Thai VI

การใช้ black out period น่าจะเพิ่ม CG ให้กับตลาดทุนไทยได้อีกทางนะครับ ช่วยกันสนับสนุนนะครับ
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

ก.ล.ต.-ตลท.-สมาคม บจ. จับบริษัททั้ง SET-mai อบรมระวังให้ข้อมูลเข้าข่ายอินไซด์

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และประธานชมรม IR Club เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ก.ย. 2558 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสมาคมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ร่วมจัดสัมมนาให้ความรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร บจ. เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่อาจเข้าข่ายการใช้ข้อมูลภายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (อินไซเดอร์เทรดดิ้ง) ซึ่งมีผู้บริหารและทีมนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ร่วมงานประมาณ 300-400 คน

งานสัมมนาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แนวทางการเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันกำหนดไว้อยู่แล้วได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะระยะที่ผ่านมามีกรณีที่ผู้บริหาร บจ.มีการให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมและเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการ ในช่วงเวลาที่ใกล้จะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส รวมการให้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น

“ช่วงหลังพบว่า บจ.ให้ข้อมูลแตะเรื่องงบการเงินก่อนแจ้งผลประกอบการไตรมาสเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ทางการไม่ค่อยสบายใจ”นายสุรยุทธ กล่าว

การสัมมนา ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินของ BTS ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนว่า ในช่วงใกล้จะประกาศผลประกอบการ ทาง BTS จะใช้ทฤษฎีต่อกระเบื้อง คือการให้ข้อมูลเรื่องการทำธุรกิจต่างๆ ที่ไม่ใช่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงาน เพื่อให้ผู้รับข้อมูลสามารถนำไปใช้ประกอบพิจารณาตัดสินใจ หรือวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการการลงทุนได้

น.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) กล่าวว่า กลุ่มบริษัท INTUCH รวมถึงบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และบริษัท ไทยคม (THCOM) ได้กำหนดนโยบายการให้ข้อมูลภายในกลุ่มว่า ในช่วง 1 เดือนก่อนจะประกาศผลประกอบการประจำแต่ละไตรมาส ทีมผู้บริหารและทีมงานนักลงทุนสัมพันธ์จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ ของบริษัท รวมถึงไม่พบผู้ที่ต้องการเข้ามาขอข้อมูลของบริษัททุกกลุ่ม ทั้งนักลงทุนทุกประเภท นักวิเคราะห์ และผู้ถือหุ้นด้วย

ทั้งนี้ จะมีการประกาศล่วงหน้าก่อน 2 สัปดาห์ว่ากำหนดช่วงระยะเวลา 30 วัน ที่ช่วงเวลางดให้ข้อมูล (Black out Period) ระหว่างวันใดบ้าง เนื่องจากบริษัทต้องการให้ความสำคัญในการให้ข้อมูลที่เท่าเทียมกันในการเปิดเผยข้อมูลกับทุกฝ่าย โดยบริษัทได้กำหนดแนวทางนี้มามากกว่า 3 ปี ซึ่งเป็นแนวทางการให้ข้อมูลรูปแบบสากลที่ใช้ อาทิ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในสหรัฐและสิงคโปร์

“กลุ่มอินทัชกำหนดช่วง Black out Period นานที่สุดตอนนี้ ซึ่งช่วงแรกที่เริ่มทำยอมรับว่าโดนต่อว่าเยอะจากผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลจากบริษัท แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจบริษัท ส่วนอนาคตยังไม่รู้ว่าทางการจะกำหนดออกมาเป็นเกณฑ์เลยหรือไม่” น.ส.ทมยันตี กล่าว

แหล่งข่าวจาก บจ. ในตลาด หลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า ต้องการให้ ก.ล.ต. และ ตลท.กำหนดเกณฑ์ช่วงเวลาในการห้ามให้ข้อมูล ในช่วงใกล้เวลาที่จะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสออกมาให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันมีปัญหาในทางปฏิบัติมาก และถูกตักเตือนการให้ข้อมูลธุรกิจของ บจ.ช่วงเข้าใกล้จะประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส เพราะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างบริษัทขนาดเล็กกับขนาดใหญ่

“หากออกเกณฑ์ Black out Period มาบังคับใช้ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทั้งบริษัทใหญ่และเล็กจะได้ปฏิบัติภายใต้มาตรฐานเกณฑ์เดียวกัน”แหล่งข่าว เปิดเผย
Cr: post today

คิดดี ทำดี
ร่วมสนับสนุนครับ

ผมอยากให้ความเห็นว่า

นโยบายการให้ข้อมูลปัจจุบันในตลาดหุ้นไทย มันมืดมิดสิ้นดี ทำไม ตปท. อนุญาต ให้นำเสนอตัวเลขคาดการณ์หรือ Forecast ได้เป็นทางการเสียด้วย

นลท. รายใหญ่ เอาข้อมูลหลังบ้าน นลท. รายย่อย เอาข้อมูลจากเวป ตลาดหลักทรัพย์ ทุเรศสิ้นดี

กลต. ควรกำหนดบทบาทของผู้ให้ข้อมูลดังนี้

1) IR ของบริษัท เป็นผู้ให้ข้อมูลค่าพยากรณ์ ยอดขาย กำไร และการเติบโต พร้อมแถลงถึงเหตุผลล่วงหน้าทุกไตรมาส ออกข่าวได้เลยและต้องเป็นข่าวจริงเท่านั้น ไม่ต้อง งุบ ๆ งิบ ๆ ทำ
2) เมื่อผลประกอบการณ์ออกแล้ว ก็ต้องแถลงอีกครั้ง พร้อมทั้งเหตุผลประกอบ ซึ่งหากพลาดจากที่แถลงไว้ในข้อ 1 มาก ๆ กลต. ควรจัดให้มีการให้คะแนน ตั้งชื่อว่า Forecast Error Score ถ้าคะแนนในส่วนนี้ห่วยมาก ๆ แสดงว่า ผบห. พร้อมบริษัท มันโคตรห่วย
3) เมื่อมีข่าวสำคัญที่ อาจจะ ส่งผลต่อการดำเนินการ ให้กำหนดเป็น กฏ ว่าต้องแถลง นลท.

หาก บจ ผิด กฏ ที่ว่ามา กำหนดบทลงโทษทางกฏหมาย จากเบาไปหาหนัก

ทั้งรายใหญ่และรายย่อย มีสิทธิ์ เข้าถึงแหล่งข้อมูลพร้อมกัน

สร้าง ธรรมาภิบาล สิครับ ถ้าต้องลงทุน เพื่อทำสิ่งนี้ออกมา ก็ต้องทำ เพื่อความโปร่งใส และยุติธรรม

การให้ข่าวผลประกอบการล่วงหน้าผิดกฎกติกาหรือไม่ครับ
ถ้าบจทำผิดกฎกติกาควรลงโทษ
ถ้าบจไม่ทำผิดกฎกติกาก็ควรเปิดเสรี
ไม่ควรใช้คำทำให้ไม่สบายใจ555

แหม่ พวกเค้าเพิ่งตื่นกันเหรอครับ เห็นปกติตั้งเป้าแต่เพิ่มmkt capให้ตลาด

ปล.จริงๆสิ่งที่พี่nbเสนอคงเหมือนEarning callของตลาดอเมกาที่ผบห.จะมาสรุปผลดำเนินงานรายไตรมาสพร้อมให้guidanceไตรมาสต่อๆไปหรือทั้งปีพร้อมทั้งตอบคำถามจากนวค.ด้วยเลย(แต่ส่วนใหญ่จะถามในเชิงquantitativeมากกว่าqualitative) ซึ่งค่อนข้างfairกับนลท.รายย่อย

เห็นด้วยกับคุณ NB ครับ
ส่วนตัวผมอยากให้เริ่มต้นด้วยการที่
ไม่ว่าใครจะเข้าพบบริษัท ทั้งนักวิเคราะห์ นักลงทุน หรือการเยี่ยมชมกิจการ
บริษัทควรบันทึกวีดีโอแล้วโพสต์ในเว็บไซต์ของบริษัทเอง
ควรบันทึกทั้งหมดไม่ต้องตัดออก เพราะการให้ข้อมูลกลับกลุ่มใดก็ตาม
ควรที่จะเป็นข้อมูลที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้

คุณ NB เสนอความเห็นได้โดนใจจริงๆ ถ้าทำได้คนจำนวนมากจะชื่นชม และรู้สึกว่าเป็นที่พึ่งพาได้
ไม่ใช่มีแต่นโยบายที่ฟังแล้วสวยหรู แต่จับต้องไม่ได้

ปัญหาอยู่ที่พวกหุ้นปั่น​ ไม่ใช่พวกหุ้นพื้นฐาน

ล่าสุดยังมีการเก็งกันว่าหุ้นปั่นบางตัว จะได้เข้าSET50ด้วย
โดยปรับหุ้นพื้นฐานออก​ ถ้าเป็นจริงก็คงตลกมาก
และอย่าไปหวังอะไรเลย กับหน่วยกำกับดูแล
นั่นแปลว่าตลทกับกตล​ มีเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง