวเลข ROE ที่สูงจะสะท้อนว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ดี เพราะลงทุนนิดเดียวแต่ให้ผลตอบแทนสูง ส่วนรายละเอียดเราก็ต้องไปดูว่าทำไมธุรกิจนี้ถึงผลตอบแทนสูง

บางธุรกิจนั้นกู้เงินคนอื่นมาลงทุน ตัวเองทำหน้าที่เป็นคนกลาง ROE จึงสูง พวกนี้ก็เช่นพวกสถาบันการเงิน กลุ่มนี้ก็จะมีจุดอ่อนที่หากไม่สามารถจับคู่ความเสี่ยงของเงินกู้กับเงินที่ไปลงทุนได้ ก็อาจมีปัญหา

บริษัทนายหน้าคนกลาง เช่นนายหน้าขายประกัน นายหน้าขายที่ดิน (อาจจะรวมถึงโบรคเกอร์ด้วย) พวกนี้ถ้าจังหวะดี ROE สูงมาก แต่คู่แข่งสามารถเข้ามาได้ง่าย ทำให้ ROE อาจไม่ค่อยยั่งยืน การขยายธุรกิจอาจทำได้ไม่ง่ายนักเพราะขึ้นกับฝีมือคนสูง

บริษัทกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ ยอดขายเติบโตจากการนำสินค้า"ฝากขาย"มาวางจำหน่าย ไม่ต้องลงทุนกับสต็อคสินค้ามากมาย ทำให้ ROE สูงและขยายสาขาได้เร็ว ข้อที่ต้องระวังก็อาจจะดูกรณีของร้านหนังสือ ว่าเมื่อไหร่ที่ช่องทางจำหน่ายเริ่มหมดความขลัง (คนอ่านหนังสือน้อยลง หรือซื้อหนังสือออนไลน์กันมากขึ้น) อำนาจในการต่อรองเอาสินค้ามาวางจำหน่ายจะลดลงเรื่อยๆ

หากกรองหุ้นด้วย ROE ก็มีหลายเทคนิคที่นิยมใช้กัน เช่นหาบริษัทที่ ROE เติบโตคงที่ย้อนหลังต่อเนื่องหลายๆปี ตรงนี้จะสะท้อนได้ว่าธุรกิจนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงที่ผ่านมา อาจจะสะท้อนได้ว่าเป็นธุรกิจที่ดี

แต่ก็ต้องท่องไว้ในใจว่าอย่าลืมมองปัจจัยเชิงคุณภาพด้วยว่าจริงไหม เช่นธุรกิจสินเชื่อมี ROE เพิ่มสูงขึ้นในช่วงห้าปีหลัง เพราะว่าเป็นช่วงฟื้นตัวจากก่อนหน้านั้นที่ธุรกิจเกือบตายจากวิกฤติทางการเงิน แบบนี้จะเห็นได้ว่าถ้ามีวิกฤติครั้งหน้า ROE ก็อาจลงไปที่เก่า หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มี ROE สูง ถ้าไปมองดีๆอาจเห็นว่าเป็นเพราะกระแสความนิยมซื้อคอนโดทำให้กำไรเพิ่มขึ้น แบบนี้ก็อาจไม่ยั่งยืนเพราะคู่แข่งที่สูสีก็จะเข้ามาแย่งเรื่อยๆ

สรุปในความคิดของผม ROE นั้นเป็นดัชนีสะท้อนว่าธุรกิจนั้นกำลัง "ดี" ในมุมของธุรกิจ แต่ข้อจำกัดคือ
1. มันไม่ได้สะท้อนว่าอนาคต ROE จะเติบโตยั่งยืนหรือไม่ ตรงนี้ต้องหันมามองที่ปัจจัยเชิงคุณภาพและที่มาของ ROE
2. ไม่ได้สะท้อน"ความคุ้มค่า"ของการซื้อขายหุ้น นักลงทุนอาจต้องไปพิจารณาดู P/E, P/B หรือดัชนีอื่นๆประกอบ

ผมคิดว่า ถ้าเป็นเจ้าของ ธุรกิจ ยิ่งต้องเข้าใจ dupont formular มากกว่าคับ

ที่ dr.vim อธิบาย คือ กำลัง เอา dupont formular มาตีความหรือเปล่าคับ

ผมพูดใหม่ ให้เชิงคล้อยตาม จขกท ละกัน

roe ที่สม่ำ เสมอ เป็นตัวสะท้อน dca ที่เข้มแข็ง
เพราะ roe เป็น nearly compound growth rate ของ bv
หลัง adjust payout dividen แล้ว

ดังนั้น ถ้าคณเจอ บ. ที่ มีปัจจัยเชิง คุณภาพ ที่แข็งแกร่ง
และมี roe สม่ำเสมอ ระดับ 15-25% sustain
หมายความว่า คุณสามารถ หา มูลค่า ในอนาคต ของบ. นั้นได้ด้วย
เช่น เนื่องจากหลัง adjust payout dividen คุณ สามารถ
forcast future bv ของ บริษัท ได้ ตามสูตร
fbv = present bv (1+ r)^N
แล้วคุณก็ใส่ assumption pbv ณ full stage ของ scenario
ก็จะได้ future value

นี่ค่ือ ประโยชน์ คร่าวๆ ของการหา มูลค่า ของ บ. ที่มี sustain long term roe



(แต่มันจะมีที่ให้ใช้ได้จริงไหม นั้่นคือ อีกเรื่อง)

พูดอีกมุม นึงคือ roe ที่สูง บางทีมันไร้ค่า เพราะ บ. มัน payout ออกมา เกือบ 100% ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการ ประโยชน์จาก roe ที่สูงคือ ความสามารถ
ในการเป็น cogr ของ bv
ดังนั้น การดู roe ถ้าไม่รู้จักมันดีพอ ผมมองว่า ไม่มีประโยชน์ คับ

ปล เผลอตัว ถ้าแรง ขออภัย

แนะนำกระทู้ ROE & ROA ครับ

Q : ROE และ ROA
A : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=1527

Q : pbv/roeนี่บอกอะไรครับ
A : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45569

หลายๆท่านอย่าคิดมากครับ
ที่บอกว่ากลัวจะพูดแรง
เพราะนี่คือประเด็นของการมีเวบบอร์ด
เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ครับ
ผมว่าการพูดอย่างตรงไปตรงมา ตราบใดที่มีเจตนาที่ดี ผู้รับสารก้ได้รับประโยชน์ครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ไม่มีตัวเลขอะไร เพียวๆ ตัวเดียว ที่ดีพอ ที่จะสะท้อน คุณภาพของบริษัท ทั้งบริษัท
เอา ROE ตัวเดียว เพียวๆ มาประเมินมูลค่าบริษัท ผมมองว่ามันไม่พอครับ
จิ๊กซอว์ชิ้นเดียว ไม่เพียงพอ ที่จะบอก ว่าภาพนี้ สวยหรือไม่สวย

เราจึงต้องใช้ข้อมูล ตัวเลขทางสถิติหลายๆ ภาพ มาประกอบกันครับ

นึกถึงคำพูดจากหนังสือเล่มนึงที่ผมพึ่งอ่านจบ ที่ว่า
"ทางขี้นเขามีหลายทาง แต่สุดท้าย ถ้าคุณไปถึงยอดเขา สุดท้ายเราจะเห็นวิวเดียวกันครับ"

ขับรถ มอง เข็มไม ตลอดเวลา รถคง..

ถ้ารถทั้งคันไม่มี เข็มไม อะไรเลย ก็คงลำบาก

ROEต่ำติดดินเช่นTPCH ROE=0.8,p/e=490
นวคเชียร์และให้ราคาเป้าหมายสูงๆเพราะอะไร
ROEสูงต่อเนื่องเช่นQLT ROE=29.5,p/e=11.6
นวคไม่เคยเชียร์เพราะอะไร

yoko เขียน:ROEต่ำติดดินเช่นTPCH ROE=0.8,p/e=490
นวคเชียร์และให้ราคาเป้าหมายสูงๆเพราะอะไร
ROEสูงต่อเนื่องเช่นQLT ROE=29.5,p/e=11.6
นวคไม่เคยเชียร์เพราะอะไร

R ใน ROE หรือ E ใน P/E มันคือ Net profit ซึ่งตัวเลขที่คุณ yoko ยกมาเป็นตัวเลขในอดีตนะครับ

ในการ Valuation นักลงทุนมักจะมองไปที่กำไรในอนาคตของบริษัทมากกว่ารึเปล่าครับ

ส่วนตัวผมเห็นว่าการลงทุนที่ดี คือการลงทุนที่ดี ไม่ว่านวค.จะเชียร์หรือไม่นะครับ และนวค.เองก็มีแรงจูงใจในการเขียนบทวิเคราะห์ที่ไม่ตรงกับประโยชน์ของนักลงทุนหลายย่อยในหลายๆ ครั้งอย่างที่เราทราบกันอยู่แล้ว แต่ผมว่าตัวอย่างที่คุณ yoko ยกกมาออกจะไม่เหมาะกับประเด็นนี้เท่าไหร่ครับ

ปล. ผมไม่มีส่วนได้เสียกับทั้ง 2 บริษัทนะครับ

ถูกต้องครับ
ผมคิดว่าเด็กเรียนเก่ง ส่วนมากเขาจะเรียนเก่งต่อไป
เด็กเรียนไม่เก่ง ส่วนมากเขาจะเรียนไม่เก่งต่อไป

ต้องดูตัวอื่นประกอบโดยเฉพาะ de ratio แน่นอนตัวมี moat คงยากที roe ต่ำ

yoko เขียน:ถูกต้องครับ
ผมคิดว่าเด็กเรียนเก่ง ส่วนมากเขาจะเรียนเก่งต่อไป
เด็กเรียนไม่เก่ง ส่วนมากเขาจะเรียนไม่เก่งต่อไป

ลูกศิษย์คุณกวี KFC หรือเปล่าครับ 555